ภาพที่ชาวบ้านบางซกมกเห็นจนชินตาคือภาพของ “อึ๋ย” สาวสวยวัยกำดัดหัดกระแดะกับ “เฮ่ย “ ชายหลังค่อม แต่หน้าตาดีมากๆ เดินควงคู่กันและเสียงที่ชาวบ้านบางซกมกได้ยินจนชินหูก็คือเสียงของทั้งคู่ พูดคุยกัน หยอกล้อกัน กระหนุงกระหนิงสาวอึ๋ยเดินตุ้งติ้ง ส่วนหนุ่มเฮ่ย เดินกรุ๊งกริ๊ง เพราะชอบแขวนกระดิ่งไว้ที่บั้นเอวชาวบ้านต่างลือกันให้แซ่ด ว่าสองคนนี้ ช่างไม่คู่ควรกันเอาเสียเลยเหมือนปลาไหลผอมๆ กับนางฟ้าก็มิปานบางคนถึงกับเอาไปนินทาตามแผงพระเครื่องว่าสงสัยนังอึ๋ยมันคงจะโดนของเข้า บ้างก็ว่าอาจจะโดนยุงลายกัดบางคนว่าเธออาจจะเป็นโรคภูมิแพ้เรื้อรังก็มี...แต่ไม่เคยมีใครรู้ความจริงของหนุ่มสาวคู่นี้..ย้อนไปเมื่อหกสิบล้านปีก่อน สมัยทั้งคู่ยังเป็นไดโนเสาร์“เฮ่ย..ไกลไปหน่อยนะ” บางคนบ่นงั้นย้อนไปเมื่อห้าปีก่อนก็พอ...อึ๋ย ไม่ใช่สาวน้อยสวยใบบริสุทธิ์ตุ๊ดยังไม่กล้าเดินเฉียดเหมือนทุกวันนี้แต่ภายใต้โฉมงามสะคราญหวานละมุนเหมือนรังตุ่นอุ่นๆของเธอแท้จริงแล้ว เธอคือนังโจรสาว ฉายา “ ทรามวัยใจโฉด “ประวัติเธอนั้น โชกโชนนักเริ่มจากการลักเล็กขโมยน้อย จำพวกเมล็ดงาจากนั้นก็ขโมยเมล็ดถั่ว เมล็ดแตงโม เม็ดกระบกเมล็ดสะตอ จนถึงเมล็ดมะม่วงท้ายที่สุด เธอก็นึกไม่ออก ว่าเมล็ดอะไร ที่มันจะใหญ่กว่าเมล็ดมะม่วงงาช้างอีก?เธอจึงหันมาเป็นโจรปล้นควายแทนนับว่าเป็นจุดหักเหของชีวิตโจรสาวเลยทีเดียว...เธอใช้ชีวิตแบบโจรสาวเพียงลำพังมานานจนอายุย่างยี่สิบกลางๆชื่อเสียงของเธอ เป็นที่เลื่องลือไปถึงเจ็ดคุ้งน้ำ ข้ามไปสามเทือกเขาเล่ากันปากต่อปาก จนที่สุด ก็ร้อนไปถึงองค์อินทร์บนดาวดึงส์บัลลังก์อันเคยอ่อนนุ่มยวบยุบหนุ่นบหนั่บ ก็กลับแข็งเป็นแท่งศิลาพระองค์ทรงตรวจดูจึงเห็นว่า นางโจรนี้ โดยสันดานแล้วไม่ใช่คนเลวร้ายหน่ายเอือมอะไร ยังพอขัดเกลาได้อยู่จึงทรงออกอุบาย ช่วยนางโจรสาวผู้นี้...รุ่งเช้าแต่ดาวยังค้างฟ้าหมายังง่วงซึมของวันหนึ่งนางโจรสาว ได้ออกไปทำภารกิจที่กลางทุ่งนาถือเสียมพร้อมพร้า เดินเข้าป่าตรงชายทุ่งใช่แล้ว เธอไปหาหน่อไม้นั่นเองเธออยากกินแกงหน่อไม้ตั้งแต่เช้าๆ สงสัยจะแพ้ท้องคิดแล้วก็แอบยิ้มกริ่มอยู่คนเดียว ฟาดแขนตัวเองดังเผียะ“ บ้า ฉันยังไม่มีผัวซักหน่อย “ เธอเขินตัวเองพลันสายตาของนาง ก็เหลือบไปเห็นสิ่งหนึ่งเคลื่อนไหวอยู่ใกล้กับกอไผ่เบื้องหน้า“ สงสัยจะเป็นเต่ายักษ์ “ เธอว่า พลางเดินไปตรวจสอบ...เธอผิดหวังเล็กน้อย เมื่อสิ่งที่เธอเห็น ไม่ใช่เต่าแต่เป็นชายหลังค่อม หน้าตาหล่อเหลาคนหนึ่งกำลังมุดเข้าไปหาหน่อไม้ แบบมาดแมนมากๆแต่ที่สะดุดตาเธอนัก ก็เห็นจะเป็นส่วนนั้นของเขาช่างน่าตื่นตาตื่นใจเหลือเกิน แม้จะอยู่ในร่มผ้าก็ตามนางโจรสาวอายหน้าแดงก่ำเธอรู้สึกประหลาดนัก ไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อนเลย...ฉับพลัน งูเขียวหางไหม้ก็ปรากฎกายขึ้นมันเกาะอยู่บนกิ่งไม้ ข้างหูซ้ายของนางนั่นเองนางไม่ทั้นได้ระวังตัว งูใจร้าย จึงฉกหมั่บเข้าที่ติ่งหูของเธอหากใครบังเอิญผ่านไปแถวนั้นตอนนั้น ก็จะได้เห็นภาพที่แสนประหลาดเป็นภาพของชายหลังค่อมรูปหล่อ กำลังดูดติ่งหูของสาวงามแบบแมนมากๆ...ด้วยความซาบซึ้งใจ และไหนๆก็ไหนๆนางโจรสาวคิดว่า ไหนๆก็เสียความบริสุทธิ์ของติ่งหูไปแล้วก็ลองพูดคุยกันดูหน่อยเป็นไรพอคุยนานไป ก็ได้รู้ว่า ชายค่อมผู้นี้ เป็นคนดีอ่อนโยน พูดจาชวนวาบหวาม ถูกใจนางโจรยิ่งพลันจิตใจนาง ก็อ่อนโยน โอ...นางกำลังมีความรักหรือนี่?โดยมิได้สนใจต่อรูปลักษณ์ หนุ่มสาวทั้งคู่จึงรักกันและแต่งงานกันใต้ก่อไผ่กอใหญ่ในที่สุด ท่ามกลางฝูงควาย และแสงดาวแม้จะมารู้ที่หลังว่า ที่เห็นตุงๆนั้นคือต่อมลูกหมากโต ไม่ใช่อย่างอื่นแต่ก็ช่างเถิด ความใคร่หรือจะสำคัญเท่ารักแท้....ทั้งคู่ขี่ควายตัวใหญ่ ไปฮันนีมูนแถวๆชลบุรี“โอ้โห..ทะเลงามยิ่งนัก” ทรามวัยอุทานพลางตรงดิ่งลงไป หาหมึกกินทันทีท่ามกลางหมู่ดาว หนุ่มสาว นอนอิงโขดหินริมทะเลผูกเปลญวนครวญเพลงแร๊กเก้ ชายหลังค่อม ตัดสินใจบอกความลับกับสาวคนรัก“ อันที่จริงผมแกล้งหลังค่อม “สาวน้อยพยายามอุทธรณ์ ว่าทำได้ไงวะ?แต่ก็เชื่อ เพราะเขาเป็นพระเอกนี่ทำได้หมดแหละแล้วทั้งคู่ ก็ตัดสินใจ ย้ายไปอยู่บ้านบางซกมกตั้งแต่นั้น เป็นต้นมาปอลิงกัง งูเขียวตัวนั้นแท้จริงแล้ว เป็นพระอินทร์จำแลงลงมานะ จะบอกให้...จบจ๊ะ.จบไปแล้วครับ ความรักโรแมนติค ปนกลิ่นขี้ควายความจริงว่าจะอัพตั้งแต่เที่ยงคืน แต่ก็ผล็อยหลับไปตั้งแต่หัวค่ำ เลยมานั่งเขียนตอนกลางวันแสกๆแทนหวังว่าจะสนุกกันนะครับช่วงนี้ ห่างๆหายๆ อย่างที่บอกไปเดี๋ยวมาดู ว่ามีใครจะเขียนบ้างตะพาบ ซองขาวเบอร์ 9ตะพาบ กะว่าก๋าตะพาบ peeampตะพาบ JewNidส่วนโจทย์ต่อไป เป็นของพี่ก๋าครับปวดตับแน่นอน ไม่ต้องห่วง“โจทย์ตะพาบโครงการ 9"การสันดาปในวงแขนของนักปลุก ปลอบชีวิต"วันที่อัพ คือวันที่ 11 มิถุนานี้จ๊ะ
คงมีโอกาสได้ร่วมกินตะพาบด้วยสักครั้งนะครับ ทั่นเป็ดหวัน
แถวบ้าน ยังพอหาได้ครับ...แต่ ตะพาบเลี้ยง เดี๋ยวนี้ก็เยอะนะครับ
ขโมยเมล็ดงา แค่นี้ก็ฮาแล้วนะ