|
|
เสรีภาพ : ฝันสลาย
เขียนโดย แก้วมณี
ข่าวการปิดกระดานความเห็นทางการเมืองและสังคมของเว็บพันทิพโดยอ้างเหตุผลว่าการแสดงความเห็นไม่สอดคล้องหรือขัดแย้งต่อภาพพจน์ของรัฐบาลและคมช.จนเป็นอันตรายต่อความมั่นคงแห่งชาติ หากหวนคิดถึงภาพเว็บนี้ก่อนการปฏิวัติจะเห็นการแสดงความคิดเห็นทั้งต่อต้านรัฐบาลเวลานั้นและสนับสนุนฝ่ายตรงข้ามรัฐบาลอย่างกว้างขวางโดยรัฐบาลมิได้มีมาตรการใดในการปิดกั้นการแสดงความเห็นของประชาชน ทั้งที่มีอำนาจเดียวกันของกระทรวงไอซีที และหลายคนยังเคยเสนอให้ควบคุมการแสดงความเห็นทางอินเตอร์เนต แต่รัฐบาลปฏิเสธด้วยข้ออ้างว่ารัฐธรรมนูญให้สิทธิเสรีภาพแก่ประชาชนในการออกความเห็นที่ขัดแย้งหรือสนับสนุนอย่างเป็นอิสระ ในเวลานั้นจึงมีความเห็นหลากหลายแสดงผ่านสื่อมวลชนหลายชนิดและค่อนข้างรุนแรง แม้แต่ในเว็บบอร์ดการเมือง หากเปรียบเทียบกับเวลาหลังการปฏิวัติและวันนี้แล้วจะเห็นว่า การแสดงความเห็นของประชาชนผ่านช่องทางต่างๆถูกควบคุมเคร่งครัดอย่างมาก โดยเฉพาะความเห็นที่ขัดแย้งหรือสร้างผลเสียต่อภาพพจน์ของรัฐบาลแต่งตั้งหรือคมช. ขณะที่ความเห็นใดมีผลร้ายต่อศัตรูการเมืองของตนหรือผลดีต่อรัฐบาลและคมช.จะได้รับการส่งเสริมพิเศษในการเผยแพร่สู่สาธารณชนชัดเจน เช่น รายการของผู้จัดคนหนึ่งได้นำเสนอที่ช่อง 11 ด้วยวิธีเร่งรัดและไม่เสียค่าเช่าเวลาด้วยข้ออ้างว่าเป็นประโยชน์ต่อสังคมส่วนรวมทั้งที่เป็นคู่พิพาทในคดีสถานีเถื่อนอยู่ในศาล เป็นต้น
ข้ออ้างประกอบการปฏิวัติอย่างหนึ่งคือ รัฐบาลเก่าลิดรอนเสรีภาพการแสดงความเห็นทุกรูปแบบและสื่อมวลชนถูกควบคุมมิให้เสนอข่าวอย่างเสรี หลายคนจึงคาดหวังว่าหลังการปฏิวัติแล้วจะมีการแก้ไขเรื่องนี้ กาลเวลาพิสูจน์เจตนารมย์แท้จริงของผู้กระทำว่า เสรีภาพการแสดงความเห็นของประชาชนหรือสื่อมวลชนมีเพิ่มขึ้นหรือลดน้อยลงเมื่อเทียบกับเวลาที่รัฐบาลเก่าบริหารประเทศ แม้ว่าจะมีข้อกล่าวหาในทางไม่ดีใดๆต่อการทำงานในรัฐบาลเก่า สิ่งที่คนไทยเห็นชัด คือ การพูดตำหนิ ไม่เห็นชอบ กับการทำงานของรัฐบาลเก่าสำหรับประชาชนแล้วเวลานั้นยังมีรัฐธรรมนูญคุ้มครองไว้ชัดและรัฐบาลไม่เคยละเมิดกฎนี้เลย เราจึงเห็นสื่อมวลชน เว็บบอร์ดทุกสัญชาติ สามารถเผยแพร่ แสดงความเห็นทั้งขัดแย้งหรือเห็นชอบปรากฏต่อสายตาของทุกคนอย่างมีเสรีภาพ หากผู้ใดเห็นว่าข้อความดังกล่าวไม่จริงหรือสร้างความเสียหาย เขาสามารถนำไปฟ้องคดีทางศาลเพื่อเรียกค่าเสียหายได้
หลายเดือนที่ผ่านมาถ้าสังเกตให้ดีจะเห็นว่าสื่อมวลชนมีความระมัดระวังในการเสนอข่าวเฉพาะด้านดีต่อรัฐบาลและคมช.เป็นหลัก แล้วเน้นข่าวชาวบ้านมากพิเศษเพื่อเลี่ยงการใช้อำนาจของรัฐหรือคณะปฏิวัติซึ่งยังมีกฎอัยการศึกอยู่ในมือ ทำให้รัฐธรรมนูญมิอาจใช้บังคับหรือคุ้มครองสิทธิเสรีภาพประชาชนได้เต็มที่ ความศักดิ์สิทธิ์แท้จริงของรัฐธรรมนูญไม่มีในทางปฏิบัติ ทุกภาคส่วนในสังคมอยู่ด้วยความหวาดระแวงใจ จรรยาบรรณของสื่อมวลชนเก็บใส่ลิ้นชักก่อนเพื่อรักษาธุรกิจไว้ สื่อฯเกี่ยวกับวงการบันเทิงรุ่งเรืองเต็มที่เพราะไม่มีวันกระทบการเมืองได้เลยและปลอดภัยที่สุด ลองคิดทบทวนกลับไปก่อนการปฏิวัติเราจะเห็นสื่อมวลชนทุกแขนงต่างสนุกสนานในการนำเสนอข่าวการเมืองทุกแง่มุมทั้งเชียร์และถล่มสองฝ่ายตามใจชอบเพราะรัฐธรรมนูญให้เสรีภาพไว้ บางครั้งไม่สนใจว่าขอบเขตเสรีภาพควรอยู่ที่จุดใด แต่วันนี้เศรษฐกิจของบ้านเมืองถดถอยชัดเจน สื่อมวลชนกลับนำเสนอว่ามันรุ่งเรืองมากขึ้นซึ่งผิดแผกจากข้อเท็จจริงที่คนในสังคมสัมผัสด้วยตัวเอง เมื่อเป็นความพอใจของรัฐบาลและคมช.ก็ยังต้องนำเสนอแบบนี้ ภายใต้การดูแลของทหารในกฎอัยการศึกซึ่งหลายสื่อมวลชนเคยผ่านห้วงเวลาการปฏิวัติมาแล้ว และต้องพบการทุบแท่นพิมพ์ ทำลายสิ่งของ เมื่อมีการเสนอข่าวที่สร้างความไม่พอใจแก่ผู้นำในเวลานั้น ทำให้พวกเขาเลือกจะรักษาตัวรอดไว้ก่อนด้วยการเลี่ยงเสนอข่าวการเมืองที่อาจสร้างความไม่พอใจแก่รัฐบาลหรือคมช.ได้ ทำให้ประชาชนได้รับข่าวสารไม่ครบถ้วนและได้รับการตกแต่งให้ผิดเพี้ยนไปเพื่อสนองนโยบายของทีมบริหารประเทศ
การแสดงความเห็นของประชาชนผ่านสื่อมวลชนนั้นเป็นพื้นฐานที่คนไทยยุคไซเบอร์ชอบกระทำกัน ปัจจุบันนี้เว็บบอร์ดเป็นส่วนหนึ่งในการรับความเห็นหลากหลายทั้งสนับสนุนหรือขัดแย้งกับรัฐบาล ถือเป็นเสรีภาพเบื้องต้นในระบอบประชาธิปไตย นอกจากนั้นรัฐบาลยังสามารถทราบความรู้สึกของประชาชนต่อรัฐบาลเพื่อนำไปปรับปรุง แก้ไข การทำงานในภายหลังได้ด้วย บอร์ดการเมืองของพันทิพเป็นชุมชนใหญ่ซึ่งเคยมีบทบาทสำคัญในการดูแนวโน้มความรู้สึกของประชาชนต่อการปฏิวัติหรือระดับความชื่นชอบรัฐบาลแต่ละสมัยมาแล้ว ช่วงแรกมีการสนับสนุนการปฏิวัติมากทั้งที่ตามกฎหมายแล้ว การปฏิวัติถือเป็นการทำผิดกฎหมายหรือก่อกบฏอย่างชัดเจน รัฐบาลใหม่ยังไม่สั่งปิดบอร์ดที่สนับสนุนการทำละเมิดกฎหมาย เวลาผ่านไปไม่กี่เดือนบอร์ดเดิมมีการแสดงความเห็นที่ขัดแย้งหรือไม่เห็นด้วยกับการทำงานบางอย่าง ตำหนิการทำงานทุจริตแอบแฝงของรัฐบาลหรือคมช. วันนี้บอร์ดของประชาชนถูกสั่งปิดทันที การแสดงความเห็นอันเป็นเสรีภาพพื้นฐานที่ควรมีในระบอบประชาธิปไตยถูกปิดกั้นไว้เมื่อมันสร้างความไม่พอใจแก่ผู้มีอำนาจ ทำให้อดนึกถึงประวัติศาสตร์ในอดีตของการปฏิวัติในเมืองไทยซึ่งเรียกกันว่า ยุคมืด ไม่ได้ เมื่อสื่อมวลชนทุกแขนงถูกควบคุมให้นำเสนอข้อมูลตามใจผู้มีอำนาจ หากคิดตามข้ออ้างประกอบการปฏิวัติแล้ว คงไม่แตกต่างกันระหว่างการครอบงำของรัฐบาลเก่ากับคณะปฏิวัติ เพียงแค่คนหนึ่งถือปืนกับกฎอัยการศึก อีกคนถือรัฐธรรมนูญไว้เท่านั้น
หากพิจารณาให้ลึกขึ้นไปอีกคนไทยจักสังเกตเห็นการปิดกั้นความเห็นแตกต่างจากรัฐบาลหรือคมช.ได้บ่อยครั้งขึ้นในช่วงนี้ ด้วยการไม่ยินยอมให้แสดงความเห็นตามสถานที่สาธารณะหรือไม่อนุญาตให้ใช้สถานที่สาธารณะเพื่อการแสดงความเห็นใดๆ นอกจากงานรื่นเริงหรืองานที่มีวัตถุประสงค์ส่งเสริมนโยบายของรัฐบาลและคมช.เท่านั้น ตามหลักธรรมชาติของมนุษย์แล้วการปิดกั้นมิให้แสดงความเห็นในเว็บบอร์ดหรือสื่อมวลชนแขนงอื่นหรือในที่สาธารณะ สิ่งที่ติดตามมาคือ การแลกเปลี่ยนการสนทนาหรือตีแผ่ข้อมูลด้วยคำพูดระหว่างบุคคลตามสถานที่ต่างๆ หรือระบบแชททางเนต หรืออีเมล์ ซึ่งควบคุมหรือรับรู้ยากขึ้น โดยเฉพาะเมื่อใช้โปรแกรมของต่างประเทศหรือเป็นการส่วนตัว เมื่อมันมุดอยู่ใต้ดิน ย่อมไม่อาจเห็นการแสดงของมันได้ชัด จึงเตรียมรับมือกับปัญหาทีหลังยาก
บัดนี้ ความหวังที่คณะปฏิวัติเคยพูดว่า จะนำเสรีภาพที่เคยเสียไปในรัฐบาลเก่ากลับคืนแก่ประชาชน มันค่อยๆสูญสลายไปตลอดหลายเดือนมาแล้ว คนไทยจำต้องยอมรับความจริงว่า การรักษาตำแหน่งของนักการเมืองแต่งตั้งหรือเลือกตั้งต้องใช้วิธีเดียวกันเสมอ คือ ควบคุมความคิดของประชาชนให้อยู่ในกรอบของตนเท่านั้น การจำกัดเสรีภาพการเสนอข้อมูลของสื่อมวลชนหรือการแสดงความเห็นของประชาชนต้องกระทำให้เข้มงวด มิฉะนั้น จักสูญอำนาจไปเหมือนรัฐบาลเก่าที่ยึดมั่นจะอยู่ภายใต้การคุ้มครองเสรีภาพคนไทยของรัฐธรรมนูญ ขณะที่อีกฝ่ายยึดถืออาวุธเป็นปัจจัยสำคัญของชัยชนะ คนไทยจึงได้เห็นรัฐบาลแต่งตั้งจากคนกลุ่มหนึ่ง มิใช่เลือกตั้งจากคนไทยทั้งประเทศตามระบอบประชาธิปไตยในวันนี้ แม้แต่พรรคการเมืองบางส่วนยังแสดงท่าทีเห็นชอบกับคณะปฏิวัติซึ่งทำลายระบอบประชาธิปไตยที่ให้กำเนิดและอำนาจแก่พรรคการเมือง มันยิ่งสร้างความผิดหวังแก่คนไทยที่รักกฎหมายยิ่งนัก ดังนั้น การเมืองไม่ต้องการฟังความเห็นตรงข้ามจากประชาชน แต่สภาวะเศรษฐกิจหรือปากท้องของประชาชนกำลังขัดสนมากขึ้นแล้ว คนไทยน่าจะหันไปสนใจดูแลตนเองและครอบครัวมากขึ้นด้วยการรักษาตำแหน่งงานและการค้าของตน ควบคุมค่าใช้จ่ายให้ดี งดเว้นการก่อหนี้สิน การขยายงานหรือเปลี่ยนงานควรรอบคอบขึ้น มิอาจพึ่งพารัฐบาลแต่งตั้งได้เพราะหลายประเทศทั่วโลกไม่รับรองหรือติดต่อทางการค้า นอกจากประเทศของเขาจะได้เปรียบสูงสุดจากไทย เช่น ญี่ปุ่น เป็นต้น อันส่งผลต่อการลงทุนในไทย การหมุนเวียนการเงิน และมันจักกระทบต่อชีวิตคนไทยหนักขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะทีมบริหารเศรษฐกิจของไทยมีเพียงข้าราชการเกษียณซึ่งไม่มีความคิดฉับไว เท่าทัน และทันสมัย เพื่อรับมือการค้าระดับโลกอย่างชำนาญเพียงพอ คนไทยต้องกัดฟันอดทนใช้ชีวิตให้รอบคอบเพื่อผ่านพ้นวิกฤติหนักครั้งนี้ซึ่งไม่น่าจะแตกต่างจากวิกฤติการเงินปี พ.ศ. 2540 เท่าไรนัก คนที่ทำให้สัญญาซื้อรถดับเพลิงสมบูรณ์ยังปล่อยให้ลอยนวลไปโดยคำตัดสินของกลุ่มคนที่ได้รับการแต่งตั้งจากคณะปฏิวัติหรือรัฐบาลว่า ไม่เกี่ยวข้องในข้อกล่าวหานั้น การแต่งตั้งนายทหารไปดูแลการรับซื้อลำไยตามราคาประกัน แทนที่จะเป็นบุคคลที่ชำนาญด้านธุรกิจหรือเข้าใจและเท่าทันการทำงานประเภทนี้ซึ่งเป็นการไม่รู้จักใช้คนให้ถูกประเภทของงาน แต่เป็นการหางานทำให้เพื่อนนายทหาร บ่งบอกแนวคิดด้านคุณธรรมหรือการบริหารเศรษฐกิจของชาติได้ในระดับหนึ่ง รัฐบาลจักเป็นที่พึ่งในยามยากแค้นได้เพียงไร คำตอบก็มีอยู่ในใจของคนไทยแล้ว จึงหวังว่า หลายคนที่เคยอยู่ในเวลานั้นคงไม่ลืมความยากลำบาก และเตรียมป้องกันตัวเองและครอบครัวไว้ แล้วรอความหวังใหม่ว่าจะสดใสเมื่อเมฆฝนลอยผ่านไปตามกฎธรรมชาติ การเมืองเป็นเรื่องเปลี่ยนคนถือกติกา แต่ปากท้องของประชาชนต้องพึ่งพาตัวเองเท่านั้น ปล่อยให้การแย่งอำนาจเป็นของนักการเมืองตัวจริงหรือกล้าๆกลัวๆไม่อยากถอดเครื่องแบบลงสนามมาเล่นละครให้คนไทยดูแบบไม่ต้องเสียเงิน มันต้องเป็นละครที่สนุกและยาวนานเป็นปีแน่นอนเพราะทุ่มเทเสียเงินสร้างละครไปมาก จะไม่ต้องการของตอบแทนได้อย่างไร ดังคำพูดของผู้ใหญ่ผ่านโลกมานานสอนลูกหลานว่า ของฟรีดีๆ ไม่มีในโลก มองให้ลึกจะเห็นผลประโยชน์สีดำซ่อนในของฟรี อมยิ้มสีสวย ล่อให้กินมากๆ แต่มีเบาหวานซ่อนอยู่
*********************************
| Create Date : 12 เมษายน 2550 |
| Last Update : 12 เมษายน 2550 15:29:07 น. |
|
0 comments
|
| Counter : 506 Pageviews. |
 |
|
|
|
|
|
|
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [