เวียงแว่นฟ้า + หนึ่งฟ้าดินเดียว + ขุนหอคำ...........กฤษณา อโศกสิน

วรรณกรรมล้านนา  3 เรื่องนี้ เป็นนิยายอิงประวัติศาตร์ในรัชสมัยรัชกาลที่ 5 ตอนที่ล้านนายังเป็นเพียงประเทศราชของสยาม  ตัวเอกในเรื่องทั้งไพร่ และเจ้า นอกจากจะมาจากในล้านนาเองแล้ว ยังมีขุนนางจากสยาม และชนชาวเงี้ยว หรือไต เข้ามาเกี่ยวข้องด้วย

ทั้ง 3 เล่ม เป็นเรื่องราวต่อเนื่องกัน  จำเป็นต้องอ่านเรียงค่ะ

------------------------------------------------------------------------------------------------------

เวียงแว่นฟ้า

โปรยปก

"เวียงแว่นฟ้า" เป็นนวนิยายอิงประวัตศาตร์ล้านนาที่สมบูรณ์แบบทั้งวิธีการดำเนินเรื่องที่นำข้อมูลความเป็นไปในประวัติศาตร์มาผสมกับจินตนาการอย่างกลมกลืนงดงาม  คืองดงามทั้งการเสนอบุคลิกลักษณะและอารมณ์ของตัวละครที่มีทั้ง "เจ้า" และสามัญชน  งดงามทั้งฉากต่าง ๆ ที่ดำเนินไปตามท้องเรื่อง  งดงามทั้งลีลาทางวรรณศิลป์ที่ผู้เขียนสามารถถ่ายทอดภูมิหลังตลอดจนวิถีชีวิตวัฒนธรรมประเพณีออกมาให้คนรุ่นหลังได้เห็นภาพ  เป็นนวนิยายที่มีคุณค่าอย่างยิ่งต่อการอ่าน ซึ่งให้ทั้งความเพลิดเพลิน รื่นรมย์ และสาระทางประวัติศาตร์วัฒนธรรม

เล่าเพิ่มเติม

เรื่องนี้เป็นจุดเริ่มต้นของนวนิยายไตรภาค  เป็นการปูพื้นเรื่องและตัวละครหลักในอาณาจักรล้านนา  โดยเริ่มต้นที่สมัยเจ้าหลวงองค์ที่ 6 ในราชวงศ์เจ้าเจ็ดตน  ผู้เขียนสร้างเรื่องให้เห็นถึงความสัมพันธ์ "เจ้า" กับ "ไพร่" วิถี วัฒนธรรม และการเมืองในสมัยนั้น ที่มีเริ่มมีการคุกคามจากฝั่งของ สยาม  การเข้ามาของชาวอิงกะเล็ต (อังกฤษ )  ชนเผ่าใกล้เคียงอย่าง เงี้ยว (ไทใหญ่) และม่าน (พม่า)

ตัวละครหลักในเรื่องจะมีทั้งฝั่ง เจ้า ....ซึ่งผู้เขียนอิงมาจากตัวตนของเจ้าจริง ๆ ในประวัติศาสตร์ (แต่มีการแปลงชื่อเล็กน้อย )  และฝั่งไพร่ บัวบุรี นางข้าหลวงที่งามหมดจดทั้งหน้าตาและกริยา  เมืองราม  ไพร่หนุ่มรูปงามสง่า สัตย์ซื่อ และเปี่ยมด้วยความรู้ความสามารถ  .....บัวบุรี และเมืองรามผูกสมัครเป็นกู้ฝั้น (คู่รัก )  แต่อุปสรรคของรักของทั้งคู่เกิดมาจาก ม่อน หรือที่จริงคือเจ้าม่อนฟ้าแห่งเมืองนาย   ที่แฝงตัวเข้ามาทำงานกับเจ้าหลวงพร้อม ๆ กับเมืองรามก็หลงรัก บัวบุรีด้วยเช่นกัน...รักสามเส้าในครั้งนี้ จึงจบลงด้วยความเศร้า (ของคนอ่านที่เทใจให้ เมืองราม )

------------------------------------------------------------------------------------------------------

หนึ่งฟ้าดินเดียว

โปรยปก

"หนึ่งฟ้าดินเดียว"  มีความละเอียดอ่อนและยิ่งใหญ่เพราะ กฤษณา อโศกสิน ผู้เขียนได้กลั่นกรองข้อมูลที่มีสาระและความรู้ที่น่าสนใจมามายทางด้านประวัติศาตร์และวิถีชีวิตวัฒนธรรมประเพณี มาผสมผสานกับเนื้อเรื่องจากจินตนาการอย่งงดงามกลมกลืนน่าอ่านเป็นอย่างยิ่ง

ผู้อ่านได้รับความรู้ทางประวัติศาตร์ในยุคนั้น ได้รู้ว่าเจ้านายผู้ครองอาณาจักรล้านนาต้องเผชิญกับอะไรบ้าง ทั้งเล่ห์เหลี่ยมการรุกรานจากอาณาจักรใกล้เคียง รวมทั้งการสานสัมพันธ์กับราชอาณาจักรสยาม ยิ่งกว่านั้นยังซาบซึ้งกับศิลปวัฒธนธรรมประเพณีอันเก่าแก่ที่น่ารักษาไว้ และตรึงใจกับความรักระหว่างสามัญชนกับเจ้านาย "หนึ่งฟ้าดินเดียว" มีครบทุกรส ทั้งความรัก ความแค้น ความเสียสละ และความรักชาติรักแผ่นดิน

เล่าเพิ่มเติม

เรื่องราวต่อเนื่องจากเล่มก่อน เมืองราม ไพร่หนุ่มที่พ่ายรักเพราะคนพาล...ได้มีโอกาสใกล้ชิดกับเจ้าหญิงระยับเนตร หลานสาวนางพญาเมือง ที่แสนพยศเป็นอย่างยิ่ง  ด้วยชนชั้นวรรณะ และขีดขั้นทางสังคม การกินแขก (แต่งงาน )ระหว่างเจ้านายฝ่ายหญิง และไพร่สามัญฝ่ายชาย นั้นเป็นเรื่องที่ไม่สามารถยอมรับได้ในวิถีชีวิตชาวล้านนายุคนั้น  ...แต่ด้วยความดีของเมืองราม และความดื้อรั้น ของเจ้าหญิง  แม้จะไม่ราบรื่นนัก  แต่รักของทั้งคู่ก็สุขสมหวัง

ต้องบอกว่า เล่มนี้ เล่าเรื่องราวความรักของตัวละครเป็นหลัก อรรถรสจึงเปี่ยมล้น  แต่สาระความรู้นั้นไม่ได้ขาดหาย ด้วยผู้เขียนเก็บเกี่ยวมาป่น  และโปรยแทรกตลอดเล่ม อย่างแนบเนียนกลมกลืนไปกับเรื่องราว

------------------------------------------------------------------------------------------------------

ขุนหอคำ

โปรยปก

เมื่อเอ่ยถึงความยากของเรื่องนี้ ก็คงไม่แตกต่างจาก "เวียงแว่นฟ้า" และ "หนึ่งฟ้าดินเดียว" สักเท่าไร แม้ "ขุนหอคำ" จะเป็นความลำบากถึงที่สุด แต่จุดระยิบระยับใจก็ยังรออยู่ นั่นคือความท้าทายให้ทำทุกวิถีทางที่จะโยงตัวละครเข้ามาเชื่อมกันจนพูดภาษาไทใหญ่ให้ได้ความ คล้ายพยายามดึงชายฟ้าตะวันตกมารวมกับชายฟ้าตะวันออก  แล้วผูกเป็นโบอย่างงดงาม

เล่าเพิ่มเติม

เรื่องนี้เป็นรุ่นลูกแล้วค่ะ  ฝ่ายชาย คือ ภูเออ หรือเจ้ามาวฟ้า บุตรชายของ บัวบุรีกับเจ้าม่อนฟ้า  ส่วนฝ่ายหญิง คืออาบองค์ บุตรสาวของ เมืองรามและเจ้าหญิงระยับเนตร

ฉากหลังในเรื่องนี้จะเน้นหนักไปทางฝั่งของชาวไต (ไทใหญ่ ) ไม่ว่าจะเป็นประเพณี วัฒนธรรมแต่ละเมือง หรือควันหลงของไฟสงคราม  การศึกแย่งชิงดินแดนและความเป็นใหญ่  การเมืองระหว่างชาวไต ม่าน และอังกฤษ...แต่ก็ตามโปรยปกหลังแหละค่ะ ผู้เขียนจับจูงเหตุการณ์ ให้บังเอิญ ภูเออ และอาบองค์ได้มาพบกัน  เมื่อมีกรณีพิพาทเขตแดน  ระหว่างล้านนาในอาณัติของสยาม และไตใหญ่ ในอาณัติของอังกฤษ...

เล่มนี้ ความสนุกของเรื่องราวจากตัวละครจะค่อนข้างน้อยกว่าสองเล่มแรก...( แถม จขบ.ไม่ชอบใจ ภูเออ พ่วงด้วยอีกต่างหาก...ประมาณว่าไม่ชอบตั้งแต่พ่อยันลูกเลย ฮี่ฮี่ ) แต่ในส่วนของเหตุการณ์พิพาทชายแดน ก็แอบเสียดาย ที่นิยายจบไปซะก่อน โดยไม่ได้เล่าต่อไปถึงตอนเสียดินแดน

หลังอ่าน

ม่วนจ๊าดนักเน้อ....(แก้ตามเสียงกระซิบคุณแม่ไก่ )

ต้องบอกว่า วรรณกรรมชุดนี้ มันยิ่งกว่านิยาย อีกนะคะ...โปรยปกหลังแต่ละเล่ม ไม่ได้เกินเลยไปจากความจริงเลย  ไม่เพียงแต่สนุกกับเรื่องราวของตัวละครแล้ว ยังเปี่ยมด้วยคุณค่ากับความรู้ทางประวัติศาสตร์ และวัฒนธรรมประเพณี  ผ่านภาษาที่สวยงาม  แม้จะมีภาษาเมืองปนอยู่ไม่น้อย  แต่ก็อ่านได้ไม่ยากนะคะ เพราะมีเชิงอรรถ ไว้ให้ตลอด  หรือไม่ก็มีประโยคแปลเขียนไว้ตามมา ...อาจจะอ่านได้ช้าเพราะต้องละเลียดอ่านค่ะ  ค่อย ๆ ซึมซับตำนาน เหตุการณ์ ที่ผู้เขียนสอดแทรกใส่ไว้อย่างกลมกลืน  ส่วนเรื่องตำแหน่งเมืองก็ไม่ต้องงงนะคะ เพราะมีแผนที่ประกอบแทรกให้ด้วย....

น้อยนัก ที่จะมีใครเขียนนิยายประวัติศาสตร์ ได้สมบูรณ์ขนาดนี้....ชวนให้อ่านนะคะ




Create Date : 01 กันยายน 2556
Last Update : 2 กันยายน 2556 22:55:33 น.
Counter : 6601 Pageviews.

17 comments
: กะว่าก๋าแนะนำหนังสือ - วิชา ภูผา ชีวิต : กะว่าก๋า
(30 มิ.ย. 2568 05:01:21 น.)
๏ ... ตามเก็บงานเข้าบล้อกบ้านนกผี ... ๏ นกโก๊ก
(29 มิ.ย. 2568 19:45:12 น.)
เพลงรักพันราตรี เพลงที่เจ็ด บทเพลงแห่งทุ่งคุสึ : จิเอโกะ ฮาระ มาช้ายังดีกว่าไม่มา
(27 มิ.ย. 2568 11:43:11 น.)
๏ ... ไฟนอก ไฟใน ไฟอารมณ์ ... ๏ นกโก๊ก
(24 มิ.ย. 2568 10:12:22 น.)
  
เรื่องนี้ อ่านจบมาหลายปีแล้ว จำรายละเอียดไม่ได้
เพราะอ่านรอบเดียว กะว่าอ่านเอาเรื่องก่อน แล้วค่อยเก็บรายละเอียดซ้ำ
แต่ไม่ได้อ่านซ้ำอย่างที่ตั้งใจ เหตุเพราะไม่ปลื้มกับเล่มสุดท้าย
เลยหมดอารมณ์จะกลับไปอ่านอีกรอบ

แต่ในเชิงวรรณกรรม สมบูรณ์ และงดงามค่ะ

ยังคิดว่า อีกหลายปีข้างหน้า จะหยิบมาอ่านอีกครั้ง
เพราะเชื่อว่า มุมมอง/ความคิด จะเปลี่ยนไปจากการอ่านรอบแรก
โดย: ฟ้าใส ในเงาจันทร์ วันที่: 2 กันยายน 2556 เวลา:0:44:27 น.
  
น่าอ่านมาก 3 แต่เล่มจบเลยเหรอ
โดย: Nat_NM วันที่: 2 กันยายน 2556 เวลา:7:09:53 น.
  
ถ้าเล่ม 3 ไม่ถูกใจ อ่านแค่สองเล่มแรกได้ไหมคะ คิดว่าอยากซื้อมาเก็บไว้อ่านบ้าง
โดย: polyj วันที่: 2 กันยายน 2556 เวลา:7:54:48 น.
  
เคยพยายามอ่านหนึ่งฟ้าดินเดียว แล้วรู้สึกว่าต้องใช้สมาธินิดนึง ถึงตอนนี้ยังไม่ได้กลับไปอ่านเลยค่ะ สงสัยคงต้องหาเวลาอ่านหน่อยแล้วค่ะ
โดย: ปลาเม็ง วันที่: 2 กันยายน 2556 เวลา:8:23:04 น.
  
อุตะ ถ้ารายละเอียดเยอะ บางทีต้องอ่านหลายๆ รอบจะได้ซึ้งนะเนี่ย แต่เห็นอย่างนี้ผู้แต่งคงทำการบ้านมาสุดยอดจริงๆ นะคะ
โดย: ~*Sing Praise*~ วันที่: 2 กันยายน 2556 เวลา:9:37:53 น.
  
มาร่วมด้วยช่วยเชียร์อีกแรงค่ะ
เป็นนิยายอิงประวัติศาสตร์ที่ครบถ้วนสมบูรณ์ทั้งรสวรรณศิลป์ทั้งสาระความู้ในแง่ประวัติศาสตร์
ทั้งแรงบันดาลใจในเรื่องราวของความรัก ไม่ว่าจะเป็นความรักโรแมนติกระหว่างชายหญิง หรือความรักในแผ่นดินถิ่นเกิด...

ในส่วนของความเป็นนิยายชอบหนึ่งฟ้าดินเดียวที่สุด แต่ในแง่วรรณศิลป์ การใช้ภาษาชอบขุนหอคำค่ะ

คุณเอ้ต้องพูดว่าม่วนจ๊าดนักเน้อ... หรือม่วนขนาดค่ะ...
ถ้าม่วนจ๊าดหลายมันจะกลายเป็นอีสานไปแล้ว...
แซวเล่น ในฐานะคนเมืองเจ้า
โดย: แม่ไก่ วันที่: 2 กันยายน 2556 เวลา:14:19:39 น.
  
คงต้องหามาอ่านบ้างแล้วล่ะ ฝีมือระดับชั้นครู
โดย: ~:พุดน้ำบุศย์:~ วันที่: 2 กันยายน 2556 เวลา:16:09:52 น.
  
ถ้ามีโอกาสจะคงจะอ่านแน่นอนครับ
โดย: อุ้มสม วันที่: 2 กันยายน 2556 เวลา:19:06:58 น.
  
มีครบทั้งสามเลยครับ แต่ไปหยุดอยู่แค่ หนึ่งฟ้าดินเดียว เหลือ เรื่องสุดท้ายที่ยังค้างอยู่เลยครับ สักวันจะต้องอ่านให้จบให้ได้
โดย: สามปอยหลวง วันที่: 2 กันยายน 2556 เวลา:19:33:14 น.
  
น่าอ่านทั้งสามเรื่องเลยค่ะ
โดย: Aneem วันที่: 2 กันยายน 2556 เวลา:19:38:27 น.
  
คุณฟ้าใสในเงาจันทร์ ~ ไม่ค่อยปลื้มกับตัวละครหลักในขุนหอคำเหมือนกันค่ะ....แต่ฉากในพม่า อ่านแล้วอยากไปเที่ยวนะคะ

คุณNat_NM ~ ลองอ่านเวียงแว่นฟ้าดูก่อนก็ได้ค่ะ

คุณpolyj ~ จริง ๆ อ่านแค่สองเล่มแรกก็ได้นะคะ เพราะเล่ม 3 เป็นรุ่นลูกแล้ว

คุณปลาเม็ง ~ จริง ๆ เราว่า หนึ่งฟ้าดินเดียวสนุกสุดในชุดนี้นะคะ เพราะมีความเป็นนิยายเยอะกว่าเรื่องอื่น แถมเล่นกับรักที่ต่างชนชั้นด้วย...นางเอกก็พยศเหลือร้ายได้ดีทีเดียว

คุณ ~*Sing Praise*~ จริงค่ะอ่านแล้วคาระวะนักเขียนเลย ข้อมูลที่คิดค้นเพื่อมาเขียน คงมหาศาล...แถมใส่มาเนียน ๆ เสียด้วย

คุณแม่ไก่ ~ ~ แอบเขินค่ะ เด็กกรุงอยากอู้คำเมืองบ้าง ...กลายเป็นเว้าอีสานไปซะ (แอบแก้แล้วค่ะ... )

คุณพุดน้ำบุศย์ / คุณอุ้มสม ~ ไม่ควรพลาดอย่างยิ่งเลยค่ะ

คุณสามปอยหลวง ~ จะว่าไปตอนเราอ่าน ขุนหอคำ สปีดการอ่านตกเหมือนกันค่ะ เพราะไม่ค่อยปลื้มตัวละคะ...แต่อยากรู้เหตุการณ์การปักปันเขตแดน....ซึ่งผู้เขียนก็เล่าไม่จบเหมือนกัน

คุณ Aneem ~ แนะนำเลยค่ะ มีโอกาสก็ให้ลองอ่านดู
โดย: Serverlus วันที่: 2 กันยายน 2556 เวลา:23:10:48 น.
  
สะสม(ดอง) ไว้นานมากแล้วครับ คงถึงเวลาต้องหยิบมาอ่านแล้วๆ
โดย: allreddy วันที่: 3 กันยายน 2556 เวลา:23:21:07 น.
  
ไม่มีสักเล่มเลยค่ะ คงต้องอ่านเรียงกันใช่ไหมคะ
โดย: Sab Zab' วันที่: 4 กันยายน 2556 เวลา:0:25:26 น.
  
ปอลอ. ปกสวยน่าสะสมมากๆ
โดย: Nat_NM วันที่: 5 กันยายน 2556 เวลา:8:09:14 น.
  
กับนามปากกานี้ แค่เรื่องนิยายปกติ
ตูนยังไม่ค่อยรอดเลยค่ะ

ถ้าเทียบกับจขบ.ตูนยังเป็นเด็กน้อยเหลือเกินค่ะ
เรื่องการอ่านหนังสือ
โดย: เหมือนพระจันทร์ วันที่: 5 กันยายน 2556 เวลา:20:07:08 น.
  
อยากรู้เรื่องภาษาเหนือที่ใช้ในเรื่องจัง
คือเคยพยายามอ่าน แสนเมืองลือ ของ บุญวรรณี แล้วอ่านไม่เข้าใจเกินครึ่งเรื่องน่ะค่ะ (ในแง่บทสนทนาตัวละคร) เลยไม่ค่อยกล้าอ่านนิยายที่ใช้ภาษาเหนือเท่าไหร่เพราะไม่ใช่คนที่นั่น
โดย: dal IP: 203.156.49.184 วันที่: 21 ตุลาคม 2556 เวลา:15:47:54 น.
  
อยากอ่านบ้าง แต่หาไม่ได้แล้วค่ะ
Aomaha@gmail.com
โดย: อ้อม IP: 1.46.158.69 วันที่: 8 สิงหาคม 2564 เวลา:6:15:17 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Serverlus.BlogGang.com

Serverlus
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ผู้ติดตามบล็อก : 19 คน [?]

บทความทั้งหมด