ความรู้คือ วัคซีนของชีวิต เพลินอ่านนิยายดี
Group Blog
 
All Blogs
 

ดอนเมืองกับหวยใต้ดินคืนชีพ

เขียนโดย แก้วมณี

หลังการปฏิวัติในเดือนกันยายน 2549 ผู้นำปฏิวัติประกาศการบริหารประเทศด้วยคุณธรรม จริยธรรม จึงยกเลิกหวยบนดินทันทีด้วยข้ออ้างว่าทำผิดกฎหมายและผิดศีลธรรม ท่ามกลางข่าวลือว่านายทุนการปฏิวัติครั้งนี้มีมาเฟียหวยใต้ดินซึ่งเสียประโยชน์จากการที่รัฐบาลเก่านำหวยไปบริหารงานเองจนเป็นที่นิยมในหมู่ประชาชนอย่างมาก รายได้จากหวยบนดินของรัฐสูงมากจนสามารถส่งนักเรียนด้อยโอกาสหลายหมื่นคนได้ร่ำเรียนหนังสือเต็มที่ทั้งในประเทศและนอกประเทศซึ่งจะกลายเป็นกำลังสำคัญในการพัฒนาบ้านเมืองในเวลาข้างหน้า นอกจากนั้นยังสนองกิเลสของนักเล่นหวยโดยอยู่ในความควบคุมของรัฐเยี่ยงเดียวกับล็อตเตอรี่ได้ตรงเจตนารมย์ ทางกลับกันการที่รัฐบริหารหวยเองทำลายฐานรายได้ของมาเฟียหวยใต้ดินอย่างมากเพราะคนเล่นเชื่อถือรัฐมากกว่าเจ้ามือหวย เมื่อรายได้ขาดจึงต้องหาวิธีทำลายรัฐแล้วนำหวยกลับลงดินอีกครั้ง ประจวบเหมาะกับการปฏิวัติต้องใช้เงินทุนมหาศาล จึงกลายเป็นข่าวลือว่า นายทุนหวยใต้ดินยอมลงเงินเพื่อความสำเร็จของงานนี้เต็มที่ ภาพที่เห็นหลังการปฏิวัติคือ การตอบแทนน้ำใจของมาเฟียหวยใต้ดินด้วยการยกเลิกหวยของรัฐ แต่ไม่เลิกล็อตเตอรี่ซึ่งเป็นการพนันชนิดหนึ่งและขัดต่อศีลธรรมหรือจริยธรรมเช่นกัน ในทางปฏิบัติแล้วก่อนการนำหวยใต้ดินเข้าไปอยู่ในการบริหารของรัฐเมื่อหลายปีก่อนนั้นล้วนต้องผ่านการพิจารณาของหลายหน่วยงานมาแล้วรวมทั้งกองสลากฯซึ่งทำหน้าที่จ่ายเงินรางวัลและรับรายได้จากหวยบนดิน ย่อมเป็นความยากที่จะขัดต่อกฎหมายหรือระเบียบใดๆได้
ช่วงที่รัฐขายหวยบนดินเองมีรายได้มหาศาล คนมีอาชีพเสริม สนองตอบความต้องการของคนเล่นหวย เครดิตของรัฐต่อเงินรางวัลสร้างความเชื่อถือในกลุ่มคนเล่นหวยมากกว่ามาเฟียหวยใต้ดินในอดีตซึ่งชอบเบี้ยวรางวัลถ้ามีคนถูกมากจึงเป็นที่นิยมสูงและทำลายหวยใต้ดินลงอย่างราบคาบ จึงกลายเป็นความแค้นใจของเหล่ามาเฟีย หลังการปฏิวัติและล้มเลิกหวยใต้ดินด้วยข้ออ้างศีลธรรมหรือกฎหมายใดๆ คนไทยเห็นความรุ่งเรืองของหวยใต้ดินกลับคืนมาอีกครั้ง ระบาดทั่วท้องถิ่นในเมืองไทย ทั้งที่เป็นกิจกรรมผิดกฎหมาย เจ้ามือหวยทั้งหลายฟื้นชีพมารับรายได้ส่วนนี้อีกครั้ง แม้แต่ตำรวจ ทหาร ก็เข้าร่วมงานหวยใต้ดินอย่างสนุกสนานและร่ำรวยกันอีกครั้งจากแรงสนับสนุนของรัฐบาลใหม่และคณะปฏิวัติ จึงเกิดภาพสนับสนุนข่าวลือดังกล่าวให้ดูสมจริงมากขึ้น เมื่อก่อนนี้หวยใต้ดินก็ผิดกฎหมาย แต่นิสัยชอบพนันของคนไทยกลุ่มหนึ่งไม่เคยเปลี่ยนแปลง จึงยินดีจะเล่นพนันอย่างไม่หวั่นเกรง กอปรกับข้าราชการหลากแขนงทำตัวเป็นผู้คุ้มครองหวย จึงแพร่ระบาดอย่างหนักและกว้างขวาง เด็กหรือผู้ใหญ่ก็เล่นได้สะดวก แม้แต่หน้าโรงพักก็ตาม บัดนี้ ภาพดังกล่าวหวนคืนมาอยู่ในสายตาของประชาชนอีกครั้งโดยรัฐทำเมินเฉย บางคนบอกกันว่าตอนนี้รัฐบาลและคณะปฏิวัติกำลังตอบแทนน้ำใจแก่มาเฟียหวยใต้ดินอย่างขะมักเขม้นเพื่อให้คุ้มกับเงินทุนที่จ่ายเพื่องานใหญ่ ประชาชนที่เล่นหวยใต้ดินแม้จะสนองความสนุกส่วนตัวได้ แต่เสี่ยงต่อการเป็นเหยื่อของข้าราชการบางกลุ่มรีดไถจับกุมท่านแลกกับอิสรภาพเพราะการเล่นหวยใต้ดินเป็นเรื่องผิดกฎหมาย จึงหมายความว่า ผู้เล่นหวยใต้ดินเป็นเหยื่อของเจ้ามือหวยและข้าราชการผู้มีอำนาจดูแลกฎหมายการพนัน
รัฐบาลบอกเน้นต่อสาธารณชนว่า การเล่นพนัน เล่นหวย ถือเป็นกิจกรรมผิดศีลธรรม จริยธรรม แล้วถือเป็นสาเหตุยกเลิกหวยใต้ดิน แต่ไม่ยอมยกเลิกล็อตเตอรี่ ซึ่งเป็นที่ยอมรับกันดีว่า คือ การพนันชนิดหนึ่งซึ่งรัฐเป็นเจ้ามือ แต่ละปีมีรายได้สูงมหาศาลมากอันถือเป็นขุมทรัพย์ของนักการเมืองที่อยากจะดูแลกองสลากฯ มันบอกความจริงใจของรัฐบาลได้ชัดเจนชนิดไม่ต้องบรรยายอีก เมื่อฟื้นชีพให้หวยใต้ดินสำเร็จแล้ว รัฐบาลแต่งตั้งและคณะปฏิวัติหันไปมองจุดที่ต้องเสียประโยชน์จากนโยบายบริหารประเทศของรัฐบาลเดิม คือ การย้ายสนามบินดอนเมืองไปยังสุวรรณภูมิ อันเป็นความภาคภูมิใจของคนไทยและทั่วโลกในความยิ่งใหญ่ที่สุดด้านพื้นที่สนามบินของโลกในเวลานี้ เนื่องเพราะค่าเช่าสถานที่ดอนเมืองหายวับไปทันใด มาเฟียดอนเมืองอันเลื่องชื่อขาดรายได้และไม่อาจย้ายฐานอำนาจไปที่สนามบินใหม่ได้เพราะรัฐบาลกีดกันอย่างแน่นหนาเพื่อปรับปรุงภาพพจน์และข่าวลือในทางไม่ดีของดอนเมืองมิให้เกิดที่สุวรรณภูมิ ผู้เสียประโยชน์จึงมีความหวังเต็มเปี่ยมที่จะเรียกคืนผลประโยชน์เดิมกลับมาและเข้าไปหารายได้เพิ่มเติมในสนามบินใหม่ด้วย หลังการปฏิวัติเสร็จสิ้นคนไทยจักสังเกตเห็นพฤติกรรมหลายอย่างที่กระทำต่อเนื่องเพื่อเป็นข้ออ้างในการย้ายสนามบินกลับไปดอนเมืองอีกครั้ง คณะปฏิวัติจะออกข่าวเสียหายของสุวรรณภูมิต่อเนื่องด้วยการจัดเรียงบุคคลออกพูดต่อสื่อมวลชนเกี่ยวกับข้อบกพร่องที่ต้องเกิดขึ้นอยู่แล้วในสนามบินใหม่ของโลก แม้แต่ท่อน้ำส้วมรั่วก็ยังเดินนำไปชมด้วยตัวเอง แล้วเสริมด้วยแนวคิดย้ายสนามบินกลับไปใช้ดอนเมืองอีกครั้ง ปล่อยร้างสุวรรณภูมิไว้ แต่เสียงทัดทานบางส่วนมีน้ำหนัก พวกเขาจึงยืนกรานว่าต้องย้ายส่วนหนึ่งไปดอนเมืองให้ได้ ช่วงนั้นจะมีการปล่อยข่าวสนามบินเสียหายหนักโดยไม่ยอมบอกข้อมูลส่วนที่เสียหายจริงซึ่งมีแค่ไม่ถึงห้าเปอร์เซนต์ต่อประชาชนรวมทั้งรายได้ที่ต้องขาดทุนหากเพิ่มอีกสนามบินซึ่งมีระยะห่างกันไม่มากนักอันผิดจากหลักสากลของการบริหารสนามบินในเมืองหลวงของประเทศต่างๆในโลก บุคคลระดับสูงของคณะปฏิวัติเรียงหน้าพูดทุกวัน จนกระทั่งรัฐบาลออกมติย้ายบางส่วนไปดอนเมืองพร้อมงบปรับปรุงสนามบินอีกครั้งจำนวนสูงมาก บุคคลเหล่านั้นต่างเงียบเสียงไปทันทีหลังได้ทุกอย่างสมปรารถนาแล้ว มันเป็นภาพที่ไม่ต้องการคำบรรยายใดๆต่อสิ่งที่แอบแฝงในเจตนาของบุคคลเหล่านั้นว่าทำเพื่อชาติหรือเพื่อใคร ดังคำที่นักกฎหมายเคยใช้เตือนสติตัวเองว่า กรรมหรือการกระทำเป็นเครื่องชี้เจตนาโดยไม่ต้องอาศัยคำพูด
หวยใต้ดินกับดอนเมือง ซึ่งหวนคืนชีพอีกครั้งเพื่อตอบสนองความต้องการของคนบางกลุ่ม มิใช่เพื่อชาติแท้จริง เนื่องเพราะถ้ารัฐบาลมีคุณธรรม จริยธรรมสูงส่งแท้จริง เมื่อกล่าวหาว่ารัฐบาลเดิมหรือในอดีตเป็นพวกอบายมุขสูง กิเลสตัณหามาก น่าจะยกเลิกกิจการที่หากำไร เป็นอันตรายต่อศีลธรรมจรรยา เช่น สุรา ล็อตเตอรี่ ไพ่ บุหรี่ เป็นต้น ล้วนมีรัฐเป็นเจ้าของและผูกขาดฝ่ายเดียว แต่กลับมุ่งยกเลิกกิจการที่ก่อตั้งด้วยรัฐบาลเดิมเท่านั้น มิได้มุ่งกำจัดกิจการที่ขัดต่อศีลธรรมของคนไทยเลย ส่วนสนามบินก็ต้องเลือกที่จะแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นเบื้องหน้าอย่างเต็มความสามารถ บริหารการเงินในสนามบินใหม่มิให้ขาดทุนและคำนึงถึงหลักสากลในการจัดการสนามบินระดับชาติให้เป็นที่ยอมรับของทั่วโลก มิใช่ตั้งหน้าจะย้ายสนามบินกลับไปดอนเมืองที่มีอายุเกือบร้อยปีและเนื้อที่ก็น้อยกว่า ที่สำคัญคือ การเพิ่มสนามบินดอนเมืองให้เป็นสนามบินแห่งชาติทำให้ต้นทุนบริหารสูงขึ้นและใช้เนื้อที่ในสุวรรณภูมิได้ไม่เต็มศักยภาพแท้จริง แต่ทำเพื่อสนองผลประโยชน์ส่วนตัวของคนกลุ่มเดียว ส่วนชาติโดยรวมเสียหายหนักและทำลายความสง่างามของประเทศไทยที่ไม่ยอมรับกฎระเบียบของชาวโลกหรือลดทอนความภาคภูมิใจกับความยิ่งใหญ่ของสนามบินที่เป็นหนึ่งเดียวในโลกของคนไทยและชาวโลก หากสังเกตให้ลึกซึ้งจะพบว่า การทำงานของรัฐบาลในร่มเงาของการปฏิวัติเน้นการทำลายภาพรัฐบาลเดิม กิจกรรมที่ริเริ่มจากรัฐบาลเดิม ตรวจสอบและกำจัดฐานการเงินเพื่อสกัดมิให้พวกเขากลับมาสู่การเมืองได้ แต่ไม่มีการริเริ่มทำงานสร้างสรรค์ใหม่หรือการบริหารเศรษฐกิจของชาติให้มั่นคงเลย วันนี้คนไทยต้องเตรียมใจและเสริมความอดทนเป็นพิเศษในการฝ่าฟันความลำบากยากแค้นทางการเงินที่ต้องเกิดขึ้นแน่ โดยการระมัดระวังการใช้เงิน เก็บออมสูงขึ้น การลงทุนตามแรงดึงดูดจากรัฐหรือเอกชนต้องรอบคอบพิเศษ อย่าเป็นหนี้สินในช่วงวิกฤตหรือความไม่แน่นอน คนไทยวันนี้มิอาจพึ่งพานโยบายทางเศรษฐกิจของรัฐบาลที่ไม่เป็นที่ยอมรับของชาวโลกเพราะแหล่งกำเนิดรัฐบาลมาจากอำนาจเผด็จการที่ล้มล้างรัฐธรรมนูญของประชาธิปไตย นอกจากนั้นการกำหนดนโยบายการเงินที่ขาดความชำนาญแท้จริงจนสร้างความเสียหายแก่ฐานเศรษฐกิจของประเทศนับหมื่นล้านบาทในวันเดียวบอกถึงประสิทธิภาพของรัฐบาลโดยไม่ต้องการคำอธิบายอีก จึงเป็นวาระแห่งการระวังตัวของคนไทยให้รอบคอบต่อการดำเนินชีวิตช่วงนี้เพื่อรอแสงสว่างแห่งความหวังในวันข้างหน้า

*********************************




 

Create Date : 28 มีนาคม 2550    
Last Update : 28 มีนาคม 2550 16:19:39 น.
Counter : 637 Pageviews.  

อัยการศึก รัฐบาล เศรษฐกิจ

เขียนโดย ลูกแก้ว

สถิติด้านเศรษฐกิจของไทยหลังการปฏิวัติซึ่งเป็นผลกระทบแท้จริงจากความเปลี่ยนแปลงรัฐบาลโดยทำลายรัฐธรรมนูญและตัวแทนประชาชนอันมิชอบด้วยกฎหมายแสดงตัวเลขลดต่ำลงอย่างน่ากังวลใจ ณ เวลานี้แล้ว คนไทยเริ่มรับทราบผลลัพธ์จากพฤติกรรมดังกล่าวและฝีมือการทำงานของรัฐบาลแต่งตั้งจากข้าราชการเกษียณที่อยู่ในทีมบริหารด้านเศรษฐกิจซึ่งเคยเป็นความหวังของคนไทยช่วงแรกที่เข้ารับตำแหน่ง หลายเดือนที่ผ่านมาบ่งบอกวิสัยทัศน์การทำงานของเหล่าอดีตข้าราชการซึ่งแสดงวิถีการทำงานให้ประจักษ์แก่สายตาของประชาชนแล้ว จักเห็นความเสียหายจากการตัดสินใจด้านการเงินนับหมื่นล้านบาทว่าตอนนี้ค่าเงินบาทยังคงแข็งต่อเนื่องด้วยความหวาดกลัวของพ่อค้าไทยเองซึ่งไม่เชื่อมั่นนโยบายการเงินของรัฐบาล มิใช่มาจากคนต่างชาติ การสร้างค่านิยมหลงชาติด้วยผู้นำรัฐบาลและคณะคมช.ประกาศต่อต้านนักลงทุนต่างชาติด้วยการทวงคืนทรัพย์สินต่างๆที่พวกเขามีกรรมสิทธิ์หรือสัมปทานหรือมีหุ้นส่วนในไทย การประกาศตนเป็นวีรบุรุษแห่งชาติที่ต้องไม่มีคำถามใดๆต่อพฤติกรรมที่คนทั่วไปสงสัย ไม่สร้างสรรค์งานบริหารใหม่ๆเพื่อนำพาชาติผ่านพ้นวิกฤตใหญ่แต่มุ่งเน้นจับผิดโครงการต่างๆในรัฐบาลชุดก่อนเป็นหลัก สร้างแนวคิดไม่สนใจการใช้เงินตราต่างประเทศทั้งที่ไทยยังต้องการขายผลผลิตเกษตรหรืออุตสาหกรรมกับต่างชาติเพื่อนำเงินเข้าประเทศไปใช้จ่ายสร้างความสุขแก่มวลชนไทยอันเป็นการไม่ยอมรับความจริงของโลก ล้วนเป็นพฤติกรรมของทีมบริหารบ้านเมืองที่ปรากฏต่อสายตาคนไทยตลอดหลายเดือนหลังความเปลี่ยนแปลงรัฐบาล
ถ้าเศรษฐกิจโดยรวมของชาติตกต่ำจักส่งผลกระทบต่อสังคมไทย เช่น การผลิตของแล้วขายไม่ออกเพราะกำลังซื้อต่ำ การเลิกจ้างคนจะตามมาเพื่อลดต้นทุนและช่วยให้บริษัทอยู่รอดผ่านพ้นวิกฤตหนักไปได้ การปล่อยกู้ทำยากขึ้นเพราะเกรงหนี้ไม่ก่อรายได้หรือหนี้เสีย คนเก็บออมเงินน้อยลงเพราะขาดรายได้ เป็นต้น ตัวเลขการยึดรถยนต์เพราะลูกหนี้ไม่มีกำลังผ่อนหนี้ได้อีกต่อไปเป็นสัญญาณบอกให้ทราบแล้วว่าเศรษฐกิจระดับกลางถึงล่างเริ่มรับผลกระทบแล้ว หลังจากภาคการส่งออกของไทยทั้งข้าวและยางตกต่ำเพราะถูกแย่งตลาดจากเวียดนามหรือจีน แม้แต่การส่งไก่ สัตว์น้ำ ผลไม้กระป๋อง เพชร เสื้อผ้า มีการต่อต้านหรือกีดกันสินค้าไทยจากประเทศลูกค้าเพื่อปกป้องฐานผลิตของตนหรือจากประเทศคู่แข่ง หากรัฐบาลมีบุคลากรที่มีฝีมือแท้จริงรวมกับศักยภาพการผลิตของคนไทย กอปรกับวิสัยทัศน์ของผู้บริหารเศรษฐกิจย่อมแก้ปัญหานี้ได้ไม่ยากด้วยการเปิดตลาดใหม่ๆโดยใช้การทูตนำทางไปก่อน ให้ข้อมูล คำแนะนำและอำนวยความสะดวกแก่พ่อค้าไทยในการนำสินค้าไปขายหรือปรับปรุงสินค้าให้เป็นไปตามความต้องการของลูกค้า ซึ่งวิธีนี้ประเทศชั้นนำของโลกกระทำกันมานานแล้ว เช่น เกาหลี จีน สหรัฐ ออสเตรเลีย เป็นต้น จีนเดินทางเปิดตลาดไปถึงทวีปแอฟริกาเพื่อขายสินค้าจีนหรือรับเหมาก่อสร้างในประเทศเหล่านั้นโดยรัฐบาลนำทางไปก่อน รัฐบาลชุดก่อนก็นำวิธีนี้ไปใช้อย่างเต็มที่เพื่อผลักดันยอดส่งสินค้าไทยออกไปและทำให้ราคาประกันผลผลิตสินค้าเกษตรในไทยสูงขึ้นติดต่อกันทุกปี นอกจากเปิดตลาดใหม่แล้วยังต้องรักษาตลาดเก่ามิให้ถูกกีดกันหรือต่อต้านด้วยการไปเยี่ยมเยียน ประชุมหารือเพื่อปกป้องสินค้าไทยในตลาดเหล่านั้นไว้เต็มที่ด้วยความสม่ำเสมอ จักเห็นว่าหลายปีที่ผ่านมาไทยผ่านพ้นหรือชะลอปัญหาการปกป้องสินค้าของตลาดเหล่านั้นไปได้อย่างน่าชื่นชมในการทำงานของทีมเศรษฐกิจและกระทรวงต่างประเทศของไทยซึ่งอยู่เบื้องหลังราคาประกันสินค้าเกษตรในไทยที่สูงต่อเนื่องหลายปี วิถีการทูตและการวางแผนเศรษฐกิจอย่างเป็นระบบ โดยเฉพาะการแต่งตั้งผู้แทนการค้าในทวีปต่างๆเพื่อมองหา ดูแล แสวงหาข้อมูล เจรจาการค้า ทำให้ไทยมีแหล่งข้อมูลและการวางแผนเปิดตลาดใหม่เพิ่มขึ้นเยี่ยงเดียวกับที่สหรัฐอเมริกากระทำอยู่โดยอาศัยศักยภาพการผลิตของไทยเป็นหลัก อันถือเป็นแนวคิดรุกคืบใหม่ด้านการตลาดของไทย ซึ่งคนไทยเห็นผลงานของทีมตัวแทนการค้าที่สามารถส่งออกผลผลิตของไทยออกสู่ตลาดสากลโดยเฉพาะประเทศที่คนไทยไม่เคยค้าขายต่อกันมาก่อน แต่กลายเป็นลูกค้าของไทยได้ อันส่งผลต่อราคาประกันสินค้าเกษตรหลายอย่างในไทยที่สูงอย่างมาก เช่น ข้าว ยางพารา และอื่นๆ ต่อมารัฐบาลใหม่ยกเลิกทั้งหมดทำให้การทำงานขาดช่วงไป วิสัยทัศน์ด้านการตลาดระหว่างประเทศส่งผลต่อการกำหนดราคาประกันสินค้าเกษตรหลายอย่างในไทย ถ้ารัฐไม่มีใบสั่งสินค้าจากต่างชาติมาก ย่อมไม่อาจให้ราคาสูงแก่สินค้าในไทยได้ มันเป็นหลักเศรษฐศาสตร์พื้นฐาน ดังนั้น ทีมเศรษฐกิจจักต้องมีความรู้ด้านการตลาด การเงิน ที่ชำนาญในการประสานศาสตร์เหล่านั้นเข้ากับข้อเท็จจริงอย่างดี การเจรจาการค้าเพื่อแย่งใบสั่งสินค้าจากลูกค้าเป็นเรื่องเบื้องต้นที่นักการตลาดระดับรัฐหรือเอกชนต้องกระทำให้สำเร็จ มิใช่การนั่งรอใบสั่งอย่างที่ข้าราชการไทยติดภาพเก่าๆว่าต้องให้คนอื่นคลานมาขอร้องให้ขายของแก่เขาอย่างที่กระทำกันทุกวันนี้ คนไทยจึงเห็นตัวเลขเศรษฐกิจของไทยหลังการปฏิวัติตกต่ำอย่างน่าหวั่นกลัวเนื่องเพราะการตลาดของไทยอ่อนลงมาก กอปรกับนโยบายหลายอย่างไม่เอื้อต่อการลงทุนหรือการค้าระหว่างประเทศ โดยเฉพาะภาพความน่ากลัวของกฎอัยการศึกและการบริหารราชการโดยกลุ่มทหารปฏิวัติซึ่งเข้าควบคุมองค์กรรัฐด้านการค้า คมนาคม สื่อสาร การเงินโดยเน้นใช้วิธีทำงานดั้งเดิมและมีภาพขมุกขมัวแฝงอยู่ ทำให้ตลาดของไทยไม่คล่องตัวอย่างมาก อันส่งผลต่อราคาประกันสินค้าเกษตรในปีพ.ศ. 2550 อย่างแน่นอน
นักการเมืองในรัฐบาลใหม่ซึ่งมาจากข้าราชการเก่าแก่ เกษียณ หรือเอกชนที่ชำนาญการเงินด้านเดียว แต่ไม่เข้าใจระบบเศรษฐกิจการค้าแบบมหภาค หลายคนพยายามบอกแก่ประชาชนว่าไม่ควรสนใจอัตราแลกเปลี่ยนเงินให้มากนัก เท่ากับไม่ยอมรับว่าเงินงบประมาณส่วนใหญ่ของประเทศมาจากภาษีส่งออกสินค้าไทยให้ลูกค้าต่างชาติ นอกจากนั้นยังไม่ให้ความสนใจแก่การตลาดอย่างจริงจัง แค่ปล่อยให้เป็นไปตามยถากรรม จึงเห็นข่าวเศรษฐกิจเกี่ยวกับการต่อต้านสินค้าไทย ปกป้องสินค้าประเทศตนเพิ่มจำนวนขึ้น การเจรจาการค้ามีน้อยลงมากเพราะต่างชาติเกี่ยงเรื่องคู่เจรจาฝ่ายไทยที่มิได้มาจากรัฐบาลประชาธิปไตย ประเทศไทยยังมีกฎอัยการศึกครอบงำอยู่ ตอนนี้การรุกด้านตลาดลูกค้าหยุดชะงักโดยปริยาย เอกชนพยายามรักษาลูกค้าของตนเพียงฝ่ายเดียว ขณะที่ทีมบริหารเศรษฐกิจและการเงินของรัฐบาลใหม่ออกนโยบายโดยขาดความชำนาญและรอบรู้อย่างเพียงพอในรูปมหภาคหรือจุลภาคของไทย แต่คล่องในด้านทฤษฎีมาก การประยุกต์ใช้กับข้อเท็จจริงยังขาดประสบการณ์อย่างน่าหวั่นกลัวเมื่อให้ควบคุมเศรษฐกิจของชาติในภาวะล่อแหลมเช่นนี้ มติจากคนกลุ่มนี้จึงสร้างความเสียหายแก่เอกชนไทยและต่างชาติหนักหนา จนกระทั่งนักการเงินของต่างชาติมองทีมบริหารเศรษฐกิจของไทยเป็นเด็กเพิ่งมีฟันน้ำนมเท่านั้น ขณะที่ต่างชาติใช้โอกาสนี้กีดกันสินค้าไทยเต็มที่และไม่ยอมเจรจาการค้าใดๆกับรัฐบาลจากการปฏิวัติล้มล้างรัฐธรรมนูญในระบอบประชาธิปไตย แล้วยังส่งเสริมความชาตินิยมอย่างมากจนเป็นที่หวั่นเกรงต่อคนต่างชาติ หลายประเทศออกประกาศเตือนมิให้เดินทางมาเที่ยวไทยทั้งเหตุจากกฎอัยการศึกหรือปัญหาความรุนแรงในภาคใต้ซึ่งลุกลามสู่เมืองหลวงของไทยแล้ว ความอ่อนแอด้านการตลาด การควบคุมปัญหาภาคใต้ที่ล้มเหลว ภาพพจน์การสนับสนุนทหารเข้าสู่รัฐวิสาหกิจต่อเนื่องโดยมีนัยแอบแฝงด้านผลประโยชน์ การทำลายความยิ่งใหญ่อันดับหนึ่งของโลกต่อสนามบินสุวรรณภูมิ การออกนโยบายหรือกฎหมายที่แฝงการต่อต้านนักลงทุนต่างชาติ ล้วนบอกเจตนาแก่รัฐบาลต่างชาติในการติดต่อสื่อสารหรือเจรจากับไทยที่ต้องระวังหรือหลีกเลี่ยงก่อนเพราะรัฐบาลกับคณะคมช.มีความไม่แน่นอนในนโยบายหรือมีแนวคิดเป็นปฏิปักษ์ต่อคนต่างชาติ การลงทุนหรือการค้าขายจึงควรชะลอไว้จนกว่าจะมีรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งแท้จริง ซึ่งส่งผลกระทบต่อความเป็นอยู่ของคนไทยเพราะเงินหมุนเวียนในเศรษฐกิจมีน้อยลง การลดหรือปลดคนงานจะมีเพิ่มขึ้น รัฐบาลไม่มีนโยบายกระตุ้นการขายสินค้าไทยออกสู่ตลาดสากล จนกระทั่งเสียตลาดให้ประเทศคู่แข่งไป แล้วอ้างต่อประชาชนว่าประเทศไทยต้องการใช้นโยบายเศรษฐกิจพอเพียง จึงไม่สนใจตัวเลขการส่งออกหรือการตลาดอีกต่อไป ขณะที่กำลังซื้อของคนไทยก็ลดต่ำลง การซื้อขายในประเทศลดลง วัฏจักรการค้าทั้งในประเทศและต่างประเทศชะลอตัวและใกล้หยุดชะงักเต็มที ข้ออ้างของรัฐบาลต่อตัวเลขส่งออกสินค้าตกต่ำสร้างความเข้าใจผิดแก่ต่างชาติว่าไทยจะไม่ทำการค้าขายอีกแล้ว กลายเป็นโอกาสทองแก่คู่แข่งการค้าของไทยอย่างเวียดนามหรือจีนทันทีเมื่อไทยเดินถอยหลังออกจากตลาดโลก
คำสัญญาจากรัฐบาลว่าจะเลิกกฎอัยการศึกในกรุงเทพฯหรือหลายจังหวัดก่อนปีใหม่ แต่มีข้ออ้างตามมาทีหลังว่าติดขัดเวลาหรือเอกสารจึงไม่อาจทำได้ตามเวลาที่บอกไว้ เมื่อผ่านมาหลายเดือนแล้วก็ยังใช้ข้ออ้างเดิม กรุงเทพฯ เมืองหลวงของไทยยังคงอยู่ในกฎอัยการศึกซึ่งต่างชาติเข้าใจและหวั่นกลัวกฎอัยการศึกอย่างมาก โดยเฉพาะข่าวการนำกำลังพลเข้าขัดขวางหรือกำจัดการชุมนุมแสดงความเห็นแตกต่างจากรัฐบาลหรือคณะคมช.มีออกมาเป็นระยะตามสถานที่ต่างๆทั้งที่โล่งแจ้งหรือในอาคาร การคุมสื่อมวลชนมิให้เสนอข่าวด้านลบของรัฐบาลโดยอาศัยอำนาจกฎอัยการศึก แม้แต่ข่าวลอบวางระเบิดหรือวางเพลิงในภาคใต้ของไทย คนไทยไม่ค่อยรับรู้ข่าวสารเหล่านี้ แต่ต่างชาติมีภาพข่าวและข้อมูลกว้างและลึกให้คนชมอย่างเต็มอิ่ม มันบ่งบอกว่ามีการคัดเลือกหรือปกป้องข่าวสารที่ไม่เป็นประโยชน์ต่อรัฐบาลหรือคมช. แต่ส่งผลร้ายต่อคนไทยที่มิอาจรู้ว่าประเทศชาติอยู่ในสภาพเช่นไร ควรปฏิบัติตนอย่างไรกับสถานการณ์เหล่านั้นอย่างถูกต้อง โดยเฉพาะการรับรู้ข้อมูลไม่สมบูรณ์เกี่ยวกับกฎอัยการศึกซึ่งจะมีความศักดิ์สิทธิ์เหนือรัฐธรรมนูญที่รัฐบาลเฝ้าพร่ำพูดว่า ทำงานตามอำนาจในรัฐธรรมนูญ ทั้งที่กำลังอยู่ใต้อำนาจของกฎอัยการศึกและคณะปฏิวัติซึ่งประกาศใช้กฎอัยการศึกอยู่ จึงเกิดความเข้าใจผิดหรือสับสนในการใช้สิทธิแสดงความคิดเห็นตามรัฐธรรมนูญซึ่งให้อำนาจคนไทยพูด แสดงความเห็นที่แตกต่างจากรัฐบาลได้โดยรัฐธรรมนูญคุ้มครองไว้ เมื่อมีการรวมตัวเพื่อแสดงความเห็นในที่สาธารณะหรือในอาคารของกลุ่มประชาชนซึ่งแตกต่างจากรัฐบาลหรือคณะคมช. กลับถูกขัดขวางหรือกีดกันมิให้กระทำการดังกล่าวโดยอ้างอำนาจกฎอัยการศึก มันยิ่งส่งผลต่อภาพพจน์ประเทศให้ต่ำลง
ความหวังเริ่มแรกมีให้คณะปฏิวัติหรือกลายเป็นคมช.ในภายหลัง รัฐบาลแต่งตั้งซึ่งคาดว่าจะช่วยยกประเทศให้สูงส่งด้วยคุณธรรม การใช้ชีวิตพอเพียง ไม่สนใจต่อการค้าขายระหว่างประเทศ ความชาตินิยมระดับสูง โดยให้เวลาบริหารประเทศอย่างเต็มที่และเชื่อฟังคำสั่งของรัฐบาลอย่างเคร่งครัด ต่อมาเวลาได้พิสูจน์ฝีมือบริหารประเทศของรัฐบาลด้วยตัวเลขเศรษฐกิจตกต่ำ การยึดรถเพิ่มขึ้นเพราะกำลังเงินของประชาชนน้อยลง การผิดคำสัญญาว่าจะเลิกกฎอัยการศึกในกรุงเทพฯ จงใจทำลายการเป็นฮับเอเชียของสนามบินสุวรรณภูมิเพื่อเปิดดอนเมืองอีกครั้ง นักท่องเที่ยวลดลง กำลังการใช้จ่ายในหมู่ประชาชนต่ำลง ราคาประกันสินค้าเกษตรมีทีท่าว่าจะไม่สูงเหมือนปีที่ผ่านมา การตลาดสินค้าไทยถูกกีดกันเพิ่มขึ้นโดยรัฐบาลไม่มีทางแก้ไขได้เลยเพราะขาดแผนงานหรือการสนับสนุน แผนงานส่งเสริมเศรษฐกิจให้เจริญต่อเนื่องไม่มี แต่มุ่งเน้นให้คนไทยยอมรับความตกต่ำจากวิสัยทัศน์ของรัฐบาลด้วยคำว่า “พอเพียง” ขณะที่คนไทยส่วนใหญ่ต้องมีปัจจัยสี่ใช้ในชีวิตประจำวัน คือ บ้าน เสื้อผ้า ยา อาหาร ซึ่งล้วนต้องใช้เงินซื้อหามา แต่ชีวิตการทำงานเสี่ยงมากขึ้นกับการตกงานเพราะถูกเลิกจ้างอันสืบเนื่องจากภาวะเศรษฐกิจตกต่ำที่มาจากการบริหารบ้านเมืองของทีมงานรัฐบาลภายใต้ร่มเงาของคณะคมช.และกฎอัยการศึก หากรัฐบาลไม่เลือกใช้คนที่เก่งด้านเศรษฐกิจอย่างแท้จริงและมีความกระตือรือร้นในการทำงานมากกว่านี้ คนไทยอาจพบความยากลำบากอย่างที่เคยเกิดขึ้นเมื่อปีพ.ศ. 2540 ซึ่งบ้านและรถมีค่าแค่กระดาษและซากเหล็ก เงินในกระเป๋าไม่มีหรือมีน้อยเกินกว่าจะใช้ซื้อหาอาหารหรือเสื้อผ้าได้ ทางปลอดภัยเบื้องต้นที่คนไทยพึงทำได้ก่อน คือ การทำงานอย่างขยันขันแข็ง มีผลงานดี เพื่อป้องกันการเลิกจ้างงาน การใช้จ่ายเงินให้น้อยลง เก็บออมมากขึ้น เพื่อมีเงินในกระเป๋าอย่างอุ่นใจยามเศรษฐกิจเกิดวิกฤต ส่วนความหวังสุดท้ายของคนไทยคือ รัฐบาลจะสำนึกตนได้ว่าควรใช้คนเก่ง ฉลาด แท้จริง เพื่อช่วยประชาชนให้อิ่มท้อง มีงบประมาณบริหารประเทศโดยไม่ต้องขูดรีดจากเลือดเนื้อของคนไทย แต่เป็นการขายสินค้าจากคนไทยไปสู่ตลาดโลก เลิกแนวคิดนั่งรอให้ลูกค้ามากราบไหว้ แต่เดินหน้าไปพบลูกค้าด้วยวิถีการตลาดแบบสากล คนไทยจึงรอดพ้นวิกฤตเศรษฐกิจตกต่ำไปได้ จิตสำนึกเกิดขึ้นได้ด้วยการลดทิฐิแห่งการเป็นข้าราชการลง การที่รัฐบาลกับคมช.มุ่งมั่นจับผิดโครงการของรัฐบาลเดิม โดยไม่สนใจสร้างสรรค์งานใหม่เพื่อชาติ จักกลายเป็นดาบคมวับกลับมาจ่อคอของตัวเองในไม่ช้าเมื่อคนไทยไม่อิ่มท้องและตระหนักใจว่าเกิดจากการทำงานผิดพลาดหรือไม่ใส่ใจของพวกเขา มิใช่มาจากพวกเก่าเพราะเวลาเป็นเครื่องมือพิสูจน์ที่ดีและเดินหน้าเสมอ ผลของเวลาที่พิสูจน์ฝีมือการทำงานแสดงให้ประจักษ์แก่สายตาคนไทยแล้วด้วยตัวเลขการค้าล่าสุดที่ตกต่ำ ปัญหาข้างหน้าด้านการเงินของประชาชนต้องเกิดขึ้นในไม่ช้านี้ การลงทุนน้อยลง การขายสินค้าน้อยลง นักท่องเที่ยวซบเซาหนัก การตกงานเพิ่ม หากมองให้ลึกจะทราบว่าสืบเนื่องจากกฎอัยการศึก การบริหารของรัฐบาลและคณะคมช.ที่เป็นเงาใหญ่เหนือรัฐบาล คงต้องเรียกศรัทธาคืนมาด้วยการปรับปรุงการบริหารเศรษฐกิจใหม่เพื่อให้ประชาชนอิ่มท้องโดยเร็ว มิใช่ปล่อยให้คนไทยเตรียมรับมือกับชีวิตยากแค้นหลังการปฏิวัติยึดสิทธิเสรีภาพของประชาชนไป ความหวังสุดท้ายของประชาชนอยู่ที่รัฐบาลเสมอ แต่จะพึ่งพิงได้แค่ไหน เวลาพิสูจน์คนที่แย่งเวลานั้นไปเช่นเดียวกัน คนไทยมีสิทธิกำหนดเวลาสิ้นสุดของงานได้ แม้จะไม่ระบุไว้ในรัฐธรรมนูญหรือกฎอัยการศึก โดยเฉพาะเมื่อชีวิตเดือดร้อนลำบากยากแค้นหนักก็ต้องหวนคิดถึงอดีตที่เคยสบายและต้นเหตุที่เกิดทุกข์ มันเป็นสัจธรรมพื้นฐาน นโยบายทั้งหลายควรคำนึงว่าประเทศไทยต้องอยู่ร่วมบนโลกใบเดียวกับอีกหลายประเทศ มิควรแยกตัวเองออกมาอยู่โดดเดี่ยวและชื่นชมแค่เงาของตัวเอง น่าจะให้คนภายนอกเป็นผู้ยกย่องประเทศไทย

********************************




 

Create Date : 25 มีนาคม 2550    
Last Update : 25 มีนาคม 2550 14:31:37 น.
Counter : 434 Pageviews.  

รัฐธรรมนูญ กับ ปฏิวัติ

เขียนโดย แก้วมณี

ช่วงนี้จะเห็นข่าวการร่างรัฐธรรมนูญใหม่หลังการปฏิวัติในเดือนกันยายนโดยเน้นเนื้อหามิให้มีการปฏิวัติเกิดขึ้นได้อีก ตามประวัติศาสตร์เกี่ยวกับรัฐธรรมนูญไทยนั้นเคยมีรัฐธรรมนูญปี พ.ศ. 2517 ซึ่งถือเป็นฉบับประชาธิปไตยที่สุดของไทยและเคยคาดหวังว่าจะไม่มีการปฏิวัติล้มล้างมัน ในที่สุดการปฏิวัติเกิดขึ้นต่อเนื่องและสืบทอดกันมาจนถึงปัจจุบันนี้ จึงไม่มีหลักประกันใดที่จะไม่เกิดการล้มล้างรัฐธรรมนูญ แม้จะมีเนื้อหาที่ตรงใจประชาชนหรือเป็นประชาธิปไตยที่สุด เนื่องเพราะการปฏิวัติขึ้นอยู่กับฝ่ายที่มีอาวุธติดมือและมีจิตใจทะเยอทะยานปนมักง่ายฝักใฝ่ในอำนาจสูงจึงก่อการโดยไม่สนใจกฎหมายสูงสุดของบ้านเมืองหรือความรู้สึกของประชาชน แต่จะอ้างเหตุผลว่าทำเพื่อประชาชนทุกครั้ง พวกเขาเชื่อมั่นในชัยชนะที่จะกำหนดทิศทางชีวิตคนหรือบ้านเมืองได้ด้วยอำนาจของผู้ชนะ ส่วนผู้แพ้อย่างประชาชนต้องก้มหน้ายอมรับทุกคำสั่งของผู้ชนะ มันเป็นกฎธรรมชาติของโลก ประวัติศาสตร์บอกชัดว่าเนื้อหาของรัฐธรรมนูญไม่ว่าจะดีมากเพียงใด แต่ไม่เคยสร้างความพอเพียงแก่พวกปฏิวัติที่ต้องการอำนาจเป็นของตน ความหวังจะไม่เกิดปฏิวัติด้วยการพัฒนาเนื้อหาในรัฐธรรมนูญให้ถูกใจผู้มีอาวุธ จึงเป็นหนทางดีที่สุดซึ่งคนไทยกลุ่มหนึ่งคิดค้นขึ้น แต่มิใช่หลักประกันเด็ดขาดว่าจะไม่มีการปฏิวัติ เมื่อคนถืออาวุธเปลี่ยนแปลง ความต้องการก็แปรเปลี่ยนไปด้วย รัฐธรรมนูญที่ถูกใจพวกเขาวันนี้ อาจไม่น่าพิสมัยในวันหน้าก็ได้ จึงต้องพบกลุ่มปฏิวัติหน้าใหม่และล้มล้างรัฐธรรมนูญสืบทอดกันไป หากศึกษาประวัติศาสตร์ของชาติต่างๆบนโลกที่มีการปฏิวัติน้อยหรือไม่มีเลย จักเห็นว่าพวกเขาสร้างจิตสำนึกในความรักประชาธิปไตย รักสิทธิเสรีภาพของตน ขึ้นในหัวใจ อันส่งผลสืบเนื่องให้หลายคนที่อยู่ในอาชีพถืออาวุธทั้งหลายไม่มีความคิดล้มล้างรัฐธรรมนูญ ยึดสิทธิเสรีภาพของคนอื่น เพื่อชิงอำนาจเป็นของตนโดยใช้อาวุธ การเมืองของประเทศเหล่านั้นแข็งแกร่ง การผลัดเปลี่ยนทางการเมืองเป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมาย หลายประเทศกลายเป็นมหาอำนาจยิ่งใหญ่ของโลก ส่วนประเทศด้อยพัฒนาซึ่งมีการปฏิวัติบ่อยครั้งกลับถดถอย ไม่เจริญเติบโต หากดูให้ลึกซึ้งจะเห็นว่าผู้ถืออาวุธซึ่งปฏิวัติ ยึดสิทธิเสรีภาพของประชาชน เป็นส่วนสำคัญที่ทำลายประเทศ ขณะเดียวกันถ้าคนพวกนี้นำอาวุธและทักษะไปใช้ปกป้องประเทศชาติจากอริราชศัตรู จักส่งผลดีเยี่ยมต่อความมั่นคงของชาติและเศรษฐกิจ จักเห็นได้ว่าหากคนถืออาวุธใช้อาวุธไม่ถูกวัตถุประสงค์ จะส่งผลแตกต่างราวนรกกับสวรรค์ทีเดียว
การร่างรัฐธรรมนูญในปีพ.ศ. 2540 เกิดขึ้นจากตัวแทนประชาชนซึ่งผ่านการเลือกตั้งจากทุกสาขาวิชาชีพและทุกภาคเพื่อกำหนดทิศทางของชาติ สิทธิเสรีภาพของประชาชนโดยมุ่งมั่นจะแก้ไขปัญหาการปฏิวัติในอดีตซึ่งทำลายความมั่นคงกับความเจริญของชาติและสร้างความแข็งแกร่งแก่รัฐบาลในการบริหารประเทศเยี่ยงชาติสากล คนไทยภาคภูมิใจกับการสร้างรัฐธรรมนูญด้วยมือของพวกเขา มิใช่อยู่ภายใต้อำนาจของพวกเผด็จการหรือกลุ่มปฏิวัติดังที่เกิดขึ้นในอดีตซึ่งจะเป็นคนร่างกฎหมายสูงสุดเพื่อตนเองเท่านั้น รัฐธรรมนูญฉบับนี้กลายเป็นความหวังของคนไทยกอปรกับยุคสมัยไซเบอร์ที่ทุกประเทศพยายามนำพาชาติไปสู่การบริหารประเทศแบบสากลซึ่งจะเป็นที่ยอมรับของทั่วโลกโดยใช้เทคโนโลยีและการค้าเป็นหลัก หวังว่าจะไม่มีการปฏิวัติเกิดขึ้นในประเทศไทยอีก ผู้นำทางทหารช่วงต้นของการใช้รัฐธรรมนูญฉบับนี้ต่างยึดมั่นในวิชาชีพและหน้าที่ของทหารอย่างเด็ดเดี่ยว พวกท่านไม่มีความทะเยอทะยานทางการเมืองเยี่ยงรุ่นพี่ในอดีต แต่มุ่งมั่นเป็นทหารมืออาชีพที่แท้จริง อันสร้างความมั่นคงแก่ชาติและรัฐบาลอย่างมาก ช่วงนั้นเศรษฐกิจของไทยรอดพ้นวิกฤติและมั่นคงยิ่ง จากประเทศที่เป็นลูกหนี้กลายสภาพเป็นผู้ส่งออกสินค้าระดับต้นของโลก ประชาชนมีเงินในกระเป๋าเพิ่มขึ้น มีความสุขมาก ส่วนหนึ่งมาจากความเป็นทหารมืออาชีพซึ่งผู้นำระดับสูงของทหารมีจิตวิญญาณแห่งประชาธิปไตยและเข้าใจบทบาททหารอาชีพอย่างแท้จริง เมื่อมีการเปลี่ยนแปลงในระดับผู้นำทางทหารปัจจุบันจนกลายเป็นผู้นำการปฏิวัติล้มล้างรัฐธรรมนูญปีพ.ศ. 2540 ด้วยข้ออ้างสารพัดซึ่งไม่เป็นไปตามครรลองของระบอบปกครองแบบประชาธิปไตยซึ่งทั่วโลกยึดถือไว้ ท่านเคยให้สัมภาษณ์ต่อสื่อมวลชนว่า การปฏิวัติในยุคนี้เป็นเรื่องล้าสมัยและทำลายชาติซึ่งทหารจะไม่ทำเด็ดขาด ต่อมาก็มีข้ออ้างประกอบการปฏิวัติของท่านว่าทำเพื่อชาติ จักเห็นว่าเวลาผ่านไปย่อมเปลี่ยนแปลงความคิดของคนได้ จึงไม่ควรยึดติดว่าทหารจะยอมเชื่อฟังรัฐธรรมนูญเสมอ ผู้มีอาวุธย่อมเห็นรัฐธรรมนูญเป็นแค่กระดาษปึกหนึ่ง คำพูดของคนไม่ควรเชื่อถือเพราะเป็นแค่ลมปากที่พ่นออกมาแล้วหายวับไป ดังนั้น ความหวังว่ารัฐธรรมนูญจะหยุดยั้งการปฏิวัตินั้น ย่อมไม่มีทางเป็นไปได้เลย ตราบใดที่จิตสำนึกประชาธิปไตยหรือการเคารพกฎหมายไม่ถูกฝังแก่ผู้มีอาวุธอย่างเหนียวแน่นดังที่เกิดขึ้นในประเทศแถบตะวันตก การปฏิวัติย่อมเกิดขึ้นได้เสมอ ประวัติศาสตร์ของไทยบันทึกการปฏิวัติล่าสุดอันเกิดจากผู้ถืออาวุธที่กระทำต่อประชาชนซึ่งไร้อาวุธด้วยการฉีกรัฐธรรมนูญและริดรอนสิทธิเสรีภาพของคนไทยไป จากนั้นก็แต่งตั้งกลุ่มบุคคลในเครือข่ายของตนเขียนรัฐธรรมนูญขึ้นมาใหม่เยี่ยงเดียวกับที่เคยเกิดขึ้นเมื่อหลายสิบปีก่อนที่คณะปฏิวัติซึ่งมาจากทหารกระทำไว้ ประวัติศาสตร์เดินซ้ำรอยเดิมด้วยการกระทำของคนกลุ่มเดียวกัน คือ ผู้ถืออาวุธ
สัจธรรมที่พิสูจน์ด้วยกาลเวลาแล้ว คือ กระดาษที่มีเนื้อความสวยหรูหรือมีประโยชน์ต่อส่วนรวมมากเพียงใด มิอาจต้านทานความทะยานอยากของคนที่มีอาวุธในมือ แต่ขาดจิตสำนึกที่ถูกต้องได้เลย คำปลอบใจที่ผู้ใหญ่กล่าวต่อสาธารณชนว่า ถ้ามีรัฐธรรมนูญดี จะป้องกันมิให้มีการปฏิวัติ รัฐธรรมนูญปีพ.ศ. 2517 และ ปี พ.ศ. 2540 ซึ่งล้วนเกิดขึ้นจากประชาชนโดยแท้ กอปรกับคำพูดของผู้มีอาวุธที่มักกล่าวว่าการปฏิวัติล้าสมัยแล้ว ล้วนถูกกาลเวลาพิสูจน์ข้อเท็จจริงว่า ไม่มีสิ่งใดป้องกันการปฏิวัติ ยึดสิทธิเสรีภาพของประชาชนได้ตราบใดที่ฝ่ายหนึ่งมีอาวุธ อีกฝ่ายไม่มีสิ่งใดอยู่ในมือที่ทัดเทียมอาวุธ นอกจากลมหายใจเท่านั้น การสั่งสอนอบรมผู้ถืออาวุธจึงเป็นวิธีเดียวในการปฏิรูปจิตใจของพวกเขาให้เดินกลับสู่บทบาทหน้าที่แท้จริงของผู้มีอาวุธที่ต้องใช้มันเพื่อปกป้องเสรีภาพของประชาชนและเกียรติภูมิของประเทศ มิใช่เพื่อสนองความปรารถนาในอำนาจสูงสุดของบ้านเมืองด้วยการแย่งชิงและทำลายสิ่งกีดขวางทุกอย่างด้วยอาวุธที่มีเหนือผู้อื่น ด้วยกาลเวลาและความรู้ที่พัฒนาไปรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ที่มาจากกลุ่มคนซึ่งรับการแต่งตั้งจากพวกปฏิวัติจะมีความแนบเนียนในการเขียนเนื้อความเพื่อเป็นประโยชน์ต่อพรรคพวกแล้วอาศัยข้ออ้างว่าเป็นความต้องการของประชาชน แม้แต่กำหนดให้การปฏิวัติของตนเป็นสิ่งที่ถูกกฎหมายหรือการเป็นผู้นำบ้านเมืองจะเป็นใครก็ได้ ซึ่งต่างรู้ดีว่าเขียนขึ้นมาเพื่อเอื้อประโยชน์แก่กลุ่มใดเป็นหลัก แล้วอ้างสารพัดเหตุโดยไม่สนใจว่าหลักประชาธิปไตยนั้นผู้นำต้องมาจากตัวแทนของประชาชนซึ่งเลือกตั้งไว้ มิใช่การใช้อาวุธบีบคั้นผู้แทนประชาชนเลือกตนเป็นผู้นำประเทศดังเช่นที่เคยเกิดขึ้นเมื่อหลายปีก่อนที่ประชาชนเลือกตั้งพรรคใหญ่ด้วยคะแนนเสียงท่วมท้น แต่หัวหน้าพรรคกลับยกตำแหน่งให้ผู้นำทหารระดับสูงคนหนึ่งท่ามกลางเสียงลือหลังโต๊ะว่าเป็นอำนาจมืดบังคับให้กระทำเช่นนั้นและกลายเป็นตำนานหรือเรื่องขบขันของคนไทยในยุคต่อมา
ช่วงเวลาหลังการล้มล้างรัฐธรรมนูญเก่า แล้วเขียนฉบับใหม่นั้น ถือเป็นเรื่องธรรมดาที่ผู้มีอำนาจในบ้านเมืองต้องบัญชาการอยู่เบื้องหลังกลุ่มผู้เขียนฉบับใหม่เพื่อเอื้อประโยชน์แก่พรรคพวกให้สมกับความทุ่มเททำงานชิ้นใหญ่นี้ เรื่องทำนองนี้เกิดขึ้นมาแล้วในอดีตให้คนไทยศึกษาเรียนรู้เท่าทันความคิดของกลุ่มอำนาจเหล่านี้ได้ไม่ยากเย็น การเรียนรู้ประวัติศาสตร์ไทยจะเป็นกระจกเงาให้คนไทยเท่าทันและเข้าใจละครแต่ละฉากและสนุกสนานไปกับตัวละครต่างๆที่แสดงบนเวทีใหญ่ เมื่อได้เวลาในการออกเสียงตามคำสั่งของกลุ่มอำนาจปฏิวัติ จะมีวิจารณญาณมากพอในการตัดสินใจเชื่อฟังหรือโต้แย้งแก้ไขในเวลาอันควรได้ โดยไม่ควรให้ความหวังต่อรัฐธรรมนูญฉบับใหม่มากเกินไปเพราะประวัติศาสตร์เกิดซ้ำรอยแล้วตั้งแต่ต้น แม้หลายคนพยายามหลีกเลี่ยงก็ตาม แต่มิอาจทนต่อแรงเสียดทานจากผู้ถืออาวุธได้ สิ่งที่คนไทยต้องให้ความสนใจเป็นพิเศษนอกเหนือรัฐธรรมนูญตามใบสั่งของกลุ่มผู้ถืออาวุธแล้ว คือ เอาตัวรอดพ้นจากภาวะเศรษฐกิจตกต่ำให้ได้เพราะรัฐบาลไม่มีความสามารถมากพอจะช่วยเหลือคนไทยได้ จึงต้องช่วยตัวเองเป็นหลักใหญ่ ด้วยการรักษาตำแหน่งงาน การค้า เก็บออมเงินไว้กับตัว รอบคอบในการลงทุนเป็นพิเศษโดยเฉพาะบรรดากองทุนต่างๆทั้งของรัฐหรือเอกชน เราไม่ควรลืมว่าการยึดรถ เรียกคืนหนี้ตามสัญญากู้หรือหนี้ภาษี ล้วนเป็นไปตามหลักกฎหมายซึ่งรัฐบัญญัติไว้ควบคุมประชาชนและสังคม รัฐบาลจะไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวหรือช่วยเหลือชำระหนี้แทนผู้ใดด้วยข้ออ้างว่าเป็นเรื่องของกฎหมาย ดังนั้น ประชาชนต้องจัดการเรื่องเหล่านี้เอง จักเห็นว่าสุดท้ายแล้วผู้ที่ช่วยเหลือคนไทยต้องเป็นคนไทยเท่านั้น การดำเนินชีวิตอย่างระมัดระวังในช่วงวิกฤติที่รัฐบาลใหม่สร้างขึ้นนี้ จึงต้องอาศัยทักษะและความอดทนของคนไทยในการผ่านพ้นช่วงแห่งความยากลำบากนี้ ซึ่งเป็นสิ่งเดียวที่คนไทยกำหนดทิศทางความอยู่รอดได้ด้วยตัวเองอันแตกต่างจากรัฐธรรมนูญซึ่งผู้มีอำนาจสูงกลุ่มต่างๆในบ้านเมืองที่ลงทุนและแรงงานไปมากชี้นำหนทางสุดท้ายไว้แล้วและไม่ต้องการให้ผู้ใดเปลี่ยนแปลงมัน แม้แต่คำว่า “วีรบุรุษ” ยังไม่ต้องรอให้คนยกย่องตามหลักมาตรฐานทั่วไป แต่พูดแปะให้ตัวเองด้วยความร้อนใจว่าไม่มีสักคนพูดคำนี้ให้ได้ยินกันเสียที ส่อแสดงว่าอำนาจของผู้ชนะอยู่เหนือจิตสำนึกอันถูกต้องของสังคมไทย

***************************




 

Create Date : 25 มีนาคม 2550    
Last Update : 25 มีนาคม 2550 14:28:11 น.
Counter : 525 Pageviews.  

เพื่อภาษี ๑ บาท กับ ๑ ล้านบาท ?

เขียนโดย ลูกแก้ว

เมื่อได้อ่านคำให้สัมภาษณ์ของนักกฎหมายท่านหนึ่งซึ่งอยู่ในคณะตรวจสอบความผิดของนักการเมืองว่า ตนเคยขึ้นศาลภาษีเพราะไม่ยอมจ่ายค่าภาษีขายที่ดินตามจำนวนที่กรมสรรพากรประเมินมีจำนวนเงินน้อยกว่าภาษีของนักการเมืองที่ตนตรวจสอบอยู่และเป็นการต่อสู้ทางศาลเกี่ยวกับความขัดแย้งในข้อกฎหมาย มันบ่งบอกแนวคิดและความเห็นแก่ตัวของผู้ให้สัมภาษณ์ที่มองเรื่องตัวเองเล็ก ส่วนเรื่องคนอื่นใหญ่โตมาก แม้จะเป็นเรื่องเดียวกัน อันที่จริงแล้วการเลี่ยงภาษีคาบเกี่ยวกับการโต้แย้งด้านข้อกฎหมายแค่เส้นบางๆกั้นไว้เท่านั้น
ขั้นตอนปกตินั้นการเสียภาษีจะมีกฎระเบียบกำหนดไว้เป็นลายลักษณ์อักษร หลายคนอาจตีความเข้าข้างตนเพื่อไม่ต้องจ่ายภาษีก็ได้ แต่จะมีคณะกรรมการประเมินภาษีตัดสินปัญหาข้อกฎหมายเบื้องต้นคอยดูแลและพิจารณาข้อโต้แย้งระหว่างกรมสรรพากรกับผู้เสียภาษี หากผลพิจารณาไม่พอใจฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดมีสิทธินำคดีขึ้นสู่ศาลเพื่อตัดสินขั้นสุดท้ายได้จนถึงศาลฎีกา หลังจากได้คำพิพากษาฎีกาแล้ว ทุกฝ่ายต้องยอมรับคำตัดสินครั้งนี้โดยไม่มีคำโต้แย้งใดๆอีก การเลี่ยงภาษีนั้นต้องอาศัยข้อกฎหมายที่เอื้อต่อผู้เสียภาษีเป็นหลัก หากรัฐโต้แย้งว่าเห็นแตกต่างกัน ก็นำเรื่องเข้าสู่ขั้นตอนปกติดังกล่าวแล้วได้ จักเห็นว่าผู้เสียภาษีเลี่ยงจ่ายเงินภาษีน้อยหรือไม่จ่ายหรือรัฐไม่เห็นด้วยกับข้อกฎหมายที่ผู้เสียภาษีอ้างอิงโต้แย้งไว้ ย่อมนำคดีขึ้นสู่ศาลพิจารณาตัดสินได้เสมอ การเลี่ยงภาษีบาทเดียวหรือล้านบาทก็เป็นความผิดเท่าเทียมกัน ไม่ว่าคนเลี่ยงจะเป็นนักกฎหมายหรือผู้นำบ้านเมืองก็ตาม
ข่าวที่รับรู้กันในสังคมหรือสื่อมวลชนเกี่ยวกับการตรวจสอบการเลี่ยงภาษีของนักการเมือง มีขั้นตอนไม่แตกต่างจากระเบียบปฏิบัติปกตินัก นั่นคือ มีการโต้แย้งกันด้วยความเห็นเกี่ยวกับข้อกฎหมายที่แตกต่างกัน ซึ่งสุดท้ายจักส่งไปให้ศาลพิจารณาว่าความเห็นของฝ่ายใดเป็นความถูกต้อง สิ่งที่แตกต่างกันคือ คดีของนักกฎหมายนั้นมีขั้นตอนสั้นกว่าเพราะพอรับผลพิจารณาจากคณะกรรมการประเมินภาษีด้วยตัวเลขที่ไม่พอใจหรือไม่ตรงกับแนวคิดของตน ก็อุทธรณ์ต่อไปยังศาลชั้นสูง ขณะที่คดีของนักการเมืองมีขั้นตอนเพิ่มเติมก่อนสู่ชั้นศาลเท่านั้น หากมองดูด้วยความยุติธรรมแล้วมันเป็นการโต้แย้งเกี่ยวกับข้อเท็จจริงและข้อกฎหมาย แค่มีข้อกฎหมายหรือเงินจำนวนมากน้อยแตกต่างกันเท่านั้น ถ้าจะนับความเลวจากการเลี่ยงภาษีโดยเจตนาหรือไม่ นักกฎหมายหรือนักการเมืองไม่แตกต่างกันเลย แต่มีความผิดจริงหรือไม่ ข้อกฎหมายที่ถูกต้องคืออะไร ต้องเป็นดุลพินิจของศาล คนเลี่ยงภาษีบาทเดียวหรือล้านบาทก็มีเจตนากระทำทั้งสิ้นเพราะต้องยกข้อกฎหมายประกอบการไม่จ่ายภาษี นักกฎหมายหรือนักการเมืองใช้วิธีเดียวกัน จักแบ่งแยกว่านักกฎหมายทำได้และถือเป็นคนดี ส่วนนักการเมืองทำแบบเดียวกัน แล้วถือว่าเลวร้ายยิ่งกว่าได้อย่างไร มันเป็นความอยุติธรรมที่นักกฎหมายยัดเยียดแก่นักการเมืองที่ตนไม่ชื่นชอบ อันบ่งบอกความเอนเอียงไม่เป็นกลางในฐานะผู้ตรวจสอบความผิดของคนอื่น โดยเฉพาะประวัติมีตำหนิด้านเลี่ยงภาษีแล้วให้ตรวจสอบภาษีของศัตรูทางการเมืองของผู้แต่งตั้งตนมาทำงานนี้ มันสร้างความระแวงใจต่อการทำหน้าที่ของนักกฎหมายอย่างแน่นอน
ธรรมเนียมปฏิบัติในการตัดสินคดีของศาลยังต้องสนใจประวัติของผู้พิพากษาว่ามีประวัติที่บริสุทธิ์มากพอจะทำงานนี้หรือไม่ ความสัมพันธ์ส่วนตัวที่จะสร้างความเอนเอียงต่อคดีมีหรือไม่ ส่วนคณะตรวจสอบความผิดของนักการเมืองที่เฉพาะเจาะจงชื่อเหล่านี้ล้วนมีประวัติเคลือบแคลงอย่างมากในการใช้ชีวิตที่เป็นปฏิปักษ์ต่อผู้ถูกตรวจสอบชัดเจน การตรวจสอบประวัติคดีพิพาทที่หละหลวมจนมองว่าไม่บริสุทธิ์เพียงพอในการดำเนินคดีต่ออีกฝ่าย ทั้งที่รัฐบาลเน้นจริยธรรม คุณธรรม สูงส่งนักหนา นักกฎหมายเลี่ยงภาษีด้วยข้อกฎหมายแล้วพิพาทในศาลจนแพ้คดีและจ่ายเงินภาษีตามคำพิพากษาก็ไม่แตกต่างจากการต่อสู้คดีภาษีของนักการเมืองในวันนี้เพราะอาศัยข้อกฎหมายเช่นกัน
การตรวจสอบการทุจริตของนักการเมืองที่มีนักกฎหมายอยู่ในทีมงานสำหรับคดีรถดับเพลิงซึ่งน่าจะทำงานอย่างยุติธรรมและสมเหตุผล แต่กลับปล่อยคู่สัญญาที่เป็นผู้ว่ากทม.ไปด้วยข้ออ้างว่า เขามาทีหลัง ทั้งที่หลักสัญญานั้นผู้ว่าฯต้องเป็นคู่สัญญาและผู้ที่ทำให้สัญญาสมบูรณ์ด้วยการเปิดแอลซี คือ ผู้ว่าฯกทม. นอกจากนั้นยังมีการแก้ไขสัญญาบ่อยครั้งที่เอื้อประโยชน์แก่คู่สัญญาอีกฝ่ายและทำให้รัฐเสียหายตามหลักฐานเอกสาร คดีนี้เคยเข้าสู่การพิจารณาของตำรวจพิเศษมาแล้วยังเห็นว่าคู่สัญญาคือผู้ว่าฯกทม.ต้องรับผิดชอบโดยตำแหน่งและพฤติกรรมหลายอย่างของเขา ซึ่งถ้าเขาไม่ทำสิ่งนั้น สัญญาย่อมไม่เกิดขึ้นแน่นอน ความผิดจะไม่ตกถึงเขาด้วย แต่คณะทำงานฯกลับแจ้งเหตุผลต่อสาธารณชนว่า ผู้ว่าฯกทม.เข้าทำงานทีหลังและทำไปตามหน้าที่เพื่อให้สัญญามีผลสมบูรณ์ ทั้งที่ระเบียบข้าราชการนั้นหากเห็นว่าสิ่งใดผิดกฎหมายหรือสร้างความเสียหายแก่รัฐ ก็มีสิทธิปฏิเสธการทำงานหรือแจ้งให้หน่วยงานเหนือตนรับทราบไว้ แต่ไม่มีการกระทำนั้นแต่อย่างใด อย่าลืมว่าผู้ว่าฯกทม.ยังเป็นคนมีสติสมบูรณ์ดีพอจะรู้ว่าการเปิดแอลซีคือการสนองรับสัญญาทำให้มันสมบูรณ์ขึ้น จะปัดความรับผิดชอบนี้ไม่ได้อย่างน้อยในฐานะผู้มีอำนาจโดยตรง คณะตรวจสอบความผิดนักการเมืองที่มีนักกฎหมายอยู่ในทีมด้วยก็ยืนยันว่าผู้ว่าฯกทม.ไม่ผิดเพราะมาทำงานทีหลัง แต่ไม่มีข้อกฎหมายสนับสนุนอย่างใดอันสร้างความเคลือบแคลงใจแก่ประชาชนว่ากำลังเอื้อประโยชน์แก่นักการเมืองฝ่ายเดียวกับรัฐบาลที่มาจากการแต่งตั้งโดยคมช. มิได้ยึดถือหลักยุติธรรมและหลักกฎหมาย การปฏิบัติสองมาตรฐานเริ่มเห็นชัดขึ้น โดยเฉพาะความเป็นคนที่มีกิเลสตัณหาของคณะกรรมการเหล่านั้นบอกชัดว่าเขายังเป็นมนุษย์ปุถุชนที่มีรัก โลภ โกรธ หลง เหมือนคนไทยทั่วไป มิใช่เทวดาผู้มีจริยธรรมสูงส่งอย่างที่พยายามสร้างภาพกันมาหลายเดือน คนไทยต้องระวังในการรับฟังข้อมูลจากแหล่งข่าวเหล่านี้แล้วใช้วิจารณญาณในการเชื่อถือมากขึ้น เพราะการหาคนมากด้วยจริยธรรมสูงล้ำฟ้ายากยิ่งนัก คนดีเดินดินทั่วไปก็แค่เฝ้ามองรอบนอกเท่านั้น และเห็นใจคนที่ไม่ได้รับความยุติธรรมแท้จริงจากคนที่อ้างตนว่ามีจริยธรรมสูงส่ง

***************************




 

Create Date : 13 มีนาคม 2550    
Last Update : 13 มีนาคม 2550 14:12:11 น.
Counter : 446 Pageviews.  

มืออาชีพกับในนาม

เขียนโดย แก้วมณี

ทหาร คือ รั้วของชาติเป็นแนวคิดที่บ่งบอกหน้าที่หลักของผู้มีตำแหน่งทหารตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ประชาชนยังสั่งสอนหน้าที่ของทหารแก่ลูกหลานสืบทอดกันมาด้วย ประเทศไทยมีความมั่นคงและแข็งแรงได้ส่วนหนึ่งมาจากความกล้าหาญและเด็ดเดี่ยวของทหาร หลายปีที่ผ่านมาหลายประเทศพัฒนากองทัพให้เข้มแข็งเพื่อใช้ปกป้องประเทศด้วยการเสริมกำลังอาวุธ พัฒนากำลังพลเพื่อรับกับสงครามสมัยใหม่ที่ใช้ปัญญาเป็นอาวุธหลัก เราจึงเห็นยุทโธปกรณ์ที่ทันสมัย ล้ำยุคออกมาทุกปี โดยเน้นการใช้กำลังพลน้อย แต่ทรงประสิทธิภาพสูง หลายประเทศจึงลดกำลังพลลงให้เหมาะกับยุทโธปกรณ์ แล้วเน้นพัฒนาบุคลากรให้เก่งฉกาจ ฉลาดหลักแหลมขึ้น ดังที่เกิดขึ้นในประเทศมหาอำนาจทั้งหลาย เช่น อเมริกา รัสเซีย จีน เป็นต้น วัฏจักรความเปลี่ยนแปลงของกองทัพในโลกไปสู่ความทันสมัยดังกล่าวแผ่ขยายมาถึงไทยด้วย จึงมีแผนพัฒนากองทัพไทยให้ลดขนาด แต่เพิ่มประสิทธิภาพของคนและอาวุธขึ้น อันส่งผลทางตรงและทางอ้อมต่อบุคลากรที่ประจำการอยู่
แผนลดขนาดกองทัพไทยลงส่งผลต่อนายทหารชั้นสูงระดับนายพลมากมายที่ไม่มีภาระหน้าที่ใดๆทางทหารเหมือนเช่นในอดีต ข่าวหนึ่งที่น่าสนใจ คือ กองทัพไทยมีนายทหารระดับนายพลทั้งพลเอก พลโท พลตรี มากที่สุดในโลก จึงสังเกตเห็นว่า หลายปีหลังมานี้ทหารระดับพลเอกมีอายุน้อยลง ผิดแผกจากในอดีตที่กว่าจะเลื่อนขั้นเป็นพลเอกต้องเคยสร้างผลงานในสนามรบตามอาชีพของตนมามากสนาม กำจัดอริราชศัตรูจำนวนมาก มีผลงานด้านการวางแผนรบที่เยี่ยมยอดและช่วยลดปัญหาของชาติลงอย่างเห็นได้ชัด จึงมีการเลื่อนยศ เลื่อนขั้นเป็นพิเศษ แต่ปัจจุบันนี้การเลื่อนระดับชั้นทำทุกปีๆละขั้น ไม่มีความผิดก็เลื่อนปีละขั้นไม่นานก็ติดยศพลเอก โดยไม่คำนึงถึงผลงานด้านวิชาชีพทหารของเขา แค่เลือกคบนายใหญ่ให้ถูกทิศทาง ก็มีทางเลื่อนยศสูงขึ้นได้ มันดูแตกต่างจากวิชาชีพทหารในหลายประเทศ โดยเฉพาะประเทศมหาอำนาจอย่างอเมริกาหรือจีน หลายคนที่เก่งกาจเป็นที่เลื่องลือนามในฐานะทหารกล้า อาจมียศแค่จ่าหรือนายพันเท่านั้น แต่นายพลไทยที่เดินขวักไขว่ทั่วบ้านเมืองหากถามถึงผลงานด้านการทหาร จะไม่สามารถบอกได้เต็มปากเลยว่าทำความดีความชอบสิ่งใดในวิชาชีพทหาร อันแตกต่างจากนายทหารในอดีตหลายท่านซึ่งเป็นที่นับถือของประชาชนว่าเคยผ่านสนามรบเขาค้อ ปราบแดนใต้ ในฐานะผู้บังคับการ สร้างวีรกรรมหลายอย่าง มิใช่เป็นแค่พลทหารรับใช้หรือด้านหนึ่งด้านใดที่ไม่เคยผ่านสนามรบเยี่ยงผู้มีวิชาชีพทหารมาก่อน ชื่อนายพลทหารที่ติดปากประชาชนด้วยผลงานเกี่ยวกับวิชาชีพทหารในอดีตและยังเป็นที่จดจำถึงทุกวันนี้ เช่น พลเอกหาญ ลีนานนท์ (สมรภูมิภาคใต้) พลเอกอาทิตย์ กำลังเอก (สมรภูมิชายแดนลาว) เป็นต้น หากลองคิดทบทวนถึงผู้บัญชาการทหารยุคหลัง จักนึกถึงผลงานของพวกท่านที่น่าจดจำไม่ได้เลย แม้แต่ผู้นำบ้านเมืองยุคนี้ทั้งนายกรัฐมนตรีหรือประธานคมช.ซึ่งมาจากผู้บัญชาการทหารเช่นกัน สิ่งที่เรารู้จักพวกเขามิใช่จากวิชาชีพทหาร แต่เป็นการใช้กำลังพลและอาวุธทำลายกฎหมายสูงสุดของชาติแล้วขึ้นสู่อำนาจบริหารประเทศที่เรียกกันติดปากว่า ปฏิวัติ ซึ่งพวกทหารนิยมกระทำกันมาแต่อดีตดังเช่นที่คนยังจดจำเสมอ คือ จอมพลป. พิบูลย์สงคราม จอมพลสฤษฎ์ ธนะรัตน์ จอมพลถนอม จอมพลประพาส ยุคปัจจุบันเรามิได้จดจำนายทหารจากวิชาชีพของเขา แต่มาจากพฤติกรรมฝ่าฝืนกฎหมายของชาติและใช้อาวุธบีบคั้นประชาชนให้ยอมรับการกระทำของพวกเขา มันจึงสร้างความคลางแคลงใจว่ายุคนี้ทหารวิชาชีพแท้จริงยังมีอยู่ในสังคมไทยหรือไม่ ทำไมทหารกลุ่มหนึ่งจึงกระสันอยากเป็นนักการเมืองแต่ไม่ยอมเข้าสู่กระบวนการที่ถูกต้อง กลับเลือกใช้กำลังข่มขู่บังคับเพื่อให้ตนได้อำนาจสูงสุดในประเทศด้วยสารพัดข้ออ้างที่จริงบ้าง เท็จบ้าง อันเป็นการฉวยโอกาสเมื่อเกิดความขัดแย้งทางการเมืองขึ้นแล้วสร้างภาพวีรบุรุษแก่พวกตน
ตั้งแต่ปีพ.ศ. 2540 ซึ่งประเทศไทยเกิดวิกฤตการณ์ด้านเศรษฐกิจอย่างหนัก เงินคงคลังน้อยมากส่งผลต่อเสถียรภาพของประเทศ สถิติคนตกงานสูงลิ่ว ความหวาดกลัวฤทธิ์เดชของทหารที่ปฏิวัติเมื่ออดีตยังคงอยู่ในหัวใจของคนไทย แต่เวลานั้นผู้นำทางทหารหลายท่านล้วนเป็นทหารมืออาชีพที่ไม่เข้าไปก้าวก่ายการบริหารบ้านเมืองหรือใช้เป็นข้ออ้างเพื่อปฏิวัติยึดอำนาจมาเป็นของตนเหมือนรุ่นพี่ แต่กลับอยู่ในกรมกองและให้ความร่วมมือแก่รัฐบาลด้านการลดค่าใช้จ่ายเพื่อประคองบ้านเมืองไว้เยี่ยงเดียวกับหน่วยราชการอื่น จนกระทั่งชาติผ่านพ้นสถานการณ์ล่อแหลมที่อาจเป็นประเทศล้มละลายให้ต้องอับอายทั้งสากลโลก คนไทยในเวลานั้นต่างยกย่องและสบายใจที่ทหารไม่ฉวยโอกาสซ้ำเติมประเทศและประชาชนเหมือนที่เคยเกิดขึ้นในอดีตด้วยการยอมรับวิชาชีพอันทรงเกียรติของตนและไม่ก้าวก่ายสู่งานของนักการเมือง รู้บทบาทที่ถูกต้อง ผู้นำทางทหารสูงสุดหลายท่านยังครองความนับถือในหัวใจของคนไทยจนบัดนี้
การปฏิวัติด้วยกองทัพทหารในบัญชาการของผู้นำทางทหารเมื่อเดือนกันยายน ปี 2549 ด้วยข้ออ้างสารพัดที่มีประชาชนติดพ่วงไปด้วย เริ่มต้นเป็นความหวังเจิดจ้า แต่เวลาที่ผ่านมาจักเห็นวิธีทำงานของผู้นำที่มาจากทหารและวิสัยทัศน์ด้านการบริหารประเทศที่มักมีวาระซ่อนเร้นเพื่อสอดแทรกอำนาจทหารไปยังหน่วยงานรัฐที่ไม่เกี่ยวข้องกับวิชาชีพทหารเลยโดยเสนอแนะหรือออกนโยบายที่เอื้อต่อการขยับขยายกำลังพลระดับสูงตั้งแต่นายพลเอกลงมาซึ่งตอนนี้มีล้นกองทัพอันไม่เป็นผลดีต่อการปรับปรุงกองทัพให้ทันสมัยตามระบบสากล ผู้นำบ้านเมืองและการปฏิวัติจึงพยายามระบายเหล่านายพลไปประจำทำงานที่มิใช่วิชาชีพทหารและรับเงินเดือนจากหน่วยงานเหล่านั้นซึ่งสูงกว่าโดยพวกเขามีสิทธิเลือกใส่ชื่อของเขาตามหน่วยงานได้มากตามใจปรารถนา
นโยบายและแนวคิดที่นำเสนอจากปากของผู้นำคมช.หรือนายทหารใกล้ชิดเกี่ยวกับอนาคตของนายทหารระดับสูงของกองทัพมีออกมาเป็นระยะ ตัวอย่างเช่น การเสนอตำแหน่งรองผู้ว่าราชการจังหวัดฝ่ายความมั่นคงในจังหวัดทั้งหมดของไทยโดยเจาะจงให้เป็นนายทหารเท่านั้น ทั้งที่หลายจังหวัดมีความมั่นคงทางสังคมสูง แต่แต่งตั้งไว้เพื่อประดับและช่วยแบกรับภาระแทนกองทัพทั้งที่รู้ดีว่างานความมั่นคงนั้นมีหน่วยงานเฉพาะกิจ เช่น กอรมน. ศอบต. เป็นต้น รับผิดชอบอยู่แล้ว มันจึงเป็นความซ้ำซ้อนแบบตั้งใจเพราะปัญหาของกองทัพเองโดยไม่คำนึงว่าบุคลากรด้านบริหารบ้านเมืองกับการป้องกันประเทศแบบทหารมีความแตกต่างอย่างมาก มันเป็นการยัดเยียดบุคลากรที่ไม่ใช่นักบริหารรัฐกิจและใช้คนไม่เหมาะสมกับงานอันถือเป็นการสูญเปล่าของบ้านเมืองที่ลงทุนฝึกฝนและสั่งสอนให้ทหารแต่ละคนมีความเก่งกล้าสามารถในวิชาชีพทหารซึ่งใช้เวลาหลายปีกว่าจะชำนาญเฉพาะทาง แต่กลับนำทหารไปนั่งโต๊ะใช้ปากกาเซ็นเอกสาร แทนที่จะใช้ทักษะด้านอาวุธกำจัดศัตรูเพื่อความร่มเย็นของบ้านเมือง หรือส่งทหารไปเป็นพระเอกหนัง แทนที่จะนำทัพออกปราบโจรภาคใต้ที่เข่นฆ่าคนบริสุทธิ์หรือข้าราชการไปหลายร้อยคนในหนึ่งปี คนไทยจำนวนมากได้ยินแนวคิดของเหล่าผู้นำทหารหรือบ้านเมืองก็เริ่มมั่นใจว่าความหวังที่เคยฝากไว้นั้นริบหรี่ลง กลุ่มผู้นำคิดได้แคบเพียงนี้ อนาคตของทหารไทยที่ถูกต้องและสง่างามคงหวังได้ยากยิ่ง
การตั้งกรรมการบอร์ดรัฐวิสาหกิจใหม่หลังการปฏิวัติทันทีโดยอ้างสารพัดเหตุ มิใช่มาจากการหมดวาระหรือไร้ความสามารถตามหลักสากล จากนั้นคณะปฏิวัติหรือคณะคมช.ตั้งนายทหารสารพัดยศเข้านั่งในบอร์ดเหล่านั้นคนละหลายบอร์ดราวกับคนเหล่านั้นเก่งกาจสามารถสารพัดประโยชน์ คือ เป็นนายทหารและนักบริหารที่หาญเก่งที่สุดในเมืองไทยและแบ่งแยกร่างกับการทำงานได้มากกว่าคนไทยทั่วไป นายทหารปรากฏนามในทุกหน่วยงานรัฐวิสาหกิจ หนึ่งชื่อในหลายหน่วยงานมีให้เห็นชินตา ตามระเบียบราชการแล้วนายทหารเหล่านั้นมีสิทธิเลือกรับเงินเดือนทหารหรือกรรมการบอร์ดได้โดยเฉพาะเงินบอร์ดนั้นจะไม่จำกัดจำนวนหน่วยงานด้วย ดังนั้น นายทหารจึงพอใจเลือกเงินเดือนบอร์ดเป็นหลักเพราะไม่มีระเบียบจำกัดการรับเงิน บางครั้งยังมีเงินนอกระบบเข้ามาด้วย พอเข้าสู่บอร์ดแล้วจะมีการสั่งจ่ายงบชื่อพิลึกหรืองบดูงานที่ควรให้ผู้เชี่ยวชาญไปหาความรู้ประกอบคำชี้แนะแก่บอร์ด แต่กลับเสนอตัวเองพร้อมครอบครัวครบทุกคนด้วยข้ออ้างว่าไปดูงาน เฉกเช่นเดียวกับการย้ายตำแหน่งของราชการที่ใช้ข้ออ้างเดียวกันตั้งแต่โบราณว่า ย้ายเพื่อความเหมาะสม
การเรียกคืนผลประโยชน์ที่ทหารเคยได้รับจากค่าเช่าสนามบินดอนเมืองแล้วต้องถูกเลิกไปเพราะสนามบินใหม่ถือกำเนิดขึ้นหลังสี่สิบปีผ่านไปแล้ว จักเห็นกระบวนการทำลายความน่าเชื่อถือของสนามบินใหม่ซึ่งถือว่าเป็นสนามบินใหญ่ที่สุดในโลกขณะนี้จากนายทหารของคมช.ที่เดินหน้ากันออกสื่อมวลชนทุกวันสลับกันทีละคนเพื่อทำลายบอร์ดของสนามบินใหม่ กดดันบอร์ดหรือทีมงานให้ออกเพื่อตั้งคนของตนเข้าทำงาน ทั้งที่สนามบินเปิดได้ไม่ถึงสามเดือนเท่านั้น จากนั้นจะเสนอให้ย้ายสนามบินกลับไปใช้ดอนเมืองอีกครั้งด้วยข้ออ้างว่ามีความเสียหายมากในสนามบินใหม่ ส่วนข่าวปริมาณความเสียหายแท้จริงที่คิดเป็นเปอร์เซนต์เพียงไม่ถึงห้าเปอร์เซนต์และแก้ไขได้ด้วยเวลาไม่นานนัก กลับถูกสำทับมิให้นำเสนอข่าวมุมนี้หรือแม้แต่การสอบถามจากฝ่ายผู้ก่อสร้างที่อยู่ในระยะประกันเลย ช่วงที่อยู่ในระหว่างการตัดสินใจของรัฐบาลตามระเบียบนั้น นายทหารหลายคนที่เป็นใหญ่ในคมช.เดินหน้าพูดย้ำความเสียหายใหญ่และเล็กทั้งที่กำลังตรวจสอบหรือซ่อมแซมแล้วต่อเนื่อง แม้แต่ท่อน้ำส้วมแตกยังนำทีมข่าวไปชมอีกด้วย เมื่อรัฐบาลมีมติให้ย้ายสนามบินบางส่วนกลับดอนเมือง นายทหารเหล่านั้นก็เงียบเสียงลงเพราะได้ทุกสิ่งสมปรารถนาเนื่องจากรัฐบาลต้องสั่งจ่ายเงินงบประมาณไปซ่อมแซมดอนเมืองใหม่เพราะความเก่าคร่ำ แทนที่จะบริหารสนามบินใหม่ตามงบที่มีอยู่แล้วด้วยการแก้ไขปัญหาทุกอย่างเยี่ยงเดียวกับหลายประเทศกระทำกัน กลับใช้ความคิดตื้นเขินเหมือนเด็กเล่นขายของด้วยการสั่งย้ายสนามบินง่ายๆ ไม่คำนึงถึงชื่อเสียง ความน่าเชื่อถือของประเทศหรือผู้บริหารบ้านเมืองว่าต่างชาติจะมองว่าด้อยประสบการณ์เพียงใดต่อปัญหาง่ายๆเช่นนี้ นอกจากได้ค่าเช่าจำนวนสูงกลับมาแล้ว ผลประโยชน์ที่เคยหายไปจากการย้ายดอนเมืองก็กลับคืนมาอีก เช่น มาเฟียดอนเมือง คิวรถแท็กซี่ ค่าหัวคิวร้านค้า และสารพัดรายได้ แล้วยังเพิ่มด้วยสนามบินใหม่ซึ่งยัดเยียดทหารเข้าบริหารเฉกเช่นเดียวกับที่ดอนเมือง จึงถือเป็นโชคสองชั้นที่ตั้งใจให้เกิดแก่พวกพ้องของตนอย่างเห็นได้ชัด
หลังจากการยึดอำนาจอันขัดต่อกฎหมายสูงสุดของประเทศในเวลานั้นแล้ว ผู้นำคนใหม่กับคณะคมช.มุ่งเน้นการยึดคืนทุกสิ่งที่เป็นของผู้นำคนก่อนหรือผู้เกี่ยวข้อง แม้แต่การเปลี่ยนชื่อสถานที่ ชื่อโครงการ ยกเลิกงานที่ทำค้างไว้โดยไม่คำนึงว่าผู้ใดจะเสียหายหรือเป็นโทษต่อสังคมเพียงใด แต่ไม่มีการริเริ่มสร้างสรรค์งานใหม่ โดยเน้นให้ประชาชนใช้ชีวิตพอเพียงและพอใจต่อสิ่งที่รัฐบาลทำในวันนี้เท่านั้น อย่าคิดหวังสิ่งใดอีก แต่ละวันนายทหารผลัดเปลี่ยนกันอยู่หน้าจอแจ้งว่าจะยึดสัมปทานของผู้เกี่ยวข้องกับรัฐบาลเดิมหรือที่มีหุ้นของบริษัทต่างชาติหรือคนต่างชาติจนสร้างความหวาดกลัวแก่นักลงทุนทั้งเก่าและใหม่ว่าต้องการขับไล่พวกเขาออกจากตลาดการลงทุนไทย กล่าวประณามผู้นำรัฐบาลเก่าทั้งจริงหรือเท็จแล้วแต่กรณี ปล่อยทิ้งปัญหาความไม่สงบในภาคใต้ให้ลุกลามไม่หยุดหย่อน คนบริสุทธิ์ตายเพิ่มขึ้นทุกวัน รวมทั้งนายทหาร นายตำรวจ ซึ่งทำงานด้วยความเหนื่อยยาก แต่คณะคมช.และรัฐบาลกลับมุ่งความสนใจไปที่การยึดทรัพย์หรือสัมปทานรัฐ ทำให้อดคิดถึงอดีตของผู้นำท่านหนึ่งซึ่งพอขึ้นครองอำนาจได้ก็สั่งยึดโรงกลั่นน้ำมันซึ่งเอกชนได้รับสัมปทานด้วยสารพัดเหตุผลที่คิดได้แต่แฝงความไม่พอใจส่วนตนไว้ ทำให้คนงานต้องถูกลดเงินเดือน โบนัส เพราะกลายสภาพเป็นกิจการของรัฐที่บริหารอย่างขาดทุน จนถึงวันนี้ก็ไม่สามารถปรับปรุงตัวเองให้ทันสมัยเทียบเท่ากับโรงกลั่นหลายชาติเพราะขาดเงินทุน ทั้งนี้เกิดจากแนวคิดง่ายของนายทหารที่ไม่ชำนาญการบริหาร แต่เก่งฉกาจในด้านการรบซึ่งทหารไทยไม่เคยน้อยหน้าชาติใดในโลกอย่างแน่นอน มันแสดงว่าระบบความคิดเรื่องการยึดทรัพย์ของบุคคลที่ตนไม่ชอบหรือถือเป็นศัตรู การยึดสัมปทานรัฐ การยึดวิทยุโทรทัศน์ เกิดขึ้นมานานหลายสิบปีแล้ว ทหารยุคนี้ก็ยังนำมาใช้อย่างแข็งขัน ไม่เปลี่ยนแปลงตามโลกสากล
สถานการณ์ความไม่สงบในภาคใต้นั้นคณะคมช.อ้างเสมอว่าเป็นความรับผิดชอบของทหารตามกฎอัยการศึก แต่ความตายในจังหวัดเหล่านั้นไม่เคยลดลงเลย แค่ปิดข่าวไว้เท่านั้น ข้าราชการพลเรือนและทหารสูญเสียไปมากมาย หลายครั้งจับผู้ต้องสงสัยหรือผู้ต้องหาตามหมายจับได้ พอชาวบ้านรวมตัวกันประท้วงช่วยเหลือพวกนั้น คำสั่งจากหน่วยเหนือก็ให้ปล่อยตัวทันที จึงสร้างความได้ใจและทำซ้ำซากจนกลายเป็นวัฒนธรรมท้องถิ่นไปแล้วว่าคนไทยมุสลิมทำผิดโดยไม่ถูกจับ คนไทยพุทธอย่าทำผิด มีสิทธิ์ติดคุกหรือประหารชีวิตได้ ตอนนี้สร้างความเหลื่อมล้ำระหว่างคนในพื้นที่ไปแล้วด้วยการปฏิบัติของเจ้าหน้าที่ ความยุติธรรมหรือกฎหมายใช้ในพื้นที่นั้นไม่ได้เลย เมื่อทหารเป็นผู้มีอำนาจสูงสุดในพื้นที่ แต่คมช.กลับให้ความสนใจการยึดสัมปทานดาวเทียม สถานีโทรทัศน์ ทรัพย์สินของผู้นำคนเก่า ทุกครั้งที่พูดคุยกับนักข่าวจะย้ำเรื่องยึดคืนสมบัติของชาติที่คาดว่าอยู่ในมือต่างชาติ แทนที่จะแจ้งความคืบหน้าในการสงบไฟใต้ว่าจะใช้วิธีใด นอกจากสมานฉันท์ที่ใช้กับคนบางกลุ่มได้ แต่พวกหัวแข็งต้องใช้วิธีรุนแรงและรุกไล่หนักให้พ้นแผ่นดิน มันทำให้คนไทยมองเห็นวิสัยทัศน์ที่คมช.ชอบทำงานง่ายๆ คือ การยึดทรัพย์เป็นเรื่องง่ายกว่าทำลายกลุ่มโจร โดยเฉพาะแนวคิดตั้งกองกำลังมุสลิมขึ้นในพื้นที่ด้วยข้ออ้างว่าเพื่อทำงานสบายใจระหว่างทหารกับคนในพื้นที่ในเวลาเสี่ยงและไม่สามารถแยกแยะคนดีคนชั่วได้ อันน่าจะเป็นการส่งเสริมให้แนวคิดแยกแผ่นดินเป็นของตนเองเร็วและง่ายขึ้นโดยการสนับสนุนของนายทหารชั้นสูงและอาวุธของคนไทยเอง นอกจากนั้นยังกล่าวโทษความรุนแรงต่างๆที่เพิ่มขึ้นหลังการปฏิวัติแก่ผู้นำรัฐบาลเก่าว่าหนุนอยู่เบื้องหลังซึ่งดูไร้น้ำหนักหรือเมื่อฝ่ายโจรพอใจที่กลุ่มคมช.ซึ่งเรืองอำนาจในเวลานี้เป็นคนไทยมุสลิมซึ่งถือเป็นพี่น้องของพวกเขาด้วยว่าน่าจะช่วยเหลือพวกเขาให้สมปรารถนาเร็วขึ้น อันที่จริงแล้วภาคใต้ต้องการนายทหารที่เก่งกาจด้านการทหารอย่างแท้จริง มีความซื่อสัตย์ มิใช่นายทหารที่อยากเป็นนักบริหารบ้านเมือง หากมีนายทหารที่เป็นมืออาชีพอย่างแท้จริงดังเช่นแม่ทัพภาคใต้หลายคนในอดีตซึ่งเลื่องชื่อให้โจรเกรงกลัว เชื่อได้ว่าภาคใต้ต้องสงบเร็ววันแน่ โชคไม่ดีที่ผู้นำทางทหารสนใจเรื่องอื่นมากกว่าวิชาชีพของตน ภาคใต้จึงต้องพบความมืดหม่นอีกนาน
เวลาพิสูจน์ความสามารถของคนด้วยการเปิดโอกาสให้แสดงออกต่อคนอื่น บางคนใช้เวลานั้นแสดงความสามารถแท้จริงให้โลกประจักษ์และยอมรับ บางคนแค่ใช้มันเพื่อเปลี่ยนแปลงฐานะความเป็นอยู่ของครอบครัวใหม่ด้วยข้ออ้างว่าทำเพื่อชาติ ทั้งที่เห็นความเสียหายเกิดแก่ชาติเต็มตา แต่ยังเน้นว่าเขาเป็นวีรบุรุษทำเพื่อชาติ ทั้งที่วีรบุรุษต้องเคารพกฎหมายและคนอื่นยกย่องตนเอง มิใช่ประกาศให้คำนี้เป็นสมบัติของเขา ทหารต้องใช้เวลาหลายปีในการบ่มเพาะความรู้ ความเชี่ยวชาญพิเศษ รวมทั้งสร้างความภักดีสูงสุดในการเสียสละเพื่อชาติ แต่นายทหารหลายคนปล่อยให้สัญชาตญาณมนุษย์ยามที่มีอาวุธในมือจะรู้สึกว่ามีอำนาจและต้องได้ทุกสิ่งด้วยการบังคับ เท่ากับปล่อยอารมณ์ครอบงำโดยสมบูรณ์ อันแตกต่างจากนายทหารอาชีพที่ถืออาวุธเพื่อรักษาอธิปไตยของชาติ มิใช่บังคับให้ได้สิ่งที่ต้องการจากทุกคนไม่เลือกหน้า หากทหารต้องการเป็นนักบริหารบ้านเมืองด้วย ก็ควรปรับปรุงหลักสูตรที่เรียนกันอยู่ให้หลากหลายขึ้น ต่อไปคนไทยจะได้เห็นนายทหารมือบริหารบ้านเมืองกับนายทหารมืออาชีพ การก่อกบฎด้วยการขนอาวุธนับแสนชิ้นหรือพลทหารนับหมื่นคนออกมายืนโชว์กลางถนนคงน้อยลงหรือหายสูญไป เพราะทหารมีทางเลือกสนองความปรารถนาพื้นฐานเยี่ยงมนุษย์ปุถุชนได้แล้ว แทนที่จะถูกบังคับให้เสียสละชีวิตเพื่อชาติในสนามรบอย่างเดียว คนที่อยากเป็นทหาร แต่ไม่ต้องการอยู่ในสนามรบและชอบเครื่องแบบทหาร ก็มีทางเลือกเพิ่มขึ้น นายทหารที่เป็นหัวหน้ากบฎซึ่งถูกเขียนรำลึกในประวัติศาสตร์ไทยในทางเสื่อมเสียศักดิ์ศรีความเป็นทหารจะหายไป สำหรับเวลานี้เรายังไม่มีการแยกแยะทหารอาชีพกับทหารในนามอย่างชัดเจน ทหารทั้งหลายควรยอมรับบทบาทแท้จริงและเป็นที่เคารพของประชาชนเป็นที่ตั้งก่อน คือ เป็นรั้วของชาติในการป้องกันหรือกำจัดอริราชศัตรูของชาติด้วยทักษะชั้นเลิศและอาวุธเป็นหลัก มิใช่นำอาวุธออกมาลิดรอนสิทธิพื้นฐานของชาวบ้าน สนองความต้องการอำนาจของตนเอง ก้าวก่ายเข้าสู่อำนาจทางการเมืองโดยไม่ชอบด้วยกฎหมายหรือตรากฎหมายเพื่อให้ทหารมีอำนาจครอบงำทุกส่วนของราชการหรือชีวิตคนไทย ทหารต้องอยู่ในบังคับบัญชาของรัฐบาลซึ่งถือเป็นตัวแทนของประชาชน มิใช่หน่วยงานอิสระ มิได้อยู่ในฐานะเจ้านายของประชาชน หน้าที่ความรับผิดชอบแท้จริงของทหารเป็นที่รู้กันดีในหมู่ประชาชนและเคารพนับถือทหารโดยรวมอยู่แล้ว หากทำผิดหน้าที่และแสดงวิสัยทัศน์ที่คับแคบจักทำลายความรู้สึกเหล่านั้นลง ต้องไม่ลืมว่าทหารหรือมนุษย์ทั่วไปล้วนไม่เก่งกาจทุกศาสตร์ของโลก แต่จงทำงานกับสิ่งที่ตนชำนาญ จักสร้างประโยชน์สุขแก่ปวงประชาได้ อย่าถามว่าประชาชนต้องการสิ่งใดจากทหาร แต่ทหารต้องกระทำหน้าที่ของตนอย่างเข้มแข็งและถูกต้องก่อน อาวุธมีขีดจำกัด ทหารถูกจำกัดจำนวนได้ แต่ประชาชนมีเต็มประเทศ ถ้าพวกเขาไม่พอใจหน้าที่ผิดปกติของทหาร คงมองเห็นผู้แพ้ได้ไม่ยาก

***************************




 

Create Date : 13 มีนาคม 2550    
Last Update : 13 มีนาคม 2550 14:08:53 น.
Counter : 470 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  

arbel
Location :
กรุงเทพ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [?]




Friends' blogs
[Add arbel's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.