พลาสติคต้นตอโลกร้อน
#พลาสติคต้นตอโลกร้อน
#พรรณีเกษกมล
มหัศจรรย์วันนั้นกลายเป็นปัญหาใหญ่ในวันนี้  
ใครจะไปรู้ว่า สิ่งมหัศจรรย์ที่ทำให้คนกระดี๊กระด๊ากันทั่วทั้งโลกในวันนั้น ก่อเกิดปัญหาใหญ่โตในวันนี้ แล้วมันใช่ต้นตอแห่งปัญหาโลกร้อนจริง ๆ หรือไม่ 
เพราะวัสดุที่ใช้ทุกเรื่อง ทุกที่คือพลาสติคนี่แหละ

ตอนเป็นเด็ก ไปตลาดซื้ออาหาร เขาจะใช้ใบตองห่อ ไม่ว่าจะเป็นทอดมัน กุ้งสด ก๋วยเตี๋ยวได้เฉพาะแห้ง ถ้าเป็นน้ำต้องใช้อวย 
ปัญหาตอนที่จะไปซื้อก๋วยเตี๋ยวน้ำมากินที่บ้าน 
ทำไมไม่กินที่ร้าน จะได้ประหยัดไง แทนที่จะเสีย 50 สตางค์หรือสองสลึง ก็บอกปุ๋ยคนละสลึง เอามากินกับข้าว อิ่มจังตังค์อยู่ครบไง รู้จักประหยัดเงินแต่ยังเด็ก กินกันได้สองพี่น้องกับปุ๋ย ต้องหิ้วอวยไปใส่
รุ่นนี้คงไม่คุ้นกับคำว่า “อวย”
อวยเป็นหม้อหูหิ้ว หม้ออวย ถ้าโดนกระแทก อาจเห็นเนื้อใน เป็นสนิมได้ เพราะเคลือบสีด้านนอก แต่ก่อนใช้ใส่อาหาร หิ้วไปไหนมาไหนได้ง่าย สะดวกกว่าหม้อหุงต้มที่มีสองหู ใส่อะไรก็ได้ทั้งนั้น เช่น ใส่น้ำมันหมูที่เจียวแล้ว 
สมัยใหม่โฆษณาเป็นหม้ออเนกประสงค์ที่ผลิตจากอลูมิเนียมอย่างดี น้ำหนักเบา ไม่เป็นสนิม มีหูหิ้ว หนา แข็งแรง จับถนัดมือ สะดวกในการเคลื่อน
ย้ายอาหาร

พอวิทยาการสมัยใหม่เจริญ จำว่า ตอนไปดูงานที่มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีธนบุรี เขาวิจัยพลาสติคกันอย่างจริงจัง
แรกเริ่มมีแต่ถุงพลาสติคเย็น ใส่ได้แต่ของเย็น เมื่อวิจัยดีขึ้น ใส่ของร้อนได้ เลยเรียกถุงร้อน ถ้ามีถุงร้อนแต่เด็กคงไม่ต้องหิ้วอวยไปใส่ก๋วยเตี๋ยวน้ำแล้วล่ะ
ต่อจากนั้นพลาสติคพัฒนาไปได้เร็วมาก มีถุงก๊อบแก๊บหิ้วของแทนถุงกระดาษ ถ้วยชามจานเป็นพลาสติค แม้แต่เก้าอี้ โต๊ะ เฟอร์นิเจอร์
พลาสติคเป็นนวตกรรม สิ่งมหัศจรรย์ของทั้งโลก
ผ่านไปแค่ช่วงรุ่นเดียว เจนบีเริ่มแก่เฒ่า คนรุ่นใหม่บอก นี่คือการสร้างปัญหามลพิษให้แก่โลก เปลี่ยนไปสู่สภาวะโลกร้อน ปัญหาอันยิ่งใหญ่ของมวลมนุษยชาติ ปัญหาขยะพลาสติคล้นเมือง ปัญหาที่รุ่น gen B สร้างทิ้งให้ลูกหลาน
ปัญหาโลกร้อน จากเดิมไทยมี 3 ฤดู ร้อน ฝน หนาว ตอนนี้มีแต่ร้อน ร้อนมาก กับร้อนที่สุด
  แต่ก่อน ใคร ๆ รู้ดีว่า เมษานี่มันร้อนจริง ๆ 
แต่ถ้ารู้ว่าผ่านไปอีกหกสิบกว่าปี ไอ้ที่บ่นกันว่าร้อน ๆ นัก เทียบกันไม่ได้เลย จากยี่สิบกว่าองศา พรวดพราดกลายเป็นสี่สิบกว่าองศา ด้วยสาเหตุที่โทษกันไปโทษกันมาระหว่างผู้คนที่เห็นแก่ตัวกับธรรมชาติที่โหดร้าย
            ใครผิดใครถูกไม่รู้ล่ะ คนรับกรรมคือชาวบ้านตาดำ ๆ ที่ไม่มีเงินซื้อเครื่องปรับอากาศและจ่ายค่าไฟ ทว่าจะโชคดีเมื่อสิ้นเดือนและลมร้อนคลายลง
  ส่วนคนที่ทนร้อนไม่ไหว ลงทุนจ่ายเงินซื้อเครื่องปรับอากาศ มีคำเตือนว่า ที่บ่นว่าร้อนกันนัก พอเห็นบิลค่าไฟจะหนาวกันขึ้นมาทันที คงแจ้งแก่ใจใครต่อใครหลายคน ที่ดับร้อนด้วยการเปิดแอร์ทั้งวันทั้งคืน
  เมื่อก่อนหน้าร้อน เรารู้สึกว่าร้อน เอาน้ำเย็นลูบกาย พอคลายร้อนกันได้บ้าง ชาวไร่ชาวนายังทำงานกลางแจ้งได้ แต่ตอนนี้สิ มันร้อนแบบแสบผิวหนังทีเดียวเทียว ขนาดคนอยู่บ้านสองชั้น ต้องแอบมานอนชั้นล่างกัน เพราะชั้นสองร้อนจนสุดจะทน
  อันที่จริง เราก็ทน ๆ กันมาได้ ยิ่งเป็นคนจน ความอดทนเป็นของคู่กายเสมอมา เพราะร้อนจัดมากเมื่อไร เมื่อนั้นฝนตกลงมาห่าใหญ่ทุกที แล้วความเย็นจะผ่านเข้ามาแทนที่ ทำให้ไม่ต้องทนร้อนชั่วนาตาปี หรือร้อนจนทนกันไม่ไหว ต้องโอดโอยว่า “ร้อนจนตับแตกแล้ว”
            เขาถึงว่า พอร้อนมาก ๆ ฝนจะกระหน่ำเทลงมาอย่างไม่ลืมหูลืมตา เรียกกันว่าพายุฤดูร้อน ช่วงสงกรานต์จึงมีการเล่นสาดน้ำกันให้เปียกชุ่ม แถมน้ำที่สาดต้องแช่น้ำแข็งให้เย็นชื่นอุรา
  ภาพของสงกรานต์เปลี่ยนจากน้ำอบหอมกรุ่นค่อย ๆ ประพรมลงบนฝ่ามือผู้สูงอายุ เพื่อขอรับพรในวันขึ้นปีใหม่ กลายเป็นวัยรุ่นนั่งท้ายปิ๊กอัพสาดน้ำราดกลุ่มอื่นอย่างเมามัน
  เมืองชลจะมีงานสงกรานต์ที่หน้าศาล แต่ละอำเภอจะมาสร้างซุ้มหรือสถานที่สวยงามมาก ๆ และมักโดนถล่มด้วยพายุฤดูร้อนนี่แหละ ผู้สร้างจึงต้องทำอย่างแข็งแรง ทนแดดทนฝน บางปีเละตุ๊มเป๊ะ เพราะนายอำเภอมาจากต่างที่ ไม่รู้ฤทธิ์เดชของพายุที่โคตรรุนแรง ทำให้งานพังไม่เป็นท่า
            ธรรมดาชาวบ้านร้อนจนตับแตก มีคนอธิบายว่า ตับในที่นี้หมายถึงจากที่มุงหลังคามัดกันเป็นตับ ๆ พอร้อนจัด จากที่มัดไว้จะแตกออกจากกัน ไม่ใช่ตับของคนในร่างกายแตกหรอกนะ บางทีบอกร้อนจนตับแลบ ความหมายเช่นเดียวกัน
  ตับในที่นี้คือใบจากที่มัดกันเป็นตับ ๆ นั่นเอง ส่วนจากคือใบจากต้นจากที่ขึ้นริมชายทะเล

มีแต่คนเท่านั้นที่ทำให้เกิดปัญหา
ไม่มีสัตว์อื่นใดทำได้เลย
เมื่อเรียนผูก ต้องเรียนแก้
รุ่นปู่สร้างปัญหา รุ่นหลานตามแก้นะ



Create Date : 30 พฤศจิกายน 2567
Last Update : 30 พฤศจิกายน 2567 15:20:44 น.
Counter : 122 Pageviews.

0 comments
กิจกรรมปล่อยปลากับนักศึกษาชมรมพุทธศาสตร์ เนื่องในสัปดาห์วันมาฆบูชา นายแว่นขยันเที่ยว
(10 ก.พ. 2568 01:13:24 น.)
>>>หอมดึก<<< รัชต์สารินท์
(8 ก.พ. 2568 09:15:56 น.)
๏ ... ตัดน้ำตัดไฟ ... ๏ นกโก๊ก
(7 ก.พ. 2568 13:19:10 น.)
Wolgalied from Der Zarewitsch by Franz Lehár ปรศุราม
(6 ก.พ. 2568 10:18:12 น.)
ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
 *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

Drpk.BlogGang.com

สมาชิกหมายเลข 4665919
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [?]

บทความทั้งหมด