ความรู้คือ วัคซีนของชีวิต เพลินอ่านนิยายดี
Group Blog
 
All Blogs
 
เครื่องแต่งกายภาคบังคับ

เขียนโดย ลูกแก้ว

เครื่องแต่งกายเป็นหนึ่งในสัญลักษณ์แห่งความเจริญของประเทศหรือความโดดเด่นด้านวัฒนธรรม ซึ่งขึ้นอยู่กับกาลเทศะในการสวมใส่อย่างเหมาะสมด้วย ประเทศมหาอำนาจซึ่งมีวัฒนธรรมเข้มแข็งอย่างจีน ญี่ปุ่น หรือเกาหลี ยังต้องปรับตัวหาจุดสมดุลย์ให้เข้ากับสังคมโลกโดยไม่ต้องทอดทิ้งวัฒนธรรมของตนไป การสวมชุดประจำชาติของแต่ละประเทศจะใช้ตามกาลเทศะสำคัญหรือในบ้านเท่านั้น หากเป็นการติดต่อพบปะผู้คนในสังคมจะเลือกแต่งกายตามสากล เช่น ชุดสูท ชุดเสื้อเชิ้ตกางเกงสีสุภาพ เป็นต้น ประเทศจีนเพิ่งเปิดตัวได้ไม่นานคนไทยคงจำภาพเสื้อผ้าของคนจีนที่มีคอตั้ง กระดุมผ้า สีหม่นซึ่งประชาชนทั่วไปสวมใส่ทุกวันหรือผู้นำประเทศใส่ตามงานต่างๆ หลังจากเปิดประเทศค้าขายหรือติดต่อสัมพันธ์กับหลายประเทศทั่วโลกจนกลายเป็นที่ยอมรับในเวทีโลกสากลว่า ประเทศจีนเป็นหนึ่งในมหาอำนาจของโลก คนจีนเริ่มเห็นความเป็นไปของโลกและยอมรับการแต่งกายแบบสากลมากขึ้น ผู้นำจีนเริ่มเปลี่ยนมาสวมชุดสูทสากลในการออกงานระหว่างประเทศหรือพบปะกับผู้นำชาติต่างๆตามงานสังคมทั่วไปมากขึ้น ภาพชุดจีนคอตั้ง กระดุมผ้า สีมัวหม่นหายไปจากสายตาของคนทั่วไปแล้ว ทั้งที่คนจีนมีวัฒนธรรมเข้มแข็งมากชาติหนึ่งในโลก แต่ยังยอมรับการแต่งกายสากลที่ปฏิบัติระหว่างทุกชาติในโลกได้
ประเทศญี่ปุ่นหรือชาติอาหรับซึ่งมีวัฒนธรรมเครื่องแต่งกายเข้มแข็งมาก เมื่อต้องออกงานสังคมระดับชาติหรือทั่วไปที่ต้องพบปะประชุมกับคนหลากสัญชาติ พวกเขาจะสวมชุดสูทสากล ยกเว้นเป็นงานประจำชาติจึงสวมชุดของชาติตนเพื่อแสดงเอกลักษณ์ของประเทศ ญี่ปุ่นหรือเกาหลีคนทำงานส่วนใหญ่จะแต่งกายด้วยชุดสูทสากลทั้งสิ้น เมื่อกลับบ้านก็ใส่ชุดลำลองเป็นหลัก งานประจำชาติเฉพาะกิจจึงสวมชุดเอกลักษณ์ของตนออกมาร่วมงานนอกบ้าน เมื่อมองมายังประเทศไทยซึ่งมีการพัฒนาตัวเองจนเจริญทั้งด้านภาษาและวัฒนธรรมแบบสากลมากขึ้น ด้วยการเลิกกินหมาก เลิกนุ่งผ้าม่วง ไม่สวมเสื้อ เดินตามถนน วัฒนธรรมการแต่งกายของคนไทยพัฒนาไปตามกาลเวลาเทียบเท่าประเทศอื่นๆได้ นักออกแบบแฟชั่นของไทยหลายคนมีชื่อเสียงไปทั่วโลกจากผลงานชุดของเขา
หลังจากการปฏิวัติผ่านพ้นไปมีการปลุกกระแสรักชาติ หลงชาติให้ฟื้นคืนชีพอย่างหนัก โดยเฉพาะการแต่งกายแบบดั้งเดิม แต่ไม่เน้นการพูดภาษาไทยให้ถูกต้องหรือชัดเจนทั้งที่ภาษาคือ เอกลักษณ์และความเจริญของชนชาติ สิ่งที่คนไทยสังเกตเห็นเรื่องเครื่องแต่งกาย คือ รัฐเชิญชวนกึ่งบังคับให้หน่วยงานรัฐและเอกชนแต่งกายชุดประจำชาติ คือ ผ้าไทย แขนสั้นหรือยาวก็ได้ คอตั้ง ติดกระดุม ในวันเวลาทำงานหรือหนึ่งวันต่อสัปดาห์เพื่อแสดงความรักชาติ ทั้งที่ควรเน้นให้เกิดความรู้สึกรักหรือภูมิใจในชาติและช่วยกันพัฒนาชาติ กลับให้ความสำคัญกับวัตถุ โดยไม่คำนึงว่าต้นทุนในการแสดงความรักชาติของคนทำงานสูงมากเพียงใด แต่ต้องการเอาใจผู้อาวุโสคนหนึ่งซึ่งเป็นต้นแบบในการใช้เครื่องแต่งกายชนิดนี้ในสังคมไทยเมื่อหลายสิบปีก่อน เมื่อเขาพ้นจากตำแหน่งสูงสุดในประเทศไป คนไทยหวนกลับไปสู่โลกแห่งความเป็นจริงอีกครั้งด้วยการสวมเสื้อผ้าตามสมัยสากลหรือชุดสูทสากลแล้วแต่กาลเทศะเมื่อต้องติดต่อสัมพันธ์กับต่างประเทศหรือต้อนรับแขกเมือง ช่วงปีหลังๆมานี้ภาพของเขาคนนั้นในหลายงานสังคมก็สวมชุดสูทสากลเป็นหลัก มิใช่ชุดที่เคยรณรงค์ให้คนไทยสวมกันเมื่ออดีต ภาพชายไทยสวมสูทสากล หญิงไทยสวมชุดไทยประยุกต์ ปรากฏให้เห็นตามสื่อมวลชนในไทยและต่างชาติ แม้แต่งานระดับโลกที่จัดขึ้นในไทยเจ้าภาพฝ่ายไทยที่เป็นชายก็สวมสูทสากล หญิงสวมชุดไทยประยุกต์ที่สดใส สง่างาม มิได้มีผู้ใดสวมชุดคอตั้ง แขนสั้น อีก
คนไทยเดินผ่านกาลเวลาแห่งอดีตไปแล้ว หลายคนที่แก่ชราและกลับมีอำนาจในบ้านเมืองอีกครั้ง พยายามหมุนย้อนเวลากลับไปในยุคเฟื่องของเขาโดยให้คนไทยใช้ชีวิตเหมือนบรรพบุรุษเมื่อหลายร้อยปีก่อนนี้ ด้วยการเริ่มต้นที่การแต่งกาย เราจักเห็นพิธีกร ผู้ประกาศข่าว ที่นำชุดไทยดังกล่าวไปออกเผยแพร่ แต่ดูขัดตาเพราะไม่ถูกสถานที่และตำแหน่งงานของตน อยากให้คนไทยลองดูผู้อ่านข่าวของประเทศจีน ญี่ปุ่น หรือ เกาหลี ผู้ประกาศข่าวมิได้แต่งชุดประจำชาติ หญิงสวมใส่ชุดสุภาพ ชายสวมสูทสากล แลดูสง่างาม เราต้องไม่ลืมว่าประเทศเหล่านั้นมีวัฒนธรรมเข้มงวดกว่าเมืองไทยหลายร้อยเท่า แต่ยังไม่นำชุดประจำชาติไปใช้พร่ำเพรื่อ การแพร่ภาพ แพร่เสียง เหล่านั้นออกสู่สายตาของชาวโลกซึ่งจะมองเห็นความเจริญด้านการแต่งกายของชาติตนว่าอยู่ในระดับใด คนไทยต้องแสดงความเจริญ วิวัฒนาการก้าวหน้า แก่ประชาโลก มิใช่บอกชาวโลกว่าเราจะเดินถอยหลังมากแค่ไหน ความภูมิใจในประเทศชาตินั้นเป็นสิ่งดี แต่ต้องไม่ลืมว่ายังมีหลายประเทศอยู่บนโลกใบนี้ด้วย การละเลยประเพณีสากลและหลงใหลชาติเป็นสิ่งที่ต้องระวังอย่างมาก ด้วยการดูตัวอย่างของประเทศยิ่งใหญ่ในโลก เช่น จีน ญี่ปุ่น เกาหลี ชาติอาหรับ เป็นต้น พวกเขามีขอบเขตชัดเจนเรื่องเครื่องแต่งกายในวาระต่างๆ มิให้ใช้เครื่องแต่งกายประจำชาติพร่ำเพรื่อจนทำให้มันดูไร้ค่าไป หลายสิบปีก่อนเราเห็นชุดของจีนและชุดไทยเก่าที่รัฐบาลนำมารณรงค์ใช้อีกครั้งในเวลานี้ แต่ชุดของจีนเลิกใช้ในงานเป็นทางการไปแล้ว รัฐบาลกำลังหมุนเข็มนาฬิกากลับไปยังวันคืนเก่าๆ แล้วจะต้องหมุนกลับไปอีกกี่ร้อยปีเพื่อจะเหมาะสมกับชีวิตคนไทยในสายตาของทีมบริหารประเทศ
ภาษาและเครื่องแต่งกาย ถือเป็นเอกลักษณ์สำคัญของแต่ละชาติ เครื่องแต่งกายอาจมีวิวัฒนาการตามยุคสมัยกันได้ แต่สิ่งเดียวที่บ่งบอกความเจริญของชนชาติ คือ ภาษาของตนเอง ประเทศไทยเป็นหนึ่งในน้อยประเทศของโลกที่มีภาษาเป็นของตนเอง มีพัฒนาการตลอดเวลา เป็นเอกลักษณ์สำคัญที่คนไทยต้องรักษาไว้อย่างเหนียวแน่น มันสร้างความภูมิใจให้คนไทยมานานหลายร้อยปีที่ไม่ต้องยืมตัวอักษรจากชาติอื่น แต่คิดประดิษฐ์ใช้เองเยี่ยงเดียวกับประเทศจีนซึ่งเป็นมหาอำนาจหนึ่งในโลก ประเทศลาวยังยืมอักษรไทยไปพัฒนาอักษรและภาษาของตนเองด้วย มันบอกชัดว่าบรรพบุรุษไทยมีความฉลาดและเก่งกาจเพียงใด ผู้บริหารประเทศยุคนี้กลับเน้นไปที่เครื่องแต่งกายมากกว่าการใช้ภาษาไทยให้ถูกต้องและเหมาะแก่กาลเทศะ ผู้ใหญ่หลายคนที่พูดหน้าสื่อมวลชนมีการใช้ภาษาเพี้ยนเนื่องจากพื้นฐานการศึกษาในไทยมีน้อยกว่าในต่างประเทศ แต่มีอำนาจดูแลบังคับให้คนไทยรักธรรมเนียมไทย เครื่องแบบไทย มันจึงดูขัดตายิ่งขึ้น คนไทยพูดหลายภาษาได้เป็นเรื่องน่าสนับสนุน แต่ต้องไม่ลืมการใช้ภาษาไทยให้ถูกต้องสมกับเป็นคนไทย เพราะภาษาไทยเป็นสิ่งเดียวที่คนไทยเท่านั้นทำได้ดีที่สุด ฝรั่งหรือแขกพูดภาษาไทยด้วยสำเนียงแปร่งเสมอ มันมิใช่ภาษาไทยแท้ ชัดถ้อยชัดคำ ขณะเดียวกันคนไทยพูดอังกฤษหรือมลายูย่อมไม่ใช่สำเนียงถิ่นแท้ของเขา มันเป็นความแตกต่างด้านภาษาที่แยกคนไทยออกจากชาติอื่น ส่วนเครื่องแต่งกายเป็นวัตถุห่อหุ้มร่างกายภายนอกมิให้อุจาดตาและมีวิวัฒนาการไปตามกาลเวลา จึงควรแยกแยะวิธีใช้เครื่องแบบประจำชาติกับการแต่งกายสากลเพื่อบอกให้โลกรับรู้ว่าคนไทยมีวัฒนธรรมสูงและเปิดใจรับความเป็นสากลได้ ผู้บริหารประเทศควรเน้นเอกลักษณ์ไทยให้ถูกกาลเทศะและลักษณะงาน มิใช่สนับสนุนเพื่อเอาใจบางคนจนลืมความเป็นจริงของโลกไป งานระดับโลกที่จัดในไทยหลายคนที่รณรงค์ให้ใช้เครื่องแต่งกายภาคบังคับนี้ในเวลานั้นก็ไม่เคยแต่งชุดนี้ในงานเลย เขาเป็นตัวอย่างที่รักชาติแท้จริงหรือเอาใจผู้มีอำนาจ คนไทยต้องพิจารณาหาคำตอบเอง ข้อสุดท้ายที่หลายคนไม่ยอมพูดถึง คือ ค่าใช้จ่ายในการซื้อผ้าไทยไปตัดเครื่องแต่งกายภาคบังคับ ซึ่งเป็นที่รู้กันดีว่าผ้าไทยมีราคาแพงเพียงใด ค่าตัดเย็บค่อนข้างสูง การยับหรือสีตกง่าย เมื่อเทียบกับเสื้อเชิ้ตหรือเสื้อสูทซึ่งผลิตกันแพร่หลายจนมีต้นทุนไม่สูงนัก คนทำงานทั่วไปหาซื้อใส่ไม่ยากนัก มันจึงเป็นปัจจัยหนึ่งที่ทำให้ชุดภาคบังคับแพร่หลายลำบากขึ้นอันอาจกลายเป็นที่เพ่งเล็งว่าไม่รักชาติในสายตาของผู้ใหญ่ พวกเขาคิดนโยบายส่งเสริมความรักชาติล้วนทำให้ประชาชนต้องเสียเงินเพิ่มขึ้นในขณะที่ภาวะเศรษฐกิจตกต่ำ ความรักชาติต้องยืนอยู่บนความเชื่อที่ถูกต้องว่า ประเทศนี้มิได้ตั้งอยู่โดดเดี่ยวแห่งเดียวในโลก แต่มีเพื่อนบ้านหลากหลายวัฒนธรรมอยู่รวมกัน จึงต้องมองเพื่อนบ้านด้วยว่าพวกเขาใช้ข้อตกลงใดร่วมกัน อย่างเช่น เสื้อสูทซึ่งทุกสัญชาติต่างสวมใส่กันในงานสังคมระหว่างประเทศหรือต้อนรับแขกเมือง ผู้นำคนไทยจะสวมผ้าม่วง ไม่ใส่เสื้อ ซึ่งเป็นชุดของคนไทยสมัยเก่าเพื่อต้อนรับแขกได้ไหม หากเขาทำได้ คนไทยก็ต้องทำตามคำสั่งของเขาอย่างไม่มีทางหลีกเลี่ยงแน่ เป็นต้น
ปัญหาของชาติ คือ ปากท้องของประชาชนที่เริ่มหิว เงินขาดมือเพิ่มขึ้น มันเป็นความท้าทายของรัฐบาลในการช่วยเหลือประชาชน มิใช่เน้นให้คนแต่งกายตามที่ตนชื่นชมหรือเอาใจผู้มีอำนาจที่มีอายุยืนและหวนกลับสู่การเมืองอีกครั้งด้วยพลังอาวุธ ถ้าชาวบ้านไม่อิ่มท้อง จะให้สนใจซื้อผ้าไทยคงยากมาก ทุกวันนี้หลายหน่วยงานต้องการแสดงผลงานเอาใจผู้ใหญ่ด้วยการตั้งงบเงินซื้อผ้าไทยแจกหรือตัดชุดแจกเจ้าหน้าที่ฟรีแล้วขอร้องกึ่งบังคับให้แต่งตามวันเวลาที่กำหนดไว้ มันมิได้มาจากความรักชาติแท้จริง แต่เป็นคำสั่งของผู้ใหญ่ คนไทยมีหลากฐานะกัน ผ้าไทยที่ตัดเย็บสำเร็จรูปบางครั้งก็หนาและเข้ารูปเกินไป เมื่อต้องเดินทางด้วยรถสาธารณะทำให้ไม่สบายตัวอย่างมาก นอกจากนั้นแต่ละคนต้องมีไม่ต่ำกว่าหนึ่งชุดเพื่อใช้ผลัดเปลี่ยนกัน เพราะบางหน่วยงานให้แต่งชุดหลายวันต่อสัปดาห์ การดูแลชุดต้องทำพิเศษเพราะเป็นที่รู้กันดีว่าของแจกมักมีคุณภาพไม่ดี การชำรุดง่ายๆจึงมีให้เห็นบ่อยครั้ง เมื่อเทียบกับค่าใช้จ่ายในการสวมเสื้อเชิ้ต กางเกงสีสุภาพซึ่งมีต้นทุนต่ำ การดูแลไม่ยาก และคนไทยใช้ชุดเหล่านั้นมานานจนชินมาก การผลิตเสื้อเชิ้ตเป็นแบบแมสโพรดักส์ไปแล้ว หาซื้อง่าย แม้แต่ชุดสูทสากลก็มีให้เลือกหลายแบบ หลายระดับราคา ตามฐานะของแต่ละคน อันแตกต่างจากเครื่องแต่งกายภาคบังคับที่ผลุบโผล่เป็นรายยุค จนพูดคุยขบขันในสังคมว่า เมื่อเห็นคำเชิญชวนให้แต่งกายภาคบังคับ คือ เสื้อคอตั้ง ผ้าไทย แขนสั้นหรือยาว ติดกระดุม ก็รู้กันทั้งประเทศแล้วว่าเป็นคำสั่งจากผู้มีอำนาจท่านใดซึ่งใช้ชุดนี้เป็นเอกลักษณ์ส่วนตัวเมื่อหลายสิบปีก่อน ความรักชาติต้องเกิดจากจิตใจที่รักประเทศในทางที่ถูกต้อง มิใช่การหลงใหลชาติจนเกินขอบเขต ประเทศไทยมิได้เป็นผู้ยิ่งใหญ่คลั่งวัฒนธรรมของตนเพียงประเทศเดียวในโลก โลกใบนี้ใหญ่โตมาก ประเทศไทยจำต้องก้าวเดินไปข้างหน้า จะถอยหลังไม่ได้ แค่หยุดพักเหนื่อยได้ คนไทยต้องหันไปสนใจปากท้องและรักษาเงินในกระเป๋าให้อยู่ยาวนาน ผ่านพ้นวิกฤติผลพวงจากการปฏิวัติที่คนทั้งโลกไม่ยอมรับการมีรัฐบาลแต่งตั้งจากพลังอาวุธซึ่งส่งผลกระทบถึงชีวิตความเป็นอยู่ของคนไทยมากขึ้นแล้ว โดยเฉพาะทีมเศรษฐกิจซึ่งล้วนชราภาพและขาดพลังสร้างสรรค์หรือการวางแผนเท่าทันการค้าของโลก ทำให้เศรษฐกิจของไทยตกต่ำลงเมื่อเทียบกับห้าปีที่ผ่านมาซึ่งคนไทยทำมาค้าขายดี เงินเต็มกระเป๋าเพราะความมั่นคงของรัฐบาลและการเมือง จึงต้องยอมรับว่าเงินในกระเป๋าของคนไทยลดลงเพราะการปฏิวัติอย่างแน่นอน มันเป็นปัจจัยเดียวที่แตกต่างจากเมื่อห้าปีก่อน นับแต่นี้ไปขอให้คนไทยใช้ชีวิตอย่างระมัดระวัง โดยเฉพาะการเงินโดยต้องเลี่ยงการเป็นหนี้สิน ลดค่าใช้จ่ายลง รักษาตำแหน่งงานและเงินเดือนให้เหนียวแน่น ทั้งหมดนี้ต้องทำเพื่อให้ผ่านพ้นวิกฤติด้านการเงินของแต่ละครอบครัวไปให้ได้ท่ามกลางการเมืองที่ไม่มั่นคงและไม่เป็นที่ยอมรับของโลกสากล คนไทยต้องรับผลร้ายนี้ไปโดยตรงจากความทะยานอยากของคนกลุ่มหนึ่งเท่านั้น แล้วอโหสิกรรมแก่พวกเขาไปตามหลักพุทธศาสนา กรรมใด ใครก่อกับชาติไว้ สักวันกรรมนั้นต้องสนองแก่ตนและครอบครัวของเขาด้วยเพราะการทำร้ายชาติถือเป็นการทำกรรมสูงสุดที่มนุษย์ไม่พึงกระทำอย่างยิ่ง

*****************************


Create Date : 12 เมษายน 2550
Last Update : 12 เมษายน 2550 15:23:02 น. 0 comments
Counter : 778 Pageviews.

arbel
Location :
กรุงเทพ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [?]




Friends' blogs
[Add arbel's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.