ต้อกระจกเกิดจากอะไร อาการและวิธีการรักษาต้อกระจกที่ควรรู้

ต้อกระจก ปัญหาสายตาที่ต้องรีบรักษาเมื่อมีอาการ

ผ่าต้อกระจก

ต้อกระจกคืออะไร? มาเจาะลึกสาเหตุ อาการ วิธีการรักษาต้อกระจกมีแบบใดบ้าง รวมถึงแนวทางการดูแลหลังจากผ่าต้อกระจก เพื่อให้การฟื้นตัวเป็นไปอย่างรวดเร็ว ปลอดภัย

ปัญหาสายตาเป็นปัญหาที่มีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นในยุคปัจจุบัน โดยเฉพาะในผู้สูงอายุและคนที่ใช้สายตาอย่างหนักในชีวิตประจำวัน ต้อกระจกเป็นหนึ่งในสาเหตุหลักที่ส่งผลต่อการมองเห็น ทำให้ภาพพร่ามัวหรือแสงกระจาย ซึ่งอาจนำไปสู่สูญเสียการมองเห็นถาวรได้หากไม่ได้รับการรักษาต้อกระจกอย่างทันท่วงที ด้วยเทคโนโลยีทางการแพทย์ในปัจจุบัน วิธีรักษาและฟื้นฟูสายตาทำได้อย่างมีประสิทธิภาพ

บทความนี้จะให้ความรู้เกี่ยวกับต้อกระจกคืออะไร  สาเหตุเกิดจากอะไรได้บ้าง อาการมีกี่ระยะ รวมถึงวิธีรักษาต้อกระจก และการดูแลหลังผ่าต้อกระจก อย่างถูกวิธี เพื่อความปลอดภัยของดวงตา ไปดูกันเลย


ต้อกระจก (Cataract) คืออะไร?

ต้อกระจกอาการ

ต้อกระจกคือ ภาวะที่เลนส์ตาเกิดความขุ่นมัว ส่งผลให้แสงไม่สามารถผ่านเข้าสู่จอตาได้อย่างปกติ ทำให้การมองเห็นลดลง อาการต้อกระจกสามารถลุกลามจนทำให้สูญเสียการมองเห็น หรือตาบอดได้ ถ้าไม่ได้รักษาอย่างทันท่วงที การวินิจฉัยตั้งแต่ระยะแรก จึงมีความสำคัญอย่างยิ่งสำหรับการรักษาต้อกระจกอย่างมีประสิทธิภาพและช่วยฟื้นฟูการมองเห็นให้กลับมาเป็นปกติ


ต้อกระจกเกิดจากสาเหตุอะไรบ้าง? 

สาเหตุของต้อกระจกส่วนใหญ่มักเกิดจากความเสื่อมของเลนส์ตาเมื่ออายุเพิ่มขึ้น แต่นอกจากนี้ ต้อกระจกเกิดจากปัจจัยเสี่ยงอื่น ๆ ดังต่อไปนี้

  • พันธุกรรม: ผู้ที่มีประวัติคนในครอบครัวเป็นโรคต้อกระจก ควรตรวจสุขภาพตาอย่างสม่ำเสมอ
  • โรคเบาหวาน: เพิ่มโอกาสตาเป็นต้อกระจกได้ ซึ่งเกิดจากระดับน้ำตาลในเลือดสูง จะส่งผลต่อเลนส์ตา ทำให้ขุ่นมัวเร็วกว่าปกติ
  • สูบบุหรี่: สารพิษในบุหรี่เป็นตัวทำลายเซลล์เลนส์ตาและเร่งกระบวนการเสื่อมของเลนส์
  • สัมผัสแสงแดดโดยตรงเป็นเวลานาน อาจเพิ่มโอกาสเกิดตาต้อกระจกได้ เนื่องจากรังสีอัลตราไวโอเลต (UV) มีผลกระทบต่อโครงสร้างของเลนส์ตา
  • ใช้ยากลุ่มสเตียรอยด์: ในระยะยาวจะเพิ่มความเสี่ยงต่อเกิดอาการของต้อกระจก ดังนั้นควรใช้ยาเหล่านี้อย่างระมัดระวัง ภายใต้คำแนะนำของแพทย์
  • อุบัติเหตุทำให้ตาได้รับกระทบกระเทือนอาจก่อให้เกิดต้อกระจกทันที หรือในระยะยาว การป้องกันอุบัติเหตุหรือวิธีดูแลดวงตาจึงเป็นสิ่งสำคัญ

อาการของโรคต้อกระจกแต่ละระยะเป็นอย่างไร

อาการของ ต้อกระจก แบ่งออกเป็น 4 ระยะหลัก ซึ่งต้อกระจกอาการแต่ละระยะมีลักษณะแตกต่างกัน การสังเกตอาการตั้งแต่ระยะแรกจะช่วยให้การรักษาโรคต้อกระจก มีประสิทธิภาพ ลดความเสี่ยงต่อการสูญเสียการมองเห็นได้

  • ระยะที่ 1: ผู้ป่วยอาจมีอาการมองเห็นไม่ชัดในบางเวลา เห็นแสงจ้าเมื่ออยู่ในที่สว่าง การมองเห็นในที่มืดอาจลดลงเล็กน้อย ควรตรวจเช็คตาอย่างละเอียด เพื่อประเมินภาวะของต้อกระจกอาการเริ่มต้น
  • ระยะที่ 2: อาการจะชัดเจนขึ้น ผู้ป่วยต้อกระจกอาจเห็นภาพซ้อนหรือพร่ามัวอย่างต่อเนื่อง สีของภาพอาจดูซีดลง การมองเห็นในตอนกลางคืนลดลงอย่างมีนัยสำคัญ เริ่มรบกวนการใช้ชีวิตประจำวัน
  • ระยะที่ 3: การมองเห็นจะลดลงอย่างมาก สีของภาพจะจางจนมองไม่ชัด หรือแสงจ้า ทำให้เกิดระคายเคืองหรือปวดตาได้ง่าย ระยะนี้จำเป็นต้องรักษาด้วยวิธีผ่าต้อกระจก เพื่อลดอาการและฟื้นฟูการมองเห็น
  • ระยะที่ 4: หากไม่ได้รับการรักษาต้อกระจกในระยะนี้ อาจทำให้ผู้ป่วยสูญเสียการมองเห็นถาวรได้ ควรปรึกษาแพทย์ หรือวางแผนรักษาอย่างเร่งด่วนเป็นสิ่งสำคัญ เพื่อลดความเสี่ยงต่อภาวะแทรกซ้อน

โรคต้อกระจกสามารถรักษาได้อย่างไร? 

ผ่าต้อกระจก

การรักษาต้อกระจกที่มีประสิทธิภาพมากที่สุดในปัจจุบัน คือผ่าตาต้อกระจกเปลี่ยนเลนส์ตาเทียม ซึ่งสามารถช่วยฟื้นฟูการมองเห็น ทั้งยังป้องกันการลุกลามของต้อกระจก โดยแพทย์จะพิจารณาเลือกวิธีรักษาให้เหมาะสมกับสภาพของผู้ป่วยแต่ละราย เพื่อผลลัพธ์ดีที่สุด โดยมีวิธีรักษาต้อกระจก แบบต่าง ๆ ดังนี้

สลายต้อกระจกด้วยคลื่นเสียงความถี่สูง (Phacoemulsification)

การรักษาต้อกระจกด้วยวิธีนี้ จะใช้คลื่นเสียงความถี่สูงสลายเลนส์ตาที่ขุ่นมัวออกไป โดยแพทย์จะใส่เลนส์ตาเทียมชนิดพิเศษแทนที่เลนส์เดิมวิธีนี้เป็นที่นิยมอย่างมาก เพราะมีแผลขนาดเล็ก ทำให้ฟื้นตัวเร็ว ลดความเสี่ยงในการติดเชื้อได้อย่างมีประสิทธิภาพ เหมาะสำหรับผู้ป่วยเป็นต้อกระจกในระยะเริ่มแรกถึงปานกลาง ทำให้กลับมามองเห็นได้รวดเร็วและปลอดภัย แต่ราคาผ่าต้อกระจกจะค่อนข้างสูง

ผ่าตัดลอกต้อกระจก (Intracapsular Cataract Extraction : ICCE)

การรักษาด้วยวิธีนี้เหมาะในกรณี ต้อกระจกมีความหนาแน่นสูงมาก โดยแพทย์จะนำเลนส์ตาออกทั้งหมดพร้อมกับแคปซูลเลนส์ ซึ่งเหมาะสำหรับผู้มีเลนส์ตาที่ไม่สามารถรักษาด้วยวิธีก่อนหน้าได้ การฟื้นตัวจะใช้เวลานานกว่าวิธีอื่น เพราะเป็นวิธีผ่าตัดแบบเดิม ทั้งยังเป็นตัวเลือกสำหรับผู้มีข้อจำกัดทางสุขภาพหรือมีความซับซ้อนในการรักษาต้อกระจก วิธีนี้ต้องดูแลและติดตามผลอย่างใกล้ชิด ผ่าต้อกระจกราคา จะถูกกว่าวิธีแรก

ผ่าตัดลอกต้อกระจกแผลใหญ่ (Extracapsular Extraction : ECCE)

วิธีนี้เป็นการผ่าตัดใหญ่ โดยต้องเปิดแคปซูลเลนส์ เพื่อเอาเนื้อเลนส์ออก เหมาะสำหรับผู้ที่เป็นต้อกระจกขั้นรุนแรง หรือมีภาวะแทรกซ้อนไม่สามารถใช้วิธีอื่นได้ แพทย์จะใส่เลนส์ตาเทียมเข้าไปแทนที่ เพื่อฟื้นฟูการมองเห็น การรักษาต้อกระจกวิธีนี้ต้องการความระมัดระวังอย่างมากและการฟื้นตัวต้องใช้เวลานาน เพราะแผลมีขนาดใหญ่กว่าวิธีอื่น แต่ยังคงเป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพ


ดูแลตัวเองหลังผ่าต้อกระจกอย่างถูกวิธี

หลังจากผ่าตัดต้อกระจกตา การดูแลตัวเองอย่างถูกวิธีเป็นสิ่งสำคัญมาก เพื่อให้แผลหายเร็ว หรือได้ผลลัพธ์ดีที่สุด ข้อควรปฏิบัติหลังผ่าตัดต้อกระจก มีดังนี้

  • หยอดยาตามแพทย์สั่ง: หยอดยาเป็นขั้นตอนสำคัญมาก ช่วยป้องกันการติดเชื้อ ลดการอักเสบ และช่วยให้แผลหายเร็วขึ้น ยาหยอดตาต้อกระจกควรหยอดให้ตรงเวลาและครบตามจำนวนที่แพทย์กำหนด
  • รักษาความสะอาด: หลีกเลี่ยงการสัมผัสดวงตาโดยตรง ล้างมือให้สะอาดก่อนหยอดยา หลีกเลี่ยงการขยี้ตา
  • ป้องกันน้ำเข้าตา: ในช่วงแรกหลังผ่าต้อกระจก ควรหลีกเลี่ยงการอาบน้ำโดยตรงที่ใบหน้า หรือหากจำเป็นต้องอาบน้ำ ให้หลับตาและระวังไม่ให้น้ำเข้าตา
  • สวมแว่นตากันแดดและฝุ่น: สวมแว่นตากันแดดและฝุ่น จะช่วยปกป้องดวงตาจากแสงแดดที่แรง ฝุ่น และสิ่งสกปรก
  • หลีกเลี่ยงกิจกรรมหนัก: งดกิจกรรมที่ต้องออกแรงมาก หลีกเลี่ยงการยกของหนักหรือออกกำลังกายหนัก
  • พักผ่อนให้เพียงพอ: การพักผ่อนอย่างเพียงพอ จะช่วยให้ร่างกายฟื้นตัวได้เร็วขึ้น
  • สังเกตอาการหลังผ่าต้อกระจก: หากมีอาการปวดตามากผิดปกติ ตามัวลงหรือมองไม่เห็น ตาแดงหรือมีน้ำตาไหลมากผิดปกติ มีหนองหรือของเหลวไหลออกจากดวงตา ควรรีบพบแพทย์ทันที

ต้อกระจก ภัยเงียบคุกคามสายตา

ต้อกระจก คือภาวะที่เลนส์ตาขุ่น ทำให้สายตาพร่ามัว เห็นภาพไม่ชัด มักเกิดจากอายุที่เพิ่มขึ้นหรือปัจจัยเสี่ยงอื่น ๆ การรักษาโดยการผ่าตัดเปลี่ยนเลนส์ตาเทียมเป็นวิธีได้ผลดีที่สุด หลังผ่าต้อกระจกต้องดูแลตัวเองอย่างใกล้ชิด โรคต้อกระจกหากปล่อยทิ้งไว้ไม่รักษา อาจทำให้สูญเสียการมองเห็นได้ การตรวจตาเป็นประจำจึงสำคัญมากในการป้องกันและรักษาต้อกระจก





Create Date : 10 มกราคม 2568
Last Update : 10 มกราคม 2568 18:54:24 น.
Counter : 276 Pageviews.

0 comments
(โหวต blog นี้) 
เน่า.... ripe rotten ...etc cyberlifenlearn
(27 ต.ค. 2568 12:12:21 น.)
เต้าหู้ฉาน สมาชิกหมายเลข 4313444
(24 ต.ค. 2568 08:43:11 น.)
โคมไฟเพดานควรทำความสะอาดบ่อยแค่ไหน? ทำไมถึงสำคัญ สมาชิกหมายเลข 9093077
(16 ต.ค. 2568 16:42:49 น.)
Daily English Question and answer cyberlifenlearn
(13 ต.ค. 2568 05:30:44 น.)
ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
 *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

Iamnotamorningperson.BlogGang.com

BlogGang Popular Award#21



สมาชิกหมายเลข 7660567
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]

บทความทั้งหมด