สนุกสนานเที่ยวเล่นหลังสอบ สนุกสนานเที่ยวเล่นหลังสอบ พ.ศ. 2510 เรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 หรือ ม.ศ. 2 วันพฤหัสบดีที่ 7 ธันวาคม 2510 เป็นวันสุดท้ายสำหรับการเรียนประจำภาคกลาง น่าจะเรียน 3 ภาคเรียนนะ โรงเรียนจัดงานรื่นเริง นักเรียนแต่ละห้องนำของมาขาย ต้องเตรียมของ ห้องเราขายน้ำแข็ง ในบันทึกบอก ได้ขายของ สนุกดีจัง มันสนุกตรงไหนกันนะ ยังงงอยู่ แค่ขายของให้คนต่างชั้น ต่างห้อง นึกถึงโรงเรียนเอกชนของหลาน จะมีวันขายของ Market Day กำไรเข้าโรงเรียน เด็ก ๆ สนุกสนานกับการวิ่งไปซื้อของห้องอื่น ขายของห้องตนเอง ฝึกทักษะหลายอย่าง ไม่ว่า การซื้อขาย การหารายได้ การนับเงินทอนให้ถูกต้อง การมีมนุษยสัมพันธ์ ผูกมิตรพูดจาเพื่อเชื้อเชิญให้คนมาซื้อ วันศุกร์ที่ 8 ธันวาคม 2510 หลังวันขายของ เป็นวันปิดเทอมภาคกลาง ต้องไปเที่ยวกันสิ แล้วไปกันเองด้วย ไม่มีผู้ปกครองไปคุม บางแสนสมัยนั้น น้ำทะเลสะอาด สวยใส ลงเล่นได้สบายใจ สมาชิกที่ไปเที่ยวมี ชุดาพันธ์ ประไพศรี เลิศลักษณ์หรืออ้อย อ้อมน้องเลิศลักษณ์ สุนิสา หมูอี๊ดน้องสุนิสา ผานิต ยุวดี น่าจะมีมากกว่านี้ สมัยนั้นมีจักรยานไฟฟ้าเรียก little Honda เท่สุด ๆ ตอนนี้ไม่มีแล้วรถแบบนี้ แรก ๆ ขี่ไม่เป็น สักพักขี่ได้ สนุกไปเลย เราคู่กับกัลยา มันเหมือนมอเตอร์ไซด์ขนาดเล็กที่มีเครื่องยนต์ ไม่ต้องปั่นถีบจักรยาน ค่าเช่าคงแพงกว่า แต่โก้กว่า ตามประสาวัยรุ่นชอบของโก้ ๆ อยู่แล้ว ชื่อเพื่อนเพิ่มเติม กัลยา เอื้องภรณี สุภาวดี ราศี สุนีย์ ตาณเสวีกุล พวงน้อย ใครไป แต่ใครไม่มีชื่อบอกเพิ่มได้เลยนะ คนรุ่นใหม่สงสัยว่า ทำไมคนรุ่นเราชอบเรียกชื่อเล่นตามด้วยชื่อจริง เด็กหญิงสวย ๆ หวาน ๆ พ่อแม่ชอบให้ชื่อ อ้อย เอื้อง ที่ห้องมี อ้อยเลิศลักษณ์ เอื้องกุลวดี เอื้องภรณี แว่นวราภรณ์ แห้งพรรณี จุ่นสุภาวดี นี่เอาภาพลักษณ์ที่เห็นมาแทนพวกที่ไม่มีชื่อเล่น ชื่อเล่นที่นิยมมี จุ๋ม จิ๋ม ที่ห้องมีจิ๋มจินตนา หนิงรวมพร สองคนนี้เป็นเพื่อนสนิทตอนโตทำงาน เพราะทำงานธนาคารเหมือนกัน จิ๋มอยู่ธนาคารกรุงไทย หนิงเป็นผู้จัดการธนาคารกรุงเทพแถวนานา สงสัยมั๊ยทำไมสนิทกัน ทั้งที่คนละธนาคาร แต่คงชอบนับเงิน อยู่กับเงินเหมือนกัน รสนิยมเดียวกัน ปกติไปบางแสนต้องลงเล่นน้ำทะเล แต่ไม่ได้เขียนไว้ว่า ได้เล่นน้ำทะเลหรือเปล่า การเล่นน้ำทะเล อาจแค่ลุย ๆ ริมชายหาด หรือลงไปลึกหน่อย เช่าห่วงยาง มันคือยางในรถยนต์ ค่าเช่านับเป็นชั่วโมง ยืนในห่วงยาง ขาไถลไปเรื่อย ๆ ที่แปลกเด็กติดทะเลมักว่ายน้ำไม่เป็น ตอนที่เรียนปริญญาตรีที่บางแสน บ้านเพื่อนที่ติดแม่น้ำ ว่ายน้ำเก่งทุกคน แต่เด็กเมืองชลส่วนใหญ่ว่ายน้ำไม่เป็น รวมทั้งตัวเราทั้งที่ไปทะเลไม่ไกล ชายหาดอยู่บางแสน เป็นหาดทราย แต่ทะเลในเมืองเป็นโคลนตม ไม่ลงไปว่ายน้ำเล่น ยกเว้นพวกที่บ้านอยู่สะพาน มีหอยกะพงให้เก็บได้ เอาไปดองหรือผัดกับใบโหระพา ทำไม ทะเลเดียวกัน ห่างไม่กี่กิโล ส่วนหนึ่งเป็นโคลนตม พอถึงบางแสนเลยไปทางพัทยากลับเป็นชายหาด มีทรายแทนโคลน บางแสนไม่มีหินในชายหาดมีแต่หอยเสียบ ส่วนพัทยาบางช่วงเดินลงไปเจอเศษหินบาดขาได้เลย การเดินทางไปบางแสน นั่งรถสองแถว สองสลึงเท่านั้น ขากลับมีเรื่องหวาดเสียว ด้วยสองแถวคันหลัง ขับมาจ่อชิด ๆ ตลอด คงเห็นเด็กสาว ๆ ร้องวี๊ดว๊ายกระตู้วู้ หนุ่มขับคันหลังคงบ้าบอคอแตก ยิ่งทำให้สาว ๆ กลัวมากขึ้น อาหารริมหาด คงไม่พ้น ข้าวผัดปู อาหารทะเล ปูต้ม ส้มตำ ของกินเล่น หอยแมลงภู่แห้งเสียบไม้ ปลาหวานเสียบไม้ ปลาหมึกแห้งเสียบไม้ พวกนี้บาทเดียว ราดด้วยน้ำจิ้มหวาน ๆ ของฝาก หอยเสียบดอง ดูดจุ๊บ ๆ กินกับข้าวต้ม เค็ม ๆ อร่อย เปลือกหอยสวย ๆ ทำเป็นโมบายแขวน ถ้าอยากเก็บเปลือกหอยสวย ๆ หรือหอยเสียบ ขุดทรายชายหาด มีโอกาสได้บ้าง จะให้ดี คนแถวนั้นบอกต้องมาขุดตอนเช้า ๆ จะได้เยอะ เด็กสมัยใหม่ ไม่รู้ว่าไปกันเป็นห้อง เที่ยวเล่นไกล ๆ พ่อแม่จะยอมปล่อยมั้ย ส่วนใหญ่ไปกับโรงเรียน หรือไปกับพ่อแม่ |
บทความทั้งหมด
|