ชุดดวงดอกไม้.......ธาดากุสุมา + ปทมาสวรรค์ + สร้อยสะบันงา นิยาย Set ที่ตั้งโจทย์เพื่อให้เห็นสายสัมพันธ์ระหว่างแม่กับลูก โดยจะเริ่มจาก ธาดากุสุมา รุ่นลูก ต่อด้วย ปทมาศวรรค์ รุ่นแม่ และสุดท้าย สร้อยสะบันงา รุ่นยาย ซึ่งแต่ละรุ่นจะพาดพึงเหตุการณ์กันไปคนละอย่างเลยทีเดียวค่ะ ถือว่าเป็น นิยายชุดที่มาแปลก ด้วยการซ่อนปมอดีตไว้ แล้วให้นักอ่านรู้โดยการอ่านย้อนหลังเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ------------------------------------------------------------------------------------------------------- ธาดากุสุมา........ณารา โครงเรื่อง เป็นเรื่องราวในยุคปัจจุบัน และอ้างอิงฉากในเมืองสมมุติ ภราห์มปุระ....ประเทศในแถบเทือกเขาหิมาลัย ชายแดนติดอินเดียและภูฏาน นางเอกของเรา คือ ธาดากุสุมา เป็นนักข่าวสำนักต่างประเทศ ที่เข้าไปทำข่าว พระราชพิธีคัดเลือกราชบุตรเขย พระเอกคือ รวิษณุ นายตำรวจหัวหน้าหน่วยข่าวกรอง ที่ครั้งหนึ่งเคยพบธาดากุสุมา สมัยเธอยังเรียนอยู่ในอเมริกา.....เมื่อบังเอิญว่า นางเอกพบเห็นฉากฆาตกรรม และถูกคุกคามจากเจ้าหน้าที่ตำรวจเองเพราะเป็นพยานนั้น เธอจึงขอความช่วยเหลือจาก รวิษณุ ความสัมพันธ์ของทั้งคู่จึงก่อตัวขึ้น ท่ามกลางวังวนของสงครามการเมือง หลังอ่าน เล่มนี้ เคยเป็นประเด็นร้อน ในกระทู้ดราม่าแห่งห้องสมุด เมื่อปีก่อนนะคะ ซึ่งสุดท้ายเจ้าตัวเค้าก็แพ้ภัยตัวเองไปแล้ว ต้องยอมรับว่าคุณณารา เป็นคนที่สร้างพล็อตใหญ่ได้น่าสนใจ แต่พอถึงพล็อตย่อยและการดำิเนินเรื่องแล้ว มันยังคงเป็นอะไรเดิม ๆ ไม่ว่าบุคลิกของพระเอก นางเอก ความคิดต่ออีกฝ่าย เหมือนอ่านในวังน้ำวน ( หนีผู้ร้ายในป่า พร้อมกับ Spark กันหน่อย ๆ.... อีกแล้วเหรอ ) ไม่รู้สึกแตกต่างจากเล่มเดิม ๆ เลย ในช่วงต้นเรื่อง ที่เป็นบทบรรยาย สภาพบ้านเมือง ภูมิประเทศของภราห์มปุระ มีเยอะมากค่ะ ถ้าเป็นไพรัชนิยายเมืองที่มีอยู่จริง ๆ ก็คงน่าสนใจ แต่เมื่อมันออกตัวเป็นเมืองสมมุติ ก็อดคิดไม่ได้ว่ามันเยอะไปไหมกับการบรรยาย....เลยอ่านข้ามอะไรที่ให้ความรู้สึกว่าเป็นข้อมูล (เทียม )ไปค่ะ ตลอดทั้งเรื่องค่อนข้างเน้น นางเอกนะคะ....สร้างความเก่งและโดดเด่นให้นางเอกจนพระเอกอ่อนไปเลย โดยเฉพาะฉากไคลแมกซ์ ท้ายเรื่อง หัวหน้าข่าวกรองประสาอาไร้ รู้ทั้งรู้ว่าจะมีเกิดร้ายเกิดขึ้น ยังต้องให้นางเอกบังเอิญได้เห็นผู้ก่อการร้ายและกระโดดเข้าไปรับกระสุนแทนตัวอีกนี่ เฮ้อ... สารภาพว่า เล่มนี้ อ่านแล้ววางอยู่หลายรอบ กว่าจะเข็นตัวเองให้อ่านจบได้นี่ เล่นเอาเหนื่อยอยู่ ซึ่งมันน่าจะเป็นเพราะอ่านนิยายของ คุณณารา มาหลายเล่ม เลยช้ำ มันแนวนิยายที่มันเดิม ๆ น่ะค่ะ แต่สำหรับ ผู้อ่านที่ไม่เคยอ่านงานของณาราก่อน เราว่ามันคงน่าสนใจไม่น้อย (เหมือนสมัยที่เราสนใจณารา ในเรื่องแรก ๆ ที่อ่าน ) --------------------------------------------------------------------------------------------------------- ปทมาศวรรย์.........ปิ่นปินัทธ์ โครงเรื่อง จากปมที่ทิ้งท้ายไว้ในเล่มของ ธาดากุสุมา ว่าใครคือพ่อ ของเธอ แต่เราว่าคนอ่านธาดากุสุมาก็เดาได้ไม่ยากหรอกค่ะ ว่าใครเป็นพ่อ แต่ก็นะ เพื่อความต่อเนื่องก็ต้องอ่านความเป็นไปของ ปทมาศวรรย์ค่ะ ฉากในเรื่องเกิดขึ้นในช่วง ตุลา 2516 เหตุการณ์ในบ้านเมืองของเราที่กำลังเข้มข้น รัฐบาลที่ทำร้ายปัญญาชน และการเริ่มแทรกซึมของระบอบคอมมิวนิสต์ นางเอกของเรามีความขัดแย้งในตัว เพราะเธอเป็นหม่อมราชวงศ์ แต่ก็ใฝ่ใจกับระบอบประชาธิปไตย ที่นักศึกษาสมัยนั้นต่อต้านรัฐบาลเผด็จการอย่างรุนแรง จากเหตุการจราจลปราบปรามนักศึกษาที่เธอเผลอเข้าไป ทำให้เธอถูกหมายหัว และต้องหนีข้ามแดน ไปยังป่าเมืองลาว เข้าสู่อาณานิคมของพวกคอมมิวนิสต์ ที่นั่นเธอได้พบกับสหายสิงห์ ชายหนุ่มผู้มีเบื้องหลังอันดำมืด เขามาคอยดูแล ปกป้ัอง หลังอ่าน ไม่เคยอ่านงานของผู้เขียนมากก่อน แอบเกร็ง ๆ อยู่เหมือนกันค่ะ แต่พอออกตัวไปได้ 2-3 บท ก็โลดเลยค่ะ สำนวนอ่านใช้ได้ดีทีเดียว การเดินเรื่องก็น่าติดตาม ฉากในป่า จะจริงหรือเปล่าไม่รู้แต่ก็เขียนมาให้ชวนเชื่อทีเดียว...นางเอกช่วงแรกผู้เขียนแสดงให้เห็นความอ่อนด้อยทางความคิด แต่ก็มีพัฒนาการขึ้น ส่วนพระเอกนี่บอกได้ว่า เก่งเวอร์ (แต่มีทีมาที่ไปอธิบายภายหลัง ) ช่วงต้นเดินเรื่องเร็ว สนุก มีสลับฉากของพระนางให้แอบยิ้มกันบ้าง แต่พอหลุดจากป่าเข้าเมืองภราห์มปุระ แล้วนี่สิ ความเข้มข้นของเรื่องดูลดลง เอื่อยไปนิด แต่พอเข้าฉากจบ...นิยายที่เิริ่มต้นมาด้วยดีก็กลายเป็นเรื่องเด็กเล่นไป เข้าใจค่ะว่า ผู้เขียนอยากให้จบ Happy Ending แต่ จขบ.กลับไม่ชอบเลย เพราะรู้สึกว่ามันทำลายบรรยากาศที่ดีมาตลอดลงไป เมื่อทั้งคู่ยอมแยกจากกันเพราะต่างต้องทำหน้าที่เพื่อบ้านเมือง....และยิ่ง ฝ่ายหนึ่งเป็น ราชา ของประเทศย่อมควรจะรักษา "ศีลธรรม" และ ประพฤติ ที่ดีที่งาม..... นอกจากนี้การลัีกลอบพบกันแถมปิดบังลูกสาวของตนตลอดกว่ายี่สิบปี และยังสามารถมีลูกอีกสองคนซ่อนไว้ได้จนโตนี่ เหลือเชื่อมากไปหรือเปล่าคะ....ยิ่งใช้จุดนี้่มาตอบว่านี่คือเหตุที่ แม่มีโลกส่วนตัวสูง จนไม่สนิทกับลูกสาว ตามที่บอกไว้ในเรื่องธาดากุสุมายิ่งฟังดูไม่น่าเชื่อ...(แถมพอเฉลย ธาร่า เธอยังซาบซึ้งไปกับแม่เสียอีก...เฮ้อ ) เราว่าถ้าอยากให้จบ Happy ก็ให้เค้ามาเจอกันใหม่ มาอยู่ด้วยกันหลังยี่สิบปีผ่านไปเมื่อทุกอย่างคลี่คลาย ( องค์รานีสิ้นพระชนม์ )ก็พอค่ะ...มันน่าจะซึ้ง และยอมรับได้มากกว่านะคะ ------------------------------------------------------------------------------------------------------- สร้อยสะบันงา........อุมาริการ์ โครงเรื่อง เป็นนิยายพีเรียดค่ะ ฉากในเมืองไทยเราเนี่ยแหละ เป็นช่วงหลัวสงครามโลกครั้งที่สอง ช่วงเวลาที่ผู้คนยังแยกชนชั้น ของเจ้า สามัญชน และเจ๊กจีน นางเอกเราเป็นลูกหลานขุนนาง แต่ตกอับเพราะเหตุกบฏบวรเดช จนต้องย้ายมาอยู่ชานเมือง และพบกับพระเอกที่เป็นลูกพ่อค้าจากเมืองจีน ที่ริมคลองพลับพลาแห่งนี้ นางเอกใช้ชีวิตอย่างเร้นแค้น แต่ก็ได้พระเอกแอบจุนเจืออยู่เนือง ๆ จนวันหนึ่งหลังพ่อตาย และหม่อมป้า มาพานางเอกเข้าไปเรียนหนังสือต่อ และอาศัยอยู่ในวังรวิเวศน์ ที่นั่น สร้อยสะบันงาได้หลงวนกับสถานที่โอ่อ่าและท่านชายสูงศักดิ์ พร้อมกับโชคชะตาที่เล่นตลกทำให้เธอกับพระเอกต้องมีอันคลาดแคล้วต่อกัน.... หลังอ่าน เล่มนี้แทบจะไม่มีประเด็นอะไรเกี่ยวกับสองเล่มก่อนเลยค่ะ แต่ก็นะ เล่ม สองก็สปอยไว้แล้วว่าปทมศวรรย์มีพ่อสองคน...มันก็ไม่ต้องเดาอะไรมากแล้วละกับโครงเรื่อง เพียงแต่ลุ้นว่าเรื่องมันจะพลิกผันกันไปได้อย่างไรเท่านั้น ในฐานะที่เป็นนิยายพีเรียด ก็เรียกได้ว่าผู้เขียนทำได้ดีนะคะ ทั้งสำนวนที่ใช้ การใช้คำเปรียบเปรยในบทสนทนา ฉากเศร้าสะเทือนใจก็ทำได้ดีทีเดียวอ่านแล้วยังมีคล้อยตาม เหตุผลและความเป็นไปในเรื่องก็น่าเชื่อ ยังไม่มีจุดให้แย้งได้แบบชัดเจน ( ยกเว้นว่า พระเอกดีเกินมาก ๆ อะไรจะรักมั่นขนาดนั้น ) แถมเล่มนี้ยังปลอดเลิฟซีนด้วย แต่ความรักระหว่างพระนางกลับลึกซึ้งกว่าสองเล่มแรกอย่างเห็นได้ชัดเลยค่ะ..... อาจมีบ้างในการบรรยายฉากและเหตุการณ์ ยังดูอ่อนไปสักนิด ไม่อินไปกับยุคพีเรียดเท่าไรแต่ก็ถือว่าดีมากแล้วค่ะ สำหรับนักเขียนใหม่ ๆ เพราะโทนอารมณ์จากเรื่องนี่ใช้ได้เลยนะคะ ( ไม่ใช่สำนวนสมัยใหม่แต่เขียนยุคพีเรียดแบบบางเรื่อง ) รู้สึกนิดเดียวว่าตอนช่วงท้ายเรื่องราวดูรวบ ๆ ไปนิด แต่รวม ๆ แล้ว ชอบเล่มนี้มากสุดในชุดค่ะ -------------------------------------------------------------------------------------------------------- ขออีกนิดกับภาพรวมของการเป็นนิยายชุด ถามถึงความต่อเนื่องของทั้ง 3 เล่มในแง่ นิยายชุด ส่วนตัวแล้วเราว่ามันยังมีจุดที่กลืนกันไม่สนิท...จุดแรกคือในส่วนของปทมาศวรรย์ตามเม้นท์ด้านบน จุดที่สองคือความคิดของสร้อยสะบันงา ตอนเลี้ยงดูปทมาศวรรย์....ท้ายเล่มสาม สร้อยสะบันงาเธอเกลียดความเป็นหม่อม ความเป็นรวิวงศ์ แต่ใน เล่มสอง เธอกลับเลี้ยงดูปทมศวรรย์แบบให้รักศักดิ์ศรีในเกียรติตระกูล ??? เสน่ห์ของความเป็นนิยายชุดหายไป......เวลาอ่านนิยายชุดที่ส่วนใหญ่จะอ่านเรียงตามเหตุการณ์ ผู้อ่านจะมีความสุขเวลาได้เห็นตัวละครเล่มก่อน มาโผล่เข้าฉากในเล่มใหม่ แอบเห็นความเป็นไปของตัวละครเก่า ซึ่งเราว่านี่คือสเน่ห์ของนิยายชุด แต่เนื่องจากเล่มนี้เป็นการอ่านย้อนมันจึงมีการซ่อนตัวละครที่เป็นคีย์ไว้ หรือต่อให้กล่าวถึงบ้างคนอ่านก็ไม่รู้สึกร่วมอะไร... แถมยังชวนงงในตัวละครบางตัวอีกต่างหาก ( ตอนอ่านปทมาศวรรย์ มีอ้างถึง หม่อมยายแสงจันทร์ กับยายเอื้อง ตอนอ่านก็งงเลยค่ะ ใครเป็นยายแท้ ๆ กันแน่...แต่ก็ต้องงงต่อไปเพราะเฉลยอยู่ในเล่มสาม ) อ่านครบสามเล่มแล้วยังเกิดข้อกังขาเล็ก ๆ ว่า เอ่อ หม่อมยายแสงจันทร์ตายตอนไหนหว่า เพราะไม่ได้โผล่มาในเล่มธาดากุสุมา .... การตอบโจทย์ สายสัมพันธ์ระหว่างแม่ลูก....อ่านจบทั้ง 3 เล่ม เห็นแค่ความสัมพันธ์ระหว่าง แม่เอื้องกับสร้อยสะบันงา เท่านั้นค่ะ.....ส่วนแม่ทั้งสามรุ่น นี่ไม่ค่อยรู้สึกเลย ( เล่มแรกผูกปมไว้ว่า ธาดากุสุมามีปัญหากับแม่ปทมาศวรรย์ แต่ท้ายเล่มอยู่ ๆ แม่ก็มาถ่ายเลือดให้ พร้อมโอดครวญกลัวลูกตาย....อืมม มันยังซึ้งไม่ลงค่ะ ) อยากบอกว่า ถ้าเป็นนิยายชุดอยากให้เป็นชุดที่ใช้นักเขียนคนเดียวเขียนทั้ง 3 เล่มมากกว่า...คงอ่านได้รื่นกว่าเยอะ หรือไม่ก็เป็นธีมเดียวกัน แต่เรื่องใครเรื่องมันอย่างชุดลูกไม้ของพ่อ เวลาอ่านจะได้ไม่รู้สึกขัด ๆ มากนัก ชุึดนี้ขอผ่านก่อนค่ะ
โดย: Aneem วันที่: 31 ตุลาคม 2556 เวลา:6:49:20 น.
เห็นที่ห้องสมุดอยู่เหมือนกันครับแต่มีไม่ครบสามเล่ม ไม่รู้ว่าแยกกันอ่านได้ใช่ไหมครับ?
โดย: สามปอยหลวง วันที่: 31 ตุลาคม 2556 เวลา:8:09:05 น.
ชุดนี้ได้อ่านสองเล่มแรกค่ะ ค่อนข้างเห็นด้วยกับประเด็นที่เค้าวิพากษ์กันในพันทิปใครั้งกระโน้น(ไม่เกี่ยวกับ hidden agenda ของผู้จุดประด็นนะคะ)
ไม่ค่อยประทับใจนักเลยไม่ได้อ่านเล่มสุดท้ายอะค่ะ อ้อ...คนเขียนเล่มที่สองนามปากกา"ปิ่นปินัทธ์"ค่ะ กับที่หัวบล็อกชื่อเรื่องสุดท้ายชื่อ"สร้อยสะบันงา"มังคะ โดย: แม่ไก่ วันที่: 31 ตุลาคม 2556 เวลา:10:20:07 น.
ชุดนี้เลือกอ่านเรื่องสุดท้ายไปเล่มเดียว โอเคค่ะ อ่านได้
เรื่องอื่นลังเลไปลังเลมา สุดท้ายเลยไม่ตามต่อ ...มีชุดอื่นออกมาจนตามไม่ไหว เลือกอ่านเป็นเรื่อง ๆ บางชุดไม่มองเลย มันเยอะเกินงาม โดย: ~:พุดน้ำบุศย์:~ วันที่: 31 ตุลาคม 2556 เวลา:12:48:42 น.
คุณAneem.......ชุดนี้ผ่านได้ค่ะ จขบ.ก็เกือบผ่านเหมือนกัน อ่านเพราะประเด็นในห้องสมุดแท้ ๆ เชียว
คุณสามปอยหลวง.....อ่านแยกเล่มได้นะคะ ไม่ได้มีประเด็นต่อเนื่องที่เป็นนัยสำคัญ คุณpolyJ......เหมือนกันค่ะ ชุดนี้ถ้าไม่มีงานของอุมาริการ์ อาจไม่อ่านเหมือนกันค่ะ คุณแม่ไก่......แก้สะกดผิดแล้วค่ะ ขอบคุณนะคะ อยากบอกว่าเล่มสุดท้ายสนุกสุดค่ะ คุณพุด ฯ ......นับว่าเลือกได้ถูกต้องแล้วค่ะ โดย: Serverlus วันที่: 31 ตุลาคม 2556 เวลา:15:25:44 น.
อ่านแล้วทั้ง 3 เล่มครับ...เฉยๆกับเล่มแรก อย่างที่ว่า เหมือนเป้นแนวๆ เดิมของณารา ... ชอบเล่ม 2 กับ 3 แต่เทใจให้สร้อยสะบันงามากที่สุดในชุด ทำเอาติดใจอุมาริการ์เลย .... ซึ่งพอได้มาอ่านพีเรียดของผู้เขียนอีกเรื่อง คือ เพลิงฉิมพลี ก็ชอบเพลิงฉิมพลีมากกว่า ...ผู้เขียนทำผลงานออกมาได้ดีกว่าเดิม
ส่วนเล่มปทมาศวรรย์ ก็ชอบ ชอบประเด็นของเรื่อง การดำเนินเรื่อง แต่ใจตรงกันครับทีว่่าท้ายเรื่องรู้สึกว่าเนือยๆ ไปหน่อย โดย: อุ้มสม วันที่: 31 ตุลาคม 2556 เวลา:19:56:20 น.
โดยร่วมชอบความตั้งใจดีของธีมชุดนี้นะคะ
ความสัมพันธ์ระหว่างแม่กับลูก การต่อสู้ของลูกผู้หญิง แต่ถึงเวลาอ่านจริงๆ มันก็ป้อกแป้กพิกล เล่มแรกนี้แทบจะอ่านผ่านๆ ไปเลย ส่วนเล่มสอง โดนใจเฉพาะช่วงแรกๆ แต่ก็คิดเหมือนคุณเอ้ การกระทำของกษัตริย์พระองค์นั้นหาความสง่างามอันใดไม่ได้จริงๆ แม้มันจะ Happy ส่วนเล่มสุดท้ายลุ้นมากเลยค่ะ อ่านแล้วน้ำตาคลอ ชีวิตพลิกผันเสียจริง โดย: เหมือนพระจันทร์ วันที่: 1 พฤศจิกายน 2556 เวลา:10:28:48 น.
ชุดนี้ขอผ่านค่ะ ชอบหน้าปกอย่างเดียวแต่พล็อตเรื่องเราเฉยๆค่ะ
โดย: หมูย้อมสี วันที่: 1 พฤศจิกายน 2556 เวลา:18:57:25 น.
หวานเย็นได้อ่านแค่ 'สร้อยสะบันงา' น่ะค่ะ เล่มอื่น ๆ ห้องสมุดไม่มีให้ยืมเลยอดน่ะค่ะ
โดย: หวานเย็นผสมโซดา วันที่: 2 พฤศจิกายน 2556 เวลา:20:05:37 น.
เซ็ทนี้ไม่ได้สอยเลยค่ะ (ไม่งั้นตอนนี้อยู่ในไหทองคำชัวร์ค่ะ) เราว่างานเซ็ทถ้าเขียนแบบเกี่ยวเนื่องกันขนาดนี้เขียนยากจริงๆค่ะ เห็นด้วยว่าถ้าเป็นคนเดียวเขียนสามเรื่องน่าจะดีกว่า
โดย: Sab Zab' วันที่: 2 พฤศจิกายน 2556 เวลา:20:41:24 น.
คงผ่านกับนิยายชุดไปก่อนค่ะ
ปล.ปกสวยนะคะ ชวนให้ซื้อมากมาย โดย: สารพัดช่าง วันที่: 3 พฤศจิกายน 2556 เวลา:15:10:06 น.
ขอบคุณมากๆ ค่ะที่กรุณาหยิบนิยายของมือใหม่มีผลงานน้อยมากๆ มาอ่าน ในส่วนที่ไม่สามารถตอบโจทย์ของคุณServelus ได้ ขออนุญาตชี้แจงสักนิดนะคะ
- ปทมาศวรรย์ไม่ใช่นิยายเล่มเดี่ยว หากแต่เป็นนิยายชุด พลอตต่อเนื่อง ตัวเอกเป็นรุ่นแม่ที่อยู่ตรงกลางระหว่างเล่ม1 กับ 3 พลอตและเค้าโครงเรื่อง จึงเป็นไปได้ยากที่จะโลดแล่นอิสระโดยไม่ดูเล่มอื่น ต้องไปในทางที่เข้ากันกับพลอตที่เล่มอื่นๆ วางไว้ (เล่มแรก ให้อ่านก่อนและเป็นอนาคตของปทมาศวรรย์ เขียนแย้งอนาคตไม่ได้ เล่ม 3 เป็นอดีตของปทมาศวรรย์ก็เช่นเดียวกัน) จึงย่อมที่จะมีบางจุดที่นักเขียนควบคุมดังใจ 100 เปอร์เซนต์ไม่ได้ แต่ก็พยายามทำเต็มที่ มันอาจจะออกมาไม่ "สมใจ" แต่ก็"พอใจ" ที่สุดแล้ว..ในส่วนที่ตนเองได้ทำไป - ที่เลือกจบให้แฮปปี้เอนดิ้ง เพราะ รู้ตัวว่า หากจบแบบโศกนาฏกรรม ฝีมือของนักเขียนมีลงานเพียง 2 เล่มของตนเองยังเขียนได้ไม่ถึงแน่นอน คงต้องใช้เวลาพัฒนางานให้มากกว่านี้ก่อนถึงจะกล้าเขียนได้ สารภาพว่า..ยังไม่มั่นใจในฝีมือตัวเองค่ะ - ที่แพตม่าต้องมีลูกเพิ่ม ก็เพื่อตอบโจทย์ของบก. ที่ต้องการให้นิยายชุดนี้เชิดชูความเป็นแม่ เมื่อนิยายเล่มแรกในชุดได้วางให้แม่กับลูกไม่เข้าใจกัน ไม่สนิทกันแต่ต้นและกว่าจะปรับความเข้าใจกันได้ ก็ในตอนท้ายเรื่องแล้ว จึงจำเป็นต้องสร้าง "ลูก"ขึ้นมาใหม่ในเล่มของตนเองเพื่อให้ได้มีเรื่องรา่วความใกล้ชิดของแม่ลูก ทำให้ต้องมีพลอตรักซุกซ่อนของหริณาธิปและปทมาศวรรย์ขึ้นมา แต่ก็ได้พยายามรักษาเกียรติของนางเอกเท่าที่จะทำได้ ในส่วนของความเป็นไปได้..ในโลกแท้จริง เราก็พบเห็นกษัตริย์และราชวงศ์หลายประเทศได้มีนางในที่แอบซ่อนไว้มากมายแทบทุกยุค อย่างไรก็ตาม ต้องขอบคุณเป็นอย่างสูงที่หยิบปทมาศวรรย์มาอ่านและรีวิว จะพยายามพัฒนา ให้ลดความเป็นเรื่องเด็กเล่น..ให้ลดน้อยลงในผลงานในอนาคตค่ะ โดย: ปิ่นปินัทธ์ IP: 58.9.6.244 วันที่: 18 ธันวาคม 2556 เวลา:16:31:49 น.
ว๊าว...นักเขียนมาตอบใน Blog ของเราด้วย....ด้วยความยินดีและขอบคุณนะคะ
คุณปิ่นปินันทธ์คะ ....ส่วนตัวแล้วดิฉันมีความเชื่อว่า ไม่ควรมีกรอบใด ๆ ในการทำงานศิลปะทุกแขนง เพราะผลงานที่จะได้ออกมามันไม่สุด และอาจเลวร้ายถึงขั้น หัวมังกุฏท้ายมังกรไป และในนิยายเรื่อง ปัทมาศวรรย์ ซึ่งเป็นนิยายที่อยู่ตรงกลาง เป็นตัวเชื่อม กรอบของคุณปิ่นปินัทธ์ แทนที่จะไม่มีเส้น กลับกลายเป็นเส้นกรอบที่หนา หนัก....ตรงนี้ดิฉันเห็นใจจริงค่ะว่าคงจะยากน่าดู แต่....คุณปิ่นปินัทธ์ อย่าดูถูกฝีมือตัวเองซิคะ คุณมีพื้นสำนวนที่ดีนะคะ ใช้คำได้เหมาะเจาะ เข้าถึงอารมณ์ของเรื่องได้ การบรรยายก็ไม่มาก ไม่น้อยเกิน การเล่าเรื่องในช่วงต้นของนิยายเรื่องนี้น่าติดตาม ( เข้าใจว่าเนื้อหาส่วนนี้ค่อนข้างอิสระจากตัวสร้อยสะบันงา และธาดากุสุมา ) ปริมาณผลงานที่ออกมา ไม่ได้การันตีคุณภาพของหนังสือนะคะ ดิฉันไม่เถียงว่า หากมีผลงานมามากย่อมมีประสบการณ์ในการขัดเกลาฝีมือตัวเอง...แต่ก็มีตัวอย่างให้เห็นอยู่นะคะ ดูอย่าง ในฝัน ผลงานเรื่องแรกของคุณหญิงวิมลสิคะ ( ตอนที่เขียนเข้าใจว่าท่านยังอายุไม่ถึง 20 เลย แต่กล้าที่จะให้พระเอกตายตอนจบ แล้วนิยายเรื่องนี้ก็กลายเป็นเพชรเม็ดหนึ่งในบรรณพิภพ ) ในทางกลับกันก็มีให้เห็นอีกด้วยว่านักเขียนที่มีผลงานมากว่า 20 เรื่องแต่ฝีไม้ลายมือก็ยังเหมือนเดิม หรือไม่ก็ด้อยลงทุกที กลับมาที่นิยายเรื่องนี้กันดีกว่า (หลังจากชวนออกทะเลไป ) ต้องบอกว่าการที่เลือกให้สิงห์(ขอใช้ชื่อนี้เพราะพิมพ์ง่าย )แอบมีครอบครัวซุกซ่อนกับแพตม่า ที่ต่างประเทศ และปิดบัง ธาร่านั้น....การกระทำนี้ มันขัดกับลักษณะนิสัยของทั้งคู่ที่ปูพื้นเรื่องไว้ก่อนหน้าค่ะ 1 แพตม่ายอมแยกจากสิงห์มาทั้ง ๆ ที่กษ้ตริย์ประเทศนั้นสามารถมีเมียได้มากกว่า หนึ่ง ( อย่างถูกต้องตามขนบธรรมเนียม ) จะว่าด้วยเธอหยิ่งในศักดิ์ศรี หรือเพราะไม่้อยากใช้สามร่วมกับหญิงอื่นก็ตาม........แล้วทำไมเธอเลือกมี่จะมีสามีแบบซุกซ่อน ( ไม่ผิดกับเมียน้อยหรือนางบำเรอ....ซึ่งไม่ว่าดูในแง่ไหนแล้วมันก็แย่ยิ่งกว่า ) ส่วนตัวแล้วรู้สึกขัดในจุดนี้ค่ะ 2 ถ้าด้วยข้ออ้างว่า รักกันมาก จนทนแยกจากกันอีกต่อไปไม่ได้แล้ว แพตม่าใจอ่อนยอมมีครอบครัวกับสิงห์ แบบลับ ๆ .....แล้วทำไมต้องเก็บความลับจากธาดากุสุมาด้วย ทำไม่ลูก ๆ ในครอบครัวใหม่รู้จักว่าพ่อของตนเองเป็นใคร แต่ธาดากุสุมากลับไม่สามารถทำเช่นนั้นได้ ........ข้ออ้างแค่ว่า กลัวธาร่ารับความจริงไม่ได้ มันอ่อนไปหน่อยไหม ( ต้องมาไล่กันดูแหละค่ะว่าจะให้ timeline เวลาที่สองคนปลงใจกัน ธาร่าอายุเท่าไร 5 ขวบ 10 ขวบ หรือวัยรุ่น 15 ปี....ช่วงวัยไหนกันคะที่เด็กจะรับไม่ได้ ) แล้วครอบครัวใหม่ที่ต่างประเทศ กับตัวธาร่า มีช่องว่างอะไร ทำไม่ต้องแยกเป็นสองครอบครัว.....่จุดนี้มองยังไงก็ไม่กลืนค่ะ ส่วนประเด็นกษัตริย์ มีสองบ้าน...ไม่ติดใจในแง่ความเป็นไปได้ แต่จะให้ชอบใจก็คงไม่ไหว ( หมดกัน ภาพของสิงห์ที่ปูมาตอนต้น........เข้าใจเรื่องความรัก แต่ข้องใจเรื่องการซุกซ่อน ) ในการแก้ปัญหาโจทย์ แม้คำตอบที่ได้จะสวยหรู งดงาม แต่ถ้าโจทย์ผิดตั้งแต่แรก คำตอบนั้นมันก็เปล่าประโยชน์นะคะ ย้ำอีกครั้งนะคะ คุณปิ่นปินัทธ์มีฝีมือพอที่จะตรึงคนอ่าน แต่นิยายเรื่องนี้ ดิฉันไม่ให้ผ่านเพราะพล็อตตอนท้ายที่ไม่เสริมกันค่ะ ( ความเห็นส่วนตัวดิฉันคนเดียวนะคะ ) ขออีกนิด สำหรับการอ่านงานเป็น set ....ไม่เถียงค่ะ ว่าอ่านชุดนี้ เพราะนามปากกา อุมาริการ์ ด้วยความต่อเนื่องของเรื่องราว จึงจำเป็นต้องอ่านทั้ง 3 เล่ม อยากบอกว่า เคยอ่านนิยายชุดบ้านไร่นะคะ มีนามปากกาที่ไม่เคยอ่านมาก่อน อ่านของเขาใน set เป็นครั้งแรก จะด้วยกรอบหรืออะไรไม่รู้ แต่ปรากฏว่า First Impression นั้นไม่เป็นที่ประทับใจ จึงไม่เคยคิดที่จะหยิบงานเดี่ยว ๆ ของนักเขียนผู้นั้นมาอ่านอีกเลย แต่ก็เชื่อแหละค่ะว่า ในแง่ของเม็ดเงินแล้ว ยอดขายของนิยาย set คงได้มากกว่า ( แถมต่อยอดเป็นละครด้วย ) นิยาย set ก็คงมีออกมาอีกเยอะ ซึ่งก็ต้องขึ้นอยู่กับคนเขียนเองแล้วละค่ะ ที่จะทำให้กรอบที่มีอยู่ มันเป็นเพียงเส้นบาง ๆ หรือไม่มีเส้นให้เห็นได้หรือเปล่า..........เอาใจช่วยนะคะ ขอบคุณอีกครั้งที่เข้ามาแชร์เรื่องราวในนิยายเรื่องนี้นะคะ โดย: Serverlus วันที่: 21 ธันวาคม 2556 เวลา:0:29:45 น.
อีกนิด
ดิฉันไม่ได้แอนตี้ นิยาย set นะคะ เพียงแต่ นิยาย set ที่ชอบมันมักจะมาจากนักเขียนคนเดียวกัน เรื่องที่ชอบ ก็ สามทหารเสือของกิ่งฉัตรไงคะ ที่ชอบอีกก็ ชุดล้านนา ของกฤษณา อโศกสิน ........อ้อ แล้วก็งานของ ปิยะพร ศักดิ์เกษม แต่จะเรียกว่า set คงไม่ได้แล้วเพราะเกี่ยวพันกันทุกเรื่อง ! โดย: Serverlus วันที่: 21 ธันวาคม 2556 เวลา:8:26:53 น.
|
บทความทั้งหมด
|