ย่าติง ดินแดนสวรรค์ของคนรักธรรมชาติ หุบเขาเสือกระโจน ความใฝ่ฝันของนัก Tracking ตอนที่ 2 ย่าติง ดินแดนสวรรค์ของคนรักธรรมชาติ หุบเขาเสือกระโจน ความใฝ่ฝันของนัก Tracking (ตอนที่ 2) 1 พ.ย. 57 เช้านี้ ฉันกับจุ๊บต้องตื่นเช้า เพราะจุ๊บจะทำหน้าที่เจียวไข่ ส่วนฉันต้องตื่นด้วยเพื่อเป็นล่ามให้รู้ว่า จะใช้อะไรบ้าง สามีและ อี้ตี้ ตื่นเช้า เตรียมหุงข้าวต้มให้เราเสร็จแล้ว จุ๊บ จัดแจงตอกไข่ ใส่ซีอิ๊ว ตีไข่ แล้วเจียว ทั้งหมด ใช้ไข่ประมาณ 22 ฟองได้ แบ่งเป็นสองจานใหญ่ หลังจากนั้น อี้ตี้ ก็ลวน ซี่ชวงฉ่ายให้พวกเรา แบ่งเป็นสองจาน เขาเอาถ้วยกระดาษ ให้พวกเราตักข้าวต้ม เป็นความคิดที่ดี เพราะเราจะได้ไม่ต้องมาล้างชามกัน ก่อนรอกินข้าว อ้อย ตื่นแล้ว เลยได้เก็บทิวทัศน์สวยงามบริเวณโรงแรมมาฝากและบรรยากาศการทานข้าวเช้าด้วย ![]() ![]() เมื่อทานข้าวเช้าเสร็จแล้ว ฉันต้องรีบไปอาบน้ำ เพราะคนอื่น ๆ อาบน้ำเสร็จแล้วออกมาทานข้าวแต่งตัวสวยงามกันแล้ว สุรพงษ์กับภรรยา(สมสมัย) อยากได้ชุดเสื้อกางเกง คงจะซื้อไปฝากลูก เลยให้ยุทธช่วยต่อราคาให้ ฉันแต่งตัวเสร็จหน้าตายังไม่ได้แต่งเลย กลัวพรรคพวกรอ กระเป๋า ลากออกมาข้างนอก จุ๊บ จัดการนำขึ้นรถให้แล้ว เจอ อี้ตี้ เขาน่ารักมาก กอดฉันบอกว่า รักฉันนะ คุยกันรู้เรื่องและขอบใจฉันที่เป็นมิตรที่ดี ฉันเลยให้ที่อยู่และเบอร์โทร เผื่อเขาไปกรุงเทพฯ ให้เขาโทรหาได้ จะพาเขาไปเที่ยวกรุงเทพฯ เขาบอกว่า เขาอยากให้ของที่ระลึกกับฉันสักอย่าง ให้เลือกเอา ฉันก็เกรงใจ ไม่อยากได้หรอก แต่เขาบอกอยากให้จะได้จำเขาได้ อิอิ เขาชี้ชวนว่า เอาหมวกไหม เอาใบไหน สีไหน เลือกได้เลย ฉันเลยเลือกหมวกแก๊ป สีฟ้า 1 ใบ แล้วถ่ายรูปกับเขาเป็นที่ระลึก 1 ใบ เสียดาย เขาไม่มี อีเมล ไม่งั้นจะส่งรูปไปให้เขาได้ดูเป็นที่ระลึก อิอิ ![]() ฉันอำลา อี้ตี้ แล้วก็ขึ้นรถ เพื่อจะเดินทางต่อไป จากจงเตี้ยนไปยังหุบเขาเสือกระโจน ที่เป็นแหล่งท่องเที่ยวของนักท่องเที่ยวทั่วไป (ไม่ใช่ที่เทรคกิ้ง) ระหว่างทาง ทิวทัศน์ไหนสวยก็แวะถ่ายรูปกัน ค่ะ ![]() เราแวะที่ทำการก่อนที่จะเข้าไปยังสถานที่เที่ยว ที่เรียกว่า หุบเขาเสื้อกระโจน ที่นี่ มีรูปปั้นเสืออยู่ที่ทางเข้า แล้วเข้าไปถึงที่ลานจอดรถ ซึ่งมีรถทัวร์มาจอดเยอะแยะ นักท่องเที่ยวมาชมความสวยงามของหุบเขาเสือกระโจนมากพอควร มีจุดที่ให้เราได้ถ่ายรูปตั้งแต่ลงจากรถทีเดียว ที่นี่เขาก็ทำเป็นบันไดทางเดินให้นักท่องเที่ยวเดิน ไม่ลำบากในการเดิน แต่ว่าเดินไกลมากพอสมควร ซึ่งก็ไม่ได้เหนื่อยอะไรมากนัก เพราะเดินไป พวกเราก็แชะรูปกันไปเรื่อย ๆ จนถึงชั้นล่างสุดของหุบเขา มีแม่น้ำซึ่งไหลแรงมาก ๆ ปะทะโขดหินที่มีอยู่ทั่วไปในลำน้ำ เสียงดังโครม ๆ ดูน่ากลัวมาก ถ้าตกลงไป มีหวังรอดยาก เพราะสายน้ำดูเชี่ยวกราก เหมือนพิโรธทีเดียว มาดูทิวทัศน์อันสวยงามที่พวกเราถ่ายภาพมาฝากค่ะ อิอิ ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() หลังจากที่ได้เก็บภาพอันสวยงามของหุบเขาเสือกระโจนและชื่นชมความงามมากพอควรแล้ว เราก็มาขึ้นรถและเดินทางต่อไปเพื่อไปถึงที่พักที่ได้จองไว้เมื่อคืน โดยมีคนขับรถช่วยโทรประสานและถามทางกัน ในที่สุดเราก็มาถึงที่พัก เป็นที่พักเรือนแถวสองชั้น ห้องพักดีพอสมควร ได้ชั้นล่าง 4 ห้อง ชั้นสอง 4 ห้อง หลังจากติดต่อเจ้าหน้าที่ที่พักเรียบร้อยแล้ว พวกเราได้กุญแจห้องแล้ว คนรถก็มารอรับเงิน ฉันก็บอกคุณพี ให้จ่ายค่ารถสองค้น 5000 หยวน รวมของเก่าที่ตกลงกับเสี่ยวว่านไว้ 4,000 รวมกับที่เราจ้างมาที่พักนี้อีกคันละ 500 หยวน รวมทั้งหมด 5,000 หยวน ฉันให้คุณพี ทิปเขาอีกคนละ 100 หยวน เพราะเขาน่ารัก ซื่อสัตย์ พาเรามาถึงที่พัก ไม่ทิ้งพวกเรากลางคัน เหมือนเสี่ยวว่าน คนทำดีก็ควรได้รับผลดีตอบแทน จริงไหม อิอิ หลังจากให้เขานับเงินแล้ว ก่อนกลับ ก็ให้เขาถ่ายรูปกับพวกเราเป็นที่ระลึกด้วย อิอิ ![]() หลังจากนั้น พวกเราก็ไปสั่งข้าวที่โรงแรมนี้ ราคาไม่แพงนัก ข้าวผัดจานละ 15 หยวน จานใหญ่มาก กินอิ่มมาก ๆ ถึงช่วงเย็นเลย อิอิ เราไปเดินเที่ยวบริเวณรอบ ๆ โรงแรม เดินไกลมากพอสมควร ถ่ายรูปทิวทัศน์บริเวณนั้นกัน ลมหนาวโชยมาอ่อน ๆ ไม่หนาวมากนัก มีฉัน จุ๊บ จุก และวัชรีที่เดินเป็นกลุ่มไป มาชมรูปของพวกเรา ค่ะ ![]() ![]() ![]() ![]() พวกเรากลับมาถึงที่พัก ไม่ได้ทานข้าวเย็นอีก เพราะว่า ข้าวผัดจานใหญ่มากยังอิ่มอยู่เลย คุณสม คุณสุรพงษ์ ดื่มเบียร์ กันไป กลุ่มหนึ่ง กลุ่มผู้หญิงก็นั่งคุยกันบ้าง คืนนี้เข้านอนกันเต็มอิ่ม พรุ่งนี้ หลายคนจะไปเดินป่า ที่เราเรียกว่า Teacking กัน ซึ่งก็รวมถึงฉันด้วย อยากทดสอบความชราของตัวเอง ห้าห้า คนที่ยอมแพ้ขออยู่ที่พัก ไปเที่ยวรอบ ๆ ที่พัก มี พี่เจ๋ อิม อ้อย วัชรี โชกุลและแม่ ทุกคนเชียร์ให้ฉันไป บอกว่า ดูแล้ว อาจารย์แข็งแรง เดินไหวแน่ เอาวะ ไหน ๆ ก็มาถึงแล้ว ไปก็ไป ห้าห้า คนเชียร์เยอะเสียด้วย วันที่ 2 พ.ย. 57 เช้านี้ ซื้อข้าวผัดแบ่งทานกับคุณสมคนละครึ่ง คุณพี ติดต่อรถทางที่พักจ้างไปส่งพวกเราถึงจุดที่จะเดินเทรคกิ้ง เท่ากับย่นระยะเวลาในการเดินมากพอสมควร เพราะรถที่พักซึ่งเป็นรถตู้ ขับพาเราไปด้วยหนทางที่ยาวไกลและดูทุรกันดาร บางช่วงรถสวนกันไม่ได้ เพราะแคบมาก ต้องแอบข้างทางที่มีที่พอจะแอบไว้ ให้อีกค้นหนึ่งผ่านไปก่อน เจ้าของที่พัก เป็นคนขับเอง เป็นคนหนุ่มที่เก่งนะ ทั้งรับรองแขก ติดต่อรถให้แขก (ไปลี่เจียง เมืองเก่า) รับอาหารตามสั่ง เป็นต้น ภาษาอังกฤษก็พูดได้เก่งและคล่องมากด้วย น่าจะประมาณ 45 นาทีได้มั้ง เขาก็บอกว่าถึงจุดที่จะให้เดินแล้ว มีคนมาถามว่า จะเช่าม้าขี่ไปไหม พวกเราไม่มีใครขี่ม้า ต่างคิดว่า เราต้องเดินได้ ทางที่เดินตามแผนที่ เราจะต้องผ่านจุดโค้งอันตราย 28 โค้ง แต่ละโค้งไกลขนาดไหน ก็ไม่รู้ แล้วก็ต้องผ่านหมู่บ้านถึง 3 หมู่บ้าน แต่ละหมู่บ้าน จะห่างกันขนาดไหนก็ไม่รู้ รู้แต่ว่า เราจะผ่านทางที่ชันที่สุดเป็นกิโล ๆ แล้วจึงจะเจอทางเรียบ เฮ้อ! แล้วฉันก็ได้รู้ว่า หนทางนี้ ไม่ใช่เรื่องง่ายชะแล้ว ถอยหลังกลับก็ไม่ได้ เพราะเราต้องเดินหน้าต่อไป ไม่มีการเดินย้อนกลับ มันจะไปลงทางลาดที่กลับถึงโรงแรมเรา ใหม่ ๆ แรงยังดีอยู่ ก็เดินกระฉับกระเฉง พวกหนุ่ม ๆ สาว ๆ เขาก็เดินล่วงหน้าไปแล้ว ทั้ง ศักดิ์ ยุทธ สุรพงษ์และภรรยา (สมสมัย) เหลือ จุ๊บ ต้น พี จุก สม และฉัน 6 คน ค่อย ๆ เดินกันไป ครั้งนี้ ดีที่มีจุกอยู่กับฉันตลอดเวลา ช่วยกันลากกันขึ้นเขา ผ่านก้อนหินใหญ่น้อย บางช่วงก็ลื่นก้นกระแทกเหมือนกัน แต่จุกอยู่กับฉันตลอด ส่วนจุ๊บกับต้น ไม่คอยพวกเราแล้ว เดินล่วงหน้ากันไปก่อน กลุ่มเราเลยเหลือ 4 คน คุณสม ก็อ่อนแรงเหมือนกัน (อายุเท่าฉัน อิอิ) จุกบอกว่า ค่อย ๆ เดินไปเถอะ อาจารย์ จะให้เหนื่อยมากทำไม ยังไง เราก็ต้องถึง (สงสัยพูดให้กำลังใจ) เรา 4 คน เดินไป เหนื่อยก็พัก ตรงไหนเห็นว่าสวย เราก็หยุดถ่ายรูป เป็นการพักเหนื่อยไปในตัว เดินจนประมาณ บ่ายสามโมงกว่าแล้ว เพิ่งเจอหมู่บ้านที่ 1 คุณพี ชวนทานข้าวกันที่นี่ก่อน เข้าห้องน้ำห้องท่ากัน ฉันเห็นด้วย ฉันสั่งกับข้าว สามอย่าง คุณสมบอกไม่ทาน เราเลยทานกัน 3 คน ทานเสร็จตอนนั้น 4 โมงเห็นจะได้แล้ว ฉันถามคุณพีว่า จะเอาอย่างไร จะเดินต่อหรือจะหารถกลับ เพราะเราก็ไม่รู้ว่า หนทางข้างหน้ามันจะทุรกันดารมากน้อยขนาดไหน อีกอย่าง ถ้ามืดแล้ว จะเดินลำบากแน่ ไฟฉายก็ไม่มี อันตรายจากสัตว์ป่า การหลงป่า การเดินตกเหว มีแน่นอน คุณพี บอกว่า เดินไปถึงหมู่บ้านที่สองก่อนแล้วค่อยตัดสินใจ ฉันบอก ไม่เอาหรอก เพราะเป็นการหวังน้ำบ่อหน้า เราไม่รู้เลยว่า ระหว่างหมู่บ้านที่ 1 กับ 2 ห่างไกลกันแค่ไหน (โชคดีนะ ที่ไม่เชื่อเขา เพราะหลังจากได้เจอกลุ่มที่เดินทางถึงที่พักเล่าว่า อาจารย์ตัดสินใจถูกต้องแล้ว เพราะหมู่บ้าน 1 และ 2 ห่างกันไกลมา พวกเขายังเป็นห่วงอยู่ว่า ฉันจะตัดสินใจจ้างรถกลับไหม อิอิ) ฉันจัดการเจรจากับคนขายอาหาร เรื่องที่จะจ้างรถกลับโรงแรม เขาน่ารักมาก บอกจะติดต่อรถให้ โดยโทรศัพท์ไปจ้างรถให้เรา ราคา 200 หยวน คนขับรถน่ารัก แวะจุดสวยงามให้เราถ่ายรูป 1 แห่งด้วย จากหมู่บ้านที่ 1 ไปนั้น เป็นหนทางที่แย่มาก ถนนเป็นลูกหิน ก้อนใหญ่น้อยมากมาย แถมชันและโค้งแคบมาก หลายสิบโค้ง คนขับเก่งมาก กว่าจะลงมาถึงถนนใหญ่ ใจหายใจคว่ำเหมือนกัน ถ้ารถพลิกคว่ำโอกาสรอดคงมีน้อย เพราะเป็นหุบเหวลึก เฮ้อ! มาดูภาพในการเทรคกิ้งที่ฉันและเพื่อน ๆ ถ่ายมาฝากกันค่ะ ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() พวกเรากลับมาถึงที่พักประมาณ น่าจะเกือบห้าโมงเย็นแล้ว คนที่มาถึงคนแรก คือ ชัยยุทธ มาถึงประมาณเกือบบ่าย 3 ตามด้วย ศักดิ์ และพวกเรา แล้วก็สุรพงษ์กับภรรยา คู่ต้นกับจุ๊บมาเป็นคู่สุดท้าย 6 โมงกว่าแล้ว กำลังห่วงอยู่ว่า ถ้ามาเย็นกว่านี้จะลำบากมาก ก็พอดีเห็นเดินลงมาจากทางมาโรงแรม โล่งอกไปที จุ๊บเล่าว่า ทางลำบากมาก เจ็บนิ้วเท้าห้อเลือดไปหมด ต้องถอดรองเท้าเดินตอนใกล้จะถึงแล้ว เกาะไหล่ต้นเดินลงมา อิอิ โชคดี ที่ฉันตัดสินใจว่าจ้างรถมาส่ง ไม่งั้น เรา 4 คน อาจจะกลับถึงที่โรงแรม 3 ทุ่มก็ได้ ห้าห้า พี่เจ๋และน้อง ๆ รีบยกกับข้าวมาตั้งที่โต๊ะให้พวกเราทาน เพราะพวกเขาทานกันแล้ว เหลือเยอะแยะให้เราสั่งแต่ข้าวเปล่ามากิน มีน้ำพริกอีก คลุกข้าวกินกัน อิ่มไปอีก 1 มื้อ 3 พ.ย. 57 เช้านี้ พวกเราต้องขนกระเป๋า อำลาจากโรงแรมนี้ไปแล้ว เพื่อเดินทางต่อไปยังลี่เจียง โดยคุณพี ให้เจ้าของโรงแรมติดต่อรถมินิบัส 1 ค้นมารับ เป็นเงิน 800 หยวน โดยนัดมารับ 10.00 น.จะได้นอนเต็มอิ่มหน่อย ขนกระเป๋าขึ้นรถกันเรียบร้อยแล้ว พวกเราก็ขอให้เจ้าของโรงแรมถ่ายรูปหมู่ให้พวกเราด้วย เชิญชมค่ะ ![]() เมื่อถ่ายรูป แอ๊กชั่นไปหลายรูปแล้ว พวกเราก็ขึ้นรถกันไป คนรถค่อนข้างไม่เป็นกันเองนัก อยากจะให้เขาแวะเที่ยวบ้าง ก็ดูไม่เต็มใจนัก พาพวกเราแวะแห่งเดียว คือร้านค้าริมทาง ให้ซื้อขนม เช่น พวกวอลนัท ลูกพลับแห้ง แอปเปิล ฉันก็ต่อให้เพื่อน ๆ กันอย่างสนุกสนาน จนร้านที่เราซื้อเยอะที่สุด ดูจะงง ๆ กับการขาย อิอิ แวะแห่งเดียว แล้วเขาก็ไม่แวะให้เราอีกเลย ไปส่งถึงที่ท่ารถของลี่เจียง แล้วเราก็ต้องจ้างรถไปหาโรงแรมกันเอง เราต้องลากกระเป๋าไปที่ถนนใหญ่ เพื่อจ้างรถซึ่งมีทั้งรถแท็กซี่ รถตู้ขนาดเล็กที่นั่งได้คันละ 5-6 คน คนขับรถที่นี่ เป็นผู้หญิงก็เยอะนะ ราคาคันละ 30 หยวน โดยคันแรก เป็นคนไปตามรถอีกสองคันมาให้เรา และช่วยหาโรงแรมให้เราด้วย ว่าพาไปส่งเมืองเก่าลี่เจียงตามที่เราบอก เจ้าของโรงแรมมารอรับพวกเราแล้วที่ริมถนน ให้ไปดูว่าพอใจไหม มาช่วยลากกระเป๋าให้ด้วย การค้าสมัยนี้ คงต้องเป็นอย่างนี้ โรงแรมเล็ก ๆ ถ้าไม่ทำแบบนี้ ก็จะอยู่ยาก คงต้องถ้อยทีถ้อยอาศัยกับพวกคนขับรถนั่นเอง โรงแรมนี้ มีสองฝั่ง ราคา ไม่เท่ากัน ฝั่งที่ฉันอยู่ เป็นชั้นล่าง มี 3 ห้อง ฉันเลยให้คนสูงอายุหน่อย ไม่ต้องปีนบันได พวกพนักงานก็น่ารัก ถึงจะปีนบันได พวกเขาก็ช่วยยกกระเป๋าให้ ราคาฝั่งนี้ 120 หยวนต่อคืน อีกฝั่งห้องเล็กว่าหน่อย ชั้นสอง อีก 5 ห้อง ห้องละ 100 หยวน ก็สมราคาไม่แพง จัดการเรื่องที่พักให้เรียบร้อยแล้ว ก็ต้องไปกับคุณพี เพื่อซื้อตั๋วรถไฟตู้นอนไปคุนหมิงในคืนพรุ่งนี้ สถานที่ขายตั๋วรถไฟ ไม่ไกลจากโรงแรม เดินไปได้ ปัญหาการซื้อตั๋ววุ่นวายพอสมควร เพราะต้องใช้พาสปอร์ตทุกคน คุณพี ต้องเดินกลับไปนำพาสปอร์ตของทุกคนมา เจรจาก้บคนขายคนแรก มันก็งี่เง่า หงุดหงิด อาจจะสื่อสารกันไม่ค่อยเข้าใจ เพราะมันพูดเร็วมาก มันเลยลมเสีย ปิดไม่ขาย ให้อีกคนซึ่งคงหมดเวลาพักแล้วมั้ง เฮ้อ! โชคดี ที่เจอหญิงคนจีนซึ่งก็มาซื้อตั๋วเหมือนกัน อธิบายช้า ๆ ทำให้ฉันเข้าใจว่า ตู้นอนนี่ มีประเภท เตียง 3 ชั้น ซึ่งนอน 6 คน กับ เตียงนอน 2 ชั้น นอน 4 คน น้องคนนั้นอธิบายให้ฟังว่า ควรซื้อแบบ เตียง 2 ชั้น แพงนิดหน่อยจะดีกว่า ฉันเข้าใจ แต่คงอธิบายให้คนขายตั๋วฟังไม่ได้ดีเท่ากับน้องคนนี้ ก่อนที่น้องคนนี้จะไป ฉันเลยขอให้เขาช่วยบอกกับคนขายตั๋วว่า เราต้องการเตียงนอนแบบสองชั้น 4 ตู้นอน เฮ้อ! โชคดีที่คนขายตั๋วที่เพิ่งเปิดขายหลังจากทีพักแล้ว เป็นคนน่ารัก ไม่หน้าหงิกหน้างอ ขอให้เขาพูดช้าหน่อย เขาก็พยายามอธิบาย ในที่สุดก็เรียบร้อย เสียค่ารถไฟไปคุนหมิง คนละ 237 หยวน เสียเวลาในการเข้าแถวซื้อตั๋วไป ชั่วโมงกว่า กลับมาอีกที เหลือกลุ่มพี่เจ๋และวัชรีที่รอฉันไปกินข้าวด้วยกัน คนอื่นคงรอทนหิวไม่ได้ พากันไปกินเสียแล้ว ฉันกับกลุ่มพี่เจ๋ วัชรี ไปกินที่ร้านอาหารใกล้ ๆ โรงแรม ราคาก็ไม่แพง ต่ำสุด 10 หยวน อิ่มแล้ว เจอเจ้าของโรงแรม เลยชวนถ่ายรูปเป็นที่ระลึกและถ่านรูปบริเวณโรงแรม เป็นการประชาสัมพันธ์โรงแรมให้เขาด้วย อิอิ ![]() ![]() หลังจากนั้น กลุ่มฉัน มีพี่เจ๋ อิม อ้อย คุณสม และวัชรี ก็พากันไปเดินเที่ยวกันที่เมืองเก่าของลี่เจียง ฉันเคยมาลี่เจียงปี 49 ซึ่งทางมหาวิทยาลัยหวินหนัน พามาทัศนศึกษา แต่ก็จำสภาพในสมัยนั้นไม่ได้แล้ว กาลเวลา คงเปลี่ยนสถานที่ไปน่ะนะ ที่นี่ถือว่า เป็นมรดกโลกอยู่ มีซอกซอยหลายซอย ซึ่งมีร้านค้ามากมาย ทั้งเสื้อผ้า ผ้าพันคอ หมวก ของที่ระลึก อาหารการกิน ผู้คนมาเที่ยวกันมากมายทั้งเจ้าของประเทศเองและนักท่องเที่ยว เพราะเป็นเวลาตรงกับเทศกาลดอกไม้หรือไง ฉันเดาเอง เพราะเขาจัดเป็นซุ้มดอกไม้สวยงาม เป็นรูปลักษณ์ต่าง ๆ มีชาวเมืองมาออกกำลังกาย ผู้คนเดินกันขวักไขว่ มีจัดภาพวาดสวย ๆ แสดงไว้ด้วย พวกเราเดินชมและมีตากล้อง คือ ลุงสม คอยจัดฉาก ตรงนี้สวย ตรงนั้นสวย แล้วก็มีพวกเราเป็นนางแบบ อิอิ สนุกสนานกัน เหนื่อยก็พักและไปซื้อ ไอศกรีมมานั่งทานกัน มาชมภาพสวย ๆ ของเมืองเก่าลี่เจียงกันค่ะ ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ขากลับ เริ่มเย็นมากขึ้น ระหว่างทางที่เดินกลับโรงแรม มีแม่ค้านำผลไม้ เช่น องุ่น แอปเปิล เป็นต้น พวกเราก็ซื้อ ต่อรองกันสนุกสนาน อย่างไรก็ตาม ถูกกว่าที่เราซื้อที่เมืองไทยพอควร หิ้วมากินเป็นอาหารมือเย็น เพราะว่า มื้อเที่ยงที่กินนั้น เกือบบ่าย 4 โมงแล้ว นั่นเอง กลางคืน ฉันกับวัชรี ออกไปเดินเมืองเก่าลี่เจียงอีกครั้ง เพื่อดูแสงสีในยามค่ำคืน ซึ่งก็สวยไปอีกรูปแบบหนึ่ง ถ่ายรูป ดูร้านค้า ได้ผ้าพันคออีก 2 ผืน ตอนกลางวัน ได้ไป 5 ผืน ไว้ไปฝากเพื่อน ลูกศิษย์ และผู้ใหญ่บางคน อิอิ มาดูรูปกลางคืนกันค่ะ ![]() ![]() 4 พ.ย. 57 เช้านี้ มีหลายคนไปขึ้นภูเขาหิมะกัน มีฉัน จุ๊บ วัชรี ที่ไม่ได้ไปด้วย เพราะเคยไปขึ้นเขานี้แล้ว ค่ากระเช้าและค่าเข้าอุทยาน ไม่ได้รวมอยู่ในค่าทัวร์ ทุกคนต้องจ่ายเอง ซึ่งดูเหมือน จะสองร้อยกว่าหยวน นะ วันนี้ เราเลยออกไปเที่ยวที่ ทะเลสาบมังกรดำ ซึ่งกลุ่มจุ๊บได้ไปเที่ยวมาเมื่อวานนี้แล้ว วันนี้ จุ๊บเลยบอกว่าจะพาพวกเราไปเที่ยว เพราะเขารู้ทางที่จะไปแล้ว เราออกจากโรงแรมประมาณ 10โมงเช้า โดยพวกที่จะไปภูเขาหิมะ ต้องยกกระเป๋าทั้งหมดมาวางที่ห้องเรา เพราะเราจะเช่าเขาเพียง 1 ห้อง เพื่อพวกที่กลับเที่ยวจะได้อาบน้ำอาบท่า ก่อนจะไปนั่งรถไฟกลับคุนหมิง ระหว่างเดินไปที่สระมังกรดำ จุ๊บอยากสระผม เจ้าแรก ที่ฉันถามให้ เอาตั้ง 100 หยวน จุ๊บไม่ทันคิดมั้ง นึกว่าร้อยบาท เลยบอกว่า ประเดี๋ยวจะมาสระ เพราะเขาต้องพาฉันกับวัชรีไปที่สระมังกรดำก่อน พอเดินไป คงคิดได้ว่า มันแพงเกินไป ตั้ง 500 บาท ฉันก็คิดอยู่เหมือนกันว่า เขาต้องคิดผิดแน่ เดินไปจนใกล้จะถึงที่ตีตั๋วเข้าไปชื่นชมสระมังกรดำแล้ว ก็เจอร้านทำผมอีกร้านซึ่งคงจะเปิดใหม่ เข้าไปถามราคา ปรากฏว่า กำลังซ่อมไฟอยู่ เจ้าของร้านยังไม่มา ลูกจ้างก็ไม่สามารถบอกได้ว่า ราคาเท่าไหร่ โชคดีของจุ๊บ เจ้าของร้านมาพอดี เลยคุยได้เรื่อง ราคาถูกมาก ทั้งซอยและไดส์ ราคาเพียง 18 หยวน โห ราคาช่างต่างกับเจ้าแรกราวฟ้ากับดินเลย เจ้าแรกมันคงเห็นเราเป็นชาวต่างชาติ เลยคิดจะโขกเอา โชคดีเป็นของจุ๊บ ที่ไม่ต้องเสียเงินโดยแพงเกินความถูกต้อง เขาก็เลย ทิปเจ้าของร้านไป 20 หยวน เจ้าของร้านคงแปลกใจโดยไม่รู้สาเหตุว่า ทำไมได้ทิปมากกว่าค่าแรงทำผม อิอิ ฉันปล่อยให้จุ๊บทำผม เสร็จแล้วเขาจะตามเข้าไปเอง ฉับกับวัชรีไปซื้อบัตรเข้าชม คนละ 80 หยวน อยู่ในค่าทัวร์ ตอนเช้าเลยให้วัชรีไปเบิกจาก คุณพี มาเรียบร้อยแล้ว ตั๋วสามารถมาเที่ยวได้ภายใน 15 วัน ได้บัตรแล้ว เราก็เข้าไปชมความงามของสระหรือทะเลสาบมังกรดำ สระน้ำมังกรดำ (Heillongtan, Black Dragon Pool) หรือเฮยหลงถัน อยู่ในสวนสาธารณะขนาดใหญ่ ซึ่งเรียกว่า สวนยู้วฉวน (Yuquan) ตั้งอยู่ในตัวเมืองลี่เจียง ห่างจากตัวเมืองเก่าลี่เจียงไปทางทิศเหนือประมาณ 1 กิโลเมตร มีพื้นที่ประมาณ 11,390 ตารางเมตร สร้างขึ้นเมื่อปี ค.ศ. 1737 สมัยราชวงศ์ชิง (แมนจู) สระน้ำมังกรดำมีจุดเด่นที่ความใสของน้ำที่ใสราวกับมรกต นอกจากนี้ ภายในสวนยังมีสถาปัตยกรรมต่าง ๆ ที่ผสมผสานวัฒนธรรมของชาวฮั่น ทิเบต และน่าซี ไว้ด้วยกัน ในสวนแห่งนี้มี พิพิธภัณฑ์ศิลปะตงปา ด้านในของพิพิธภัณฑ์มีสิ่งที่แสดงถึงวัฒนธรรม ตงปามากมาย เช่น รูปภาพต่างๆ และอักษรตงปาซึ่งมีลักษณะคล้ายกับอักษร Hieroglyphics ของอียิปต์ สระมังกรดำ นี้มีที่มาจากตำนานเล่าขานกันว่าในอดีตมีคนพบเห็นมังกรดำปรากฏกายใต้น้ำบ้าง ผุดขึ้นมาจากสระน้ำบ้าง บรรยากาศภายในสวนนั้นเงียบสงบและงดงามด้วยบึงน้ำใสสะอาดสะท้อนภาพทิวทัศน์ของเทือกเขาหิมะมังกรหยกได้อย่างชัดเจน ว่ากันว่าทิวทัศน์ของเทือกเขาหิมะมังกรหยกที่มองจากบริเวณสระมังกรดำเป็นหนึ่งในทิวทัศน์ที่งดงามที่สุดของจีน (ความรู้จาก กูลเกิล ) เราเดินเที่ยวชมสถานที่ต่าง ๆ มีดอกไม้สวย ๆ ในสระมีสิ่งปลูกสร้างกลางน้ำ มีสวน ต้นไม้ รอบ ๆ สระ มีร้านค้าภายในบริเวณสระ พวกเราเจอร้านค้าขายกระเป๋า ขายของที่ระลึก คนขายอายุยังน้อย แต่มีฝีมือแกะสลักสวยมาก ได้แกะสลักหินหยก เป็นรูปพระบาทของพระพุทธเจ้า ต่อรองราคาให้จุ๊บ ซึ่งเขาชอบมาก บอกว่า เคยฝันเห็นพระพุทธเจ้าหลายหน มาเจอรูปแกะสลักนี้ เหมือนพระโดนใจให้ได้เจอ ฉันต่อให้เขาได้เหลือ 160 หยวน ใช้แขวนไว้ที่รถได้งดงามนัก วัชรี ก็ถูกใจ ซื้อไปอีก 1 เส้น ซื้อกระเป๋าไปอีก 1 ใบ ฉันซื้อรูปพระบาทเล็ก ๆ 1องค์ด้วย ต่อรองราคาได้ 60 หยวน เขาแกะสลักชื่อหลังรูปพระบาทให้ทุกคน นอกจากนี้ เรายังอุดหนุนซื้อสร้อยคอ ซื้อที่เปิดขวดเครื่องดื่มด้วย ฉันก็ซื้อทิ้งไว้ เผื่อใช้เป็นของขวัญให้ในโอกาสต่าง ๆ ฉันได้รวบรวมรูป สวย ๆ ที่ถ่ายกัน 3 คนมาฝากด้วยค่ะ ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() พวกเรากลับจากเที่ยว ก็มานอนคุยกันรอพวกที่ไปเที่ยวภูเขาหิมะ มังกรหยก ประมาณ น่าจะ สี่โมงเศษ ๆ พวกที่ไปเที่ยวภูเขาหิมะมังกรหยก ก็มากันแล้ว คุณพี ใหัเจ้าของโรงแรมติดต่อรถที่จะไปส่งพวกเราที่สถานีรถไฟ โดยฉันต้องเป็นคนช่วยสื่อสาร เราจ้างรถ 3 คันเหมือนเดิม รถไฟจะออกประมาณ 20.55 น.พวกเราออกจากโรงแรมประมาณ 5 โมงเย็น ไปถึงสถานีรถไฟ 6 โมงกว่าเท่านั้น นั่งเม้าส์กันนานกว่าจะได้ขึ้นรถไฟ ซึ่งเป็นตู้นอนของเราติดต่อกัน 4 ตู้ ผ้าห่ม หมอน ดูไม่ค่อยสะอาด กลิ่นอับ ๆ พิลึก กว่าจะถึงคุนหมิง 6 โมงเช้า เฮ้อ ! ต้องอดทน มาดูรูปตอนมาถึงสถานีรถไฟของลี่เจียง ค่ะ ![]() ![]() ฉันก็นอนหลับ ๆ ตื่น ๆ ห้องฉัน มี คุณพี โชกุลและแม่โชกุล ใกล้สว่าง พนักงานรถไฟมาเก็บถังขยะไป สักพักฉันลุกไปเข้าห้องน้ำ ล้างหน้าแปรงฟัน หลาย ๆ คนในรถไฟเริ่มทยอยกันตื่น รอคิวเข้าห้องน้ำกันแล้ว รถไฟ มาถึงคุนหมิงตามกำหนดเวลา ที่แย่มาก ก็คือ ไม่มีลีฟให้เราลงเลย ต้องหิ้วกระเป๋าขึ้นบันได เหมือนเมื่อปี 49 ที่ไปเรียนที่คุนหมิง โชคดีที่มีครูผู้ชายที่ไปเรียนด้วยกัน ช่วยหิ้วขึ้นบันไดให้ และไม่ใช่มีบันไดแค่ที่เดียว มีตั้งหลายที่ ไม่ต่ำกว่า 3 ครั้ง ครั้งนี้ โชคดี ที่มีต้น ให้ความช่วยเหลือ ลากกระเป๋าไปตามทางลาดที่ทำไว้ด้านขวาของบันได กระเป๋าฉันค่อนข้างหนัก เพราะเป็นซันโซไนท์ แต่มันทนทานกว่ากระเป๋ายี่ห้ออื่น ถ้ามิเช่นนั้น ถูลากถูกัง ตกร่องทางลาดบ้าง ล้อคงพังแน่ ต้น ต้องออกแรงลากขึ้นลำบากพอควร ฉันช่วยแกถือเป้ 1 ใบ ครั้งนี้ ไม่มีต้น คงลำบากแย่ เฮ้อ ! กี่ปีแล้ว ก็ยังไม่เห็นปรับปรุงเลย มาถึงถนนใหญ่ ฉัน จุ๊บ โชกุลและแม่โชกุล และกลุ่มพี่เจ๋ สั่งข้าวต้มที่ร้านแถวนั้น สั่งกับข้าวผัดผัก 2-3 อย่าง กินข้าวเช้ากัน ห้องน้ำ ก็ไม่มีให้เราเข้า กินเสร็จแล้ว คุณพี มาตาม ต้องลากกระเป๋ากันไปที่สถานี รถบัส เพื่อที่จะนั่งไปที่สนามบิน สถานีนี้ดีหน่อย มีห้องน้ำ สะอาดพอสมควร เลยได้นั่งห้องน้ำให้สบายท้องได้ รถที่นี่ ครึ่งชั่วโมง ออก 1 คัน รถเราออกประมาณ 8.30 น. ไปถึงสนามบิน ก็ประมาณ 9 โมงกว่า ๆ กว่าเครื่องบินจะออกก็รอกันนานละ เพราะเครื่องออกจากสนามบิน ประมาณ เที่ยงกว่า พวกเราเลยเดินเที่ยวในสนามบิน บางคนก็เทเงินหยวนซื้อของให้หมด ไม่อยากเก็บไว้ ฉันไม่ได้ซื้ออะไร เพราะมาจีนบ่อย เก็บเป็นเงินหยวนไว้ ก็ไม่เสียหายหรอก มาดูรูปสนามบินคุนหมิง ซึ่งก็ใหญ่โต ไม่น้อยหน้าเหมือนกัน ค่ะ ![]() ี่สนามบิน ก็เจอกลุ่มของหญิง ติ่งและโก ก็นั่งเม้าส์กันไป จนถึง 11 โมงแล้ว กลุ่ม หญิง เขาไปเช็คอินแล้ว เพราะเขาทำการเช็คอินจากเครื่องหรือไง ฉันก็ไม่มีความรู้เรื่องนี้ ส่วนกลุ่มเรา ก็รอหัวหน้าทัวร์เรา คือ คุณพี ไม่รู้หายไปไหน ศักดิ์และ สุรพงษ์เข้าไปเอง เจ้าหน้าที่คงขออะไรจากพวกเขา แล้วพวกเขาไม่เข้าใจ ฉันเลยต้องเข้าไปพูดกับเจ้าหน้าที่ที่เคาน์เตอร์ บอกว่า เรารอหัวหน้าทัวร์นำเอกสารมาแสดง พวกเราจองตั๋วไว้เรียบร้อยแล้ว เจ้าหน้าที่คนนี้น่ารักมาก บอกว่า ไม่ต้องรอหรอก เขาสามารถเช็คและออกตั๋วเครื่องบินให้ได้ตามพาสปอร์ต ให้ฉันเก็บพาสปอร์ตทั้ง 16 คนให้เขาด้วย ถามว่า จะเช็คน้ำหนักเดี่ยว ๆ หรือกลุ่ม ฉันบอกว่า เช็คกลุ่ม เพราะเรามาด้วยกันเป็นกลุ่ม (ต้องมีคนน้ำหนักเกินแน่ เพราะบางคนซื้อน้ำหนักน้อย) เขาชั่งน้ำหนักกระเป๋าทีละใบ พร้อมกับมีใบสำหรับให้เรากันกระเป๋าหายเมื่อถึงปลายทาง จะได้ใช้เป็นหลักฐานได้ในการชดใช้ค่าเสียหาย ขณะที่กระเป๋าผ่านเครื่องเอกซเรย์ มีปัญหาหลายคน เครื่องมันดัง ต้องไปรื้อกระเป๋าอีกห้องหนึ่ง แล้วนำใบที่จะเป็นหลักฐานนั้นมาให้เจ้าหน้าที่ กระเป๋าที่มีปัญหา มี คุณพี พี่เจ๋ แล้วใครอีก 2 คน ฉันก็จำไม่ได้ ฉันต้องคอยตอบคำถามของเจ้าหน้าที่อยู่ ปรากฏมีปัญหา เพราะว่า พี่เจ๋ ทำใบหลักฐานนั้นหาย ไม่ได้ให้เจ้าหน้าที่ พวกเราก็ยังไปไม่ได้ รอพี่เจ๋ หาจนเหงื่อไหลไคลย้อย เครื่องบินก็ใกล้เวลาเข้ามาทุกที ฉันเลยไปบอกเจ้าหน้าที่ว่า เพื่อนทำหาย จะต้องให้เราทำอย่างไร เพราะใกล้เวลาเครื่องจะออกแล้ว เจ้าหน้าที่คนนี้น่ารักมาก พาเราไปหาเจ้าหน้าที่ห้องตรวจ ว่า ได้ตรวจผ่านแล้วใช่ไหม เมื่อได้คำตอบแล้ว เขาก็อธิบายว่า กระเป่าที่ไม่มีหลักฐานที่ออกให้แล้ว ถ้ามีปัญหาที่เมืองไทย ให้ใช้พาสปอร์ตไปยืนยัน ก็พอดี อ้อย ช่วยค้นกระเป๋าให้พี่เจ๋ จนเจอกระดาษใบนั้น ฉันจึงเอาไปให้เจ้าหน้าที่ พร้อมกับขอบคุณเขาเป็นอย่างยิ่ง ที่เขาอำนวยความสะดวกให้เราเป็นอย่างดี เฮ้อ ! หมดปัญหาไปแล้ว คงได้กลับเมืองไทยโดยสวัสดิภาพเสียที ใจหายใจคว่ำกันไป อิอิ เครื่องบินจากคุนหมิงมาถึงดอนเมือง ใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมงกว่า มาตรงเวลาดี ผ่านการตรวจคนเข้าเมืองแล้ว ก็ต้องไปรอกระเป๋า ได้กระเป๋าแล้ว ต่างล่ำลากันตามมารยาท แล้วก็แยกย้ายกันไป จุ๊บ รอต่อเครื่องกลับหาดใหญ่เลย ไม่ต้องมานอนค้างที่บ้านฉัน อีกฉากหนึ่งของชีวิตฉัน ก็ได้จบลงไปอีกครั้งหนึ่งแล้ว ซินะ ความสุขใจที่ได้เดินทางท่องไปในโลกกว้าง ได้เจอเพื่อนใหม่ ๆ ต่างนิสัย ต่างความรู้สึก สนิทมากบ้าง น้อยบ้าง น้องชัยยุทธ ได้จัดตั้งกลุ่มในเฟส เพื่อส่งข่าวคราว ส่งรูปแลกเปลี่ยนกันไป ก็เกิดมิตรภาพขึ้นมาอีกกลุ่มหนึ่งเนอะ ส่วน จุก คนศีรษะเกศ ก็ขอที่อยู่ เบอร์โทร และแอดมาเป็นเพื่อนฉันด้วย ใหม่ ๆ ก็เข้ามาคุยบ้าง ช่วงหลัง สงสัยงานเยอะ ก็ห่างหายกันไป ชีวิตก็เป็นอย่างนี้แหละเนอะ มีพบก็มีจาก ฉันก็หวังว่า สักวัน เราก็คงกลับมาเที่ยวด้วยกันอีกได้ อิอิ เหลนมารับฉันช้าไปเล็กน้อย เพราะหาที่จอดรถยาก เลยบอกไม่ต้องมาเร็วนัก รอเขาน่าจะประมาณสัก ครึ่งชั่วโมงไม่ถึงมั้ง ฉันกับวัชรีก็แยกกันกลับบ้าน วัชรีเขามีลูกชายมารับ กลับถึงบ้าน แบ่งขนมเปี๊ยะให้เหลนไปกิน ขนมเปี๊ยะของลี่เจียงอร่อยมากทีเดียว เมื่อเจอกันภายหลัง เหลนบอก ขนมอร่อยมาก หวานกลมกล่อม ฉันน่าจะซื้อมามากกว่านั้นนะ อิอิ ฉันหวังว่า การเล่าเรื่องท่องเที่ยวของฉันในครั้งนี้ คงจะทำให้ผู้ที่เข้ามาอ่าน ได้รับความรู้ ความเพลิดเพลินบ้างพอสมควรนะคะ แล้วพบกันโอกาสต่อไป ค่ะ สวัสดี ค่ะ ที่หายไปนาน ไปเที่ยวมานี่เองนะคะ เป็นกำไรชีวิตจริงๆ เพราะเห็นไปบ่อยนะคะ แอบแซวๆ ^^
เห็นอาจารย์ไปเที่ยวแบบนี้ ถึงถึงซีทะเล วันก่อนมาบอกว่า เพื่อนชวนไปเที่ยวเซี่ยงไฮ้ แหมๆ เด็กๆ อนุบาล เค้าชวนกันไปเที่ยวไกลจัง ค่ะ 5555 ปล.ขอบคุณคอมเม้นดีๆที่บ้านน้องซีนะคะ เมื่อก่อนก็ไม่ให้ซีเล่นเกมส์เลยค่ะ เพราะกลัวหลายอย่าง โดย: มี้เก๋ + ป๊าโอ๋ = ซีทะเล (kae+aoe
![]() ![]() เมษา จะไปถึงอเมริกาใต้ เลยรึค่ะ โอ้โห..ต้องมีเรื่องเล่ามากมาย กระเป๋าใบใหญ่แน่ๆ คงต้องไปหลายวัน เดินทางปลอดภัยเที่ยวสนุกนะคะ
เวลาได้คอมเม้นจากครู ดีใจมากเลยเหมือนมีสื่อความคิดถึงมาบอกไม่ถูกค่ะ ^^ ไม่รูั้ทำไม น้องซีวันเสาร์ 28 กพ. ก็จะรับบัณฑิตน้อยแล้วค่ะ จะได้ไปเป็นพี่ ป.1 ซัมเมอร์ 16 มี.ค. แอบตื่นเต้นไม่ได้ค่ะ โดย: kae+aoe
![]() ![]() คุณได้ทำการแปะหัวใจ ให้กับคุณ อาจารย์สุวิมล เรียบร้อยแล้วนะคะ
โดย: kae+aoe
![]() ![]() คุณได้ทำการแปะหัวใจ ให้กับคุณ อาจารย์สุวิมล เรียบร้อยแล้วนะคะ
โดย: kae+aoe
![]() ![]() สวัสดีค่ะ เสียดายที่ตรงกับวันที่ป่าป๊าน้องซีชวนไปเที่ยวกับที่ทำงานค่ะ ปกติป่าป๊าจะไม่พาไปเที่ยวกับที่ทำงานเลย อุส่าห์ชวน ก็เลยอยากให้ความสำคัญกับครอบครัวก่อนค่ะ แอบเสียดาย มากๆๆๆๆ ปีที่แล้วไม่ได้ถ่ายรูปกับครูเลย มีถ่ายติดอยู่เป็นด้านหลัง 555 ปีนี้กะถ่ายซ่อมด้วยซะหน่อย อดเลย
โดย: kae+aoe
![]() ![]() สวัสดีค่ะ มี้เก๋ได้ไปงานแล้วนะคะ พอดีทีมงานอนุญาตให้น้องซีไปด้วย แล้วเจอกันนะคะ
โดย: kae+aoe
![]() ![]() ไม่ได้อีเมล์เหมือนกันค่ะ ได้แต่โทรมาแจ้ง ^^ แล้วเจอกันนะคะ จองถ่ายรูปคู่ อิอิ
โดย: kae+aoe
![]() ![]() สวัสดีค่ะอาจารย์
ขอบคุณมากเลยค่ะที่อาจารย์แวะไปเยี่ยมชมภาพกิจกรรมที่บล็อก วันนี้เห็นอาจารย์แล้วเหมือนกัน ได้ถ่ายรูปร่วมกันด้วย แต่ยังไม่ได้ทักทายสวัสดีกันเลย วันนี้ก็ถือโอกาสมาสวัสดีทักทายกันอย่างเป็นทานการอีกครั้งค่ะ พอเข้ามาถึงก็มาติดกับข้อเขียนของอาจารย์เลยค่ะ อ่านเพลินเลยค่ะอาจารย์ โดย: phunsud
![]() ขออภัยที่มาช้า ตามมาเที่ยวด้วยคนครับ
ที่ที่นำเที่ยวผมเคยไปมาหมดแล้ว แต่บางมุมผมกลับไม่ได้ถ่ายภาพแหะ หุบเขาเสือกระโจน ผมไปเที่ยวแบบวันเดียวเลย เดินเหนื่อยเอาเรื่อง วิวสวย แถมทางที่ไปมีอยู่จุดนึงบรรไดเป็นบรรไดลิงทำจากเหล้กยึดติดผนึง ความชัดเกือบ 90 องศาสูงมาก เรียกได้ว่าไม่แข็งแรงปีนไม่ได้เลย ตอนนั้นเอาขาตั้งไปด้วย น่าหวาดเสียวมาก ลี่เจียงสายจริงๆ ตอนไปจำได้ว่าใช้บัตรนักเรียนได้รับส่วนลด แต่บางจุดก็ต้องเสียเต็มเหมือนกัน เกือบถูกหลอกไปเที่ยวตามทัวร์ที่เค้าจัดให้ด้วย (ทางผมต้องการเที่ยวเองน่ะ) เพื่อความเข้าใจที่ตรงกันมหาวิทยาลัยที่พูดถึงคือ 云南大学 ใช่มั้ยครับ ผมควรจะเรียกอาจารย์สุวิมล ว่าศิษย์พี่สินะครับ เรียนที่เดียวกันเลย ผมไม่แน่ใจว่า อาจารย์สุวิมล เรียนคลาสไหน ถ้าเป็นอาจารย์ที่สอนตั้งแต่ระดับจงจี๋ขึ้นไปผมรู้จักทุกคนนะ ผมรุ่นปี 50 น่ะ แต่ยุคผมไม่มีพามาทัศนศึกษา เท่าที่ทราบมาตอนนี้คุนหมิงพัฒนาไปมาก ถ้าไปอีกครั้งมันอาจกลายเป็นเมืองที่ผมไม่รู้จักไปเสียแล้วก็ได้ ขอบคุณที่แวะมาทักทายบล็อกเล็กๆ ของผมนะครับ โดย: คุณต่อ (toor36
![]() ![]() อาจารย์คะ อยากอ่านทริปอเมริกาใต้จังเลยค่ะ
![]() โดย: Tungmay-Sensitive
![]() ผมเดาว่าของอาจารย์น่าจะมีการดีลอะไรที่พิเศษกว่าแบบที่ผมไปครับ อาจจะเป็นทางไทยดีลอะไรให้แล้ว
โดย: คุณต่อ (toor36
![]() ![]() รอชมๆ ทริปล่าสุดค่ะ
ขอบคุณครูที่โหวตให้น้องซีด้วยนะคะ โดย: kae+aoe
![]() ![]() สวัสดีครับอาจารย์สุวิมล ^^ จะรอชมภาพจากทริปอเมริกาใต้นะครับ เป็นอีกหนึ่งในหลายๆทวีปที่ผมไม่เคยไป อันที่จริงก็เคยไปแค่เอเชีย อเมริกาเหนือ ออสเตรเลีย แล้วก็แอฟริกานี่แหละ
หุบเขาเสือกระโจน ชื่อฟังดูหวาดเสียวครับ อาจารย์ไปเดินป่าด้วย แข็งแรงจริงๆ หนุ่มๆสาวๆบางคนยังไม่สู้เลยครับ ผมชอบเที่ยวโบราณสถาน เมืองเก่าลี่เจียงก็น่าไปนะครับ เป็นมรดกโลกที่ยังมีชีวิตอยู่ ไม่ถูกทิ้งร้างเป็นซากอิฐแบบโบราณสถานหลายๆแห่ง ค่าสระผม 100 หยวนนี่โหดเกินจริงๆ ดีนะไม่ได้อุดหนุนมัน ![]() หืม? เรียนที่เดียวกับคุณต่อด้วยเหรอครับ? ![]() โดย: ชีริว
![]() ![]() สวัสดีค่ะอาจารย์สุวิมล บุ๊งดีใจที่ได้เจออาจารย์เช่นกันค่ะ
อาจารย์น่ารักมาก ๆ ดูใจดีสุด ๆ เลยค่ะ แอบมารอชมทริปอเมริกาใต้พร้อมชีริวนะคะ บุ๊งเองอยากไปเที่ยวมาก ๆ แต่ต้องรอเด็ก ๆ โตก่อนค่ะ อิอิ โดย: Close To Heaven
![]() ![]() แวะมาทักทายยามค่ำครับอาจารย์ จะรอชมเปรูพร้อมคุณบุ๊งอย่างใจจดใจจ่อ
![]() โดย: ชีริว
![]() ![]() ว้าวววววววววววววววววววววววววววววว
รอชมภาพเปรูเช่นกันค่าาา เป็นประเทศที่อยากไปเที่ยว เคยไปเรียนที่อเมริกา มีเพื่อนมาจากเปรูค่ะ เป็นคนไนซ์มาก ๆ ๆ ๆ โดย: Close To Heaven
![]() ![]() แวะมาเยี่ยมอาจารย์สุวิมลอีกครั้งอาจารย์สุวิมลพอจะจำอาจารย์ท่านไหนที่ ม.ยูนนานได้มั้ยครับ^^ ผมว่าน่าจะมีคนที่เราทั้งสองคนต่างรู้จักอยู่แน่ๆ
โดย: คุณต่อ (toor36
![]() ![]() บล็อกอเมริกาใต้ท่าทางจะยาวเหยียดแน่เลยครับ ใช้เวลาเรียบเรียงหลายวันเลย
ผมก็นับถอยหลังรอวันท่องเที่ยวหลังเกษียณมั่ง ช่วงนี้งานยังเยอะอยู่ หยุดยาวๆยังไม่ได้ ![]() โดย: ชีริว
![]() ![]() |
บทความทั้งหมด
|
อุ้มขอตามมาเที่ยวด้วยคนนะคะ
เป็นการคืนความสุขให้กับตัวเองที่อบอุ่น
ชีวิตไม่สิ้นก็เที่ยวกันต่อไปค่ะ
ชอบจังเลย