ทอดผ้าป่าสามัคคี อ.ผาขาว จ.เลย โน้มนำบุญมาฝากทุกคน ค่ะ
ทอดผ้าป่าสามัคคี อ.ผาขาว จ.เลย
โน้มนำบุญมาฝากทุกคน ค่ะ

การทอดผ้าป่า  เป็นประเพณีอันดีงามสืบเนื่องมาแต่โบราณกาล  ซึ่ง
สามารถจัดการทอดผ้าป่าได้ตลอดทั้งปี  ค่ะ 
การทอดผ้าป่าครั้งนี้  สืบเรื่องมาจากน้องเล็ก (มาริสา)และคณะเพื่อนที่
ไปร่วมแสวงบุญที่ประเทศอินเดียเมื่อต้นปี 2563  
ได้ตั้งใจจัดการทอดผ้าป่าที่วัดป่าวิเวกภูเขาวง  อ.ผาขาว จ.เลย ซึ่ง
มีหลวงตาเป็นเจ้าอาวาส  ซึ่งหลวงตานั้น เชื่อว่า
ในอดีตชาติเป็นพ่อของพระอาจารย์กิตติพันธ์และพ่อของน้องเล็กด้วย
การจัดการทอดผ้าป่าครั้งนี้ จึงได้เกิดขึ้น ค่ะ 
ส่วนการทอดผ้าป่าที่สถานปฏิบัติธรรมของพระอาจารย์กิตติพันธ์ ซึ่ง
ได้เชิญชวนลูกศิษย์ลูกหาทำบุญทอดผ้าป่า
เพื่อทำถนนเข้าไปยังสถานปฏิบัติธรรมของท่าน  ทางเดิมนั้นเป็นดิน
เหนียว เวลาฝนตก การเดินทางยากลำบาก 
ท่านจึงได้คิดที่จะทำถนนคอนกรีตเข้าสถานปฏิบัติธรรม  เพื่ออำนวย
ความสะดวกแก่ญาติโยมที่จะมาปฏิบัติธรรม  
กำหนดการจะทอดผ้าป่าในวันที่ 18  เม.ย. ซึ่งการทอดผ้าป่าทั้งสอง
แห่งเวลาใกล้เคียงกันมาก  คงไปงานทอดผ้าป่าทั้งสองแห่ง
ไม่ไหว  ประกอบกับฉันได้ดำเนินการเป็นสะพานบุญบอกเหล่าลูกศิษย์
และเพื่อนบ้าน ได้ปัจจัยการทำบุญครั้งนี้ สี่หมื่นกว่าบาท
จอย จึงเสนอว่า  จำนวนเงินปัจจัยที่ฉันเป็นสะพานบุญกับจอยอีก 5000
บาท รวมกับกลุ่มลูกศิษย์ทางสมุทรปราการ คือ กลุ่ม ต้อย  จุ๊
คงพอจะจัดการทอดผ้าป่าเฉพาะคณะเราก่อน  จอย รับหน้าที่ไปคุย
กับพระอาจารย์กิตติพันธ์ในเรื่องนี้ ค่ะ 
จึงเป็นที่มาของการทอดผ้าป่าทั้งสองแห่งในครั้งนี้ ค่ะ 

เช้าวันที่ 2  จอยมารับที่บ้าน เวลาตี5  ที่จริงจะมารับประมาณ ตี4 ครึ่ง
แต่เกิดปัญหาออกรถสายและหลงทางมาบ้านฉัน
จอยมาถึงบ้านฉัน ประมาณ ตี5 เศษ ๆ มีน้องผู้ชายและน้องผู้หญิงมา
ด้วย  น้องผู้ชาย เป็นคนขับรถ ชื่อว่า จอร์จ 
น้องผู้หญิงชื่อว่า หลง เป็นตากล้องที่จอยให้มาช่วยกันถ่ายรูปในครั้งนี้
จอร์จมาช่วยจัดกระเป๋าของฉัน ของทัศนีย์ และดาว 
(เพื่อนร้านโจ๊ก สุขุมวิท38 สายบุญประจำของฉัน)  เมื่อจัดกระเป๋าเสร็จ
แล้ว จอยให้ฉันและเพื่อนไปนั่งแถวสอง เพราะจะมี
คนสูงอายุมานั่งแถวหน้า  ฉันก็แปลกใจ ใครนะที่จะแก่กว่าฉัน ฉันก็รู้
อยู่แล้วว่า แถวหน้า คือ เอมและเพื่อนของเอม นั่นเอง
ปรกติ ฉันไปรถตู้มักจะนั่งแถวแรก เพราะเข่าฉันไม่ดี ต้องมีที่วางเท้า
ซึ่งแถวแรกจะมีที่วางเท้าให้ด้วย  ขาจะได้ไม่บวม 
รถออกจากบ้านฉันแล้ว  ก็ไปแถวบ่อนไก่รับเอม  ต่อจากนั้นก็ไปรับ
เพื่อนของเอม  ชื่อ คุณอัชฌา (แก่กว่าฉัน 1 ปี อิอิ) 

จุดนัดพบกับรถอีกสองคัน  คือ คันของ ต้อย และเล็ก  ครั้งนี้รวมเป็นรถ
ทั้งหมด 3 คัน ค่ะ  รถคัน ต้อยไปรับพระอาจารย์กิตติพันธ์
ที่วัด พระยายัง  เป็นรถที่มาถึงจุดนัดพบ เป็นคันแรก กำลังทานอาหาร
มื้อเช้ากัน  ต่างคนต่างซื้อกินไป การไปครั้งนี้
จอยให้เก็บคนละ 3,000 บาท เป็นค่ารถและค่าที่พัก  อาหารให้ต่างคน
ต่างจ่าย  เอมอรทำหน้าที่เก็บเงินจากสมาชิกให้จอย
ฉันซื้อแกงมะระกระดูกหมูกินเปล่า ๆ เพราะว่ากินข้าวพร้อมยาเรียบร้อย
แล้ว  จึงกินแต่แกงจืด ไม่ได้ซื้อข้าวกิน
ทุกคนเจอหน้ากัน ก็ดีอกดีใจ  รถคันของต้อย ฉันรู้จักแต่ วรรณ จุ๊ ต้อย
พระอาจารย์ ซึ่งไปแสวงบุญกันที่อินเดีย อีก 4 คน
น่าจะเป็นเพื่อนของจุ๊และต้อย มีผู้ชายอีกคน  แว่ว ๆ ยินมาว่า เป็นแฟน
ของจุ๊  นั่นเอง  (น่าจะใช่ นะ)  
 
ก่อนขึ้นรถหลังทานข้าวเสร็จ  ไปกราบพระอาจารย์ซึ่งนั่งอยู่ในรถไม่ได้
ลงมาที่ร้านอาหารและนำสมอของทัศนีย์ไปให้ท่านด้วย
รถแล่นไปเรื่อย ๆ น่าจะประมาณ 10 โมง เศษ ๆ  น่าจะได้  ก็แวะร้าน
อาหารเพื่อถวายอาหารเพลแด่พระอาจารย์
พระอาจารย์ฉันอาหารวันละมื้อเท่านั้น  จะฉันประมาณ 10,30 น. มาถึง
ที่ร้านอาหารนี้ (ซึ่งคิดว่าจอยคงเคยมา) ยังเช้าอยู่
ร้านอาหารน่าจะเพิ่งเปิด  พวกเราเลยไปชมบรรยากาศรอบ ๆ ซึ่งอยู่
ท่ามกลางธรรมชาติ  มีคูน้ำ มีนาข้าวด้วย  ระหว่างรอ
รถอีกสองค้น  เราก็เดินชมธรรมชาติและถ่ายรูปกับต้นไม้ ป้ายชื่อร้าน
ร้านเขามีปลาร้า  มีฟักทอง ขายด้วยนะ มาชมภาพ ค่ะ 



ถ่ายที่ร้านอาหารนี้ ค่ะ ป้ายชื่อร้าน เขียนว่า  ร้านอาหารชาวประมง ค่ะ
สังเกตจากร้าน  ซึ่งตั้งอยู่ลึกเข้าไปถนนสายนอก อาหาร
ของร้านนี้ต้องอร่อยแน่นอนไม่งั้นคนคงไม่เข้ามากินถึงซอยลึกขนาดนี้



บริเวณหลังร้านเป็นบึงน้ำ  อากาศเย็นสบาย  ถ่ายรูปมาให้ชม ค่ะ
 


เอม และจอย  ค่ะ นอนเปลสบายใจเลยนะ จอย 

 


บริเวณบ้านปลูกไม้ดอก ไม้ใบ มากมาย ค่ะ 



รายการอาหารที่สั่งมาหลายอย่าง  ซึ่งล้วนแต่เป็นอาหารเด่นดัง ขึ้นชื่อ
ของร้านนี้ ค่ะ ฉันถ่ายรูปมาให้ชม ค่ะ 



ประเคนอาหารแด่พระอาจารย์ ถวายเพล  ค่ะ 

พวกเรากินข้าวเสร็จเรียบร้อยแล้ว  จอยเป็นคนจ่ายทั้งหมดในมื้อนี้ จำ
ไม่ได้ว่า เป็นเงินเท่าไร  (สงสัยเสี่ยจอยเลี้ยงอีกแล้ว อิอิ)
พวกเราทานข้าวเสร็จแล้ว  รถคันของเล็กเพิ่งมาถึง ฉันก็ไม่ทราบว่า 
ทำไมคันที่ 3 จึงมาสายมากขนาดนี้ ได้ข่าวแว่ว ๆว่า 
ได้แวะเที่ยวที่ไหนมา แต่ก็ไม่ทราบว่า จริงเท็จประการใด หรือไม่มี
โปรแกรมร่วมกัน ต่างคนต่างมีโปรแกรมของตนเอง
ฉันก็ไม่กล้าไปเปิดปากถามกัน เพราะฉันก็ถือเป็นสมาชิกใหม่ของ
การไปแสวงบุญเพียงครั้งเดียว แต่ก็จำสมาชิกรถคันของเล็ก
ได้นะ  มีเล็ก มีหน่อย เบญจ์บอกว่าจะมาทอดผ้าป่าครั้งนี้ด้วย (พัทลุง)
แต่พอถึงเวลาจริง  เบญจ์ก็ติดธุระเรื่องญาติ ไม่ได้มา
ฉันกับเบญจ์เลยไม่ได้เจอกันเลย  น่าเสียดาย 

ออกจากที่ร้านอาหาร ชาวประมงแล้ว  ก็เดินทางต่อไป เป้าหมายก็ คือ
สกายวอล์คที่เชียงคาน  ซึ่งเป็นที่เที่ยวแห่งใหม่ของ จ.เลย
มาถึงที่นี่  ก็ต้องซื้อตั๋วเข้าชม น่าจะคนละ 20 บาท ต้องซื้อรองเท้า
เดินที่สกายวอล์ค คู่ละ 30บาท น่าจะจอยจ่ายอีกหรือเปล่า
ฉันก็ไม่ทราบ  แต่พวกเราก็ฉลาด เรามีรถอีกสองค้นยังมาไม่ถึง จึงโทร
บอกกันว่า ไม่ต้องซื้อรองเท้า ให้มาเอารองเท้าจากคัน
พวกเราที่ซื้อไปแล้ว นั่นเอง อิอิ มาชมภาพสวย ๆ ของสกายวอล์ค
ซึ่งดาวถ่ายให้บ้าง มาเจอหลง  หลงถ่ายให้บ้าง ค่ะ 

เมื่อซื้อตั๋วเข้าสกายวอล์คแล้ว  เขามีรถสองแถวไปส่งที่สกายวอล์ค ค่ะ



รถสองแถวที่พาพวกเราไปที่สกายวอล์ค  ค่ะ 

ลงจากรถสองแถวเดินไปทางที่ไปสกายวอล์ค  จะมีพระพุทธรูปองค์
ใหญ่ประดิษฐานอยู่ค่ะ  มีนามว่า

ประดิษฐานพระใหญ่ภูคกงิ้ว หรืออีกชื่อ พระพุทธนวมินทรมงคลลีลา
ทวินคราภิรักษ์ เป็นพระพุทธรูปปางลีลาประทานพร
ขนาดใหญ่ สูงประมาณ 19 เมตร หล่อด้วยไฟเบอร์ผสมเรซิ่นสีทอง
ฐานขององค์พระพุทธรูป จะเต็มไปดอกธูปเทียน
และบายศรีดอกไม้ ที่ชาวบ้านและนักท่องเที่ยวนำมาวางสักการะเพื่อความเป็นสิริมงคล 



พระพุทธรูปองค์ใหญ่ ค่ะ  พวกเราถ่ายรูปกับท่านด้วย ค่ะ 




















รวมหมู่สมาชิกรถคันที่ 2 และ 3  ค่ะ แต่ไม่ครบทุกคน นะคะ 

เราอยู่ที่สกายวอล์คประมาณ  ชั่วโมงกว่า ๆ  รถคันที่สองมาแล้วแต่
คันที่ 3 คิดว่า มาหลังสุด เพราะมีรูปน้อยมากค่ะ 

ออกจากที่สกายวอล์ค  รถคันเราก็ไปที่พักคืนแรก  อยู่ถนนคนเดินใน
เชียงคาน  ด้านหลังที่พัก เป็นแม่น้ำ น่าจะเป็นลำน้ำโขงนะ
ชื่อที่พักของเรา ชื่อว่า บ้านก๋ง  ที่นี่  มีแค่สองห้อง ชั้นบนมีฉัน เอมและ
เพื่อนเอม  ชั้นล่างให้ดาวและทัศน์นอน สองคน
ชั้นบนมีเตียงใหญ่สองเตียง เพื่อนเอมนอนไป 1 เตียง ส่วนเอมนอนกับ
ฉันอีกเตียง  บรรยากาศของห้องนอนติดริมน้ำ สวยงาม
ส่วนจอย หลง จอร์จ และรถคันที่2และ3 ต้องไปพักอีกที่หนึ่ง  น่าจะ
เป็นเพราะห้องที่บ้านก๋งเต็มหรือไงก็ไม่ทราบค่ะ 
แต่ก็ไม่ไกลจากที่พักที่บ้านก๋ง ค่ะ จอยเป็นคนติดต่อที่พักค่ะ 



หน้าบ้านพัก  บ้านก๋ง  ค่ะ ที่เห็นเป็นถนนคนเดินเชียงคาน ค่ะ 


รูปนี้ถ่ายเห็นชื่อที่พักคืนนี้ ค่ะ 



ระเบียงห้องพักชั้นสองที่เรามาพัก ค่ะ  ติดริมโขง ทิวทัศน์สวยงาม ค่ะ



รูปนี้ คือ จอร์จ และ หลง  ค่ะ ถ่ายบรรยากาศในห้องนอน ค่ะ 



บรรยากาศทิวทัศน์ของห้องนอน บ้านก๋งริมโขง



หลังจากที่ได้ถ่ายรูปกันแล้ว  พวกเราต่างก็แยกย้ายกันเพื่อหาอาหาร
กินมื้อเย็นกัน  เอม ไปกับเพื่อนเขา  ฉัน ทัศน์และดาว 
ก็ไปเดินที่ถนนคนเดิน  หาร้านเสื้อ ตามแบบที่เยาว์อยากได้ แต่ไม่ได้
แบบที่เยาว์ต้องการ ก็เลยไม่ได้ซื้อให้
เราซื้อโรตี คนละอัน ซื้อน้ำมะพร้าวปั่น  ดาวกับทัศน์ ซื้อยำและคอหมู 
ย่าง กระดูกอ่อนทอดด้วย  เดินจนเหนื่อย
จึงกลับที่พัก นั่งกินกันที่ห้องของดาว  อิ่มแล้ว เดินไปซื้อมะพร้าวแก้ว
ไป 300 บาท เป็นของฝากและกินเองด้วย ที่นี่
เขามีชื่อเรื่องมะพร้าวแก้ว ว่าอร่อย ค่ะ  

รุ่งเช้า วันที่ 3 เราต้องตื่นแต่เช้าเพื่อใส่บาตร ซึ่งเมื่อวานที่พักเขามา
เชิญชวนให้ซื้อของใส่บาตร โดยเขาจะจัดเตรียม
ให้เราเสร็จ  คนละ 100 บาท  คณะเราที่พักอยู่ที่นี่ 5 คนจ่ายคนละ
100 บาท เพื่อให้คนจัดอาหารให้ในช่วงเช้า ค่ะ 
เป็นการตักบาตรข้าวเหนียวเหมือนที่ฉันเคยได้ยินมาว่าที่หลวงพระบาง
ประเทศลาว  ก็มีการตักบาตรข้าวเหนียว มาชมบรรยากาศ ค่ะ 



ป้าที่จัดของใส่บาตรเตรียมให้เราพร้อมแต่เช้ามืด  มีเสื่อปูเป็นทางยาว
และจัดของใส่กะบะไม้สานเล็ก ๆให้แต่ละคนเตรียมใส่บาตร 



จอย วรรณ จอร์จ และหลงเดินทางจากที่พักมาใส่บาตรพร้อมเรา





กลุ่มรถคันที่ 2 ของต้อย ก็มาใส่บาตรแต่อยู่อีกที่หนึ่ง ค่ะ 



กลุ่มรถคันที่ 2  ค่ะ แต่งชุดไทยสวย ๆ ทั้งนั้นเลย ค่ะ 

หลังจากการใส่บาตรเรียบร้อยกันแล้ว  พวกเราก็เดินหาร้านอาหารกิน
มื้อเช้ากัน  มีร้านขายโจ๊กหมู  เลือดหมู  ไข่กระทะ 
ฉัน ดาว สั่งโจ๊ก ทัศน์ สั่งไข่กระทะ  คนเข้าร้านนี้เยอะมาก พวกเราก็
มากินกันที่ร้านนี้  มีรูปของรถคันที่ 2 เท่านั้น 
พวกเรากินเสร็จรีบกลับที่พัก  หลงเลยไม่ได้ถ่ายรูปให้  อิอิ 



สาวสวยจากรถคันที่ 2 ค่ะ 

หลังจากกินข้าวเสร็จแล้ว  ก็กลับที่พัก  มีเวลาอยู่บ้าง ก็ถ่ายริมโขงเก็บ
บรรยากาศของริมโขงตอนเช้ากัน ค่ะ



ด้านหลังของที่พัก บ้านก๋งริมโขง ช่วงเช้า ค่ะ  



หลังจากทุกคนพร้อมแล้ว  จอร์จก็นำรถมาจอดที่หน้าที่พักและช่วย
นำกระเป๋าพวกเราขึ้นรถ เราต้องรีบไป เพราะว่า
เป็นการเดินทางไกลน่าจะประมาณ 80 กิโลเมตร เพื่อนำองค์ผ้าป่าไป
ทอดที่วัดป่าวิเวกภูเขาวง ซึ่งมีหลวงตาเป็นเจ้าอาวาส
ซึ่งเมื่อคืนรถของคันต้อยได้พาพระอาจารย์มาพักที่วัดนี้ พระอาจารย์จึง
มีโอกาสได้มาช่วยหลวงตาจัดงานทอดผ้าป่าด้วย

รถของเราทั้งคัน 2 และ 3  มาถึงวัด  น่าจะประมาณ 10 โมงเศษ ๆ 
คันเรามาช้ากว่าเพื่อน ปรากฏว่า ประชาชน ชาวบ้าน
ที่มาร่วมทอดผ้าป่ารวมทั้งรถคันที่ 3 ของน้องเล็ก มากันเต็มห้องโถงที่
จัดงานแล้วค่ะ  เห็นหลวงตา  พระอาจารย์กิตติพันธ์
และพระสงฆ์นั่งเต็มอยู่ที่ทำพิธีกันแล้ว  พวกเราก็ได้รับเกียรติให้ไป
นั่งข้างหน้า ๆ ใกล้กับพระสงฆ์ที่มาทำพิธีรับการทอดผ้าป่าครั้งนี้ ค่ะ 
ฉันนำภาพบรรยากาศของการทอดผ้าป่าแทนการเล่าเรื่อง นะคะ 





มีการยกองค์ผ้าป่าถวายหลวงตา แต่ละต้นแล้วจึงนำมานับปัจจัยค่ะ



หลงเก็บภาพหมู่ของพวกเรา เลยได้ภาพตั้งท่าสวยงาม อิอิ 




นับปัจจัยหลังจากที่ได้ทำพิธีทอดองค์ผ้าป่าแล้ว ค่ะ 



ภาพนี้ได้เจอคุณสุนทรที่ไปอินเดียด้วยกัน เป็นพิธีกรด้วย ค่ะ 



น้องเล็ก ประธานการจัดผ้าป่าครั้งนี้ ค่ะ  เจอน้องบุญชูและน้องบัวลา
สองพี่น้องที่ไปแสวงบุญด้วย เลยถ่ายรูปไว้เป็นที่ระลึก ค่ะ 





น้องเล็ก มาริสา  ประธานผ้าป่าวัดป่าวิเวกภูเขาวง  ค่ะ 


นำหลอดไฟและสมอที่เอ๋ ร้านโจ๊กฝากไปถวาย ค่ะ  (ทัศน์นั่งอยู่ไกล
เข้าไปยาก เลยถวายแทนให้ ค่ะ )  ทอดผ้าป่าเสร็จแล้ว
มีการถวายภัตตาหารแด่พระภิกษุ ค่ะ  อาหารนั้น ชาวบ้านนำมาถวาย
มากมาย เป็นถาด ๆ เป็นหม้อ ๆ  มีขนมหวาน ทั้งของหวาน
ของคาว  ถวายหมดทุกถาดทุกหม้อ พระท่านจะตักใส่บาตรทุกอย่าง
รวมกันอยู่ในบาตร  นี่เป็นการฉันของพระป่า ค่ะ 
ส่วนฉัน ทัศน์ ดาว ลงไปกินข้าวที่ชั้นล่าง  ได้เจออินแปลงในงานนี้
ด้วย ค่ะ น้องอินแปลง น้องสุนทร น่ารักทั้งคู่  ค่ะ
มาทักทายด้วยความดีใจที่ได้เจอกันอีกครั้งในงานบุญนี้ เสียดายไม่ได้
ถ่ายรูปด้วยกัน ค่ะ  



ก่อนกลับได้ไปกราบลาหลวงตา  หลวงตาแจกวัตถุมงคลให้ ค่ะ 



ผ้าป่าสามัคคี ซึ่งมีทั้งผ้าป่าของชาวบ้านมาร่วมอีกหลายกองได้เงิน
รวมทั้งกองผ้าป่าของเราเป็นจำนวนไม่ถึงแสนค่ะ แต่จะ
เป็นเท่าไร ฉันก็จำไม่ได้  หลวงตาพูดเปรย ๆ ว่า อยากเห็นปัจจัยในการ
สร้างเจดีย์ เป็นหลักแสน เพื่อจะได้สร้างเจดีย์ให้เสร็จเร็วไว
ทุกคนและชาวบ้านที่มาร่วมบุญครั้งนี้ ก็ได้ช่วยเติมให้ครบแสนตาม
คำปรารภของหลวงตาสำเร็จลุล่วงไป ค่ะ คือ ได้ปัจจัย
เป็นเงิน 105,100  บาท ตามรูปที่ถ่ายมาให้ชม ค่ะ 



คิดว่า  คงเจอน้องบุญชูและน้องบัวลา ก่อนกลับ เลยได้ถ่ายรูปกันค่ะ

พวกเราขึ้นรถแล้ว  เพื่อจะไปที่สถานที่ปฏิบัตธรรมของพระอาจารย์ ได้
ผ่านถนนที่พระอาจารย์จะสร้างถนนคอนกรีต 
อันเป็นสาเหตุของการจัดการทอดผ้าป่าครั้งนี้  ฉันเองได้รับข้อความ
จากพระอาจารย์ทางลายน์ตามจุดประสงค์ในการ
สร้างถนนคอนกรีตเข้าสู่สถานปฏิบัติธรรม  เพื่ออำนวยความสะดวก
สบายในการเดินทางเข้าสู่สถานที่ปฏิบัติธรรมของคนที่จะ
มาปฏิบัติธรรม เพราะถนนเป็นลูกรัง ดินเหนียว เวลาฝนตกเดินทาง
เข้าไปสถานที่ปฏิบัติธรรมลำบากมาก ค่ะ 
ฉันทราบจุดประสงค์ของพระอาจารย์แล้ว  มีความหนักใจในการจะ
บอกบุญไปยังลูกศิษย์ลูกหาและเพื่อนบ้าน เพราะว่า
สถานที่ปฏิบัติธรรม ไม่สามารถที่จะออกใบฎีกาในการจัดผ้าป่าได้และ
ไม่สามารถทำใบลดหย่อนภาษีได้ การจะไปเชิญชวน
ลูกศิษย์เพื่อนฝูงโดยไม่มีอะไรอ้างอิง ก็นับว่ายากอยู่ ได้แต่อาศัยความ
ศรัทธา ความเชื่อถือ ความไว้วางใจที่เพื่อนและลูกศิษย์มีต่อฉัน
ครั้งแรก ฉันก็คิดว่า ได้สัก 10 กอง  กองละ 999 บาท ซึ่งค่อนข้างสูง
อยู่  แต่พระอาจารย์ก็บอกว่า จะทำบุญไม่เต็มกองก็ได้
ให้ทำตามกำลังทรัพย์ของตนเอง ก็ได้บุญมากเช่นกัน  ค่ะ  ฉันก็ได้
บอกลูกศิษย์และเพื่อน ๆ รวมทั้งเพื่อนบ้านอีกด้วย 
ปรากฏว่า ได้เงินทำบุญการทอดผ้าป่าครั้งนี้มาอย่างไม่คาดคิดว่าจะ
ได้มากถึง  40,389  บาท เกินจากความคาดหวัง
ของฉันที่คิดว่าได้สักหมื่นต้น ๆ ก็มากแล้ว  เพราะจากเหตุผลดังกล่าว
ข้างต้นและสภาวะเหตุการณ์ โควิดในปัจจุบันอีกด้วย 
พระอาจารย์คงบอกให้ชาวบ้านทำอาหารเลี้ยงพวกเราด้วย  มีชาวบ้าน
มาร่วมงานประมาณ 10กว่าคน  อาหารทำเสร็จแล้วด้วยค่ะ 
ฉันได้นำซองเงินผ้าป่า 40,389 บาท ให้พระอาจารย์ดูก่อนที่จะให้ท่าน
เซ็นรับเงินเป็นการเซ็นรับทราบจำนวนเงินที่ฉันได้
เป็นสะพานบุญ จะได้เป็นเอกสารรับรองว่า ปัจจัยที่พวกเขาทำบุญมา
นั้น ได้ถึงมือของพระอาจารย์แล้ว  ค่ะ 
หลังจากที่พระอาจารย์เซ็นรับปัจจัยแล้ว  ฉันก็นำเงินให้ทุกคนช่วยกัน
เสียบใส่ไม้ปักต้นผ้าป่า เป็นต้นธนบัตรใบละพัน 1 ต้น
ส่วนอีกสองต้น ก็เป็นเงินที่ลูกศิษย์ลูกหาทางฝั่งสมุทรปราการไปบอก
บุญมา  จอยบอกว่า เขาลงผ้าป่าให้พระอาจารย์ 5,000บาท
ส่วนคนอื่น ๆ ฉันไม่ทราบค่ะ  แต่เมื่อรวมเงินแล้วได้มา หกหมื่นสามพัน
กว่าเท่านั้น  พระอาจารย์จึงปรารภว่า พระอาจารย์
ชอบเลขเจ็ด (หมายความว่า ท่านอยากให้ได้ปัจจัยถึงเจ็ดหมื่นนั่นเอง)
(หลังจากที่ได้ครบเลขเจ็ดแล้ว พระอาจารย์ได้อธิบาย
ว่า  เลขเจ็ดนั้น มีความหมายดี หมายถึงพระพุทธเจ้าพอประสูติแล้วก็
เดินได้เจ็ดก้าว  )
มาชมภาพที่หลงถ่ายให้ขณะที่ดำเนินการทอดผ้่ป่า ค่ะ
  


นำปัจจัยใหัพระอาจารย์ตรวจสอบและเซ็นรับปัจจัย  ส่วนทัศน์ได้นำ
สมอและหลอดไฟถวายพระอาจารย์ ค่ะ 



พวกเราได้ช่วยกันเสียบปัจจัยใส่ไม้และปักที่ต้นผ้าป่าที่พระอาจารย์
จัดเตรียมไว้ให้ ค่ะ  พร้อมกับถ่ายรูปไว้เป็นที่ระลึก 



ฉันเป็นประธานจุดธูปเทียนในพิธีทอดผ้าป่า โดยมีจอร์จช่วยจุดเทียน
เล่มใหญ่ให้ฉันไปจุดเทียนและธูปหน้าพระพุทธรูป ค่ะ 
จากนั้นก็มีพิธีสวดมนต์ในการรับต้นผ้าป่า แล้วยกต้นผ้าป่าประเคน
ให้พระอาจารย์ และประกาศจำนวนเงินผ้าป่าทั้งหมด
ได้มาหกหมื่นสามพันกว่า  แต่พระอาจารย์ปรารภว่า อยากให้เป็น
เลขเจ็ด  พวกเราก็ได้ทำตามที่พระอาจารย์ปรารภ 
ฉันเพิ่มปัจจัยให้เป็นคนแรก อีก 1,000  บาท  ตามด้วยจอยอีก 1,000
และทัศน์อีก 1,000 บาท  เห็นหน่อยได้ทำบุญอีก 500 บาท
ดาวก็ทำบุญเพิ่มอีก  คนอื่นฉันไม่รู้ว่าทำเพิ่มเท่าไร  แต่ก็ยังไม่ครบ
ถึง เจ็ดหมื่น  จึงได้เชิญชวนชาวบ้านที่มาร่วมงานครั้งนี้
ร่วมทำบุญด้วย  ในที่สุด คำปรารภของพระอาจารย์ก็ประสบความ
สำเร็จค่ะ  ได้ปัจจัยครั้งนี้   70,010  บาท ค่ะ 



คงเป็นเพราะฉันแสดงเจตนาในการทำบุญเพิ่ม จึงมีเสียงเชียร์ให้หลง
ถ่ายรูปให้ฉันด้วย  มั้ง อิอิ 

หลังจากเสร็จสิ้นพิธีและมอบปัจจัยให้พระอาจารย์ไปเรียบร้อยแล้ว
พระอาจารย์ขอให้พวกเราทานข้าวที่ชาวบ้านได้
ทำเตรียมให้พวกเรา  ซึ่งพวกเราตอนต้นก็ว่ายังอิ่มอยู่  แต่พระอาจารย์
ก็ขอให้ช่วยกันกินเล็กน้อย เดี๋ยวชาวบ้านจะน้อยใจ 
ชาวบ้านทำแกงไก่  มีข้าว ขนมจีน  ไข่เจียว  ผัดผัก  ปรากฏว่า กับข้าว
คงจะอร่อยถูกปากแน่นอน  เห็นแต่ละคนตักกินมากมาย 
ส่วนฉันกินแกงไก่กับขนมจีน ค่ะ  เมื่ออิ่มท้องแล้ว  ก็ขอบคุณชาวบ้าน
และลากลับ  พระอาจารย์ไปกับเราด้วย  ก่อนจะไป
ส่งพระอาจารย์ไปพักที่วัด ป่าผีนาถอน  พวกเราได้ไปเที่ยวที่
พิพิธภัณฑ์ภูกระดึง   ซึ่งได้จัดสถานที่ต่าง ๆ ให้คนมาเที่ยว
ได้ถ่ายรูปสวย ๆ  มีนิทรรศการจัดให้ชมด้วย พวกเราก็ถ่ายรูปกับสถาน
ที่ที่ทางพิพิธภัณฑ์จัดไว้ให้ ค่ะ  มาชม ค่ะ 



มุมสวยของบริเวณพิพิธภัณฑ์ภูกระดึง  ค่ะ 



มุมสวยที่สร้างขึ้นเหมือนเราไปอยู่บนสูงสุดของภูกระดึงค่ะ 





ภาพนิทรรศการภายในพิพิธภัณฑ์ ที่แสดงผลงานของสถานที่แห่งนี้





พวกเราถ่ายรูปหมู่ที่พิพิธภัณฑ์ภูกระดึง ค่ะ 

ออกจากพิพิธภัณฑ์ภูกระดึงแล้วก็บ่ายมาก ๆ แล้ว
พวกเราพาพระอาจารย์ไปพักที่วัดป่าผีนาถอน  ซึ่งพระอาจารย์จะจำวัด
ที่วัดนี้  ที่นี่มีพระสงฆ์นั่งอยู่ที่เพิงรูปหนึ่ง
 เป็นพระที่อยู่วัดนี้  วัดนี้มีต้นโพธิ์ใหญ่ มีก้อนหินอยู่ใต้ต้นโพธิ์ พระสงฆ์
รูปนี้เล่าว่า  มีชาวบ้านมาดูก้อนหินสองก้อนนี้ ซึ่งจะปรากฏ
เลขอยู่บนก้อนหินนี้ ชาวบ้านถูกหวยด้วย พวกเราเลยพากันไปดูใหญ่
ดาวก็ไปดูด้วย  บอกว่าเห็นเลขปรากฏ
บนก้อนหินเป็นเลข 3 หรืออะไร ฉันก็จำไม่ได้ อิอิ มาชมรูปบรรยากาศ 



เพิงที่เรามานั่งคุยกับพระสงฆ์ที่ประจำวัดป่านาผีถอน ค่ะ 



พวกเรามานั่งคุยกับพระสงฆ์ที่ประจำอยู่่วัดนี้  ค่ะ 



ต้นโพธิ์ใหญ่ในวัดเป็นต้นโพธิ์เก่าแก่มาก คนมาขอหวย



เป็นก้อนหินที่อยู่ใต้ต้นโพธิ์ ที่เชื่อว่าวันหวยออก จะมีเลขปรากฏขึ้น ค่ะ

หลังจากการดูเลขเด็ดที่ก้อนหินกันแล้ว  บางคนก็บอกว่าเห็นเลข 
บางคนก็มองไม่เห็นเลขอะไรเลย คงแล้วแต่ดวงมั้ง อิอิ 
เรามุ่งไปถ่ายรูปกับท้องนาที่กว้างใหญ่   เป็นบรรยากาศที่น่ารื่นรมย์
ทุ่งข้าวที่เขียวขจี  พวกเราก็โพสต์ท่าตามใจชอบ
ให้ช่างภาพหลงเป็นคนถ่ายรูปค่ะ  มาชมกันค่ะ 



ท่าโพสต์ของพวกเรา ค่ะ  อิอิ





มีภาพนางงามกลางทุ่งข้าวด้วย ค่ะ  อิอิ

จากที่วัดป่านาผีถอน  เรากราบลาพระอาจารย์ทั้งสองแล้วขึ้นรถตู้กันไป
โดยพรุ่งนี้เช้า  รถคันที่สอง คันของต้อยจะมารับ
พระอาจารย์กิตติพันธ์ที่วัดนี้เพื่อกลับกรุงเทพฯด้วยกันค่ะ พวกเราจะไป
พักที่สวนน้ำภูกระดึงรีสอร์ททั้ง 3  คันรถ ค่ะ  
มาชมภาพสวย ๆ ของที่นี่ ค่ะ 



ทิวทัศน์ของที่พักนี้ ค่ะ 



เล็กและหน่อย  ค่ะ 



ภาพล่าง  เป็นที่พักของฉัน  และ เอมกับเพื่อนเขา ค่ะ บรรยากาศดี
เสียดายเรายังไม่ได้ถ่ายรูปอีกหลายมุม เพราะฝนตก



ถ่ายกับป้ายชื่อของรีสอร์ท ค่ะ 

รถคันเรา นัดกันไปทานข้าวมื้อเย็น เวลา 17.00 น. พวกเราออกมาตาม
เวลาที่นัดหมาย  จอยพาไปตลาดคนเดิน  แต่ยังมีคน
น้อยมาก อาจจะเป็นเพราะยังไม่ถึงเวลา แต่ร้านค้าต่าง ๆ มาตั้งร้านขาย
ของมากมายแล้ว มีทั้งอาหารสด คาวหวาน
และอาหารประเภทตามสั่ง  มีก๋วยเตี๋ยว ข้าวมันไก่ ของปิ้งย่าง น้ำดื่ม
โรตี  เป็นต้น  กลุ่มฉัน  ฉันก้บดาวสั่งต้มแซ้บตีนไก่
ทัศน์สั่งก๋วยเตี๋ยว  สักพักมีคนมาร่วม คือ น้องหลง  จอร์จและจอย ร้าน
นี้เลยขายได้หลายคนเลย  ฉันซื้อน้ำลูกหม่อน 6 ขวด
50  บาท เตรียมดื่มให้เยอะ เพราะไม่ได้ถ่ายมาสองวันแล้ว อึดอ้ด
ไม่สบายตัวเอาเสียเลย ซื้อลูกหม่อนอีก 1 กล่อง 20 บาท
กินไป คุยไป ต้มแซ้บเจ้านี้ ไม่แซ้บเลย รสชาติพอทำให้หายหิวเท่านั้น
มื้อนี้  จอยไปแอบจ่ายให้ทั้งหมดเลย พวกเราเลยไม่ได้จ่าย
จอยซื้อน้ำลูกหม่อนเหมาไปเพราะถูกคนขายหลอกว่า  หมดแล้วให้
ช่วยเหมา  เธอก็ใจดี สงสาร ซื้อเหมามาเลย จะไป
เผื่อเพื่อน ๆ ดื่มปรากฏว่าไม่มีใครชอบ เลยเหลือมากมาย (ตอนขากลับ
เธอบอกว่า  จะทิ้งไว้ที่ห้องพัก  ฉันเสียดายบอกว่า
เอากลับเถิด  เผื่อกลางทางหิวน้ำจะได้ดื่มได้  ) ระหว่างทางจอยก็ซื้อ
กบจากแม่ค้าที่นั่งขาย  เหมาอีกเหมือนกัน  กี่ร้อยฉันก็
จำไม่ได้  กลับมาที่พัก ก็นำมาปล่อยบริเวณหนองน้ำที่พวกเราพัก ค่ะ 



จอยกำลังค่อย ๆ เท กบ ออกจากถุงพลาสติดปล่อยพวกมันลงไป
ข้าง ๆ กอหญ้าใกล้บึงน้ำ  พร้อมกับบอกมันว่า ไปใช้ชีวิตใหม่นะ
อย่าให้คนเขามาจับไปขายได้อีกนะ อิอิ  เธอเป็นคนใจดี  ใจบุญ ขอผล
บุญนี้  ส่งผลให้เธอมีแต่ความสุข สดชื่น สุขภาพแข็งแรง จ้ะ 

ห้องพักของเราคืนนี้  เราพักกันสามคน  โดยมีที่นอนเสริมให้กับดาว
ส่วนเอมกับเพื่อนไปนอนห้องติดกัน  
คืนนี้ ฉันไม่ค่อยสดชื่นนัก  เพราะว่าไม่ถ่ายท้องมาสองวันแล้ว  ดื่มน้ำ
ลูกหม่อนไป 2-3 ขวดแล้ว  กินลูกหม่อนไปอีก
เป็นสิบ ๆ ลูก ดื่มน้ำเข้าไปอีก รออาบน้ำดึกหน่อย จะได้นั่งห้องน้ำได้
โดยไม่ต้องกังวลว่าใครจะมาเข้า แต่ปรากฏว่า ยังเหมือนเดิม
คืนนี้ นอนหลับไม่สนิทนัก เพราะเสียงกรนของทัศน์  ฉันไม่เคยชินกับ
เสียงกรน ถึงจะไม่ดังนักก็ตาม คืนนี้ตอนดึก ฝนตกหนัก
เสียงฟ้าร้อง ฟ้าผ่า ทำให้อากาศเย็นยะเยือกมากขึ้น   ตื่นกลางดึกน่า
จะตีสามตีสี่  ขึ้นมาดื่มน้ำลูกหม่อนที่แช่เย็นไปอีก 1 ขวด
เหลืออีก 1 ขวดให้ทัศน์ไป แล้วก็ไปนั่งในห้องน้ำ  สักพักใหญ่ ก็ได้
เรื่องแล้ว  ความอึดอัดมาสองวัน ก็เรียบร้อย เพราะความดี
ของน้ำลูกหม่อน หลายขวดนั่นเอง  อิอิ 
เช้านี้นัดกันจะไปเดินตลาดตอนเช้า  ปรากฏว่า ไปไม่ได้แล้ว เพราะฝน
ตกพรำ ๆ บางช่วงก็ตกหนักด้วย แล้วก็เปลี่ยนเวลา
รถจะออกเวลา 7 โมงเช้า  


เมื่อรถคันเราพร้อม  ก็ออกรถประมาณ เจ็ดโมงเศษ  รถคันสองต้องไป
รับพระอาจารย์กิตติพันธ์ที่วัดป่าผีนาถอนก่อน 
รถทั้ง 3 คน จึงต่างคนต่างกลับ ไม่ได้เจอรถคันที่ 3 อีกเลย ส่วนคันที่
สอง ยังได้เจอตอนกินข้าวช่วงถวายเพลพระอาจารย์

ตลอดทางฝนตกพรำ ๆ บางครั้งก็ตกหนัก  ขับรถไปต้องระวังมากเป็น
พิเศษ  จอร์จขับรถดี  น่าจะประมาณแปดโมงเช้าได้
จอยพามากินที่ร้านอาหารร้านหนึ่ง คูหาเดียว แต่คนมากินเยอะมาก
ส่วนหนึ่งของเราต้องมาตั้งโต๊ะอาหารด้านนอกของร้านแต่เป็น
หน้าบ้านของร้านขายอาหาร  ซึ่งมีกลุ่มฉัน  หลง และจอร์จ รวม 5 คน
นั่งอยู่ที่นี่  คือนอกร้านจ้ะ  ในร้านคนเยอะมาก ของเรา
ที่นั่งข้างใน มีแค่ จอย เอมและเพื่อนเอม เท่านั้น  พอได้ที่นั่งพวกเรา
ก็ดูเมนูกัน อาหารมีหลากหลายมาก มีข้าวต้ม ปลา กุ้ง หมู
ต้มแซ้บ เล้ง ข้าวขาหมู  ฯลฯ ฉันสั่งต้มแซ้บเล้งกินกับข้าวสวยร้อน ๆ
แต่เขาให้ข้าวเยอะมาก เลยแบ่งให้ดาวครึ่งหนึ่ง 
ดาวก็สั่งต้มแซ้บเล้งเหมือนกัน ส่วนทัศน์สั่งข้าวต้มปลา  จอร์จ หลง
ดูเหมือนสั่งข้าวขาหมูกับข้าวต้มปลาเหมือนกันมั้ง
รสชาติต้มแซ้บเล้งร้านนี้อร่อยมาก เผ็ดได้ใจมาก  หลายคนมาคุยให้
ฟังที่โต๊ะฉันว่า ข้าวต้มที่นี่อร่อยมาก ฉันเลยอยากชิม
ด้วย  จอยจึงสั่งให้ฉันอีกชาม เป็นข้าวต้มกุ้ง แต่ดูแล้วฉันคงกินไม่หมด
แน่นอนเลยขอถ้วยเล็กแบ่งให้จอร์จไปส่วนหนึ่ง
ฮึม รสชาติอร่อย กุ้งตัวโต  เนื้อหวานสด  มื้อนี้อิ่มมาก ๆ กำลังจะให้คิด
เงินค่าอาหาร ปรากฏว่า จอยจ่ายทั้งหมดของอาหารมื้อนี้อีก
จะให้เงินเธอ เธอก็บอกว่า ไม่เป็นไร ไม่ขาดทุนแล้วที่เก็บพวกเราไป
คนละ 3,000 บาทนั้น ไม่ขาดทุนแล้ว  แต่ฉันคิดว่า
ที่ว่าเธอไม่ขาดทุนนั้น  เป็นเพราะ รถสองค้นเป็นของเขา ถ้าเป็นค่ารถ
ที่เช่ามา วันละก็ 1,700 บาท สองวันก็ 3,400 แล้วยัง
ต้องค่าน้ำมันอีกล่ะ  ฉันจึงคิดว่า  ที่เธอว่าไม่ขาดทุน คือ การไม่ได้คิด
เรื่องค่ารถหรือเปล่า  อิอิ แต่อย่างไรก็ตาม ก็ต้อง
ขอบใจเธอที่ให้การบริการเพื่อนในการไปทอดผ้าป่าครั้งนี้เป็นอย่างดี

น่าเสียดาย ไม่ได้ถ่ายรูปตอนที่พวกเรากินข้าวมื้อเช้านี้ไว้ด้วย  มีแต่
รูปของรถคันที่ 2 ที่ช่วงเช้าไปดื่มกาแฟ มีรูปมาฝากด้วย ค่ะ 



สาวสวยจากรถคันที่ 2 มีสาวเล็ก สาวหน่อย คันที่ 3 มาแจมด้วย ค่ะ 

ส่วนรถคันของเรา  เมื่อทานข้าวมื้อเช้าเสร็จแล้ว  ก็เดินทางต่อไป  มี
ลายน์จากพระอาจารย์ถามมาว่า  พวกเราเดินทางถึงไหนแล้ว
ฉันถามจอยและตอบพระอาจารย์ว่า  ถึงภูเขียวแล้ว พระอาจารย์บอกให้
เดินทางไปที่ร้านขายหม่ำ แก้งค้อ ที่ชัยภูมิ
  พระอาจารย์จะฉันเพลที่นี่ ค่ะ ฉันก็ถ่ายทอดข้อความของพระอาจารย์
ที่บอกมาให้จอยรับทราบ และพวกเราก็เดินทางไป
ยังสถานที่ตามที่พระอาจารย์บอกให้ไปเร็ว ๆ พระอาจารย์รอพวกเราอยู่
ในที่สุดเราก็เจอคณะของรถค้นที่สอง  กำลังทานไก่ย่าง
ส้มตำ หม่ำ ไส้กรอกกันอย่างอร่อยเลย  เชิญชวนพวกเราให้ร่วมกินด้วย
พวกเราก็แจมด้วยเล็กน้อย เพราะยังอิ่มมื้อเช้าอยู่





หลงเก็บรูปได้เพียงเท่านี้ ค่ะ  

หลังจากออกจากร้านนี้แล้ว  ทุกคนต่างก็ขึ้นรถของตนไป  มื้อนี้  จอย
น่าจะจ่ายอีกมั้ง (เดา) เพราะรถคันนี้เป็นรถของจอย ค่ะ 
คิดว่าน่าจะเก็บเงินเท่ารถคันของเรา  

รถคันเรา ออกเดินทางต่อไป มีการแวะอีกสองแห่ง  ร้านแรกก็คือ ร้าน
ที่ขายหม่ำ ขายของชำหลายอย่าง มีขายครกด้วย
ฉันซื้อสาก ไม่เอาครก เพราะสากที่บ้านหักไปเสียแล้ว ได้สากหินมา
ราคา 100  บาท จอยซื้อหม่ำไปฝากคนที่บ้าน
หม่ำที่นี่จอยคงเคยแวะมาซื้อ จึงรู้ว่าอร่อย  ฉันกับเอม ก็ซื้อกันคนลุะ
พวง  พวงละ 100  บาท มี 10 ลูก  ค่ะ 
ร้านที่สองที่แวะก็คือ  แวะร้านขายข้าวโพด นมข้าวโพด ตลอดจนขนม
ขบเคี้ยวต่าง ๆ  คนมาซื้อมากมาย  ฝนก็ตกลงมา
ต่างคนต่างไปหาซื้อกัน ฉันซื้อข้าวโพดสองแพ็ค แพ็คละ 40 บาท
ซื้อนมข้าวโพด 15 ขวด  เอมแบ่งซื้อไป 2 ขวด ให้จอย
และหลงไปคนละขวด  ที่จริงฉันให้เขาใส่น้ำแข็งไม่เอาโฟม เพราะที่
บ้านกล่องโฟมมีเยอะแยะ แต่พอจอยไปเห็นก็ไป
ซื้อโฟมมาใส่ให้ จอยกลัวว่า  มันจะเสีย  ที่จริงไม่เสียหรอก  เพราะฉัน
เคยซื้อกลับบ้าน ไม่เคยมีปัญหา 
ได้ของกินพอใจแล้ว  ก็ขึ้นรถ  โดยมีจอร์จช่วยถือของขึ้นรถกันไป 
รถแล่นไปเรื่อย ๆ ฝนตก ๆ หยุด ๆ ใกล้กรุงเทพฯ 
ฉันโทรถามเพื่อนที่กรุงเทพฯว่า  ฝนตกไหม  เขาบอกว่า กรุงเทพฯ
ไม่มีฝนตกเลย  ค่อยยังชั่วหน่อย  
รถไปถึงกรุงเทพฯ  ประมาณทุ่มหนึ่ง แวะส่ง เพื่อนของเอมอรก่อนแล้ว
ไปส่งเอมอรที่แถวสะพานดำ คลองเตย  สุดท้ายจึงมาส่ง
ฉัน ทัศน์ และดาว ที่บ้าน  ทุกคนช่วยยกของ กระเป๋า ของที่ซื้อมาส่ง
ที่บ้านฉัน จอยเอาน้ำลูกหม่อนที่ตั้งใจเหมาซื้อให้เพื่อน ๆ 
ดื่ม แต่ไม่ใครชอบ  ฉันเป็นคนบอกให้เขาเอากลับบ้าน แต่เขาก็ไม่ได้
เอากลับ หิ้วมาให้ฉันทั้งแพ็ค อีกแพ็คหนึ่งให้ทัศน์ไป 
จอร์จและหลง ขอเข้าห้องน้ำฉันก่อนจะกลับ เพราะยังต้องไปอีกไกล
กลั้นปัสสาวะนาน ๆ ไม่ดี ค่ะ  
หลังจากขนของแล้ว  ก็ส่งจอย จอร์จ หลง แล้ว  ฉันก็เอาของฝากไป
ให้เพื่อนบ้าน ทั้งหมด 3 บ้านที่ฉันสนิทอยู่ 

การเดินทางเพื่อไปทอดผ้าป่าที่จังหวัดเลย ครั้งนี้  นับว่า ได้อิ่มบุญ
ได้สนุกสนานได้เที่ยวตามทางที่ผ่าน ถือว่าเป็นการอิ่มสุข
และที่สำคัญ  ฉันได้บรรลุจุดประสงค์ที่ได้นำเงินที่ฉันเป็นสะพานบุญ
ในการบอกบุญให้ลูกศิษย์ เพื่อน ๆ ช่วยกันทำบุญผ้าป่า
เพื่อสร้างถนนคอนกรึตเข้าสถานที่ปฏิบัติธรรมสำเร็จลุล่วงไปแล้ว และ
ที่สำคัญยิ่งกว่านั้น คือ เรากลับจากทอดผ้าป่าครั้งนี้ 
โควิดก็ระบาดหนักมากขึ้น  โดยระบาดจากบาร์ คลับ แถวทองหล่อ
คนได้รับเชื้อโควิด วันละเป็นร้อย ๆ คน 
นับว่า คณะทอดผ้าป่าของเรานั้น โชคดี  ได้ทำบุญกันและกลับถึง
กรุงเทพฯโดยสวัสดิภาพ ค่ะ 
ฉันขอโน้มนำบุญกุศลของการทอดผ้าป่าครั้งนี้มาเผื่อแผ่เพื่อน ๆ 
ชาวบล็อกแก๊งและทุกคนที่เข้ามาอ่าน นะคะ 
สวัสดี  ค่ะ 
































 



Create Date : 12 เมษายน 2564
Last Update : 17 เมษายน 2564 19:34:01 น.
Counter : 2313 Pageviews.

32 comments
สวัสดีปีใหม่ Rain_sk
(1 ม.ค. 2567 21:38:33 น.)
สวัสดีปีใหม่ ๒๕๖๗ มาช้ายังดีกว่าไม่มา
(2 ม.ค. 2567 07:30:30 น.)
สวัสดีปีใหม่ ๒๕๖๗ มาช้ายังดีกว่าไม่มา
(2 ม.ค. 2567 07:30:30 น.)
สวัสดีปีใหม่ Rain_sk
(1 ม.ค. 2567 21:38:33 น.)

ผู้โหวตบล็อกนี้...
คุณเริงฤดีนะ, คุณtuk-tuk@korat, คุณสายหมอกและก้อนเมฆ, คุณตะลีกีปัส, คุณThe Kop Civil, คุณtoor36, คุณโอน่าจอมซ่าส์, คุณหอมกร, คุณกะว่าก๋า, คุณวลีลักษณา, คุณคนผ่านทางมาเจอ, คุณทนายอ้วน, คุณสองแผ่นดิน, คุณชีริว, คุณhaiku, คุณnewyorknurse, คุณKavanich96, คุณภาวิดา คนบ้านป่า, คุณSweet_pills, คุณซองขาวเบอร์ 9, คุณอุ้มสี, คุณ**mp5**, คุณบาบิบูเบะ...แปลงกายเป็นบูริน

  
อนุโมทนาค่ะ
โดย: tuk-tuk@korat วันที่: 17 เมษายน 2564 เวลา:11:29:35 น.
  

อนุโมทนาบุญค่ะ
กลับจากงานบุญคราวนี้
ก็อีกนานนมเลยล่ะค่ะ
กว่าจะออกเดินทางกันได้อีก
ขออานิสงส์ ผลบุญ
ปกป้องคุ้มครอง อจ สุวิมล มีสุขภาพแข็งแรงๆ



บันทึกงานบุญครั้งนี้..เขียนอธิบายละเอียด
เป็นไดอารี่บล็อก เก็บได้เป็นระเบียบ
แถมแบ่งปันให้เพื่อนๆได้อ่าน ได้รับบุญ
โดยทั่วกัน...

กราบขอบพระคุณค่ะ
โดย: เริงฤดีนะ วันที่: 17 เมษายน 2564 เวลา:11:30:59 น.
  
สวัสดีมีสุขค่ะ

อนุโมทนาสาธุค่ะ
ได้เที่ยวและทำบุญสุขใจสุขกายค่ะ

เป็นบันทึกที่ละเอียดมากๆค่ะ
แม้กระทั่งนอนไม่หลับจากเสียงกรนของเพื่นร่วมห้อง
แอบขำ...เพราะตัวเองก็นอนกรนเสียงดัง
ใครจะจับคู่นอน ต้องคิดหนักมาก
จึงไม่ยอมเลือกคู่นอนเอง ให้คนอื่นมาเลือกเรา
และรู้เงื่อนไขก่อน จะได้สบายใจกันทั้ง2ฝ่ายค่ะ
โดย: ตะลีกีปัส วันที่: 17 เมษายน 2564 เวลา:12:15:50 น.
  
อนุโมทนาสาธุด้วยครับอาจารย์
เชียงคานวิวสวยมากเลยครับ ผมเคยไปตอนยังไม่มีสกายวอล์ค ตอนนี้วิวน่าจะสวยกว่าเดิมมากเลยครับ
โดย: The Kop Civil วันที่: 17 เมษายน 2564 เวลา:13:53:31 น.
  
อนุโมทนาบุญด้วยครับ

ได้ทำบุญได้เที่ยว ก็ทำให้จิตใจแจ่มใสในสภาวะที่ชวนให้หดหู่นะครับ
โดย: คุณต่อ (toor36 ) วันที่: 17 เมษายน 2564 เวลา:14:43:16 น.
  
ได้ทำบุญแถมได้เที่ยวด้วยดีจังค่ะอาจารย์
ว่าแต่ไม่มีใครขาสั่นตอนเดินบนกระจกใสเหรอคะ

โดย: หอมกร วันที่: 17 เมษายน 2564 เวลา:16:28:46 น.
  
อนุโมทนาบุญครับอาจารย์

อาจารย์พิมพ์ตัวเลขไว้เป็น 10,510 บาท
แต่ผมดูในรูปเป็นจำนวนเงิน 100,510 บาทครับ

นอกจากได้ทำบุญ
ยังได้ท่องเที่ยวด้วย
ดีมากๆเลยครับ

โดย: กะว่าก๋า วันที่: 17 เมษายน 2564 เวลา:19:06:06 น.
  
สวัสดีปีใหม่ค่ะอาจารย์
โดย: วลีลักษณา วันที่: 17 เมษายน 2564 เวลา:19:47:04 น.
  
สวัสดีค่ะอาจารย์สุวิมล..

ขออนุโมทนาบุญด้วยนะค่ะ..

สาธุ สาธุ สาธุ..

โดย: อ้อมแอ้ม (คนผ่านทางมาเจอ ) วันที่: 17 เมษายน 2564 เวลา:19:50:19 น.
  
ร่วมอนุโมนาบุญด้วยคนครับ
โดย: ทนายอ้วน วันที่: 17 เมษายน 2564 เวลา:20:14:56 น.
  
สาธุ สาธุ สาธุ
โดย: โอน่าจอมซ่าส์ วันที่: 17 เมษายน 2564 เวลา:20:34:19 น.
  
ครับอาจารย์
พอดีผมนั่งอ่านมาเรื่อยๆครับ
เลยเจอพอดี

โดย: กะว่าก๋า วันที่: 17 เมษายน 2564 เวลา:21:53:46 น.
  
เมื่อสองปีที่แล้วไปทอดกฐินที่อุตรดิตถ์ แต่ทอดผ้าป่านี่จำไม่ได้แล้วครับว่าครั้งสุดท้ายเมื่อไหร่

ไปต่างสถานที่ไกลๆ ออกแต่เช้าแบบนี้ดีแล้วครับ ไม่งั้นไปแหงกบนถนนอีกนานเลย
ร้านชาวประมง เสียดายภาพอาหารเล็กไปหน่อย ดูไม่ออกว่าเป็นอะไรเลยครับ
สกายวอล์คบางที่มีร้องเท้าให้เปลี่ยน ที่นี่ต้องซื้อเลยเหรอครับ
น่าจะเพิ่งสร้าง ตอนผมไปเมื่อ 3-4 ปีก่อนยังไม่มีเลย
ถนนคนเดินเชียงคานคนน้อยลงนะครับ หรือปกติจะมากันช่วงหน้าหนาวไม่รู้

วันถัดมาก็ตื่นแต่เช้ามาใส่บาตร ทีมอาจารย์์ตื่นกันเช้าจังครับ
ตามวัดมีสิ่งก่อสร้างมากมาย ไม่รู้เหมือนกันนะครับ เจดีย์องค์นึงนี่งบประมาณสักเท่าไหร่
แต่เวลาไปวัดเก่าๆ ผมจะชอบหยอดตู้ค่าน้ำค่าไฟ หรือบูรณะโบราณสถานอะไรแบบนั้น
ไม่รู้ว่าสุดท้ายเขาก็เอาเงินทุกตู้ไปรวมกันแล้วจัดสรรอีกที หรือแบ่งใช้ตามความต้ั้งใจของคนบริจาคจริงๆ
พิพิธภัณฑ์ภูกระดึง อันนี้น่าสนครับ ผมยังไม่เคยขึ้นไปภูกระดึงเลย

พวกร้านอาหารร้านกาแฟต่างๆ เห็นแล้วกอยากไปเที่ยวกับเพื่อนกลุ่มใหญ่ๆ แบบนี้เหมือนกันนะครับ มันกินๆได้หลายอย่างดี
โดย: ชีริว วันที่: 17 เมษายน 2564 เวลา:23:16:18 น.
  

สวัสดีค่ะ อจ.

มาเที่ยวด้วยค่ะ
บรรยากาศดีจัง
โดย: newyorknurse วันที่: 18 เมษายน 2564 เวลา:0:56:53 น.
  
ขอบคุณที่แบ่งปัน
โดย: Kavanich96 วันที่: 18 เมษายน 2564 เวลา:4:06:36 น.
  
สวัสดียามเช้าครับอาจารย์

โดย: กะว่าก๋า วันที่: 18 เมษายน 2564 เวลา:7:30:23 น.
  
ขออนุโมทนาบุญค่ะ

โดย: ภาวิดา คนบ้านป่า วันที่: 18 เมษายน 2564 เวลา:15:32:22 น.
  
ขอบคุณสำหรับคะแนนโหวตครับอาจารย์

สำหรับใครบางคน
กลับเลือกจดจำความทรงจำร้ายๆไว้กับตัว
แบบนี้ทรมานจริงๆครับ
เพราะมันก็จะทำลายความทรงจำดีดีที่มีอยู่ไปด้วย

โดย: กะว่าก๋า วันที่: 18 เมษายน 2564 เวลา:17:19:39 น.
  
ขอบคุณค่ะอาจารย์ วลีมีกำลังใจขึ้นเยอะเลยค่ะ
โดย: วลีลักษณา วันที่: 18 เมษายน 2564 เวลา:20:51:54 น.
  
ขออนุโมทนาบุญกับอาจารย์ด้วยนะคะ

บรรยากาศทริปนี้น่าสนุกและน่าอบอุ่นมากค่ะ

เชียงคานต๋าเคยไปหลายปีมาแล้วตอนนั้นยังไม่มีสกายวอร์ค
น่าเดินชมวิวจังค่ะ

ที่พักริมโขงบรรยากาศดีน่าพักมาก
ภาพถ่ายรูปหมู่โพสต์ท่าน่ารักเห็นแล้วอมยิ้มตามไปด้วยค่ะอาจารย์

ขอบคุณอาจารย์ที่พาเที่ยวนะคะ

โดย: Sweet_pills วันที่: 19 เมษายน 2564 เวลา:0:00:18 น.
  
สวัสดียามเช้าครับอาจารย์

โดย: กะว่าก๋า วันที่: 19 เมษายน 2564 เวลา:6:32:21 น.
  
สวัสดีคะอาจารย์สุวิมล..

อ้อมแอ้มมาชวนไปท่องทะเลใต้กันคะ

โดย: อ้อมแอ้ม (คนผ่านทางมาเจอ ) วันที่: 19 เมษายน 2564 เวลา:15:13:27 น.
  
แม่ซองฯติดโหวดอาจารย์ไว้

บังเอิญติดธุระหลายเรื่องเย็นๆเลยไม่ได้นั่งหน้าคอมฯ
วันนี้มาส่งกำลังใจแล้วนะคะ

เห็นอาจารย์เที่ยวมีความสุขจังค่ะ
แม่ซองฯนี้ถ้าไปเที่ยว ก็ต้องไปสองคน
เขาไม่ชอบเที่ยวเราก็เที่ยวน้อยลงค่ะ
ตัวคนเดียวไม่มีภาระสบายเลย อิอิ
โดย: ซองขาวเบอร์ 9 วันที่: 19 เมษายน 2564 เวลา:19:01:12 น.
  
สาธุ สาธุ อนุโมทามิค่ะครู
โดย: อุ้มสี วันที่: 19 เมษายน 2564 เวลา:22:04:09 น.
  
ขอบคุณสำหรับคะแนนโหวตครับอาจารย์

พอใจในสิ่งที่ตนมี
ฟังง่าย แต่เอาเข้าจริง
พอจะทำ
ก็ทำยากมากเลยครับ

โดย: กะว่าก๋า วันที่: 19 เมษายน 2564 เวลา:22:24:09 น.
  
วันนี้อาจารย์ไปตัดไหมแล้ว ต๋าหวังว่าราบรื่นดีและอาจารย์ไม่เจ็บมากนะคะ

อยู่บ้านปลอดภัยสบายใจจริงค่ะอาจารย์
แต่เมื่อจำเป็นต้องออกจากบ้านก็จะป้องกันและระวังให้ดีที่สุดค่ะ

อาจารย์นอนหลับฝันดีคืนนี้นะคะ




โดย: Sweet_pills วันที่: 19 เมษายน 2564 เวลา:23:18:44 น.
  

สวัสดียามเช้าครับอาจารย์

โดย: กะว่าก๋า วันที่: 20 เมษายน 2564 เวลา:6:34:31 น.
  
แวะมาเยี่ยมและส่งกำลังใจครับ
โดย: **mp5** วันที่: 20 เมษายน 2564 เวลา:8:44:51 น.
  
อนุโมทนาบุญค่ะอาจารย์
โดย: บาบิบูเบะ...แปลงกายเป็นบูริน วันที่: 20 เมษายน 2564 เวลา:9:06:45 น.
  
ขอบคุณสำหรับคะแนนโหวตครับอาจารย์


งานชุดนี้ผมเขียนไว้ 30 กว่าตอนเลยครับ
ตอนนี้เดินทางมาได้ประมาณครึ่งเรื่องครับ 555

โดย: กะว่าก๋า วันที่: 20 เมษายน 2564 เวลา:17:02:02 น.
  

สวัสดียามเช้าครับอาจารย์

โดย: กะว่าก๋า วันที่: 21 เมษายน 2564 เวลา:7:23:08 น.
  
ขอบคุณสำหรับคะแนนโหวตครับอาจารย์

ช่วงเลือกตั้ง อบจ. อบต.
ผมเห็นคำสัญญาเต็มไปไหมดเลยครับอาจารย์
แถมเป็นคำสัญญาที่ผมก็รู้ดี
ว่าเป็นคำสัญญาลมลวง
ที่ทำไม่ได้จริงด้วย

ปัญหาบางเรื่องในเชียงใหม่
อย่างปัญหาควัน ปัญหาขญะ
นักการเมืองก็รู้ดีอยู่แล้ว
แต่ก็ไม่เคยแก้ไขอย่างจริงจังเลยครับ

โดย: กะว่าก๋า วันที่: 21 เมษายน 2564 เวลา:13:27:11 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Suvimol.BlogGang.com

อาจารย์สุวิมล
Location :
กรุงเทพฯ  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ผู้ติดตามบล็อก : 46 คน [?]

บทความทั้งหมด