เข่าบวม ปวด ตึง รีบหาสาเหตุก่อนสายเกินแก้ เข่าบวม ปวด ตึง รีบหาสาเหตุก่อนสายเกินแก้
เข่าบวมน้ำเกิดจากสาเหตุของการเกิดภาวะเข่าบวมน้ำเกิดจากการอักเสบของโครงสร้างภายในข้อเข่า ไม่ว่าจะเป็นการเกิดอุบัติเหตุ รถล้ม หกล้มจนมีการฉีกขาดภายในจนอักเสบ หรือเป็นผลกระทบจากโรคเกาท์ โรคซูโดเกาท์ โรครูมาตอยด์ โรคพุ่มพวง ทำให้โครงสร้างในข้อเข่าอักเสบ หรือในวัยชราภาพการเสื่อมของร่างกายก็สามารถทำให้เยื่อหุ้มข้อที่ปกติจะสร้างน้ำในข้อเข่าเพื่อลดแรงกระแทกในการใช้ชีวิตประจำวัน เกิดถูกกระตุ้นจนสร้างน้ำข้อเข่ามากเกินความจำเป็นสะสมภายในข้อเข่า นำไปสู่ภาวะเข่าบวมได้ อาการข้อเข่าบวมน้ำเมื่อประสบภาวะเข่าบวมน้ำจะมีอาการปวดเข่า เดินไม่สะดวก มีเสียงดังภายในเข่า หากปล่อยไว้นานขึ้นอาการหัวเข่าบวมจะเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ เนื่องจากภายในข้อเข่าจะมีการดันน้ำออกมาทำให้ดูบวม มีอาการตึง ไม่สามารถงอ ยืดเหยียดที่หัวเข่าได้ ในบางกรณีอาจมีอาการบวม และขึ้นสีแดงบริเวณที่เป็นเข่าบวม ผู้ป่วยที่มีภาวะเข่าบวมเป็นระยะหนัก อาจมีอาการปวดข้อเข่าจนนอนไม่ได้ เป็นไข้ ไม่สามารถลุกได้เอง ต้องใช้อุปกรณ์ หรือให้คนช่วยพยุงลุกขึ้น อาการข้อเข่าบวมน้ำในผู้สูงวัยเมื่ออายุมากขึ้น ร่างกาย อวัยวะ โครงสร้างกระดูกต่าง ๆ ก็มีการเสื่อมสภาพลงไป ดังนั้นผู้สูงอายุจึงสามารถพบภาวะเข่าบวม เข่าอักเสบ และโรคข้อเข่าเสื่อมได้บ่อยกว่าคนในวัยอื่น ถ้าหากมีอาการปวดเข่าทั่วไป หัวเข่าบวม ประคบร้อน - เย็น หรือทายานวดก็สามารถบรรเทาได้ แต่ถ้าหากผู้สูงวัยมีอาการเข่าบวมน้ำ จนไม่สามารถเดินได้ด้วยตัวเอง รวมถึงมีไข้ร่วมด้วยควรรีบทำการปรึกษาแพทย์เพื่อตรวจหาสาเหตุของเพื่อทำการรักษาอย่างถูกต้อง ไม่ให้เกิดอาการติดเชื้อ และลุกลามไปมากกว่าเดิม ข้อเข่าบวมที่ต้องรีบไปพบแพทย์ทันทีข้อเข่าบวมเกิดขึ้นได้กับทุกเพศทุกวัยถ้าหากไม่รุนแรงมาก เข่าบวมนิดหน่อย สามารถเดินเองได้สามารถทำการประคบเย็น ยกขาสูง พันผ้าเอาไว้จนกว่าอาการจะดีขึ้นได้ แต่สำหรับอาการข้อเข่าบวมที่มีความรุนแรง จำต้องพบแพทย์ทันที มีดังนี้
เข่าบวมน้ำ รักษาด้วยวิธีไหนได้บ้างเมื่อมีอาการหัวเข่าบวม ปวดเข่า แพทย์จะทำการตรวจร่างกายให้ทราบต้นตอของการปวด อาจมีการทำ MRI เพื่อให้ระบุปัญหาได้ชัดเจนมากขึ้น การรักษาของแพทย์จะเป็นไปตามสาเหตุของอาการ เช่น เกิดอุบัติเหตุ ก็จะต้องดูโครงสร้างอย่างละเอียดเพื่อรักษาให้ร่างกายกลับมาเป็นปกติ หากเกิดจากการเสื่อมของกระดูกข้อเข่า ก็จะต้องมีการทำกายภาพร่วมกับการรักษา มีการปรับพฤติกรรมการกิน การออกกำลังกาย และการใช้ชีวิตประจำวันร่วมด้วย และในกรณีที่เข่าบวมน้ำอันเป็นผลกระทบมาจากโรคบางชนิด จะมีการส่งผู้ป่วยไปรักษาโรคนั้น ๆ รวมถึงมีการรักษากับแผนกที่ดูแลโรคข้อเข่าโดยเฉพาะเพื่อทำการรักษาอย่างตรงจุด เพื่อเกิดผลดีที่สุดกับคนไข้ 1. การรักษาด้วยเปลี่ยนพฤติกรรมในชีวิตประจำวัน และกายภาพบำบัดเข่าบวมน้ำที่เป็นความผิดปกติภายในข้อเข่าจนสร้างน้ำมากผิดปกติจนเกิดหัวเข่าบวม นอกจากการรักษาโรคข้อเข่าโดยเฉพาะแล้ว ต้องมีการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมในชีวิตประจำวันเพื่อสร้างสมดุลภายในอวัยวะร่างกาย รวมถึงมีการรักษาด้วยกายภาพบำบัดที่จะช่วยฟื้นฟูร่างกายให้ใช้งานได้ดียิ่งขึ้น ทั้งนี้ต้องมีเจ้าหน้าที่ดูแลอย่างใกล้ชิดเพื่อความปลอดภัยป้องกันการเกิดอุบัติเหตุจนทำให้ปวดข้อเข่ามากขึ้น 2. การรักษาด้วยการใช้ยาทา และยาสำหรับรับประทานในปัจจุบันมียาสำหรับทา และยาสำหรับรับประทานเพื่อช่วยลดอาการปวดเข่าจากภาวะเข่าบวมน้ำ บรรเทาอาการปวด ตึง อักเสบของข้อเข่าให้ดีขึ้นได้ เหมาะสำหรับผู้ที่มีอาการปวดเข่าขั้นต้น หรือต้องการลดปวดชั่วคราว แต่ทั้งนี้ทั้งยาทา ยากิน ไม่สามารถรักษาเข่าบวมน้ำได้อย่างตรงจุด ได้เพียงบรรเทาปวดเท่านั้น และต้องอยู่ภายใต้การควบคุมกับแพทย์เท่านั้น 3. การรักษาด้วยการใช้ยาฉีดผู้ป่วยที่มีอาการเข่าบวมน้ำ ปวดเรื้อรัง ในการรักษาด้วยการฉีดยากรดไฮยาลูรอนิค (Hyaluronic acid) และ คอร์ติโคสเตียรอยด์ (Corticosteroids) เพื่อบรรเทาอาการปวดเข่า และหัวเข่าบวม แพทย์จะมีการนัดหมายรักษาด้วยการฉีดยาเป็นประจำต่อเนื่อง เพราะฤทธิ์ของยาฉีดจะอยู่ได้ชั่วคราว เหมาะสำหรับผู้ป่วยที่มีอาการเข่าบวมน้ำรุนแรง ปวดตัวหัวเข่ามากจนไม่สามารถขยับร่างกายได้เลย 4. การผ่าตัดข้อเข่าทางเลือกสุดท้ายที่แพทย์ใช้เมื่อการรักษาเข่าบวมด้วยวิธีที่กล่าวมาข้างต้นคือการผ่าตัดข้อเข่าด้วย 2 แบบดังนี้
แนวทางการป้องกันอาการเข่าบวมน้ำที่ได้ผลดีแนวทางการป้องกันเข่าบวม ลดการเกิดของภาวะเข่าบวมน้ำ บำรุงรักษาให้ข้อเข่ามีสภาพดีสามารถใช้งานได้นานขึ้น ดังนี้
เข่าบวมน้ำกี่วันถึงจะหาย ?การรักษาเข่าบวมน้ำมีระยะเวลาการหายกลับมาเป็นปกติขึ้นอยู่กับวิธีการรักษา การใช้ยาสำหรับรับประทาน ยาทา ยาฉีด หรือการทำกายภาพบำบัด สามารถบรรเทาอาการได้ จนกว่าจะดีขึ้น แต่สำหรับการผ่าตัดข้อเข่าแล้ว หลังจากผ่าข้อเข่า 6 สัปดาห์ จะเริ่มเดินได้โดยไม่ใช้ไม้เท้า สามารถงอ เหยียดข้อเข่าได้ และภายในเวลา 2 - 6 เดือนก็จะสามารถใช้เข่าได้อย่างปกติ ทั้งนี้ความเร็วของการรักษาขึ้นอยู่กับสภาพร่างกายของผู้ป่วยเข่าบวมเองด้วย การหมั่นทำกายภาพบำบัด การทานอาหารที่มีประโยชน์ รวมถึงการปรับปรุงพฤติกรรมการใช้ชีวิตให้แข็งแรง จะช่วยยืดอายุโครงสร้าง อวัยวะในร่างกายได้เป็นอย่างดี สรุปอุบัติเหตุ และการเสื่อมของร่างกายเป็นเรื่องที่สามารถเกิดขึ้นได้ ดังนั้นควรหมั่นสังเกตร่างกายตัวเอง เมื่อเกิดอาการเข่าบวม นอกจากการรักษาเบื้องต้นเช่นพักผ่อน ทานยา ทายา ประคบหัวเข่าที่สามารถทำได้เองแล้ว การปรึกษาแพทย์เพื่อทำการรักษาก็เป็นเรื่องจำเป็นเพื่อให้ข้อเข่าแข็งแรง ใช้งานได้นาน |
BlogGang Popular Award#20
สมาชิกหมายเลข 7660567
บทความทั้งหมด
|