ไปพิชิต สุดเขตแดนบุญ.....ขุนเขาคิชฌกูฏ (ผ้าแดง) คำว่า "พิชิต" บ่งบอกถึงการกระทำที่เราทำสำเร็จลุล่วงไปแล้ว และในความสำเร็จนั้น ๆ แฝงด้วยความภาคภูมิใจของ "ผู้พิชิต" อยู่ในอารมณ์ด้วย ในการไปเที่ยวและไหว้พระที่ ขุนเขาแห่งคิชฌกูฏครั้งนี้ ฉันก็มีความรู้สึกเหมือนความรู้สึกดังที่กล่าวมาข้างต้นนี้เหมือนกัน อันที่จริง แหล่งท่องเที่ยวและความศรัทธาของผู้คนที่ใฝ่ฝันอยากไปเที่ยวและไหว้พระที่ ขุนเขา แห่งคิชฌกูฏ นี้ ฉันทราบและได้ยินมานานหลายปีแล้ว เพ็ญ ลูกศิษย์ ฉัน เคยมาเล่าให้ฟังหลายครั้งและเขาบอกว่า ไปเกือบทุกปี แต่เขาก็ยังไม่เคยชวนฉันไปสักครั้ง ได้ยินแต่กิตติศัพท์ว่า หนทางที่จะไปนั้น ลำบากมาก ต้องนั่งรถโฟลวิวสองต่อ รถส่วนตัวขึ้นไม่ได้ ปีหนึ่ง ๆ จะเปิดให้ประชาชนขึ้นเขาไปนมัสการรอยพระพุทธบาทเพียงประมาณ สามเดือนเท่านั้น ถ้าตรงกับเทศกาลหรือวันหยุด คนจะแน่นมาก การรอรถที่จะขึ้นเขาไปนั้น ต้องรอคิวกันเป็นชั่วโมง ๆ เมื่อหมดทางรถสองช่วงของทางดังกล่าว เราต้องเดินด้วยเท้าขึ้นไปอีกประมาณกิโลกว่า ๆ จึงจะถึงรอยพระพุทธบาท และถ้าต้องการพิชิต ยอดแห่งขุนเขา คิชฌกูฏ (ผ้าแดง) ก็ต้องเดินทางต่อไปอีกประมาณกิโลกว่า ๆ เช่นเดียวกัน เฮ้อ ! ความเชื่อ ความศรัทธาของมนุษย์เรา ทำให้มนุษย์สามารถบรรลุความต้องการของตนเองได้เหมือนกันนะเนี่ย เอก ลูกศิษย์ของฉัน ซึ่งเราเคยคุยกันเมื่อปลายปีที่แล้วว่า เราจะไปนมัสการ รอยพระพุทธบาท ที่เขาคิชฌกูฏ โดย เอก ตั้งปณิธานไว้ว่า อยากเอาอัฐิยายของเขาไปไว้ที่เขาคิชฌกูฏ ตามความปรารถนาของยายในตอนที่ยังมีชีวิตอยู่ ยายอยากไปไหว้รอยพระพุทธบาทสักครั้งที่เขาลูกนี้ แต่ยายก็ไม่ได้ไป เอก จึงอยากทำให้ความปรารถนาของยายประสบความสำเร็จ คือ การนำอัฐิของยายไปประดิษฐานไว้ที่เขาลูกนี้ เอก ชวนฉันไปด้วย ซึ่งฉันก็รับปากทันที เพราะฉันได้ยินกิตติศัพท์ความเป็นธรรมชาติของเขาลูกนี้มานานมากพอสมควร ได้ยินถึงความยากลำบากของการไปชมความงามและนมัสการสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่อยู่บนยอดเขาลูกนี้ ฉันก็ปรารถนาจะไปสัมผัสความงามของธรรมชาติและนมัสการรอยพระพุทธบาทสักครั้งหนึ่งในวัยที่ค่อนข้างสูงอายุของฉัน เอก มาจากเมืองชลบุรีมารับฉันที่บ้านในเย็นวันที่ 6 ก.พ. 55 ประมาณ 18.30 น. เพื่อไปค้างที่บ้านเขา 1 คืน เพราะพวกเราต้องออกรถแต่เช้าเพื่อไปถึงจันทบุรี ถ้าออกสาย อากาศจะยิ่งร้อน โดยเฉพาะตอนเดินขึ้นเขาไป ประมาณสองทุ่มเศษ ๆ เราก็มาถึงเมืองชล เราแวะทาน สเต๊กหมูร้านริมทางคนละจาน จานละ 49 บาท ก่อนเข้าบ้านไป สามทุ่มกว่าแล้ว ก็ถึงบ้านเอก บ้านเอก ทำเป็นร้านเกม ให้เด็ก ๆ มาเล่นเกมในคอมพิวเตอร์ เมื่อฉันไปถึง มีคนมาเล่นเต็มร้าน อ้อ แฟนของเอก มา สวัสดีฉัน เอกเคยพามาหาฉันที่บ้านครั้งหนึ่งแล้ว ฉันจำได้ หน้าตาเขาเหมือนแขก น่ารักดี ดูยังเด็ก ๆ อยู่มาก คืนนี้ เอกปิดร้านประมาณสี่ทุ่มเศษ ๆ เพราะพรุ่งนี้จะต้องเดินทางแต่เช้า จึงไม่ควรนอนดึก ฉันไปนอนที่ชั้น 3 ส่วน เอกและอ้อ นอนที่ชั้น 2 ซึ่งก็ไม่ได้กั้นเป็นห้องอะไร เป็นที่โล่ง ๆ สบาย ๆ บ้านเขามีเครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์เกี่ยวกับเครื่องคอมพิวเตอร์มากมาย โดยเฉพาะชั้น 2 แต่ชั้น 3 โล่งหน่อย ฉันตั้งนาฬิกาปลุกไว้ตี 4 เพราะเราจะออกจากบ้าน ตี 5 เอกเปิดพัดลมไว้ให้ตัวหนึ่ง อากาศวันนี้ค่อนข้างอบอ้าว แต่ฉันเป็นคนนอนง่าย สักพักใหญ่ ๆ ฉันก็หลับแล้ว รุ่งเช้า ฉันอาบน้ำแต่งตัวเสร็จพร้อมหิ้วกระเป๋าลงจากชั้น 3 เพราะเมื่อเราไปนมัสการรอยพระพุทธบาทแล้ว เอกจะตีรถกลับกรุงเทพฯมาส่งฉันที่บ้านเลย ฉันลงมาชั้นล่าง เดินออกไปหน้าบ้าน พระจันทร์เต็มดวงเหลืองอร่ามสวยงามมาก เนื่องจากวันนี้เป็นวันพระ 15 ค่ำ ด้วย นับว่าเป็นวันดีที่เราจะไปไหว้พระกัน เลยนำรูปสวย ๆ ตอนเช้ามาฝากด้วยค่ะ ![]() เมื่อทุกคนเรียบร้อยแล้ว พวกเราก็ขึ้นรถ เอาเจ้าแฮปปี้ไปเที่ยวกับเราด้วย (สุนัขพันธุ์ชิสุ ) หน้าตารุงรัง ฉลาด ติดเอกและอ้อมาก เป็นวาสนาของมันที่คนเลี้ยงรักและเอาใจใส่แถมได้ไปเที่ยวกับเจ้าของด้วยทุกครั้งที่เจ้าของไปเที่ยว ฟ้ายังมืดตึ๊ดตื๋อ พระจันทร์ส่องแสงสว่างสีเหลืองนวลกลมโต แต่ก็ไม่อาจให้ความสว่างไสวดังแสงแห่งดวงสุริยาได้ สองข้างทางที่รถผ่านไป เงียบสงัด มีรถราวิ่งน้อยมาก ขณะนั้นเป็นเวลาตีห้า บางช่วงของทางที่ผ่านไป มีหมอกลงเป็นสีเทาจาง ๆ ต้องวิ่งรถช้า ๆ และใช้ที่ปัดน้ำฝนปัดละอองหมอกที่กระจกรถตลอดเวลา ประมาณ 8.10 น. น่าจะได้ พวกเราก็มาถึงเชิงเขาที่จะขึ้นไปยังเขาคิชฌกูฏ ต้องนำรถไปฝากที่ฝากรถ ราคา 50 บาท จอดได้ทั้งวัน บรรยากาศช่วงนี้ ท้องฟ้าสว่างแล้ว แต่แสงแห่งดวงสุริยายังอ่อนแรงอันเนื่องมาจาก หมู่เมฆบดบังเอาไว้ เป็นภาพตอนเช้าที่งดงามยิ่งอีกภาพหนึ่ง ![]() บริเวณนั้น มีร้านค้ามากมายขายของกิน ขายเครื่องไหว้ เช่น ธูป เทียน ทองคำเปลว ดอกดาวเรืองเป็นถุง มีพลอยให้ไปโปรยที่รอยพระพุทธบาท ตาม วัน เดือน ปี เกิด อีกด้วย ตามความเป็นจริงของศาสนาพุทธนั้น พิธีกรรมเหล่านี้ไม่มีหรอก พิธีเหล่านี้น่าจะนำมาจากศาสนาพราหมณ์ ซึ่งความจริง ฉันเป็นคนไม่ค่อยได้ทำพิธีกรรมเหล่านี้เท่าไรนัก เพราะเป็นคนไม่ยึดมั่นในเรื่องเหล่านี้อยู่แล้ว นาน ๆ ครั้งมากับเด็ก ๆ เพื่อน ๆ ฉันก็ต้องทำตามกันไป เพราะถือว่าเป็นเรื่องไม่ได้เสียหายหรือทำให้คนอื่นเดือดร้อน นั่นเอง พวกเราก็ซื้อกับแม่ค้าเจ้าแรกที่เรียกนั่นแหละ เขาก็แนะนำหลาย ๆ อย่าง เชิญชวนซื้อทุกอย่างพร้อมบรรยายถึงวิธีการไหว้ อธิษฐาน มีพลอย ดอกดาวเรือง 1 ถุง ทองคำเปลว ผ้าสามสี ให้ไปผูกไว้ที่บริเวณศาลที่รอยพระพุทธบาท ทั้งหมดจ่ายไปคนละ 90 บาท นี่ไม่ได้ซื้อธูปเทียนนะ เพราะฉันซื้อไปจากกรุงเทพฯห่อใหญ่ ก็พอที่จะใช้ไหว้ได้ 3 คน เพราะซื้อห่อใหญ่ไป น่าจะ 100 ดอกขึ้นไปน่ะ จากนั้น ก็ไปไหว้ที่ต้นโพธิ์ซึ่งมีพระพุทธรูปองค์ใหญ่อยู่ให้สักการบูชา ที่นี่ ไม่มีการให้จุดธูปเทียนเลย ไหว้และอธิษฐานเสร็จก็ปักธูปเทียนในกระถาง อธิษฐานให้ขึ้นเขาไปนมัสการรอยพระพุทธบาท เป็นการขออนุญาตเจ้าป่าเจ้าเขาตามคำแนะนำของแม่ค้าขายดอกไม้ธูปเทียน เสร็จแล้วเพวกเราก็ไปทานข้าวเช้า ข้าวผัดคนละจาน เจ้าเอก ทานก๋วยเตี๋ยวอีก 1 ชาม แล้วก็ไปซื้อตั๋วขึ้นรถโฟลวิว คนละ 50 บาท ต่อ 1 เที่ยว หนทางที่ขึ้นนั้นคดเคี้ยวเลี้ยวลดเหลือเกิน สองข้างทางมีต้นไม้ใหญ่ขึ้นมากมาย ปิดบังหุบเหวที่น่ากลัวเอาไว้ได้ดี พอดีรถคันที่พวกเราไปด้วย ด้านหลังเป็นพวกสาวประเภทสองไปด้วย จึงได้ยินเสียงร้องหวีดว้ายกันเมื่อรถเลี้ยวโค้ว คนขับก็ขับอย่างเมามันด้วยให้ดูหวาดเสียว เป็นที่สนุกสนานมากกว่าความน่ากลัว พวกเราสามคนนั่งอยู่ด้านหน้า (แค้ป) เลยไม่รู้สึกถึงความหวาดเสียวอะไรมากนัก ฉันถ่ายภาพถนนที่เป็นดินแดงทางขึ้นเขามาให้ชมด้วยค่ะ ![]() ![]() ![]() ![]() มาถึงจุดพักรถนี้ พวกเราก็ต้องไปซื้อตั๋วเพื่อนั่งรถโฟลวิวขึ้นเขาไปอีกช่วงหนึ่ง คนละ 50 บาท เท่ากับเที่ยวแรก ถนนหนทางก็ไม่แพ้ในช่วงที่ 1 แต่คนขับคนนี้ ขับไม่หวาดเสียวเท่ากับคนแรกจ้ะ ท่านลองชมรูปที่ฉันนำมาฝากซิคะ ![]() รถพาพวกเรามาถึงช่วงที่สอง ที่นี่ก็จะมีพระพุทธรูปหลายองค์ อยู่กลางแจ้งให้ผู้มาเที่ยวได้กราบไหว้ตามความศรัทธา มีประชาชนมาเที่ยวมากพอสมควร วันนี้เป็นวันธรรมดา คือ วันอังคาร คนก็มามิใช่น้อย คิดว่าถ้าเป็นวันหยุด คงหนาแน่นมากแน่นอน พวกเราก็นำธูปเทียน ตามจำนวนที่เขาเขียนบอกไว้ ที่นี่ทุกแห่งเขาไม่ให้จุดธูปและเทียน ใช้บูชาโดยไม่มีการจุด ไหว้เสร็จอธิษฐานเสร็จ ก็ปิดทององค์พระตามความนิยม แต่ละที่ก็จะมีตู้ใส่เงินบริจาคทุก ๆ แห่งตลอดระยะทางที่ขึ้นเขานั่นแหละ มีพระมาทำพิธีพรมน้ำมนต์ด้วย เสียงโฆษกประกาศเชิญชวนทำบุญ ฉันก็หยอดแบงค์ยี่สิบ 2 ใบ ของเยาว์ฝากมาทำบุญกับฉัน ก็คนละยี่สิบ ต่อ 1 ตู้ หยอดจนไม่รู้ว่า ของเยาว์ฝากมาทำบุญ ร้อยบาท ครบแล้วหรือยัง มันเยอะมากจนจำไม่ไหว หลังจากนั้น ก็จะเริ่มการผจญภัย คือ การเดินด้วยเท้าแล้ว ขึ้นเขาไปด่านแรก คือ รอยพระพุทธบาท ระยะทางเขาบอกว่าประมาณกิโลกว่า ๆ ทางที่จะขึ้นไปนั้น ไม่ลำบากมากนัก เพราะเขาสร้างเป็นขั้นบันได บางช่วงก็เป็นทางราบเรียบ ระหว่างทางเราจะโปรยดอกดาวเรืองที่ซื้อมา และทางที่เดินไปนั้น จะมีพระพุทธรูป มีพระสงฆ์ประกาศเชิญชวนการทำบุญ มีสถานที่ให้เราไหว้พระตลอดทาง เป็นจุด ๆ ไป ก็เป็นจิตวิทยาอย่างหนึ่งที่ทำให้คนเดินทางได้พักเหนื่อยไปในตัว ท่านลองชมภาพการเดินทางด่านแรกที่ฉันถ่ายรูปมาฝากซิคะ ![]() พวกเราเดินขึ้นเขาไป บางช่วงก็พักเหนื่อย ทำบุญสร้างโรงเรียนไปกับเยาว์คนละร้อยบาท มีการเขียนคำขอพรลงในกระดาษรูปหัวใจและนำไปติดตามต้นไม้ที่เขาจัดเตรียมไว้ ระหว่างทางทิวทัศน์สวยงามมาก ฉันก็ถ่ายรูปมาฝาก หลายใบ เจ้าแฮปปี้เก่งมาก เดินเองโดยไม่ต้องให้ใครอุ้มเลย เป็นหมาที่แข็งแรงยอดเยี่ยมจริง ๆ ![]() ![]() เจ้าแฮปปี้ หมาสุดยอดแห่งความแข็งแรง น่ารักมาก ![]() ![]() ![]() ในที่สุดพวกเราก็มาถึงจุดหมายปลายทางจุดที่ 1 คือ รอยพระพุทธบาท ซึ่งถูกหุ้มห่อด้วยดอกดาวเรืองเต็มรอยพระบาท ทั้งรอยพระบาทใหญ่และรอยพระบาทเล็ก ไม่สามารถเห็นรอยพระบาท จริง ๆ ว่าเป็นอย่างไร เราต้องผลัดกันไปไหว้ เพราะจะต้องมีคนคอยดูแลเจ้าแฮปปี้ ฉันกับอ้อ ไปไหว้ก่อน ก็ทำตามที่คนขายดอกไม้ และพลอย ที่จะมาให้เราโรยลงในรอยพระพุทธบาท และผ้าแพรไปผูกไว้ที่เสา ศาลาหลวงปู่ทวดด้วย กว่าจะมีที่ว่างให้เข้าแทรก และอธิษฐานขอพร ก็หลายนาทีเหมือนกัน สถานที่ที่จะถึงรอยพระพุทธบาทก็ลาดชันพอควร ฉันใส่ถุงเท้าลื่นมากเหมือนกัน ดีที่มีอ้อ อยู่ด้วย เขาก็คอยดูแลฉันดี กว่าจะไหว้เสร็จก็น่าจะไม่ต่ำกว่า 20 นาทีมั้ง แล้วก็ผลัดให้ฉันอยู่กับแฮปปี้ เอกก็ไปไหว้บ้าง โดยขอเอาอ้อไปด้วย คงต้องการไปไหว้กันเป็นคู่ตามประสาคนมีคู่น่ะเนอะ ฉันก็เลยอยู่กับเจ้าแฮปปี้ 1 คนกับ 1 ตัว มันมองแต่ทางที่เอกและอ้อไป คงหวาดระแวงว่าเจ้าของจะทิ้งมันไปนั่นแหละ ก็เหมือนสมัยเจ้ากี้ของฉันก็เป็นอย่างนี้ เฮ้อ ! คิดถึงเจ้ากี้ของฉันมากเหลือเกิน ป่านนี้ จะไปเกิดหรือยังหนอ ![]() ![]() หลังจากนมัสการรอยพระพุทธบาทแล้ว พวกเราก็ไปทานข้าวมื้อเที่ยงกัน อาหารที่นี่ไม่แพงนัก ซื้อด้วยคูปอง เลือดหมูบวกข้าวเปล่าอีก 1 จาน ราคา 45 บาทเท่านั้น ทานเสร็จแล้ว ฉันกับเอก ก็ลุยต่อไป เพื่อจะไปพิชิต สุดเขตแดนบุญ แห่งเขาคิชฌกูฏ ซึ่งเป็นยอดปรารถนาของคนที่มาเขาคิชฌกูฏ ที่จะต้องไปให้ถึงดินแดนแห่งนี้สักครั้งหนึ่งก็ยังดี หนทางที่่ไปนี้ ไม่ใช่หนทางเดินอย่างจุดแรกที่จะไปไหว้รอยพระพุทธบาทเสียแล้ว หนทางที่จะไปนั้นทั้งลาด ทั้งชัน ไม่ใช่จะมีขั้นบันไดให้เราเดินเสียเมื่อไหร่ เป็นโขดหิน เรียกว่าหนทางวิบากมากพอสมควรทีเดียว เอก ถามว่า "อาจารย์ ไหวไหม" ฉันก็ตอบเอกว่า "ถ้าเธอไหว ครูก็ไหวน่ะ อิอิ" ส่วนเจ้าอ้อ ไม่สู้ ขอรออยู่ที่ลาน แถวรอยพระพุทธบาท จึงเหลือเราสองคน ครูกับศิษย์เดินลุยกันไป หอบแฮ่ก ๆ กันไปตลอดทาง แต่ระหว่างที่จะไปถึงยอดเขา (ผ้าแดง) นั้น ทิวทัศน์สวยงามมาก เดินทางไปอีกประมาณกิโลกว่า ๆ แต่ว่า หนทางลำบากวิบากกว่าอีกหลายเท่าตัวทีเดียว ![]() ![]() และแล้ว ด้วยจิตใจอันมุ่งมั่นที่จะไปให้ถึง สุดเขตแดนบุญ เขาคิชฌกูฏของเรา ครูและลูกศิษย์ก็ไปถึง ดินแดนแห่งบุญนี้จนได้ เป็นสุขใจ ภูมิใจที่ได้ทำในสิ่งที่ได้ตั้งใจไว้ ด้วยวัย 63-64 ปี ไม่นึกเลยว่า จะมาถึงได้ แต่ก็ต้องยอมรับสารภาพว่า ถ้าไม่มีเจ้าเอกคอยดึงให้ข้ามโขดหินบ้าง หนทางชัน ๆ บ้าง เอกจะอยู่ด้านหน้าฉันให้ฉันเกาะบ่าเขาไว้ กันไม่ให้ฉันลื่นล้มลงไป เขาบอกว่า ถ้าคนสูงอายุลื่นล้ม เป็นเรื่องใหญ่แน่ เขาบอกฉันว่า เขากลัวมาก กลัวว่าฉันจะลื่นล้ม แล้วเป็นอะไรไป เขาจะรู้สึกผิดไปจนตาย โธ่! ลูกชายฉัน เป็นห่วงฉันเสียนี่กระไร ต้องขอบใจเอก ถ้าไม่มีเอกไปด้วย ฉันไม่กล้าขึ้นไปถึงผ้าแดงอย่างแน่นอน บุญของฉันที่ทำให้เอกมาชวนฉันไปด้วย เลยมีโอกาสไปพิชิตบุญครั้งนี้ไงล่ะ ฉันมันก็เป็นคนแปลก ใครว่าที่ไหนลำบากมาก ๆ ฉันคงไปไม่ได้หรอก ฉันก็ยิ่งอยากไป เพื่อให้มันรู้ไปว่า ฉันจะทำได้หรือไม่ได้ แต่ก็ต้องยอมรับว่า การไปพิชิต ผ้าแดง ครั้งนี้ ถ้าไม่มี เจ้าเอก ฉันก็คงไม่กล้าไป เพราะหนทางมันวิบากจริง ๆ ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() หลังจากพวกเราไปเขียนคำขอพรลงบนผ้าแดงแล้ว พักผ่อน ถ่ายรูปกับป้าย ผู้พิชิต ...สุดเขตแดนบุญ แห่งเขาคิชฌกูฏ แล้ว พักผ่อนสักครู่ก็ต้องรีบลงเขาไป เพราะขณะนั้นเกือบบ่ายสามโมงแล้ว ขากลับ ก็เหนื่อยแทบขาดใจ แต่ก็อดทนกันทั้งครูและลูกศิษย์ พักเป็นช่วง ๆ ไป ระหว่างทางยังมีนักท่องเที่ยวเดินทางมาพิชิต ผ้าแดง เป็น ช่วง ๆ ตลอดทาง ก็ทักทายปราศรัยกันด้วยไมตรีจิตอันงดงาม เอก ต้องให้ฉันเกาะไหล่ตรงทางที่ชันและลาด กันไม่ให้ฉันลื่นไถลลงมา ในที่สุด เราก็มาถึงลาน รอยพระพุทธบาท ที่อ้อ กับเจ้าแฮปปี้รออยู่ เจ้าเอก ก็เหนื่อยไม่น้อย เพราะต้องขับรถมาส่งฉันที่กรุงเทพฯอีก หลังจากพักผ่อนได้สัก ครึ่งชั่วโมง ก็บ่ายสี่โมงกว่าแล้ว พวกเราก็เดินทางกลับ ขากลับเอกอยากไปน้ำตกกระทิง ซึ่งไม่ไกลนัก แต่ว่า อุทยานแห่งนี้ปิด 17.30 น. ตอนเราไปถึงอุทยาน มันก็ 17.00 น.แล้ว เสียเงินค่าเข้าเปล่า ๆ ไม่คุ้มเลย จึงตัดสินใจตีรถกลับกรุงเทพฯ ฉันก็หลับ ๆ ตื่น ๆ อยู่ในรถ มาถึงช่วงไหนไม่รู้ เอก คงง่วงมาก เลยให้เขาจอดรถที่ปั๊มน้ำมันแล้วนอนหลับประมาณ 20 นาที มั้ง จึงเดินทางต่อ ถึงบ้านฉันประมาณ สามทุ่มกว่าแล้ว เอกกับอ้อก็ตีรถกลับเมืองชลไป เฮ้อ ! ความสุขในการเดินทางท่องเที่ยวก็ได้สิ้นสุดลงไปอีกครั้งหนึ่งแล้ว การไปครั้งนี้ ต้องขอบใจเอกมาก ที่ไม่ลืมคำมั่นสัญญาที่จะพาฉันไปเที่ยวเขาคิชฌกูฏ ซึ่งฉันปรารถนาจะไปนานแล้ว การไปครั้งนี้ จึงทำให้ฉันสบายใจมากที่ได้ไปสมความปรารถนา เอก ยังชวนอีกว่า ปีหน้ามาอีกไหม ฉันบอกว่า ฉันสู้นะ (ตามความเชื่อต้องมาให้ครบ 3 ครั้ง จึงจะได้บุญมากที่สุด ) ฉันก็รับปากว่า หากยังมีลมหายใจอยู่ ครูยังสู้ ๆ นะ จะบอกให้ แล้วเราก็หัวเราะกันอย่างอิ่มบุญอิ่มใจกัน ใครที่ยังไม่เคยไปเที่ยวเขาคิชฌกูฏ ฉันขอสนับสนุนให้ไปสักครั้งหนึ่งในชีวิต นอกจากตามความเชื่อว่าจะได้บุญกุศลแล้ว ที่สำคัญคือ สภาพธรรมชาติ ป่าเขาลำเนาไพรแห่งเขาคิชฌกูฏนี้ ยังคงสภาพความเป็นธรรมชาติอย่างสมบูรณ์ให้เราได้สัมผัสถึงความร่มเย็น ความชื่นฉ่ำในหัวใจ ท่ามกลางธรรมชาติที่ไร้มลพิษ ซึ่งเราจะหาไม่ได้ในสังคมเมืองอย่างแน่นอน ยังมีท้องฟ้าที่กว้างใหญ่ หุบเขาที่เต็มไปด้วยพืชพันธุ์นานาพรรณ เสียงนกที่ร้องก้องอยู่ในป่าเขายามที่เราปีนป่ายเพื่อที่จะไป พิชิต สุดเขตแดนบุญ ส่งเสียงต้อนรับเราอยู่ในระหว่างการเดินทางขึ้นเขาไป มันช่างเป็นความสุขทางใจอย่างล้นเหลือที่จะเอ่ยพร่ำพรรณนาออกมาเป็นถ้อยคำให้เห็นจริงได้ นอกเสียจากว่า ท่านจะได้ไปสัมผัสกับธรรมชาติเหล่านั้นด้วยตัวเอง จริง ๆ นะคะ สวัสดีค่ะ อาจารย์ นี่ความจำดีมาก บรรยายได้ระเอียด ยิบ เหมือนได้เอาไดอารรี่ไปบันทึกด้วย
โดย: เอกออนไลน์ IP: 180.183.189.137 วันที่: 18 กุมภาพันธ์ 2555 เวลา:11:27:14 น.
ถ้ามีโอกาสเราอาจจะไปด้วยกันนะคะ ที่นั่นมีอะไรหลายๆอย่างที่น่าประทับใจจริงค่ะ
โดย: เอ้ IP: 125.24.215.65 วันที่: 29 กุมภาพันธ์ 2555 เวลา:17:09:21 น.
สวัสดีค่ะคุณครู หนูแวะมาเยี่ยมค่ะ :)
ทางไปคงจะลำบากน่าดูเลยนะค่ะคุณครู แต่คงจะเป็นที่ที่สวย แล้วคนไปก็คงจะอิ่มบุญน่าดูเลยค่ะ โดย: Nepster
![]() สวัสดีค่ะคุณครู ^^
หนูตั้งใจจะไปเนปาลจริงๆ อ่ะค่ และจะไป Trekking ด้วยค่ะ ตอนนี้ยังมีแรง อยากเก็บเกี่ยวประสบการณ์ตรงนี้ไว้ ส่วนเรื่องเก็บเงินไม่แน่ใจว่าจะพอมั้ย แต่จะพยายามตั้งใจทำให้ได้ค่ะ ฮ่าๆ ตอนนี้ เกิดอาการเบื่องาน แล้วก็เบื่ออะไร หลายๆ อย่าง เลยอยากไปชาร์ตแบตให้ตัวเองค่ะ รู้สึกว่า ชีวิตมันน่าเบื่อเกินไปแล้วค่ะ โดย: Nepster
![]() สวัสดีครับ อนุโมทนาบุญกับทริปเขาคิชกูฏนะครับ
เผอิญหายไปนาน ครับ แต่พอกลับมามีตอนใหม่มาสามตอนนะครับ โดย: Zabby
![]() สวัสดีค่ะ อาจารย์ ช่วงนี้ไม่ค่อยได้เข้า blog เลยค่ะ
ขออนุโมทนาด้วยค่ะ อยากไปเขาคิชกูฎ แต่ก็ไม่ได้ไปซักที ขอแวะชมพร้อมอาจารย์ก่อนแล้วกันนะคะ ![]() โดย: ปอย (Ezy-SeaHill
![]() ปี2556เปิด11ก.พ.ปิด11เม.ย.นะคะสู้ๆๆๆ
โดย: เม่นชลบุรี IP: 110.49.253.3 วันที่: 28 กุมภาพันธ์ 2556 เวลา:1:43:57 น.
เล่าเรื่องได้อบอุ่น ชวนติดตาม และน่าสนใจมากค่ะ..หวังว่าเราคงได้ร่วมเดินทางกันอีกนะคะ..
โดย: อณูเล็กๆ แห่งวิถีพุทธะ IP: 58.11.229.150 วันที่: 5 เมษายน 2556 เวลา:19:41:12 น.
อาจารย์ครับ ถ้าผมไม่นั่งรถโฟวิว..แต่จะใช้ร่างของผมเดินขึ้นไปจะได้ไหมครับ
โดย: อ.โอ๊ค IP: 202.28.77.41 วันที่: 23 กันยายน 2556 เวลา:14:41:44 น.
สวัสดีค่ะ อ. โอ๊ค
ขอบคุณค่ะที่แวะมาอ่านเรื่องที่ฉันเขียน ถามว่า ถ้าจะไม่นั่งรถโฟวิวขึ้นเขาคิชฌกูฐ แต่จะใช้วิธีเดินด้วยเท้าขึ้นเขาไปนั้น ได้หริอไม่ ฉันว่า ไม่น่าจะไหวนะคะ คงต้องเดินนานมาก เพราะระยะทางจากเบื้องล่างหรือตีนเขา ไม่ใช่ระยะทางใกล้ ๆ ระหว่างทางที่ขึ้นเขา ก็วกวน หนทางไม่ได้เรียบ ๆ บางช่วงเป็นหลุมเป็นบ่อ บางช่วงก็ชัน ถึงจะไม่มากก็น่าจะเดินยาก แต่ละโค้งที่รถแล่นสวนกันก็ค่อนข้างน่ากลัว แล้วถ้าเราเดินขึ้น ก็ต้องคอยระวังเรื่องรถ เรื่องสัตว์ที่อยู่ในดงไม้อีก อย่าเสี่ยงดีกว่าค่ะ เอาแรงไปเดินในช่วงที่เขาไม่ให้รถไปถึงดีกว่า เพราะช่วงที่เดินไปถึงรอยพระพุทธบาท ก็เหนื่อยโข ถึงจะหนทางไม่ขรุขระอะไร ไม่ชันมากอะไร แต่ช่วงที่จะไปที่ผ้าแดง ทรหดน่าดูนะคะ ฉันได้บรรยายไว้แล้ว คุณคงได้ทราบถึงความทรหด ว่ามันมากน้อยเพียงใดนะคะ แต่ถ้ายังคิดจะทดลองสมรรถภาพทางกายว่าแข็งแกร่ง แข็งแรงขนาดไหน ก็ลองดูได้นะคะ อิอิ ![]() โดย: อาจารย์สุวิมล (อาจารย์สุวิมล
![]() ขอบคุณ คุณครู ที่นำมาข้อมูลต่างๆมาเล่าให้ฟังค่ะ
กำลังจะไปกับเพื่อนเลยมาหาข้อมูล เป็นประโยชน์มากๆเลยค่ะ ขอบคุณคุณครู อีกครั้งค่ะ โดย: ประภัสสร พรรณนิยม IP: 49.230.75.236 วันที่: 5 มกราคม 2557 เวลา:15:02:23 น.
ขอบคุณคุณครูนะคะ สำหรับข้อมูลที่ละเอียดมากๆค่ะ เป็นประโยชน์กับคนที่จะไม่เคยไปมากๆเลยค่ะ
โดย: chanitta IP: 110.170.137.2 วันที่: 10 กุมภาพันธ์ 2557 เวลา:15:45:44 น.
อยากไปมาก
โดย: เบนซ์ IP: 125.26.75.195 วันที่: 16 กุมภาพันธ์ 2557 เวลา:20:14:36 น.
|
บทความทั้งหมด
|