เมือง Sibenik เป็นทางผ่านเพื่อที่จะมาเมือง Trogir (โทรเกียร์) ซึ่งเป็นพระเอกของวัน เมืองนี้ได้ขึ้นทะเบียนเป็นมรดกของโลกจาก UNESCO เพราะได้รักษาศิลปะกรีกโบราณตั้งแต่ 380 ปีก่อนคริสตกาลเอาไว้อย่างดี
ป้อมปราการและจตุรัสภายในเมืองยังถือว่าสมบูรณ์มากๆ ขนาดจขบ.ไม่ได้เป็นคนคลั่งไคล้ในประวัติศาสตร์ยังรู้สึกเพลิดเพลินกับการเดินชมเมืองเก่าแห่งนี้
จิ๊กโก๋ประจำซอย... ไม่หลบทางใครทั้งสิ้น!
เพิ่งสังเกตว่าที่เมืองนี้ตัวเองตั้งกล้องเป็นภาพขาว-ดำเกือบหมด.. เดาว่าอารมณ์พาไป #เมืองเขาดูคลาสสิคมาก
ให้ทายว่าช่องที่เห็นตรงกำแพงคืออะไร ??? #ใบ้ให้ว่าที่มาน่ารักมาาาาก >.<
AMOR D' CANI = Love of Dog.. เป็นช่องที่เจ้าของบ้านเขาสร้างไว้เพื่อให้สุนัขจรจัดสามารถผ่านมาทานน้ำได้ค่ะ #ใจดีจริง
ถัดมาเป็นเมือง Split (สปลิต) ซึ่งเป็นเมืองชายฝั่งเมดิเตอร์เรเนี่ยนที่ใหญ่และเก่าแก่ที่สุดในโครเอเชีย (อายุกว่า 1700 ปี) เมืองนี้ก็ได้รับรางวัลจาก UNESCO เช่นกัน เพราะมี Diocletian Palace (พระราชวังดิโอคลิเธี่ยน)ซึ่งเป็นโบราณสถานตั้งอยู่
#ประเทศ Croatia ได้รับรางวัล UNESCO ทั้งหมด 7 รางวัล (6 จากสถานที่ประวัติศาสตร์ อีก 1 จากสาขาธรรมชาติ) #สงสัยเลยไปค้นมา
รูปปั้นศักดิ์สิทธิ์.. เชื่อว่าถ้าได้สัมผัสที่เท้าแล้วจะโชคดี #ไซส์ยักษ์มากลองเทียบกับคนในภาพดู
ผลของความเชื่อ.. เท้าท่านเงาเป็นมันเลย #เล็บนิ้วโป้งจะหายอยู่แล้ว 55
วันถัดมาเดินทางไปยังเกาะ Korcula (คอร์ชูล่า) ซึ่งเป็นบ้านเกิดของมาร์โคโปโลนักเดินเรือผู้ยิ่งใหญ่
ระหว่างทางไปเกาะ ต้องนั่งรถผ่านเขตประเทศบอสเนียและเฮอร์เซโกวีน่า ดังนั้นเท่ากับว่าเราออกจากประเทศ Croatia ไปแล้วกลับเข้ามาใหม่อีกครั้งนั่นเอง #ถ้าเรียกบ้านๆก็ "ข้ามชายแดน" หุหุ
ข้ามชายแดนมาก็จะเจอกับทะเลสาบ Baćinska
เรือข้ามเกาะ --> ไปบ้านลุงมาร์โคฯ
ถึงบ้านลุงแล้วทักทายกันหน่อย.. ลุงท่าทางขี้เล่น XP
ถัดมาเป็นเมืองนางเอกที่มีความสำคัญไม่แพ้เมืองหลวงอย่าง Zagreb เมืองนี้คือเมืองDubrovnik (ดูบรอฟนิค) ค่ะ #ได้ขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกจาก UNESCO เช่นกัน
ถ้าไม่นับอุทยานแห่งชาติ Plitvice ที่เขียนถึงเมื่อเอนทรี่ที่แล้ว เมืองนี้นับเป็นเมืองอันดับ 1 ในใจของจขบ.เลยค่ะ เมืองนี้เป็นเมืองที่ตั้งอยู่ติดชายฝั่งทะเลอาเดรียติค มีป้อมปราการและกำแพงเมืองโบราณล้อมรอบ สวยมาาาาาก
ถึงแม้ว่าทริปนี้จะเป็นทริปติดสอยห้อยตามเขามาอย่างที่ได้เล่าให้ฟังเอาไว้เมื่ออาทิตย์ก่อน แต่ก่อนมาก็อดไม่ได้ที่จะหาข้อมูลด้วยตัวเองเล็กน้อย #ตามประสาผู้หญิงอยากรู้ 555
ระหว่างหาข้อมูลก็ได้ไปเจอคำแนะนำจากคนพื้นเมืองของ Dubrovnik บอกว่าถ้ามามี่นี่ต้องแวะไปที่ Cafe Buza #ซึ่งแปลว่าร้านกาแฟ "รู"
พิกัดของร้านนี้หายากมาก เพราะทางเข้าซ่อนตัวอยู่ในรูของกำแพงเมือง!
แต่อย่างที่บอก จขบ.เป็นคนอยากรู้อยากเห็นค่ะ.. อะไรที่ว่าแอบๆอยู่เนี่ย ต้องขอดูซะหน่อย #ฟังดูจิตเนอะ ยิ่งได้รู้ว่าร้านนี้เป็นร้านเดียวที่ตั้งอยู่ตรงหินผาที่ยื่นออกไปสู่ทะเลด้านนอกกำแพงเเมือง ยิ่งฟังแล้วยิ่งอยากไป!
มุมสูงของ Dubrovnik ถ่ายจากบนกำแพงเมือง กว่าจะเดินได้ครบรอบเล่นเอาหอบเหมือนกันค่ะ
หน้าตาตัวเมืองด้านใน มีร้านรวงดีๆน่ารักๆเพียบ
ทางเดินเรียบกำแพงเมือง เป็นตรอกคดไปคดมา รูตามกำแพงเพียบ.. แล้วจะรู้ไหมว่าร้านอยู่ไหน? #ถามคนแถวนั้นเขาก็ไม่รู้ #ไกด์ที่ไปด้วยก็ยังไม่รู้เลย -* -
เดินหาจนขาลาก.. ว่าจะถอดใจ แต่ได้มาเจอโบสถ์นี้โดยยบังเอิญ
โบสถ์นี้เงียบมาก.. ไม่มีนักท่องเที่ยวสักคน #เอ่อ.. ลืมนับตัวเองรึเปล่า
รู้สึกขอบคุณในการหลงทาง.. ได้มาเจอโบสถ์สวยๆแบบนี้
ออกมาจากโบสถ์ ไปถามเด็กๆที่เตะบอลอยู่หน้าโบสถ์ เลยได้คำแนำนำไปร้านกาแฟ #ห่างจากโบสถ์ไปไม่ไกล
ทางเข้าอยู่ใน "รู" กำแพงจริงๆด้วย !
เข้ามาแล้ววิวนี้อยู่ด้านหน้า.. อยากจะกรี๊ดสัก 3 ตลบ ดีใจที่ตัดสินใจมา!
เห็นกำแพงเมืองอยู่ด้านหลัง ที่นั่งของร้านเป็นชั้นๆตามลักษณะของผา
มีคนปีนลงไปเล่นน้ำด้วย.. แต่ส่วนใหญ่อาบแดดกันซะมากกว่า
เห็นแล้วอดไม่ไหว.. ขอไต่หินลงไปสัมผัสน้ำทะเลอาเดรียติคหน่อย
เนื่องจากไปคนเดียว #ไม่มีใครบ้าจี้มาด้วย >.< เลยขอให้คู่รักที่อาบแดดแถวนั้นอยู่ถ่ายให้ #ไปเป็นกขค.เขาเฉยเลย #พับขากางเกงลงน้ำไปหน่อยตามคำชวน น้ำเย็นมาาาก
ใช้พลังไปเยอะ ขอเติมของว่างก่อนมื้อเย็น #พิซซ่าที่โครเอเชียถูกและอร่อย #ใหญ่กว่าหน้า ทานคนเดียว ://
วันสุดท้ายก่อนกลับเมืองไทย ตื่นมาดูพระอาทิตย์ขึ้นจากทะเลอาเดรียติค
ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมโครเอเชียถึงได้เป็นที่นิยมมากขึ้นเรื่อยๆแทนเวนิส
โรงแรม Radison Blu ที่ Dubrovnik #สวยจริง
วิวจากล้อบบี้ของโรงแรม
ไปขึ้นกระเช้าชมเมืองจากที่สูงก่อนกลับ
จากกระเช้า-- ไม่มีตึกสูงเลยเนอะ
ถึงบนยอดเขาแล้ว มองลงไปรู้สึกว่าตัว "เรา" เล็กนิดเดียว
มาแวะที่เมือง Cavtat (คาฟถัต) เป็นเมืองสุดท้าย
ถึงแม้จะเป็นประเทศที่ไม่ได้หวือหวาโด่งดังมากนักหากเทียบกับประเทศในยุโรปอื่นๆ แต่จขบ.ว่านี่เป็นสเน่ห์ของโครเอเชีย บ้านเมืองและคนของเขายังดูใสๆ ไม่ได้เป็นเมืองท่องเที่ยวจ๋าแบบหลายๆที่
ถ้าเทียบกันแล้วราคาค่าครองชีพ ที่พักในการเดินทาง โครเอเชียยังถือว่าต่ำกว่าประเทศฮ็อตฮิตอื่นๆในระแวกเดียวกันมาก ทัศนียภาพและสถาปัตยกรรมโบราณของเขาค่อนข้างสมบูรณ์ แต่ถ้าใครชอบแนวชิลๆ หรือไม่ค่อยอินกับการช้อปปิ้งแบรนด์เนมแล้วล่ะก็ น่าจะถูกใจ "โครเอเชีย"
เจอกันใหม่เอนทรี่หน้าค่ะ