"ทำใจ" สิ่งที่ได้จาก "น้ำ"(ท่วม)1 สิ่งที่ได้เรียนรู้1 จริงๆ การเลือกกรุ๊ปก่อนเขียนบล็อกก็ไม่ง่ายละ เพราะกรุ๊ปบล็อกนี้ ฉันตั้งเองว่า เรื่องเล็ก แต่ไม่คิดว่าเรื่องที่กำลังจะเขียนเป็นเรื่องเล็กสำหรับตัวเอง แต่ก็นะคงเล็กน้อยสำหรับคนอื่นๆ อีกเยอะแยะ โดยเฉพาะผู้มีหน้าที่รับผิดชอบพื้นที่บางกรวย ไล่ไปตั้งแต่นายกเทศมนตรี สส.สท. สจ.บางกรวย ฯลฯ เขียนเพื่อบันทึกความรู้สึกในช่วงที่ใครต่อใครเรียกสิ่งที่เรากำลังเผชิญนี้ว่า "มหาอุทกภัย2554" อันที่จริง ฉันกับน้ำ (ท่วม)ไม่ใช่สิ่งที่คุ้นเคยกันสักเท่าไร เราเพิ่งมาทำความรู้จักกันจริงๆ จังๆ แบบไม่เต็มใจเมื่อปีที่แล้วนี่เอง จริง ๆ ฉันและครอบครัวย้ายมาอยู่แถวนี้หลายปีแล้วเหมือนกันนะ 4-5ปี (มั้ง) แต่ก็อย่างที่บอกว่า ฉันกับ"น้ำ"เพิ่งทำความรู้จักกันเมื่อปีที่แล้ว ซอยบ้านฉันเทียบกับซอยอื่นในหมู่บ้านจะค่อนข้างต่ำกว่า ทำให้เวลาฝนตกหนักๆ ทีไรน้ำจึงมักท่วมขัง แต่ไม่กี่ชั่วโมงก็ยุบ ถือเป็นเรื่องปกติ แต่ปีที่แล้วต่างออกไป บางครั้งกว่าน้ำจะยุบต้องใช้เวลาหลายวันทำให้ต้องขับรถมาจอดไว้แถบซอยที่น้ำไม่ท่วม แล้วใส่บูทเดินลุยน้ำออกมา บางวันต้องกะเวลาน้ำขึ้นน้ำลงดีๆ เพราะถ้าเข้าบ้านดึกเกินไปน้ำอาจขึ้นรมาใกล้เคียงระดับหัวเข่าทำให้บูทที่มีความยาวระดับเข่าอาจเอาไม่อยู่ แม้น้ำจะมีขึ้นลงตามการขึ้นการลงแต่น้ำบางส่วนท่วมขังมาเป็นอาทิตย์ ไม่ต้องพูดถึงความสกปรกจึงทุกลักทุเลไม่น้อยกับการเดินทาง แต่ซอยอื่นๆ หรือหมู่บ้านใกล้เคียง โดยเฉพาะที่อยู่ริมถนนหลักเท่าที่สังเกตพื้นถนนที่แห้งผาก น้ำคงไม่ท่วม เรียกว่าพื้นที่ห่างกันนิดเดียวแต่เหมือนอยู่คนละโลก ปีที่แล้วเราผจญกับน้ำท่วมอยู่นานนับเดือน แต่ส่วนใหญ่ระดับน้ำจะแค่เข่าหรือขึ้นกว่านั้นนิดหน่อย มีบางวันที่พนังกั้นน้ำแถวสวนใกล้บ้านพังน้ำทะลักไหลบ่าเข้ามาในซอยล้นเข้าบริเวณบ้านให้ตกใจเล่น แต่อย่างมากก็ปริ่มกระสอบทรายที่กันไว้ และสักพักก็เริ่มลดลง มีบ้างเหมือนกันที่ระดับน้ำขึ้นสูงมากจนอยู่ในระดับที่อาจเรียกได้ว่า "ติดเกาะ"ในบ้าน แต่ก็ไม่กี่วัน ปีนี้เห็นข่าวน้ำท่วมหลายจังหวัด ไล่มาตั้งแต่พิษณุโลก พิจิตร ลพบุรี อยุธยา...เห็นแล้วก็ได้แต่บอกกับตัวเองว่า เตรียมตัวไว้ได้เลยว่าแถวบ้านน้ำต้องท่วมมากกว่าปีที่แล้วแน่ๆ "ท่วมก่อนแห้งที่หลัง"น่าจะเป็นสโลแกนที่เหมาะกับบางกรวยมากๆ (อยู่ หมู่บ้านธนากร4) ปีนี้บ้านฉันจึงเตรียมตัวเร็วกว่าปีที่แล้ว ไปขนกระสอบทรายที่เทศบาลน่าจะเป็นบ้านๆ แรกๆ ในหมู่บ้าน เพราะเข็ดกับปีที่แล้ว ปีที่แล้วจำได้ว่าเราเตรียมตัวป้องกันบ้านตอนน้ำเริ่มมาแล้วทำให้ฉุกละหุกมาก ต้องไปกรอกทรายใส่กระสอบและขนมาเองที่เทศบาลทะลักทุเลและเหนื่อยสุดๆ ปีนี้จึงเตรียมตัวแต่เนิ่นๆ และมากกว่า ปีที่แล้วแค่หนุนของขึ้นที่สูงแต่ปีนี้เริ่มทยอยขนของที่อยู่ชั้น1 ขึ้นชั้น2 เพราะเห็นระดับน้ำที่ท่วมในจังหวัดอื่นแล้ว บ้านเราคงไม่ต่างกันแม้ในใจจะแอบคิดว่า คงไม่ขนาดนั้นก็เถอะ บ้านแม่ขนของขึ้นชั้น 2 เกือบหมด เหลือตู้โต๊ะที่ไม่ไหวจะขนบ้างแต่ก็ไม่เยอะมาก บ้านชั้นเองซึ่งอยู่ในซอยถัดไปไม่ไกลนัก ตู้ โต๊ะของชิ้นใหญ่ๆ แทบไม่ได้ขนเลย ไม่ใช่ประมาท แต่คิดแล้วว่าจะทิ้งหมดถ้าน้ำท่วม เพราะเฟอร์นิเจอร์ส่วนใหญ่ แทบไม่มีของใหม่เลย ส่วนใหญ่จะประมาณว่าเจ้าของเดิมเสียดายเกินกว่าจะทิ้งจึงยกให้ฉันบ้าง ฝากไว้บ้าง ตู้โต๊ะในบ้านจึงมาจากบ้านแม่มั่ง บ้านญาติมั่ง ฉันก็รับๆ มาไว้ เพราะคิดว่าจะหัดขัดและทาสีไปพลางในระหว่างที่ตัวเองยังตัดสินใจเลือกซื้อเฟอร์นิเจอร์แบบที่ชอบจริงๆ ไม่ได้ ตู้ โต๊ะส่วนใหญ่จึงเหมือนงานที่ยังไม่เสร็จดี หรือจะเรียกว่า พร้อมทิ้งก็พอได้ แต่สมบัติในตู้นี่ซิ ของมีค่าที่สุดที่มี ฉันพูดได้เต็มปากเต็มคำว่า คือหนังสือ เพราะสะสมมาตั้งแต่เด็กๆ นับพันเล่ม ฉันทยอยขนขึ้นชั้นสองที่ละกองสองกองมาเป็นเดือนยังไม่หมด จนไม่กี่วันก่อนน้ำมาก็ยังขนไม่หมด ที่เหลือก็อยู่ในกลุ่ม"ทำใจ"ไว้แล้ว ของรักอีกอย่างที่คงพังไปกับสายน้ำก็คงเป็นบรรดาของสะสมจากการเดินทาง ส่วนใหญ่ก็เป็นบรรดา mug ถ้วย ชาม อุปกรณ์ชงกาแฟ ถาดลายเก๋ที่มักอดซื้อติดมือกลับมาไม่ได้เวลาได้เดินทางไกล แม้จะทำใจยากกว่าหนังสือก็ยังต้อง"ทำใจ"อยู่ดี เสียดายแต่จะทำไงได้ล่ะ คิดไม่ถึงจริงๆ ตอนนั้นก็คิดแค่ว่า ของอยู่ในตู้สูงเกือบสองเมตรคงไม่เป็นไร ลืมคิดไปว่าตู้ที่แช่น้ำนานๆ จะพังล้มลงมาได้ ไหนจะกำแพงบ้านอีกล่ะ แต่นั่นก็ยังไม่เท่า สารพัดต้นไม้ในบ้าน จันกะพ้อ, จำปา,จำปี, กรรณิการ์, ราตรี, พุศน้ำบุศย์, เชอรี่ และอีกสารพัด ทำไงได้ล่ะ นอกจาก "ทำใจ" ![]() โดย: deco_mom
![]() |
บทความทั้งหมด
|