ป่าบุ่งป่าทามลุ่มน้ำสงคราม "ตู้กับข้าว" ที่เรากำลังทุบทิ้งด้วยมือของเราเอง ลำน้ำสงครามปัจจุบัน แม้เป็นหน้าฝนแต่น้ำก็ยังแห้งขอด ป่าบุ่ง ป่าทาม เป็นพื้นที่บริเวณรอยต่อระหว่างพื้นที่บกและพื้นที่น้ำ ซึ่งภาษาวิชาการเรียกกันว่า พื้นที่ชุ่มน้ำ เป็นระบบนิเวศที่มีความหลากหลายทั้งพืชและสัตว์ ก่อให้เกิดประโยชน์แก่ชุมชนที่อยู่ใกล้เคียงโดยรอบ หรือแม้แต่ชุมชนที่อยู่ไกลออกไปมากๆก็ตามที ป่าบุ่งป่าทามเป็นพื้นที่หาอยากหากินของชาวบ้าน ที่มีความเกี่ยวข้องผูกพันกันมาช้านานแล้ว โดยเฉพาะชุมชนอีสานซึ่งคนส่วนใหญ่อยู่ในภาคการเกษตรและต้องพึ่งพิงอาศัยป่าทุกประเภทในการเป็นแหล่งอาหาร ไม้ใช้สอย และแหล่งที่เป็นรายได้เสริม ทางภาคอีสานจะพบป่าชุ่มน้ำขนาดใหญ่อยู่หลายแห่ง เช่น บริเวณลุ่มน้ำมูล-ชี และลุ่มน้ำสงคราม ในช่วงฤดูแล้งป่าบุ่ง ป่าทามจะมีนิเวศเป็นป่าบกทนแล้ง แต่เมื่อถึงฤดูน้ำหลากป่าบุ่งป่าทามก็จะถูกน้ำท่วมขังกินระยะเวลา 3-4 เดือน ลักษณะเด่นของพืชพรรณในป่าชนิดนี้คือมีไม้พุ่มขนาดเล็ก พืชเหล่านี้จะมีความทนทานต่อการท่วมขังของน้ำเป็นเวลานานมาก นอกจากไม้ขนาดเล็กแล้วก็ยังมีไม้ขนาดใหญ่ขึ้นกระจายอยู่ห่าง ๆ กัน พื้นที่นาปรังของชาวบ้านรอบๆลำน้ำสงคราม ลำน้ำสงครามเป็นลำน้ำสำคัญอีกสายหนึ่งในเขตอีสานตอนเหนือ(ตั้งอยู่บริเวณแอ่งสกลนคร) ถือว่าเป็นเส้นเลือดใหญ่เส้นสุดท้ายก็ว่าได้ ที่ยังไม่บอบช้ำมากนักจากการพัฒนาของหน่วยงานรัฐ หรือบอบช้ำจากการบุกรุกของประชาชน เพื่อช่วงชิงพื้นที่ทำมาหากิน พื้นที่ลุ่มน้ำสงครามครอบคลุมพื้นที่ทั้งหมด ๒๘ อำเภอ ๔ จังหวัด มีต้นกำเนิดจากเทือกเขาภูพานในเขตจังหวัดสกลนคร ไหลผ่านจังหวัดอุดรธานี หนองคาย และไหลมาบรรจบกับแม่น้ำโขงที่บ้านตาลปากน้ำ(ปากน้ำไชยบุรี-แม่น้ำสองสายไหลมาบรรจบกันเกิดเป็นน้ำสองสี) ตำบลไชยบุรี อำเภอท่าอุเทน จังหวัดนครพนม มีความยาวทั้งสิ้นประมาณ ๔๒๐ กิโลเมตร ตุ้มปลาซิว(คิดค้นโดยชาวบ้าน) ลำน้ำสงครามแบ่งออกเป็นสองตอนโดยอาศัยความแตกต่างทางลักษณะนิเวศ คือลุ่มน้ำตอนบนและตอนล่าง ลุ่มน้ำสงครามตอนบนจะเริ่มจาก รอยต่อระหว่าง อำเภอวังสามหมอ จังหวัดอุดรธานี เรื่อยมาถึง อำเภอส่องดาว จังหวัดสกลนคร มีสภาพเป็นภูเขาและเนินเขาบนแนวเทือกเขาภูพาน โดยจะมีลำห้วยน้อยใหญ่มากมายไหลลงสู่ลำน้ำหลักคือลำน้ำสงคราม ช่วงนี้จะมีลำห้วยขนาดเล็กมากมาย เหมือนเส้นเลือดฝอยคอยเติมปริมาณน้ำให้เส้นเลือดใหญ่ คือลำน้ำสงครามให้มีน้ำหล่อเลี้ยงตลอดปี สภาพภูมิประเทศลักษณะเช่นนี้จะปากฎมาจนถึงเขต อำเภอโซ่พิสัย จังหวัดหนองคาย ลุ่มน้ำตอนล่างเริ่มจากใต้อำเภอโซ่พิสัยลงมา จนถึงปากน้ำไชยบุรีมีความยาวประมาณ 200 กิโลเมตร ป่าบุ่ง ป่าทามบริเวณลุ่มน้ำสงครามตอนล่างถือว่าเป็นป่าผื่นใหญ่อีกผืนหนึ่ง ซึ่งมีลักษณะพิเศษ คือ ในฤดูฝนน้ำจะค่อยๆ ท่วมพื้นที่ลุ่มต่ำ และเมื่อถึงฤดูน้ำหลากจะกลายสภาพเป็นผืนทะเลสาบน้ำจืดกว้างใหญ่ครอบคลุมพื้นที่ถึงกว่า ๕๐๐,๐๐๐ไร่ กินเวลาประมาณ ๓-๔ เดือน น้ำหลากนี้เป็นอิทธิพลมาจากน้ำเหนือจากเทือกเขาภูพานไหลลงมาและน้ำจากแม่น้ำโขงที่เอ่อหนุนไหลย้อนเข้ามาตามลำน้ำสงครามและลำน้ำสาขาย่อย ซึ่งมีลักษณะคล้ายกับโตนเลสาบหรือทะเลสาบเขมร ผมได้ทราบข่าวจากสื่อต่างๆว่ามีงานวิจัยที่ทำการสำรวจข้อมูล โดยชาวบ้านที่ใช้ชื่อว่า “เครือข่ายนักวิจัยไทบ้านลุ่มน้ำสงคราม ๔ หมู่บ้าน” คือ บ้านปากยาม(อำเภออากาศอำนวย) บ้านยางงอย บ้านอ้วน และบ้านท่าบ่อ(อำเภอศรีสงคราม จังหวัดนครพนม) พบว่า บริเวณป่าบุ่งป่าทามในเขตลุ่มน้ำสงคราม(ตอนล่าง)มีระบบนิเวศย่อย ถึง ๒๘ ระบบ เหมาะสำหรับเป็นที่อยู่อาศัยและวางไข่ขยายพันธุ์ของปลามากกว่า ๑๒๔ ชนิด มีไม้ใช้สอย พืชที่สามารถเป็นอาหารคน-สัตว์ มีจำนวนโดยประมาณถึง ๒๐๘ ชนิด ปลากดจากลุ่มน้ำสงคราม การทำประมงเป็นอาชีพอย่างหนึ่งของประชาชนในเขตนี้ อาจเรียกได้ว่าเป็นอาชีพหลักเลยก็ว่าได้ มีการเก็บตัวเลขประมาณการเอาไว้คร่าวๆว่าเมื่อปี ๒๕๓๘ มีปลาที่จับได้จากลำน้ำสายนี้ได้ถึง ๒.๓ ล้านกิโลกรัม คิดเป็นตัวเงินในขณะนั้น ๕๗.๕ ล้านบาท จึงไม่แปลกที่ผลิตภัณฑ์ปลาจากลุ่มน้ำสงครามจะมีชื่อเสียงมาก ไม่ว่าจะเป็นปลาสด หรือการแปรรูปผลิตภัณฑ์จากปลา เช่น ปลาแดก ปลาส้ม ปลากแห้ง แจ่วบอง(ลาบปลาแดก) โดยเฉพาะบ้านท่าบ่อ อำเภอศรีสงคราม จังหวัดนครพนม เป็นหมู่บ้านที่มีชื่อเสียงมากในเรื่องการแปรรูปปลาเป็นอาหารประเภทต่างๆ มาเยี่ยมยามคนลุ่มน้ำสงคราม ไม่ได้ปลาแดก ปลาส้ม บ้านท่าบ่อติดมือกลับไปด้วย ถือว่ามาไม่ถึงครับลุ่มน้ำสงคราม กิน-อยู่ แบบไทบ้าน |