ความรู้คือ วัคซีนของชีวิต เพลินอ่านนิยายดี
Group Blog
 
All Blogs
 
ข้อมูลชวนคิด

เขียนโดย แก้วมณี

ฐานะการเงินของแต่ละคนย่อมแตกต่างกันได้ตามความสามารถ จังหวะชีวิต แต่ที่มาของรายได้หรือสถานะการเงินที่เหมาะสมบ่งบอกนิสัยของเจ้าของข้อมูลดังกล่าวได้ดังคำกล่าวที่ว่า กรรมหรือการกระทำเป็นเครื่องชี้เจตนาของคนและชี้ให้คนทั่วไปแยกแยะความเป็นคนดีน่านับถือออกจากคนชั่วได้ ดังนั้น กรรมกรหรือพ่อค้าหาบเร่ผู้สุจริตและยากจนย่อมมีศักดิ์ศรีสูงกว่าข้าราชการที่รีดไถหรือใช้อำนาจในตำแหน่งหน้าที่รังแกผู้อื่นหรือเบียดบังทรัพย์ของแผ่นดินจนร่ำรวย ภูมิหลังของแต่ละคนอาจใช้แยกประเภทของคนได้ในระดับหนึ่ง
การเปิดเผยข้อมูลสถานะการเงินของนักการเมืองซึ่งบริหารประเทศเป็นมาตรการตรวจสอบเบื้องต้นเพื่อใช้แยกแยะคน หากมีข้อสงสัยข้อมูลของคนใด เราอาจสืบสวนเชิงลึกเพื่อโต้แย้งด้วยการร้องเรียนให้ทางการตรวจสอบซ้ำอีก มันเป็นการใช้คัดกรองนักการเมืองอย่างหนึ่ง แต่ละครั้งที่มีการเปิดเผยข้อมูลฐานะการเงินของทีมบริหารประเทศ เราจะสังเกตเห็นข้อมูลน่าคิด คือ หลายคนมีฐานะการเงินที่ร่ำรวยอย่างน่าเคลือบแคลงใจเมื่อเทียบกับบุคคลในอาชีพเดียวกัน ตัวอย่างเช่น คนที่รับราชการมาตลอดชีวิตทั้งทหาร ตำรวจ ข้าราชการทั่วไป มีทรัพย์สินมูลค่ารวมกัน 90 – 100 ล้านบาท โดยภูมิหลังของครอบครัวมิใช่ขุนนางในอดีต เชื้อพระวงศ์ เศรษฐีสืบทอดกันมา แต่เป็นการเริ่มต้นจากลูกชาวนา ครูต่างจังหวัด หรือบิดามารดารับราชการระดับไม่สูงนัก เวลาเรียนยังต้องขอทุนยากจนเพื่อเรียนถึงปริญญาตรี โท เอก แล้วไต่เต้าทำงานจนเป็นอธิบดี พลเอก หรือหลากยศบรรดาศักดิ์ แต่ละระดับจะมีขั้นเงินเดือนที่แน่นอน ผลตอบแทนของราชการก็ไม่มากจนสร้างความร่ำรวยแก่ใครได้อันเป็นที่ทราบกันดี เมื่อเกษียณอายุหรือออกจากราชการก่อนเกษียณกลับมีฐานะการเงินระดับร้อยล้าน หากเทียบกันคนที่รับราชการตำแหน่งเดียวกัน ระยะเวลาเท่ากัน เราจะเห็นหลายคนมิได้ร่ำรวยสูงล้ำเช่นนี้ มันจึงกลายเป็นข้อน่าคิดว่ารายได้ที่เกินกว่าเงินเดือนข้าราชการนั้นมีแหล่งที่มาถูกต้องหรือเหมาะสมเพียงใด ทั้งนี้เพราะเราต่างทราบดีว่าเงินใต้โต๊ะของข้าราชการแต่ละหน้าที่นั้นพลิกผันชีวิตอัตคัดของคนได้ในพริบตา แม้แต่ข้าราชการทหารก็มีวิธีได้เงินที่ไม่ตรงกับหน้าที่พื้นฐานของตนเช่นกัน เป็นต้น
ส่วนภูมิหลังของนักการเมืองที่มาจากนักธุรกิจ ผู้ประกอบอาชีพในภาคเอกชน แล้วแสดงข้อมูลการเงินว่าร่ำรวยนับหลายร้อยล้าน ย่อมมีความเป็นไปได้ เนื่องเพราะเราต่างทราบกันดีว่า การค้าขายย่อมมีความเสี่ยงจะล้มเหลวหรือประสบความสำเร็จกันได้ รายได้มากน้อยแตกต่างกันขึ้นอยู่กับลักษณะธุรกิจและความเก่งกาจในการทำงานของแต่ละคน ดังเช่น เจ้าของธุรกิจเหล้าหรือบุหรี่ ผู้จัดการธนาคาร เจ้าของสัมปทานโทรคมนาคมหรือรังนกนางแอ่น เจ้าของโรงสี เป็นต้น แหล่งที่มาของรายได้จากการทำงานในภาคเอกชนสามารถตรวจสอบได้ง่ายเพราะมีกฎหมายควบคุมชัดเจน อีกพวกหนึ่งคือ คนที่มีชาติตระกูลสูงย่อมมีเงินทองหรือทรัพย์สินนานาชนิดมากมายอย่างสมเหตุสมผล คนสองกลุ่มหลังนี้สามารถตอบคำถามเกี่ยวกับที่มาของเงินทองที่เป็นของเขา และมีความเป็นไปได้ที่วิญญูชนจะสร้างรายได้และมีจำนวนเท่ากันได้ในความเป็นจริง
ข้อมูลที่รัฐนำมาเปิดเผยต่อสาธารณชนเกี่ยวกับสถานะการเงินของทีมบริหารประเทศนั้น หากคนอ่านวิเคราะห์หาความเป็นไปได้ของที่มารายได้หรือทรัพย์สินของแต่ละคน อาจเห็นข้อชวนคิดว่าเหตุใดพวกเขาจึงมีเงินทองมากมายเพียงนั้น ทั้งที่บิดามารดาหรือตัวเราก็อยู่ในตำแหน่งเดียวกับพวกเขามาก่อน ตามหลักสัจธรรมแล้วทุกสิ่งย่อมเป็นเหตุเป็นผลเสมอ แม้จะอยู่ในตำแหน่งเดียวกัน แต่สภาพแวดล้อมแตกต่างกัน ย่อมเกิดผลลัพธ์ที่ไม่เหมือนกันได้ ตัวอย่างเช่น เราเป็นทหารอาชีพอย่างเดียวโดยไม่ยอมรับจ้างทำงานพิเศษประเภทเฝ้าผับ บาร์ เรียกเก็บค่าคุ้มครอง รับวิ่งเต้นหาผลประโยชน์ร่วมกับเอกชน ย่อมไม่มีรายได้เพิ่มจากเงินเดือนข้าราชการ ดังนั้น ชีวิตของข้าราชการสุจริตจึงต้องรู้จักความสมถะและเคร่งครัดต่อความพอเพียง ชีวิตจึงมีความสุขสงบอย่างแท้จริงได้ เป็นต้น
รัฐบาลที่อ้างว่าใช้คุณธรรมดูแลประเทศซึ่งมาจากการปฏิวัติล้มล้างรัฐธรรมนูญซึ่งคุ้มครองสิทธิเสรีภาพของคนไทยพยายามสอนประชาชนให้มีคุณธรรม จริยธรรมสูง แต่ข้อมูลสถานะการเงินที่แสดงต่อทุกคนสร้างคำถามขึ้นในใจว่า ที่มาของรายได้หรือทรัพย์สินเหล่านั้นให้ความสง่างามแก่นักการเมืองแต่งตั้งเหล่านั้นมากน้อยแค่ไหน โดยเฉพาะยกเว้นการส่งข้อมูลการเงินของบรรดาคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติซึ่งตามรัฐธรรมนูญมีอำนาจสูงสุดและมากกว่ารัฐบาลในการบริหารประเทศ แล้วใช้เพียงคำพูดประกาศต่อสาธารณชนว่าพวกเขามีความโปร่งใสสูงล้ำ แต่ห้ามการตรวจสอบพิสูจน์ข้อเท็จจริง มนุษย์ใช้ปากพูดให้เลิศหรูเพียงใดก็ได้ แต่พฤติกรรมจักพิสูจน์เจตนารมณ์แท้จริง คนไทยจักมองเห็นเจตนาของทีมบริหารประเทศด้วยการกระทำของพวกเขาแน่ ขอให้มองแล้วคิดตรองอย่างลึกซึ้งและฉลาดเท่าทันจะเห็นความนัยที่ซ่อนไว้ในทุกการกระทำว่าเหมือนหรือแตกต่างแค่อาภรณ์ที่ตกแต่งไว้ แต่มีเจตนาเดียวกับคณะปฏิวัติทั่วไปในประวัติศาสตร์ซึ่งมักเข้ามากอบโกยผลประโยชน์ให้พรรคพวกของตนเป็นหลักใหญ่ ความเป็นจริงที่ทุกคนต้องยอมรับ คือ คนสวมหน้ากากไม่มีวันสวมตลอดทั้งปี แต่ต้องมีวันเวลาที่ถอดมันออกบ้าง มันจะเป็นโอกาสใช้เปรียบเทียบกับประวัติศาสตร์ว่าเกิดซ้ำอีกหรือไม่ แล้วปลงใจว่าถ้าประเทศนี้ไม่อุดมสมบูรณ์ เราคงไม่เกิดเหตุการณ์เหล่านี้ซ้ำแล้วซ้ำอีก เราต้องคิดประชดไปว่า คนไทยบางพวกยังชื่นชอบวิถีชีวิตเก่าและกลัวมีคนฉลาดมากขึ้น จึงต้องลิดรอนสิทธิเสรีภาพตามรัฐธรรมนูญเป็นระยะเพื่อดึงรั้งความเจริญของประเทศไว้มิให้เป็นไปตามวัฏจักรโลก หากคนไทยไม่อยากให้เกิดเหตุร้ายกับชาติของเรา ก็ต้องไม่ส่งเสริม สนับสนุน เจตนาน่ารังเกียจของกลุ่มบุคคลนี้ เนื่องเพราะทุกครั้งที่เกิดการปฏิวัติรัฐประหาร ประชาชนจะต้องรับความเดือดร้อนอันเป็นผลสืบเนื่องจากความโลภของกลุ่มคนนี้ด้วยการแซงชั่นจากต่างชาติเมื่อพวกเขาไม่อาจยอมรับผู้บริหารประเทศซึ่งมาจากการล้มล้างระบอบประชาธิปไตยได้ อันส่งผลร้ายต่อการค้าขายระหว่างประเทศ กำลังเงินของประชาชนถดถอยลง ในที่สุดรัฐบาลจะใช้เป็นข้ออ้างในการกู้เงินและสร้างหนี้สินแก่ประเทศเพิ่มขึ้นตามอำเภอใจจนกลายเป็นภาระหนักของประชาชนรุ่นต่อไป หากมองกลับไปในอดีตเราจักเห็นภาพเหล่านี้ย้อนกลับมา ณ เวลานี้เช่นกัน การไม่ยอมมีปฏิสัมพันธ์ระหว่างประเทศกับคณะบริหารจากการปฏิวัติถือเป็นการตอบโต้จากสังคมโลกที่หลายประเทศใช้เป็นคำเตือนที่มีประสิทธิภาพสูง เพราะจักส่งผลเดือดร้อนต่อประชาชนในประเทศเป้าหมาย ถ้าเกิดความยากแค้น ลำบากในการดำรงชีวิต การจับจ่ายใช้สอย การค้าฝืดเคือง การเงินของประเทศย่ำแย่ จะเกิดแรงบีบคั้นให้ต้องรีบเปลี่ยนผู้บริหารมาจากระบอบประชาธิปไตยเร็วขึ้น คนไทยต้องช่วยกันส่งเสริมให้การปกครองของประเทศกลับไปสู่ระบอบประชาธิปไตยเร็วที่สุดเพื่อความสงบสุข การกินดีอยู่ดี การค้าคล่องตัว หนี้สินไม่พอกพูน หากทุกคนพร้อมใจกันแสดงเจตนารมณ์รักชาติในทางที่ถูกต้องและชอบธรรม หวงแหนและปกป้องสิทธิเสรีภาพภายใต้การคุ้มครองของรัฐธรรมนูญ นักปฏิวัติทั้งหลายย่อมไม่กล้าต่อสู้กับประชาชนแน่ ดังเช่นที่เกิดมาแล้วใน พ.ศ.2544 ซึ่งประเทศประสบปัญหาหนี้สินล้นพ้นตัวเกือบล้มละลาย ความอัตคัดมีทั่วแผ่นดิน คนตกงานเพิ่มจำนวนมาก ถ้าศึกษาจากประวัติศาสตร์การปฏิวัติของไทยจะเห็นว่าผู้ถืออาวุธเพื่อปฏิวัติจะใช้เป็นข้ออ้างว่า รัฐบาลโกงกิน จะเข้ามาแก้ไขปัญหาเหล่านี้ แล้วกอบโกยประโยชน์และยึดสิทธิเสรีภาพของประชาชนไป แต่ครั้งนั้นวิธีแก้ปัญหาจะใช้อาวุธไม่ได้เพราะต้องหาเงินไปใช้หนี้ จำต้องรู้จักหาเงินจากการค้าขายซึ่งมิใช่งานถนัดของนักปฏิวัติติดอาวุธและประชาชนอ่อนแอเกินกว่าจะเป็นขุมกำลังหาเงินทองส่งเป็นภาษีแล้วผันไปสู่พวกเขาได้ แต่ต้องได้รัฐบาลที่คล่องตัวและรู้จักการค้าเพื่อพาชาติรอดพ้นภาวะวิกฤตนี้ นักปฏิวัติทั้งหลายจึงต้องสงบนิ่งจนกระทั่งภาวะขาดเงินจบสิ้นลง หลายปีที่ผ่านมาการค้าขายพัฒนาดีขึ้น เงินออมของชาติเพิ่มขึ้น จึงเป็นเป้าหมายสำคัญที่นักปฏิวัติหวนคืนเวทีอีกครั้งด้วยข้ออ้างเดิม คือ เข้ามาแก้ปัญหาโกงกินชาติ ทั้งที่ผู้แก้ปัญหาของชาติในครั้งก่อนก็เป็นกลุ่มเดียวกันซึ่งประชาชนไว้วางใจในการบริหารประเทศตามรัฐธรรมนูญ มันน่าจะแสดงให้คนไทยเห็นความเหมือนหรือแตกต่างจากกลุ่มปฏิวัติในอดีตกับปัจจุบันได้จากข้อเท็จจริงตามที่แสดงต่อสาธารณชน ลองนั่งใช้สติคิดทบทวนพฤติกรรมหลายเดือนที่ผ่านมา จักสนุกสนานกับการกระทำของพวกเขาราวกับดูละครที่มีชีวิตคนไทยเป็นเดิมพันด้วยฝีมือบริหารประเทศของบรรดาผู้สูงวัยซึ่งแต่งตั้งจากนักปฏิวัติติดอาวุธซึ่งเขียนชื่อให้ฟังขลังและไพเราะยิ่ง
คุณธรรม จริยธรรม และพอเพียง เป็นสโลแกนการบริหารจากรัฐบาลของคนไทยที่ต้องฟังทุกวันอย่างหวานหูและอมยิ้ม แล้วก้มหน้าดิ้นรนเพื่อรักษาฐานะครอบครัวท่ามกลางการถดถอยของเศรษฐกิจซึ่งต่างชาติหมางเมินจะติดต่อการค้าด้วยและผู้นำองค์กรที่มีคุณภาพนิ่งกับสูงวัย ความคิดสร้างสรรค์หรือพัฒนามีไม่มากอันเป็นไปตามตัวเลขของวัย คิดแค่รักษาเก้าอี้ให้มั่นคงอย่างพอเพียงเท่านั้น โดยเฉพาะพวกเขาเหล่านั้นปฏิเสธระบอบประชาธิปไตยแล้วเข้าอยู่ภายใต้ร่มเงาของนักปฏิวัติ มันเป็นเรื่องน่าคิดสำหรับคนไทยหัวใจประชาธิปไตยว่าควรให้ความนับถือพวกเขาต่อไปมากน้อยเพียงใดโดยพิจารณาจากพฤติกรรมของพวกเขาแล้วนำไปเทียบกับหลายคนที่ปฏิเสธการร่วมทำงานให้กลุ่มล้มล้างระบอบประชาธิปไตยโดยยึดถืออุดมการณ์ของตนอย่างเหนียวแน่น

******************************


Create Date : 07 ธันวาคม 2549
Last Update : 7 ธันวาคม 2549 13:56:50 น. 0 comments
Counter : 440 Pageviews.

arbel
Location :
กรุงเทพ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [?]




Friends' blogs
[Add arbel's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.