... Travel with Lizard ... Explore the world with me * highlight Taiwan!

* * 10 ปีสุดท้ายของคุณจะเป็นแบบไหน [Recommend] * *

สวัสดีค่ะ 

หากใครได้ติดตาม facebook ของจขบ.คงจำกันได้ว่าเมื่ออาทิตย์ที่ผ่านมาจขบ.ได้มีโอกาสไปร่วมกิจกรรมของกลุ่ม "Cancer Frineds New Life Association" ซึ่งเป็นองค์กรการกุศลที่ช่วยเหลือผู้ป่วยโรคมะเร็ง
กลุ่ม Cancer Friends นี้ให้การช่วยเหลือผู้ป่วยโรคมะเร็ง ทำหน้าที่เป็น "เพื่อน" (สมกับชื่อขององค์กร)ดูแลและให้กำลังใจในการต่อสู้กับโรคร้ายนี้ 
จุดเริ่มต้นของ Cancer Friends มาจากความรักของเพื่อนที่มีต่อเพื่อนค่ะ
หลายปีมาแล้วมีเพื่อนรักกันมากกลุ่มหนึ่ง สมาชิก 3 คนในกลุ่มเกิดเป็นมะเร็งขึ้นมา เพื่อนๆในกลุ่มก็เลยผลัดกันมาให้การดูแล เป็นกำลังใจให้
การดูแลนี้ก็มีตั้งแต่การดูแลจัดการบ้าน ธุระปะปังกระจุกกระจิกที่อาจจะไม่สะดวกสำหรับผู่ป่วยที่จะไปทำเอง รวมไปถึงการทำอาหาร 
#ผู้ป่วยมะเร็งจะต้องทานอาหารที่ปลอดสารและมีประโยชน์ ปรุงใหม่ๆ 
กลุ่มเพื่อนกลุ่มนี้ก็เลยหอบเอาเตาแก๊สปิ๊กนิคไปทำอาหารให้ถึงบ้านกันเลยทีเดียว
เวลาผ่านไปอาการของผู้ป่วยทั้ง 3 ดีขึ้นๆ แถมกำลังใจก็ดีขึ้นมาก
จากกลุ่มเพื่อนเล็กๆที่ดูแลกันเอง เลยขยายเป็นกลุ่มใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ 
โดยมีอาสาสมัครเข้ามาให้การช่วยเหลือ จนปัจจุบันเติบโตกลายเป็นองค์กรการกุศลที่ดูแลผู่ป่วยโรคมะเร็งและโรคร้ายแรงอื่นๆกว่า 100 คน

กว่า 70% ของสมาชิกกลุ่ม Cancer Friends New Life เป็นผู่ป่วยโรคมะเร็งหรือโรคร้ายแรงเรื้อรังอื่นๆ

2 สามี-ภรรยาผู่ก่อตั้งกลุ่ม Cancer Friends :) หน้าตาแกยิ้มแย้มแบบนี้เสมอ
จขบ.เองได้มีโอกาสเข้าไปร่วมกิจกรรมขององค์กรการกุศลที่ให้ความช่วยเหลือผู้ป่วยโรคมะเร็งหรือโรคร้ายแรงอื่นๆอยู่บ่อยๆ แต่ยังไม่เคยเจอองค์กรไหนที่มีสปิริตในลักษณะเดียวกับกลุ่ม Cancer Friends นี้
ครั้งแรกที่เข้าไปเยี่ยมองค์กร สารภาพค่ะว่ารู้สึกแปลกมากๆ --
เดินไปทางไหนก็มีแต่คนยิ้มให้ สวัสดีทักทายกันไปตลอดทาง #อารมณ์เหมือนเดินเข้าห้างญี่ปุ่นตอนเปิดใหม่ๆ  แถมยังเห็นคนกอดกันตลอดเวลา
ก่อนที่จะไปร่วมกิจกรรม 2 วันเต็ม -- แอบกังวลเล็กๆว่าบรรยากาศจะดูหดหู่ไหมหนอ เนื่องจากรอบตัวจะมีแต่คนป่วยอยู่เต็มไปหมด 
กิจกรรม 2 วันนี้เป็นกิจกรรมต้อนรับสมาชิกใหม่ประมาณ 60 คน โดยมีอาสาสมัครเข้าร่วมกิจกรรมกว่าอีก 200 คน

สถานที่ -- เป็นห้องโล่งๆ เรียบๆ แนวเซนมาก #จขบ.ไปถึงแต่เช้า คนยังไม่เยอะมาก
บรรยากาศไม่ได้เป็นไปอย่างที่คิดไว้เลย รอบตัวมีแต่คนยิ้มแย้ม กำลังใจแต่ละคนดีมากๆ แถมในระหว่างกิจกรรมก็มีการช่วยเหลือกันอย่างดีตลอด 
ทุกคนเต็มอกเต็มใจ สนุกกับกิจกรรมที่อยู่ตรงหน้าอย่างเต็มที่ จนจขบ.เองแอบแปลกใจไม่ได้ว่านี่ตัวเองกำลังอยู่ในงานรับน้องมหาลัยไหนอยู่รึเปล่า

เริ่มต้นด้วยการเต้นรำประกอบเพลงให้กำลังใจของกลุ่ม
#เพลงเพราะมากๆ เวอร์ชั่นเต็มตามไปดูได้ที่ลิงค์ข้างล่างเลยค่ะ 

ตามมาด้วยการพูดคุย แลกเปลี่ยนประสบการณ์ของสมาชิกและกิจกรรมสลับกัน
ส่วนตัวแล้ว จขบ.ไม่ได้รู้สึกว่าตัวเองเป็นคนขี้อายหรือปิดต่อสังคมภายนอก 
เวลามีกิจกรรมอะไร ตัวเองก็ให้ความร่วมมือ เล่นด้วยทุกครั้ง 
แต่การเข้าร่วมกิจกรรมกับกลุ่ม Cancer Friends นี้ทำให้เห็นความแตกต่างในด้านทรรศนิสัยของตัวเองกับคนรอบตัวอย่างมาก
กิจกรรมหลายอย่างของที่นี่มีการสัมผัส พูดคุยเรื่องความรู้สึก แลกเปลี่ยนประสบการณ์ส่วนตัวมากกว่าที่อื่น
จขบ.รู้สึกได้เลยว่าตัวเอง "กั๊ก" ความรู้สึกหรืออารมณ์เอาไว้ไม่ได้แสดงออกเต็มที่ หรือแม้แต่การทำกิจกรรมต่างๆก็เหมือนกัน จะมีอาการ "เกร็ง" กังวลว่าคนอื่นจะมองเราอย่างไร จะดูไม่ดีหรือเปล่า
แต่คนส่วนใหญ่ที่นี่ไม่ใช่ค่ะ ทุกคนเปิดเผย "เต็มที่" กับสิ่งที่เกิดขึ้นตรงหน้า
มีกิจกรรมหนึ่งที่เขาให้คนทั้งห้อง (กว่า 250 คนได้) จับมือต่อๆกัน โดยจากวงเล็กมาต่อกันเป็นวงใหญ่ ห้ามขาดตอน
จขบ.แอบยืนดูแบบห่างๆ เกร็งๆ เพราะรอบตัวมีแต่คนแปลกหน้า (ตอนนั้นเพิ่งเริ่มกิจกรรมได้ไม่นาน) กลุ่มคุณลุงคุณป้าเหลือบมาเห็นก็มากวักไม้กวักมือ ส่งเสียงเชียร์ให้รีบไปจับมือ เข้ากลุ่มโดยไว หนึ่งในคุณป้าที่ส่งเสียงดังเชียร์ พร้อมรอยยิ้มกว้างคือคุณป้าที่ขาเดินได้ไม่ปกติแล้ว เวลาแกขยับ แกต้องใช้ความพยายามอย่างมากในการทรงตัว
จขบ.ไม่รอช้าเลยค่ะ รีบก้าวเข้าวงไปจับมือ...

ภาพกิจกรรมจับมือ -- ส่งผ่านพลังใจ

เริ่มจากวงเล็กๆก่อน .. แล้วค่อยๆขยายเป็นวงใหญ่
หนึ่งในเรื่องที่เอามาแชร์กันของสมาชิกเป็นเรื่องของ "เหม่ยจิ้ง"
เธอป่วยเป็นมะเร็งลำไส้และผ่านการผ่าตัดมาแล้วนับครั้งไม่ถ้วน 
คนเรามีลำไส้ยาวประมาณ 6 เมตร เหม่ยจิ้งมีแค่เมตรนิดๆ พูดง่ายๆก็คือถ้ามีอะไรผิดปกติอีก เหม่ยจิ้งแทบจะไม่มีโอกาศรอดชีวิต
การใช้ชีวิตประจำวันของเหม่ยจิ้งก็ไม่สามารถเป็นปกติได้ ยิ่งเรื่องการกิน แม้แต่น้ำ เธอยังไม่สามารถดื่มทีละเยอะๆได้ เมื่อทานอาหาร-ดื่มน้ำไม่ได้ตามปกติ ร่างกายก็ซูบผอมไม่มีเรี่ยวแรงเท่าที่ควร ภูมิต้านทานก็ต่ำตาม
ตลอดเวลาที่เหม่ยจิ้งเล่าเรื่องของเธอ เสียงจะแหบหายจนต้องตะแคงหูฟังเป็นระยะๆ 
แต่ที่จขบ.ประทับใจก็คือเหม่ยจิ้งเล่าเรื่องของเธอด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม
เธอไม่ได้ปฏิเสธว่าสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นโชคชะตาที่โหดร้าย แต่เธอขอให้ผู้ฟังเผชิญหน้ากับภาวะที่กำลังเกิดขึ้นด้วยใจที่กล้าหาญ ที่สำคัญคือกำลังใจที่ดี
สิ่งหนึ่งที่เหม่ยจิ้งเน้นย้ำคือ "ร่างกายป่วย แต่ใจอย่าป่วยตาม"
เมื่อใจไม่ป่วยแล้ว เราก็ยังสามารถแบ่งใจดีๆของเราส่งต่อไปให้ผู้คนรอบตัวได้อีก
ถึงแม้ว่าเหม่ยจิ้งจะป่วยและร่างกายซูบผอม แต่เธอก็ยังคงใช้ชีวิตอย่างมีคุณค่า เธอเป็นอาสาสมัครคอยช่วยเหลืองานของสมาคมเสมอๆ

"เหม่ยจิ้ง" -- inspiration ของหลายๆคน

เวลาอยู่ใกล้ "เหม่ยจิ้ง" รู้สึกได้ถึงพลังบวกจริงๆ #เวลากอด จขบ.ต้องออมแรงครึ่งนึง เธอตัวบาง/เล็กนิดเดียว >.<

ทุกมื้อก่อนทานอาหาร จะมีการระลึกขอบคุณผู้ที่ปรุงอาหารให้เราทาน (อ้อ! ที่นี่เขาไม่เน้นศาสนานะคะ ไม่มีศาสนาใดศาสนาหนึ่งเป็นหลัก)ระลึกถึงความโชคดี ที่เราสามารถรับประทานอาหารได้ มีอาหารทาน 
#เรื่องเล็กๆน้อยๆที่ส่วนใหญ่เราละเลย ไม่ได้คิด

คู่สามีภรรยาที่นั่งอยู่ข้างๆกันวันที่ 2 -- เขามีลูกชายเล็กๆด้วยหนึ่งคน 
พ่อต้องดูแลทั้งภรรยาทั้งลูกชาย มือนึงต้องคอยลูบหลังคลายอาการปวดให้ภรรยาเกือบตลอดเวลา อีกมือก็ต้องคอยเล่นกับลูก 
ระหว่างหลับตา ระลึกถึงความโชคดี/ขอบคุณก่อนมื้ออาหาร แกปล่อยโฮจนจขบ.ตกใจ แกบอกว่าแกระลึกถึงความโชคดี ณ วันนี้ ที่ได้อยู่พร้อมหน้าพร้อมตาพ่อ-แม่-ลูก #ฟังแล้วจขบ.พูดไม่ออกเลย 
หลังระลึกถึงความโชคดีเสร็จ ถึงเวลาลุยทานอาหาร เขา "ไม่"ให้เข้าคิวค่ะ!
เขาเปรียบว่าการทานอาหารเหมือนการต่อสู้กับโรคร้าย อยากหาย ต้องลงมือเอง -- อาหารมีคนช่วยเตรียม แต่อยากให้ร่างกายแข็งแรงต้องหาใส่ปากใส่ท้องด้วยตัวเอง ใครก็ช่วยไม่ได้
อยากให้มาเห็นภาพด้วยกันจริงๆ บรรยากาศมันมาก! ทุกคนเฮเข้าไปที่อาหารพร้อมๆกัน แต่ไม่ได้ไปแบบหน้ามืด ขับเคี่ยวกันแบบ mid-night sale นะคะ แต่เขาไปกันแบบให้กำลังใจกันและกัน
"เธอไปอันนั้นสิ"  "ช่องนี้ยังว่างอยู่นะ"  ... "อ้าว ยืนอยู่นอกวงทำไม เข้ามาเร้ววว" #อันหลังนี่จขบ.โดนมาเอง 
เหตุการณ์ที่เกิด/ประสบการณ์ที่ประสบระหว่าง 2 วันนี้ จริงๆอยากเอามาเล่าให้ฟังอีกมาก แต่กลัวจะยาวเกินไปซะก่อน #แต่นี่ก็ยาวอยู่นะ
สิ่งที่ได้ติดตัว(ติดใจ)กลับมา  -- ก่อนไปรู้สึกว่าตัวเองกำลังจะไปทำประโยชน์ให้ผู้อื่น แต่เมื่อหมดวันกลับรู้สึกว่าเป็นผู้รับประโยชน์มากกว่านัก
ประสบการณ์ 2 วันนี้ทำให้คิดอะไรได้ใหม่ๆ รู้สึกขอบคุณในเรื่องธรรมดาๆของชีวิตทุกๆวัน รู้สึกว่าปัญหาที่เราบ่น ที่เราเจอ จริงๆแล้วมันก็ไม่ใช่เรื่องอะไรที่ควรเก็บเอามารกใจให้นาน
ถ้าพวกเขาเหล่านั้นยังยิ้ม ยังหัวเราะ ยังส่งความสุขให้กับคนรอบตัวได้ -- ทำไมเราจะทำไม่ได้
ที่สำคัญ ถึงแม้ว่าร่างการของหลายๆคนจะไม่เต็มร้อย แต่เขายังทำประโยชน์ให้กับสังคม ให้โลกใบนี้ได้ 
ท้ายสุดแล้ว ก่อนที่เราจะหลับตาตลอดกาล สิ่งที่จะนึกถึงคงไม่ใช่เรา "ได้" อะไรบ้าง แต่เป็นเรา "ให้" หรือเรา "เหลือ" สิ่งดีๆ/ความทรงจำดีๆไว้กับใครบ้างมากกว่า

รอยยิ้มที่เห็นเกือบตลอดวัน

"กอด" -- ให้กำลังใจ วิธีส่งผ่านความรู้สึกดีๆที่เรียบง่ายแต่ได้ผลดี :)

เสียงหัวเราะและจิตใจที่เปิดกว้างเป็นสิ่งสำคัญ  
#คนที่เล่นดนตรีนี้เคยเป็นนักดนตรีมือหนึ่งระดับชาติ เธออายุ 40 กว่าแล้ว วันนึงโดนเชื้อไวรัสเข้าสู่สมอง ปัจจุบันเธอมีวุฒิภาวะราวๆอายุ 20 ปี เธอมาเล่นดนตรีให้กำลังใจผู่ป่วยคนอื่นๆ คนด้ายซ้ายคือคุณพ่อของเธอ
ก่อนจากกันมีคลิปดีๆที่ได้มาจากการเข้าร่วมกิจกรรมมาฝาก
อยากให้ดูกัน -- Title ว่า "What will your last 10 years look like?" (10ปีสุดท้ายของคุณจะเป็นแบบไหน)
#ใครที่ตามหน้า Facebook ของจขบ.อยู่อาจจะเคยเห็นแล้ว
ดูแลสุขภาพกันด้วยค่ะ ... เจอกันเอนทรี่หน้า 



Create Date : 21 พฤศจิกายน 2556
Last Update : 21 พฤศจิกายน 2556 7:36:59 น. 0 comments
Counter : 691 Pageviews.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิกช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Travel with Lizard
Location :
Taipei Taiwan

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 6 คน [?]




[Add Travel with Lizard's blog to your web]