ทอง..ทอง..ทอง !!! >.< (ตอน 1)
สวัสดีวันหยุดสุดสัปดาห์ค่ะ
ฮ้าาา...วันหยุดสักที อาทิตย์นี้เป็นอีกหนึ่งอาทิตย์ที่วุ่นๆตัวเป็นเกลียวหัวเป็นน็อต การได้ตื่นมาในเช้าวันเสาร์ชนิดตารางว่างๆ ช่างเป็นความรู้สึกที่ดีซะนี่กระไร ไม่ต้องรียกระหืดกระหอบกินข้าวเช้า -> พาหมาไปเดิน (ไปอึ) -> รีบกลับมาอาบน้ำแต่งตัว แล้วกระหืดกระหอบออกจากบ้าน
เสาร์-อาทิตย์นี้จะขอตีพุงดูซีรี่ชิลๆ เก็บตัวไม่ออกไปไหนหนึ่งอาทิตย์ 555 อ่ะ--เข้าเรื่องกันดีกว่า วันนี้จะพาไปที่เที่ยวที่เกี่ยวกับเรื่อง ทอง-ทอง-ทองและทอง กันค่ะ
#จริงๆจขบ.แวะไปตั้งแต่เมื่อ 2 เดือนก่อนแล้ว แต่ยังไม่ได้รวบรวมรูปกับรายละเอียดมาลง มัวแต่เขียนเรื่องโน้นเรื่องนี้ จนเกือบจะลืมไปซะแล้ว -*- ที่ๆเราจะไปคือ Gold Museum ที่ตั้งอยู่ในเขต Jinguashi พิพิธภัณฑ์ทองแห่งนี้สร้างขึ้นในปี 2002 แต่มาเปิดอย่างเป็นทางการเมื่อปี 2004 เดิมทีพื้นที่เขตนี้เป็นเหมืองทองที่ญี่ปุ่นเข้ามายึดครองตั้งแต่ปีค.ศ. 1890 สมัยก่อนเขาใช้เชลยข้าศึกเป็นคนขุดเหมือง ถัดมาในปี 1987 หลังจากที่ไต้หวันได้สัมปทานคืนมาแล้ว ได้มีการโอนต่อให้บริษัทเอกชนเป็นคนขุดพัฒนาเหมืองต่อ แต่ประสบกับปัญหาขาดทุนอย่างมาก สุดท้ายจึงทำการปิดตัวไป ทางการต้องการอนุรักษ์พื้นที่ประวัติศาสตร์แห่งนี้เอาไว้ จึงได้เก็บรักษาอาคาร ตัวเหมืองและได้ซ่อมแซม ปรับปรุงพื้นที่เดิม บวกกับสร้างอาคารใหม่ให้เป็นพิพิธภัณฑ์ทองอย่างที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน ตัวพิพิธภัณฑ์ตั้งอยู่ในพื้นที่เขา บรรยากาศสงบ อากาศดี วิวสวย :) โลโก้ของพิพิธภัณฑ์เป็นรูปตัว "G" แต่เขียนโดยพู่กัน - มองเผินๆเหมือนภาพเขียนในสไตล์เซน แต่จริงๆแล้วเขาต้องการสื่อความหมายด้วยกัน 2 อย่างคือ G = Gold (ทอง) และ G = Green (สีเขียว) จุดประสงค์ก็เพื่อรักษาประวัติศาสตร์เกี่ยวเนื่องกับการทำเหมืองทองในเขตนี้ แต่ขณะเดียวกัยก็รักษาพื้นที่สีเขียวและความกลมกลืนกับธรรมชาติเอาไว้ด้วย เป็นการส่งเสริมการท่องเที่ยวแบบ eco-tourism ไปในตัว #คอนเซ็ปต์ดีจริงๆ จากทางเข้าเดินมานิดนึงก็จะเจอกับศูนย์บริการนักท่องเที่ยว แวะไปขอแผนที่ได้ ที่นี่ไม่เก็บค่าเข้าชม ยกเว้นแต่จะไปร่วมกิจกรรมร่อนทองหรือเดินลอดอุโมงเหมืองเก่า ซึ่งจะเสียค่าบริการ 100และ50 NT$ (ตามลำดับ) #แนะนำให้ลองไปเดินลอดอุโมงเหมืองดูค่ะ เขาทำดีมากๆ บรรยากาศแบบบ้านโบราณ สถาปัตยกรรมแบบญี่ปุ่น เพราะสมัยก่อนญี่ปุ่นยึดครอง บ้านที่เห็นเป็นบ้านพักคนงานเหมือง ถ้าใครขยันเดินหน่อย มีทางให้ไปชมวิวจุดที่เคยถ่ายหนังเรื่อง A City of Sadness (ได้ยินว่าเป็นหนังดังคลาสสิค แต่จขบ.ไม่รู้จัก -_-") เข้าไปดูภายในตัวบ้านพักสมัยก่อนกัน เขาเปิดให้เข้าชมเป็นรอบๆ จำกัดจำนวนผู้เข้าชมต่อรอบเพราะตัวบ้านเป็นไม้ หลังไม่ใหญ่ เข้าไปทีละเยอะๆเดี๋ยวโครงสร้างรับไม่ไหว + เดินเบียดกันเกินดูได้ไม่เต็มที่ เข้าไปนั่งดูวีดีโอบรรยายประวัติความเป็นมาก่อน #วันที่ไปอากาศไม่ร้อน ไม่เย็น แต่พอเข้าไปด้านในบ้าน รู้สึกได้ถึงความเย็นสบาย บ้านไม้แบบโบราณมีเสน่ห์จริงๆ หน้าตาบ้านสมัยก่อน -- เขาเก็บเครื่องมือ เครื่องใช้เอาไว้ค่อนข้่างสมบูรณ์ แม้แต่โครงสร้างของบ้านก็ใช้วิธีเดิม + ไม้เดิมเอามาสร้างใหม่ มีเพิ่มเติมของใหม่เข้าไปบ้าง ในกรณีที่ไม้เดิมผุมากเกินเยียวยาแล้ว ทานชาที เรื่องเยอะกว่าสมัยนี้มาก -- แต่ดูดีเนอะ
เก้าอี้สวย ดูไฮโซ -- เดาว่าบ้านนี้คงเป็นระดับผู้คุมเหมือง คนงานขุดเหมืองคงไม่ได้อยู่ดีขนาดนี้ หน้าตาไม่ต่างจากสมัยนี้เท่าไร สังเกตเห็นช่องใต้รูปเขียนไหม .. ทายสิช่องอะไรเอ่ย ??? เฉลย -- มันคือหลุมหลบระเบิดค่ะ โอ้
มาดูห้องครัวกันบ้าง เรียบๆไม่มีอะไรแฟนซี ห้องน้ำ -- ดูด้านขวาดีๆ ตอนแรกจขบ.นึกว่าเป็นโถส้วม แอบชมว่าทำไมทำไฮโซจัง มีลวดลายซะด้วย ปรากฎว่ามันคืออ่างอาบน้ำค่ะ #เล็กมาาาาก #สงสัยว่าเขาขดตัวลงไปได้ยังไง #แอบเห็นก๊อกน้ำดูสมัยใหม่ไปเนอะ 555
Create Date : 21 พฤศจิกายน 2556 |
Last Update : 21 พฤศจิกายน 2556 8:03:34 น. |
|
0 comments
|
Counter : 429 Pageviews. |
|
|
|