ความรู้คือ วัคซีนของชีวิต เพลินอ่านนิยายดี
Group Blog
 
All Blogs
 
เสรีภาพกับความมั่นคงของชาติ

เขียนโดย แก้วมณี

ข่าวการพบปะระหว่างผู้นำรัฐบาลสิงคโปร์กับสื่อมวลชนจากชาติอาเชียนเพื่อชี้แจงขอบเขตเสรีภาพของสื่อมวลชนในสิงคโปร์ไม่ว่าจะเป็นสื่อของชาติตนหรือต่างชาติซึ่งเผยแพร่ในประเทศของเขา ระเบียบการควบคุมของเขาเปรียบเทียบกับของไทยแล้วเชื่อว่า คนที่มีจิตใจเป็นธรรมย่อมมองเห็นชัดว่า สื่อมวลชนไทยมีเสรีภาพมากกว่าของสิงคโปร์อย่างมาก เหตุผลที่เขาต้องกำหนดกรอบการทำงานอย่างเข้มงวดเพื่อป้องปรามมิให้สื่อใช้เสรีภาพมากจนกระทบต่อความมั่นคงของชาติและชีวิตความเป็นอยู่ของคนสิงคโปร์ในท้ายที่สุด หน้าที่ของรัฐบาลคือการดูแลชีวิตและความเป็นอยู่ของประชาชนให้มีความสุขและไม่ลำบากในการใช้ชีวิตบนแผ่นดินนี้ เขาเห็นบทบาทสำคัญของสื่อมวลชนซึ่งสามารถส่งเสริมหรือทำลายความเป็นชาติโดยอาศัยเทคโนโลยีสื่อสารทันสมัยเพียงลัดนิ้วมือเดียว ตามสัญชาตญาณของมนุษย์ซึ่งเป็นนักข่าวที่มีลมหายใจ มีกิเลสตัณหา หากไม่รู้จักยับยั้งใจหรือรัฐไม่กำหนดขอบเขตและการลงโทษให้ชัดเจนรวมทั้งบังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มงวด นักข่าวอาจใช้เสรีภาพโดยขาดสติหรือสนุกสนานกับเสรีภาพจนกระทั่งกระทบต่อความมั่นคงแห่งชาติ
สิงคโปร์เป็นสมาชิกชาติอาเชียนซึ่งถือว่าปกครองด้วยระบอบประชาธิปไตยเช่นเดียวกับไทย ประเทศนี้มีชื่อเสียงว่ารักษากฎระเบียบเคร่งครัด แม้แต่สื่อต่างชาติซึ่งเผยแพร่ในสิงคโปร์ก็ต้องอยู่ใต้กฎหมายของเขา กฎหมายมีความชัดเจนในขอบเขตของเสรีภาพและบทลงโทษรุนแรงเด็ดขาด โดยเฉพาะจะคุมสื่อมวลชนอย่างเข้มงวดและใกล้ชิดอย่างมาก รัฐบาลสิงคโปร์ให้ความสำคัญต่อการทำงานของสื่อมวลชนและมีแนวความคิดว่า สื่อทุกรูปแบบต้องไม่ทำลายความมั่นคงของชาติหรือสร้างความแตกแยกให้บ้านเมือง ถ้าสื่อใดทั้งในสิงคโปร์หรือต่างชาติเผยแพร่ข่าวเท็จหรือมีลักษณะสร้างความแตกแยกแก่คนในชาติ รัฐบาลใช้อำนาจสั่งลงโทษได้ทันทีเนื่องเพราะความอยู่รอดของชาวสิงคโปร์ขึ้นอยู่กับภาพพจน์ของชาติ สื่อมวลชนใดทำหน้าที่ของตนในทางที่เป็นผลร้ายต่อสิงคโปร์ จึงต้องกำจัดหรือลงโทษอย่างหนัก รัฐบาลเชื่อว่าความเป็นสิงคโปร์ไม่อาจนำความเป็นชาติหนึ่งชาติใดไปใช้แทนที่ได้ เพราะสิงคโปร์เป็นรัฐเอกราชที่มีสิทธิดูแล ปกป้อง ความเป็นชาติของตนได้ และรู้จักดีว่าสิ่งใดเหมาะกับคนสิงคโปร์ ขอบเขตเสรีภาพที่สิงคโปร์มอบให้สื่อมวลชนอยู่บนพื้นฐานหลักสากลที่ชาติประชาธิปไตยในโลกนำไปใช้กันและต้องอยู่บนพื้นฐานประเพณีความเชื่อของเขาด้วย โดยเฉพาะเรื่องความมั่นคงของชาติต้องถือเป็นหลักสำคัญที่สุด ความเข้มแข็งเด็ดเดี่ยวและมุมมองของรัฐบาลสิงคโปร์เกี่ยวกับสื่อมวลชนทำให้ประเทศนี้มีความเจริญรุ่งเรืองอย่างต่อเนื่อง เพราะสื่อมวลชนมีกรอบเสรีภาพที่ชัดเจน ภายใต้การรักษาความมั่นคงของชาติร่วมกับรัฐบาล เมื่อสื่อสิงคโปร์ยังเคารพกฎหมายและทำงานในขอบเขตเสรีภาพ ทำให้สื่อต่างชาติซึ่งเผยแพร่งานในประเทศนี้ต้องเคารพกฎหมายและอยู่ภายใต้ขอบเขตเดียวกัน
คำชี้แจงเหตุผลในการกำหนดขอบเขตเสรีภาพสื่อมวลชนของรัฐบาลสิงคโปร์ โดยเฉพาะการให้ความสำคัญต่อความมั่นคงของชาติและป้องกันมิให้ใช้เสรีภาพเพื่อสร้างความแตกแยกแก่คนในชาติ ย่อมมีที่มาในการดูแลเข้มงวดเช่นนี้แน่ หากเราอ่านประวัติศาสตร์ของสิงคโปร์จะทราบว่า คนหลายเชื้อชาติและความเชื่อในศาสนาต่างอาศัยอยู่ในแผ่นดินสิงคโปร์อย่างสงบเรียบร้อยมานาน หากสื่อใดใช้หน้าที่ของตนสร้างความแตกแยกขึ้น ประเทศนี้ต้องแตกสลายทันที เขาจึงให้ความสำคัญต่อสื่อมวลชนอย่างมากเนื่องเพราะการแพร่ข่าวเท็จหรือข่าวที่แฝงเจตนาร้ายเปรียบคล้ายกับเชื้อโรค หากปล่อยให้ลุกลาม อาจหยุดยั้งไม่ได้ จึงต้องฉีดวัคซีนเพื่อควบคุมมันก่อนซึ่งเป็นเรื่องง่ายและเสียค่าใช้จ่ายน้อยกว่าการรักษาโรค ขณะเดียวกันนี้คนไทยต้องหันมองสื่อไทยด้วยความสะท้อนใจ เนื่องเพราะสื่อไทยและต่างชาติมีเสรีภาพสูงมากเมื่อเทียบกับจีน สิงคโปร์ มาเลเซีย เขมร เวียดนาม ลาว แต่การใช้เสรีภาพของสื่อมวลชนกลับมุ่งไปสู่การสร้างความแตกแยกให้คนไทย แล้วโยนความผิดของตนไปให้ฝ่ายหนึ่งฝ่ายเดียว มันดูคล้ายรับความชอบ แต่ความผิดโยนให้คนอื่น มันเป็นภาพน่าสังเวชใจของสื่อไทยที่กลายเป็นเครื่องมือของคนในวงการเดียวกันแล้วมุ่งทำลายศักดิ์ศรีของชาติด้วยข้ออ้างความเกลียดชังผู้นำบ้านเมือง
ยุคสมัยการปฏิวัติรุ่งเรืองหากสื่อมวลชนใดทำงานขัดแย้งกับรัฐบาล นักข่าวหรือแท่นพิมพ์จะถูกกำจัดหรือทำลายทันที พวกเขาก็เรียกร้องขอเสรีภาพในการทำงานเยี่ยงเดียวกับชาวตะวันตก ต่อมาประชาธิปไตยของไทยพัฒนาตัวเองจนกระทั่งสื่อมวลชนมีเสรีภาพเทียบเท่าชาติตะวันตกและมากกว่าชาติอาเชียนหลายชาติ สื่อมวลชนแกล้งลืมไปว่าชาติตะวันตกทั้งสหรัฐ อังกฤษ ฝรั่งเศส ล้วนมีขอบเขตเสรีภาพภายใต้เงื่อนไขความมั่นคงแห่งชาติทั้งสิ้น ดังเช่น ข่าวการพยายามวางระเบิดเครื่องบินที่สนามบินในอังกฤษ รัฐบาลใช้กฎหมายพิเศษคุมข่าวเรื่องนี้อย่างเข้มงวด ขณะที่สื่ออังกฤษก็เชื่อฟังคำเตือนจากรัฐบาลเพื่อเห็นแก่ความมั่นคงของชาติในการนำเสนอแผนของคนร้าย โดยเฉพาะเพื่อรักษาภาวะเศรษฐกิจของชาติ เป็นต้น เมื่อหันมองสื่อไทยซึ่งไม่ยอมแยกแยะการทำงานเพื่อชาติด้วยการสนับสนุนความเจริญของชาติออกจากความเกลียดชังรัฐบาล ดังเช่น สื่อไทยเขียนโจมตีการเปิดสนามบินแห่งชาติของไทยซึ่งจะเป็นประตูหน้าด่านต้อนรับแขกต่างชาติและสร้างรายได้ให้ประเทศอย่างมาก ด้วยศักยภาพของสถานที่และภูมิประเทศของเราย่อมทำให้โลกรู้จักประเทศไทยเพิ่มขึ้นแน่นอน เงินรายได้หลั่งไหลเข้าประเทศเพื่อสร้างความสุขสบายให้คนไทยจากผู้ใช้บริการที่เชื่อมั่นในสนามบินแห่งนี้ ขณะเดียวกันสิงคโปร์กับมาเลเซียพยายามทำทุกอย่างเพื่อชะลอการเปิดสนามบินสุวรรณภูมิของเราไว้มานานกว่า 40 ปีแล้ว ทั้งสองประเทศสร้างสนามบินใหม่เสร็จไล่เลี่ยกับไทย และประกาศจะเปิดใช้บริการก่อนไทยให้ได้ พื้นที่กว้างขวางและความทันสมัยของเราจะเป็นจุดดึงดูดให้ลูกค้าเลือกใช้บริการที่ประเทศของเรามากกว่าสองประเทศนั้นซึ่งอยู่ใกล้เคียงกัน สนามบินแห่งนี้จึงเป็นคู่แข่งของทั้งสองประเทศอย่างแน่นอน แต่สื่อไทยกลับเขียนข่าวทำลายความน่าเชื่อถือของสนามบินแห่งชาติของไทย มันเป็นการทำงานสนองความต้องการของชาติคู่แข่งและมุ่งทำลายรัฐบาลซึ่งพยายามผลักดันโครงการนี้ให้เป็นที่ยอมรับของชาวโลกด้วยการทำลายภาพพจน์ของสนามบินแห่งชาติของไทยอย่างต่อเนื่อง มันเป็นการทำงานที่ขาดจรรยาบรรณอันเหมาะควรและไม่เห็นแก่ชื่อเสียงของชาติ หากเปรียบเทียบกับสิงคโปร์หรือมาเลเซียแล้ว สื่อไทยยังพัฒนาด้านจรรยาบรรณและจิตสำนึกรักชาติน้อยกว่าสิงคโปร์หรือมาเลเซียมาก หากการเขียนข่าวแบบนี้เกิดขึ้นในสิงคโปร์หรือมาเลเซีย รัฐบาลต้องตอบโต้สื่อเหล่านั้นอย่างรุนแรงด้วยข้อหาทำลายชื่อเสียงและความมั่นคงของชาติอย่างแน่นอน
เสรีภาพของสื่อมวลชนเป็นเรื่องสำคัญของโลกประชาธิปไตย แต่ต้องเป็นลำดับรองจากความมั่นคงของชาติเสมอ แต่ละประเทศล้วนมีปัญหาภายในที่แตกต่างกันตามลักษณะภูมิหลัง ประเพณี ความเชื่อทางศาสนา เราจึงไม่อาจนำวิธีจัดการของประเทศหนึ่งไปใช้กับประเทศของตนได้สำเร็จเสมอไป เปรียบเสมือนบัณฑิตที่เรียนจบการศึกษา แล้วต้องนำความรู้ทั้งหลายไปประยุกต์ใช้ให้เหมาะกับแต่ละปัญหา มิใช่นำวิธีของคนอื่นไปใช้แก้ทุกปัญหาโดยขาดการดัดแปลงอย่างเหมาะสม เนื่องเพราะมันอาจสร้างความยุ่งยากซับซ้อนเพิ่มขึ้นก็ได้ ดังเช่น กองทุนไอ เอ็ม เอฟ ซึ่งบังคับใช้กฎระเบียบที่เคยแก้ปัญหาให้ลูกหนี้บางชาติสำเร็จ แต่เมื่อนำมาใช้ในไทย กลับเพิ่มปัญหาและความทุกข์ยากแก่คนไทยมากขึ้นเนื่องจากวิถีการดำเนินชีวิตของคนไทยมีความแตกต่างกับชาตินั้น ทำให้หนี้สินพอกพูนขึ้นทุกวัน หากมิใช่รัฐบาลไทยตัดสินใจปลดหนี้ให้ตัวเองก่อนจมดิ่งลงไปเหมือนบางชาติในแถบละตินอเมริกา คนไทยคงไม่มีวันยืนหยัดอย่างมีศักดิ์ศรีในเวทีโลกปัจจุบันนี้อย่างแน่นอน เป็นต้น
สิงคโปร์ประกาศในเวทีสื่อมวลชนอาเชียนว่า สื่อมวลชนไม่มีฐานันดรศักดิ์ใดๆและต้องทำงานเพื่อรักษาความมั่นคงของชาติร่วมกับรัฐบาลด้วย การใช้เสรีภาพจึงต้องมีขอบเขตอันควร ไม่อาจสนุกสนานกับการใช้เสรีภาพเพื่อทำลายชาติหรือสร้างความแตกแยกขึ้นในบ้านเมือง ดังนั้น เราจะเห็นสื่อสิงคโปร์เขียนโจมตีเมืองไทยบ่อยครั้ง โดยรัฐบาลไม่ตักเตือนหรือทักท้วงในฐานะเป็นเพื่อนบ้าน แต่วันใดที่สื่อนั้นเขียนเรื่องไม่ดีของสิงคโปร์ จะถูกตักเตือนหรือลงโทษอย่างเฉียบขาด ไม่มีข้อยกเว้นกับสื่อต่างชาติด้วย แต่ไม่มีสื่อต่างชาติใดหรือนักสิทธิมนุษยชนชาติใดกล้าต่อต้านหรือประท้วงกฎหมายของสิงคโปร์เลย อันเนื่องจากคำประกาศของรัฐบาลบอกชัดเจนว่า สิงคโปร์เป็นประเทศเอกราชและมีวิถีดำเนินชีวิตเป็นของตนเอง มีเสรีภาพแบบสิงคโปร์มิใช่ต้องกระทำตนเป็นทาสของชาติใด ขณะที่ประเทศไทยกระทำหลายอย่างที่ไม่เชิดชูชื่อเสียง เกียรติยศ ศักดิ์ศรีของคนไทย พยายามสร้างฐานันดรใหม่ให้กับสื่อมวลชน ทั้งที่เมืองไทยปกครองด้วยระบอบประชาธิปไตยที่ทุกคนมีความเสมอภาคกัน แผ่ขยายอิทธิพลชี้นำการเมือง ลดทอนจรรยาบรรณของตน ไม่ทำงานในฐานะสื่อมวลชนแต่จะบริหารบ้านเมืองโดยไม่ร่วมการเลือกตั้งตามกฎหมาย ผลักดันตัวเองให้อยู่เหนือกฎหมาย ขณะที่สมาคมเกี่ยวกับสื่อมวลชนซึ่งมีหน้าที่รักษาจรรยาบรรณของเหล่าสมาชิกไม่สามารถควบคุมบรรดาสื่อมวลชนที่ทำงานไม่เป็นไปตามจรรยาบรรณวิชาชีพได้ ทำให้ความน่าเชื่อถือของข่าวสารที่นำเผยแพร่ลดลงต่อเนื่องและส่งผลต่อความแตกแยกในบ้านเมืองอันเกิดขึ้นจากการทำงานที่ขาดมาตรฐาน หลายคนคิดถึงความเด็ดขาดในการควบคุมสื่อมวลชนให้อยู่ในขอบเขตอันควรเพื่อความมั่นคงของชาติในอดีตกันแล้ว มันเป็นความน่ากลัวสำหรับสื่อมวลชน ถ้าคนไทยเบื่อหน่ายการทำงานที่ขาดจรรยาบรรณและเรียกร้องวิธีจัดการสื่อมวลชนนอกแถวที่รุนแรงดังเช่นในอดีต เราน่าจะมองทบทวนบทบาทและการทำงานของสื่อมวลชนวันนี้ให้มากขึ้นว่า สื่อไทยทำงานภายใต้ความมั่นคงของชาติมากน้อยแค่ไหน หรือต้องการใช้เสรีภาพทำลายศักดิ์ศรีของชาติโดยอยู่เหนือกฎหมาย เราต้องไม่ลืมว่าสื่อมวลชนมีความเกลียดชังผู้นำรัฐบาลได้ เพราะยังเป็นมนุษย์มากกิเลสตัณหา แต่เราควรให้เกียรติต่อตำแหน่งผู้นำซึ่งมีกฎหมายรับรองไว้ สื่อไทยไม่ให้เกียรติผู้นำของไทย แล้วจะหวังให้ต่างชาตินับถือศักดิ์ศรีความเป็นชาติของประเทศไทยและคนไทยได้อย่างไร ถ้าสื่อมวลชนไม่แยกแยะความรู้สึกส่วนตัวกับหน้าที่ของตนต่อความมั่นคงและศักดิ์ศรีของชาติ คนไทยน่าจะเริ่มต้นปฏิรูปบทบาทของสื่อมวลชนก่อนที่จะมองหาความเปลี่ยนแปลงทางการเมือง เนื่องเพราะถ้าสื่อมวลชนทำงานตามหน้าที่และจรรยาบรรณของตนอย่างเคร่งครัด ย่อมจำกัดขอบเขตอิทธิพลของนักการเมืองได้โดยไม่ต้องใช้กฎหมาย มันเป็นระบบการคานอำนาจทางสังคมอย่างหนึ่งซึ่งไม่ต้องรอคอยกระบวนการที่ยาวนานเลย

***********************************


Create Date : 02 กันยายน 2549
Last Update : 2 กันยายน 2549 15:03:38 น. 0 comments
Counter : 656 Pageviews.

arbel
Location :
กรุงเทพ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [?]




Friends' blogs
[Add arbel's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.