ความรู้คือ วัคซีนของชีวิต เพลินอ่านนิยายดี
Group Blog
 
All Blogs
 
ศาลและกกต.


เขียนโดย ลูกแก้ว

พระธรรมนูญศาลยุติธรรมเป็นกฎหมายที่กำหนดองค์คณะ อำนาจ และที่มาของผู้พิพากษาในการตัดสินคดี ส่วนรัฐธรรมนูญและกฎหมายเกี่ยวกับการเลือกตั้งกำหนดหน้าที่ ความรับผิดชอบ และที่มาของคณะกรรมการเลือกตั้งซึ่งต้องดูแลการเลือกตั้งในประเทศให้เป็นไปตามกฎหมายและเป็นธรรม แต่ละองค์กรต่างมีกฎหมายของตนควบคุมดูแลไว้และมีความแตกต่างกันตามลักษณะของงานในความรับผิดชอบของตน
การพิพากษาอรรถคดีของศาลทั้งในคดีอาญา คดีแพ่ง และอื่นๆ จะกำหนดองค์คณะในการพิจารณาพิพากษาคดีไว้ในพระธรรมนูญศาลยุติธรรมและประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความ บางคดีอาจใช้ผู้พิพากษาคนเดียวหรือสามคนหรือมากกว่านั้นตามลักษณะคดีและชั้นของศาล บางคดีต้องใช้องค์คณะใหญ่หรือที่เรียกว่าที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกา ดุลพินิจของผู้พิพากษาแต่ละท่านในการพิจารณาหรือพิพากษาคดีเป็นอิสระต่อกัน ดังนั้น บางคดีที่ใช้ผู้พิพากษาคนเดียวก็มาจากดุลพินิจของผู้พิพากษาท่านเดียว หากต้องใช้องค์คณะสามคน คำพิพากษาต้องมาจากสามคนซึ่งอาจแตกต่างกันหรือเหมือนกันก็ได้ โดยขึ้นอยู่กับความเห็นพ้องต้องกันของฝ่ายใดมีจำนวนมากกว่ากัน การพิพากษาความผิดของจำเลยอาจมาจากเสียงข้างมากหรือเสียงเอกฉันท์ขององค์คณะก็ได้ หากไม่พอใจคำพิพากษาก็อุทธรณ์ฎีกาต่อไปซึ่งจะใช้ดุลพินิจของผู้พิพากษาตัดสินอย่างเป็นอิสระและนับเสียงกันเช่นเดิม
ส่วนคณะกรรมการเลือกตั้งนั้นมีอำนาจหน้าที่และที่มาจากรัฐธรรมนูญและกฎหมายเกี่ยวกับการเลือกตั้ง โดยมีองค์คณะทั้งหมดห้าคนมาจากการคัดสรรขององค์กรตามที่กำหนดไว้ การออกมติหรือตัดสินข้อพิพาทใดๆเกี่ยวกับการเลือกตั้งต้องเป็นเอกฉันท์เท่านั้น นั่นหมายความว่า คณะกรรมการทั้งห้าคนต้องเห็นชอบเหมือนกันจึงออกเป็นมติหรือคำชี้ขาดได้ อันที่จริงแล้วความเห็นเอกฉันท์ทำได้ไม่ง่ายเลยเพราะต้องเกิดจากทุกคนมองเห็นความผิดและความถูกต้องเหมือนกัน ดังนั้น คณะกรรมการทั้งห้าคนต้องมีความรู้ ความสามารถ ประสบการณ์ทัดเทียมกัน จิตใจเป็นธรรม ความยืดหยุ่นต่อสถานการณ์มีมาก โดยไม่กระทบต่ออุดมการณ์และหน้าที่ของตัวเอง
คำว่า เอกฉันท์ คือ ทุกคนในองค์คณะต้องเห็นพ้องต้องกันโดยปราศจากความเห็นแย้งเลย ส่วนเสียงข้างมากนั้นอาจมีบางคนเห็นแตกต่างจากคนส่วนใหญ่ได้ แต่ยอมรับคะแนนเสียงที่น้อยกว่าของตนโดยดี มติหรือคำชี้ขาดที่ออกจากเสียงข้างมากและเสียงเอกฉันท์จึงมีความยากง่ายแตกต่างกันพอที่สามัญชนจะเข้าใจได้ โดยเฉพาะยังมีความเกี่ยวข้องของจำนวนองค์คณะและอุปนิสัยหรืออุดมการณ์ของแต่ละคนร่วมด้วย มันยิ่งเพิ่มความยากแก่การลงคะแนนเสียงเพื่อตัดสินแต่ละคดีหรือข้อพิพาท ข้อเท็จจริงที่เห็นความผิดชัดจะออกเสียงเอกฉันท์ได้ง่าย ขณะที่ความคลุมเครือทำให้คะแนนเสียงเอกฉันท์เกิดได้ยากที่สุด แต่เอาชนะกันได้ด้วยเสียงข้างมาก กฎหมายแต่ละฉบับจึงกำหนดวิธีตัดสินแตกต่างกันตามมุมมองของผู้ออกกฎหมาย การพิพากษาคดีในศาลกำหนดให้ใช้เสียงข้างมาก ส่วนมติของคณะกรรมการเลือกตั้งต้องใช้เสียงเอกฉันท์เท่านั้น การบริหารองค์คณะนี้จึงต้องใช้ศิลปะอย่างมาก เพราะทุกคนต่างมีความเห็นที่เป็นอิสระต่อกัน แต่อาจเห็นไม่เหมือนกันก็ได้ซึ่งจะมีผลต่อการชี้ขาดข้อพิพาทต่างๆหรือการทำงานหยุดชะงักได้ง่าย
ความขัดแย้งด้านมุมมองต่อคณะกรรมการเลือกตั้งและข้อมูลเกี่ยวกับองค์คณะหรือที่มาของมติหรือคำชี้ขาดของพวกเขา ประชาชนรับรู้น้อยและคลาดเคลื่อนมาก จากข้อมูลข้างต้นนี้เราจะเห็นว่าคำพิพากษาคดีของศาลใช้เสียงข้างมาก ซึ่งอาจมีความเห็นแย้งเกิดขึ้นในคดีเดียวกันได้ นั่นเป็นมุมมองแตกต่างกันของผู้พิพากษาซึ่งมีอิสระในการตัดสินคดี จำเลยในคดีนั้นอาจต้องรับโทษสูงสุด คือ โทษประหารชีวิต ด้วยเสียงข้างมากหรือเสียงเอกฉันท์ขององค์คณะก็ได้ หากไม่พอใจคำตัดสินจึงใช้สิทธิ์อุทธรณ์ฎีกาต่อไปตามขั้นตอน ส่วนคำชี้ขาดของคณะกรรมการเลือกตั้งต้องมาจากเสียงเอกฉันท์ขององค์คณะ นั่นคือ ทุกคนต้องเห็นพ้องเหมือนกันในเรื่องนั้น ถ้าคนใดเห็นแตกต่างจะมีมติหรือคำชี้ขาดออกมาไม่ได้ หากฝ่ายใดไม่พอใจคำชี้ขาด ก็อุทธรณ์ต่อไปในชั้นศาลซึ่งจะใช้กฎหมายของศาลควบคุมการตัดสินเหมือนคดีทั่วไป
การคานอำนาจจะเกิดขึ้นได้จากบุคคลในองค์คณะ มิใช่มาจากคนภายนอก เพราะมันขึ้นอยู่กับจิตสำนึก คุณธรรม ที่แต่ละคนมีไม่เท่ากัน ข้อโต้เถียงที่ถูกสร้างขึ้นในสังคมทุกวันนี้เกี่ยวกับคณะกรรมการเลือกตั้งซึ่งถูกคัดเลือกมาอย่างถูกต้องตามกฎหมายว่ากระทำไม่ชอบธรรม หากเราใช้สติปัญญาและปราศจากอคติ แล้วคิดทบทวนที่มาของข้อกล่าวหานี้รวมทั้งกฎหมายที่ควบคุมคณะกรรมการเลือกตั้ง จะเห็นชัดว่า พวกเขามีหน้าที่ออกความเห็นต่อรัฐบาลว่ามีความพร้อมจัดเลือกตั้งได้เมื่อใด ส่วนการเลือกวันเลือกตั้งเป็นหน้าที่ของรัฐบาลและด้วยความเห็นชอบจากกษัตริย์จึงออกพระราชกฤษฎีกาโดยกฎหมายกำหนดขอบเขตเวลาไว้แล้ว พวกเขามีหน้าที่จัดการเลือกตั้งไปตามกฎหมายอย่างเป็นธรรม การเดินนอกกรอบของกฎหมายเลือกตั้งเป็นเรื่องของพรรคการเมืองหรือคนกลุ่มหนึ่งสมัครใจทำเองด้วยวัตถุประสงค์ซ่อนเร้นของตน แล้วโยนความผิดไปให้กรรมการซึ่งมีหน้าที่ดูแลมิให้ฝ่ายใดเล่นนอกกติกาเพื่อกลบเกลื่อนความกลัวว่าจะพ่ายแพ้ ทั้งที่กติกาเหล่านี้รัฐบาลหรือคณะกรรมการเลือกตั้งมิใช่ผู้ร่างกฎและได้ใช้มาแล้วหลายครั้ง เมื่อต้องการขอความชอบธรรม ผู้ขอก็ต้องให้ความเป็นธรรมแก่คณะกรรมการเลือกตั้งด้วย
ประเทศไทยปกครองด้วยกฎหมาย บ้านเมืองสงบได้ต้องมีกติกาควบคุมไว้ ดังนั้น การตัดสินความชอบธรรมของคณะกรรมการเลือกตั้งต้องดูกฎหมายและพฤติกรรมของแต่ละบุคคล ข้อมูลแท้จริงซึ่งคนทั่วไปควรรับรู้ไว้เพื่อใช้พิจารณาว่าทางใดจะทำให้บ้านเมืองเข้าสู่ความสงบเร็วที่สุด มิควรใช้อารมณ์หรือเชื่อตามคนที่มีผลประโยชน์ได้เสียจากการขับไล่ เช่น เขากำลังถูกพิจารณายุบพรรคเพราะทำผิดกฎหมาย พวกที่รอมติรับรองการเลือกตั้งซึ่งมีพฤติกรรมน่าสงสัยจะขัดต่อกฎหมาย ย่อมไม่ต้องการให้กรรมการซึ่งไม่เชื่อฟังตนอยู่ในตำแหน่ง เป็นต้น เราต้องไม่ลืมว่าคดีเลือกตั้งจะขึ้นสู่ศาลต้องเริ่มต้นที่คณะกรรมการเลือกตั้งเท่านั้น หากฝ่ายใดทำผิดกฎหมายไว้ จึงมีวิธีเดียวที่จะไม่ต้องรับโทษคือ เก็บหรือทำลายเรื่องได้ด้วยการกำจัดกรรมการให้พ้นไปก่อน ความรู้เท่าทันของประชาชนต่อนักการเมืองหรือนักวิชาการที่มีผลประโยชน์แอบแฝง จะช่วยประคองให้สังคมไทยอยู่รอดพ้นวิกฤติใหญ่ไปได้
ตอนนี้เรามีคณะกรรมการเลือกตั้งบางส่วนและกำหนดวันเลือกตั้งที่แน่นอนแล้ว หากพิจารณากฎหมายอย่างถ่องแท้ประกอบกับสถานการณ์บ้านเมืองซึ่งกำลังบอบช้ำอย่างหนัก ประชาชนมีชีวิตขัดสนมากขึ้น จึงควรรับการเยียวยารักษาโดยเร็วที่สุด การคัดเลือกองค์คณะใหม่ทั้งหมด จักมีขั้นตอนยาวนานมากเพื่อความรอบคอบและได้คนดี เราอาจเลือกใช้อีกวิธีหนึ่งในการเข้าไปคานอำนาจของพวกที่เหลือได้ด้วยการคัดเลือกคนไปเสริมให้เต็มองค์คณะแล้วใช้ดุลพินิจร่วมกันในการชี้ขาดข้อพิพาทและดูแลการเลือกตั้งอย่างยุติธรรมเนื่องเพราะคณะกรรมการแต่ละคนต่างมีอำนาจตามกฎหมายอย่างเท่าเทียมกันโดยอาศัยความรู้ ความสามารถ ประสบการณ์ และจิตใจเป็นธรรมของแต่ละคน ย่อมทำให้เกิดความเป็นธรรมได้ไม่ยาก เนื่องเพราะการลงมติหรือคำชี้ขาดใดของคณะกรรมการเลือกตั้งต้องเป็นเสียงเอกฉันท์อย่างเดียวเท่านั้น คณะผู้คัดเลือกองค์คณะจึงควรเป็นคนดี จิตใจกว้างขวาง ปราศจากอคติและละทิ้งทิฐิส่วนตน ทำงานเพื่อชาติอย่างแท้จริง จึงสามารถเลือกสรรคนดีไปทำงานนี้ได้ ท่านจักรับรองคนดีและมีใจเป็นธรรมอย่างแท้จริงได้แน่หรือ ? อันที่จริงแล้วคนดีแค่สองคนก็ให้ความยุติธรรมแก่คนไทยทั้งประเทศได้โดยไม่จำเป็นต้องเลือกทั้งห้าคน ผู้มีอำนาจใช้กฎหมายควรลดทิฐิและอคติต่อผู้อื่นลง แล้วช่วยกันแก้ไขความเดือดร้อนของประชาชนเป็นหลัก ถ้าคนไทยส่วนใหญ่ลำบากยากแค้นหนัก พวกท่านซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของสังคมไทยจะอยู่สุขสบายได้นานแค่ไหน ลูกโซ่แห่งความทุกข์เกี่ยวโยงชีวิตคนไทยไว้ด้วยกัน ไม่มีผู้ใดตัดขาดได้เลย ไม่ว่าจะเป็นขุนนางชั้นใดก็ตาม คำสรรเสริญหรือคำสาปแช่งขึ้นอยู่กับจิตสำนึกของผู้ที่เกี่ยวข้องทุกคนในการใช้ความรักชาติให้ถูกต้องและทำเพื่อความผาสุกของคนไทยอย่างแท้จริง

*********************************


Create Date : 25 กรกฎาคม 2549
Last Update : 25 กรกฎาคม 2549 1:13:43 น. 0 comments
Counter : 461 Pageviews.

arbel
Location :
กรุงเทพ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [?]




Friends' blogs
[Add arbel's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.