ต้ น ตํ า รั บ ต้ อ ง ร้ า น นี้ : ) -- ตอน 1
หลังจากพาไปเที่ยวเอาใจสมองกันติดๆกัน 2 ตอน วันนี้ถึงตาไปสปอยท้องกันบ้าง *เพื่ออรรถรถที่ดีของการ'จิ้นว่าหน้าตาสถานที่เป็นอย่างไร แวะไปดู [ตอน1] และ [ตอน2] ได้ก่อนค่ะ นอกจากตัวตึกและกิจกรรมดีๆที่มีให้ดู ให้ทำที่ Huashan1914 Creative Park แล้ว ที่นี่ยังมีร้านเด็ดซ่อนอยู่ ร้านนี้ชื่อว่า "Chingye-Shinleyuan" ค่ะ ถึงแม้จะเปิดมาได้ไม่นาน แต่จริงๆแล้วร้านนี้อยู่ในเครือของบริษัท AoBa ซึ่งเป็นธุรกิจร้านอาหารที่เก่าแก่แห่งหนึ่งของไต้หวันทีเดียว เจ้าของร้านเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านอาหารสูตรไต้หวันแท้ๆมายาวนานกว่า 45 ปี นอกจากการันตีเรื่องความเป็นต้นตำรับแล้ว อีกเรื่องที่ร้าน Chingye-Shinleyuan นี้มีความโดดเด่นก็คือการเลือกสรรคุณภาพของเครื่องปรุงที่ใช้ในการประกอบอาหาร ร้านนี้เขาเลือกใช้วัตถุดิบท้องถิ่นเพื่อความสดใหม่ ผักที่ใช้ก็เป็นผักออร์แกนนิค ปลอดสาร เนื้อหมูที่นำมาปรุงก็เป็นหมูที่เลี้ยงตามแบบธรรมชาติ ไม่ใช่หมูฟาร์มแบบทั่วๆไป ก่อนที่จะไปเจาะกันถึงเรื่องอาหาร มาดูหน้าตาของร้านกันดีกว่า ด้านหน้าของร้าน ดูขลังดีไหม นั่งรอร้านเปิด -- ตึกนี้เคยเป็นโรงงานบ่มไวน์มาก่อน กำแพงที่เห็นด้านหลังเป็นกำแพงออริจินอล ตั้งแต่สร้างโรงงานในปีค.ศ.1914 ประตูทางเข้าเก่า รากไม้กับตึกกลายเป็นหนึ่งเดียวกันไปแล้ว ร้านนี้เปิดทำการ 2 ช่วงเวลาในวันธรรมดาคือ 12:00-14:30, 17:30-21:30 ส่วนวันเสาร์-อาทิตย์เพิ่มรอบน้ำชา 15:00-17:00 ขึ้นมาอีกหนึ่ง ร้านนี้เป็นสไตล์บุฟเฟ่ (ตามแบบฉบับไต้หวัน) ถ้ามากลางวันวันธรรมดา NT/คน รอบที่เหลือราคา NT รอบน้ำชาราคา NT แต่อาหารจะไม่ครบสูตรค่ะ มองจากมุมสูง ไม่น่าเชื่อว่านี่คือร้านอาหาร เดินเข้ามาปุ๊บ เห็นซุ้มอาหารก่อนเลย -- เขาพยายามทำให้เป็นบรรยากาศแบบสมัยก่อน หลายๆเมนูของที่นี่จะเป็น street food แบบโบราณของไต้หวันที่หาทานไม่ง่ายแล้วในปัจจุบัน ดังนั้นในร้านจะเห็นลูกค้ารุ่นเดอะสูงวัยมากันเป็นกลุ่มๆค่อนข้างเยอะ ซึ่งปกติแล้วที่ร้านอื่นจะไม่เห็นภาพแบบนี้บ่อยนัก เคยพาผู้สูงวัยที่บ้านไปทาน ดูเหมือนแต่ละคนจะ enjoy eating กันดี แถมมีการแลกเปลี่ยนความคิด เปรียบเทียบสิ่งที่กำลังทานกับวันวานในวัยเยาว์อีกด้วย นับว่าเป็นวิธีระลึกความหลังที่ดีอย่างหนึ่ง
บรรยากาศในร้านนั่งสบาย หน้าต่างสูงใหญ่ มองเห็นวิวด้านนอก ด้วยความที่ตัวอาคารเป็นโรงงานบ่มไวน์เก่า เพดานที่นี่จึงสูงเป็นพิเศษ ทำให้บริเวณห้องอาหารดูโปร่งสบายตา นั่งสบาย การตกแต่งของร้านเป็นแบบเก่าผสมใหม่ -- มีการใช้อิฐแดงก่อด้วย ระบบบุฟเฟ่ของที่นี่เหมือนๆกับร้านทั่วไปคือเดินไปตักได้ตามใจชอบ จะมีที่พิเศษก็ตรงที่อาการบางอย่างเขาจะให้เราสั่งที่โต๊ะกับพนักงาน ที่เป็นแบบนั้นก็เพราะเมนูเหล่านั้นต้องปรุงใหม่ๆร้อนๆถึงจะอร่อย ถ้าเรื่องรสชาดแล้ว เขาไม่ยอมให้เสียชื่อร้านค่ะ แนะนำให้สั่งก่อนล่วงหน้าก่อนเดินไปตักอาหารที่ซุ้มหรือที่เคาเตอร์ เพราะอาหารที่สั่ง ใช้เวลาพอสมควรเลยทีเดียวกว่าจะได้ ยิ่งถ้าคนเยอะๆ (ซึ่งเป็นเรื่องปกติยามเสาร์-อาทิตย์) บางจานรอนานเกินครึ่งชั่วโมง
เมนูอาหารสั่งที่ห้ามพลาด เพราะเป็นจานเด็ดของร้านได้แก่ -- ตับหมูผัด #อันนี้จขบ.ไม่ได้ชิม #กินตับไม่เป็น >.< หมูเปรี้ยวหวาน #จานนี้อร่อยมาาาก #เห็นภาพแล้วหิวขึ้นมาทันใด ปลาหมึกผัด #อันนี้ก็อร่อย #รสไม่จัดแต่กลมกล่อม เต้าหู้ทรงเครื่อง #จานนี้ก็โปรด XP" ซุป -- พระกระโดดกำแพง #ชอบชื่อมาก #อร่อยจนพระห้ามใจไม่อยู่ #ส่วนตัวเฉยๆกับซุปนี้นะ บุฟเฟ่จะแบ่งเป็น 2 โซน โซนแรกเป็นอาหารแบบต้นตำรับแบบไต้หวันแท้ๆ เป็นอาหารทานเล่น สไตล์ street food ส่วนอีกด้านเป็นโซนบุฟเฟ่ปกติ ด้านนี้เป็นเมนูต้นตำรับ #อร่อยทุกจาน! ภาชนะที่เขาเลือกใส่ ทำให้อาหารดูน่าทานขึ้นไปอีก
ดูหม้อซุปเขา ขลังเนอะ จานนี้ตอนแรกนึกว่าเป็นเต้าหู้ผัดถั่วงอก จริงๆแล้วเป็นหอยเป๋าฮื้อผัด #น้ำลายไหล อีกโซนเป็นบุฟเฟ่ปกติ ประเภทสลัด อาหารทะเล ออเดิร์ฟต่างๆ อาหารทะเลของที่นี่สดมาก เขาเติมอาหารเรื่อยๆ เดินมากี่ทีก็เต็มถาด ขนาดคนตักกันเยอะ
Create Date : 21 พฤศจิกายน 2556 |
Last Update : 21 พฤศจิกายน 2556 8:24:15 น. |
|
1 comments
|
Counter : 904 Pageviews. |
|
|
|