เรื่องของคนสองคนที่เขาบอกว่ารักกัน [แล้วฉันเกี่ยวอะไร?]
หลาย ๆ วันมานี่เหนื่อยกับเรื่องของตัวเองและเรื่องของชาวบ้าน ชาวบ้านที่ว่านี่ไม่ใช่คนอื่นคนไกล ก็มีทั้งญาติสนิท ญาติไม่สนิท เพื่อนสนิท และเพื่อนเคยสนิท รู้สึกว่าเรื่องของตัวเองมันจะมีแต่เรื่องเงิน ๆ งาน ๆ หัวฟู ๆ แต่ไหง๋เรื่องของชาวบ้านเขามีแต่เรื่องความรักกันทั้งนั้นละ
เมื่อประมาณ 2 เดือนก่อน ลูกพี่ลูกน้อง อายุห่างจากฉันประมาณ 15 ปี แต่งงานค่ะ แบบว่าเขามีพร้อมทุกอย่างแต่งงานแฮปปี้เอนดิ้งกันอย่างมีความสุข มีเรือนหอราคาหลายล้าน ฝ่ายชายเงินเดือนเกือบแสน ฝ่ายหญิงแสนกว่า (อีก 15 ปีข้างหน้าฉันจะเงินเดือนแบบนี้ป่าวเนี่ย) พ่อแม่ไม่ต้องเดือดร้อน จัดงานกันหะรูหะราซึ่งมันไม่ค่อยถูกเส้นกะอิฉันเท่าไหร่ เลยไม่ไปร่วมงาน ซึ่งก็นึกว่ารอดแล้ว... พอมาสัปดาห์ก่อน ก็มีงานแต่งของลูกพี่ลูกน้องของอิฉันอีกคน หะรูหะราเช่นกัน งานนี้ถูกบังคับให้ไปร่วมแห่ขันหมากชนิดปฏิเสธไม่ได้ เขาให้ฉันไปถือขันเงินขันทอง ก็ลงทุนลาหยุดทิ้งงานยุ่ง ๆ สุมไว้อีก แต่ก็นับว่าคุ้มหลายขุมถ้าเทียบรายได้เฉลี่ยต่อวัน กับค่าตอบแทนที่ได้ (รู้งี้เรียนจบมา หางานรับจ้างแห่ขันหมากถือขันเงินขันทองมันทั่วราชอาณาจักรแล้ว)
งานนี้ก็เป็นไปตามคาดที่หลีกเลี่ยงรัศมีความหะรูของคุณ ๆ ในงานไม่ได้ (นี่ขนาดงานตอนเช้านะนั้น ฉะนั้นงานเลี้ยงกลางคืนอาทิตย์หน้าดิฉันไม่ไปเหยียบเด็ดขาด) ฉันเป็นตัวแทนพ่อกับแม่ไปร่วมงานค่ะ พ่อกับแม่บอกเอาช้างมาฉุดก็ไม่ไป (เป็นโรคกลัวความหะรูเหมือนกัน) เราก็กลัวคุณอาจะน้อยใจก็เลยโอโคไปร่วมงาน เห็นว่าเป็นงานตอนเช้า ไม่นึกว่ามันจะอะไรขนาดนั้น นี่ขนาดยกมือไหว้บางคนซึ่งอยู่ในตำแหน่งญาติของญาติอีกทีเขายังไม่มองเลยค่ะ (แบบว่าฉันไม่มีเพชรใส่ ไม่มีรถขับ) ไอ้เราก็ ทำไงได้ ยังไงก็คิดว่า ฉันต้องผ่านไปให้ได้ ในงานก็อาศัยการเสวนากับคุณอาทั้ง 4 ที่รู้ว่าดิฉันเป็นหลาน ส่วนลูกพี่ลูกน้องของฉันที่เป็นเจ้าบ่าวนี่ฉันยังสงสัยเลยว่า รู้จักฉันป่าวหว่า บรรดาพี่น้องของเขานี่ไม่มีใครคุยกับฉันสักคน ยกเว้นคนที่ไปถือของกับฉันนี่แหล่ะ แบบว่าเลี่ยงไม่ได้ แต่แล้ววันนั้นก็ผ่านไปอีกงาน
พ่อบอกว่าประมาณพฤศจิกายน จะมีลูกพี่ลูกน้องฉันแต่งอีกคน คนนี้อายุห่างกับดิฉัน 1 ปี และคุยกันได้ ค่อยยังชั่ว แต่นี่... อะไร แต่งกันอีกและ (สามซองแล้วนะนั่น ไหนจะซองยกน้ำชากันอีก)
เมื่อวันศุกร์โทรคุยกับเพื่อนอีกคน ก็บอกว่าเพื่อนเราอีกคนจะแต่งงาน ชนิดที่ฉันรู้สึกว่า "ไปรักกันตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ย" เจ้าภาพบอกว่าตั้งใจแจกซองฉันเต็มที่ นี่อุตสาห์เคยบอกพวกคุณ ๆ แล้วว่า ถ้ามีงานแต่งงานบวชซงซองไม่ต้องส่งมาให้เปลืองค่าพิมพ์ กริ๊งมานิดเดียวยินดีไปร่วมกินเอ้ย..ร่วมงาน ดูสิดู เห็นความหวังดีของเพื่อนคนนี้ไหม...
เห็นคู่มีความสุขเป็นฝาเป็นฝั่งแล้วก็อดนึกถึงเพื่อนอีกหลาย ๆ คนที่กำลังเกาะเกี่ยวกันอยู่เป็นคู่ ๆ ถ้าสิ่งที่เพื่อน ๆ ทำมันคือความสุขฉันก็จะยินดีด้วย ถ้ามันคือความทุกข์ฉันก็จะบอกให้เลิก ๆ กันไปเถอะ คบกันก็ทรมาน แล้วทนทำไม อายุอานามก็ยังน้อย ๆ กันอยู่จะรีบไปไหนก๊าน...หลัง ๆ มานี่เพื่อน ๆ เลยไม่กล้ามาระบายเรื่องคับข้องใจเกี่ยวกับเรื่องรัก ๆ ใคร่ ๆ ให้ฟังเท่าไหร่ เพราะทุกคนลงความเห็นกับฉันว่า "ก็ปากแกเป็นอย่างนี้..."
เพื่อนตัวแสบคนหนึ่ง ถามว่า "เหนื่อยมั๊ย...."
ไอ้เราก็นึกว่าเป็นห่วงเรื่องงาน เพราะช่วงนี้งานมะรุมมะตุ้มรุมรักฉันจริง ๆ ก็เลยตอบว่า "มีบ้างนิ๊ดหน่อย ตื่นก็เช้า กลับบ้านก็สองทุ่มแล้ว"
คุณเธอบอกว่า "ป่าว... หมายถึงแกนะ เกาะอยู่บนคานเหนื่อยไหม"
เธอบอกว่าฉันมันเป็นพวกกีดขวางสิทธิของบุรุษที่พึงมีต่อสตรีทั้งกับตนเองและกับเพื่อนฝูง และแนะนำให้ฉันลาบวช ก็แหม... พวกบ้า คอยดูนะ สิ้นเดือนได้รับเกียรติไปดูเจ้าสาวเจ้าบ่าวถ่ายรูปที่สตู แม่จะเตรียมแผนไปสร้างความร้าวฉานเต็มที่ อะฮ่า...
ล้อเล่นนะ เห็นคนมีความสุขก็ยินดีด้วย
เรื่องของคนอื่นทั้งนั้น... สงสัยใช่ไหมว่าแล้วเจ้าของบล็อกเกี่ยวอะไร ก็มาแจกซองให้ฉันเกี่ยวด้วยทำไมล่ะ เลยเอามาเผาต่อหน้าสาธารณะชนซะเลย โชคดีเจ้าของงานที่ฉันเผาไปไม่มีใครรู้ว่าฉันเขียนบล็อก
Create Date : 18 กันยายน 2548 |
|
24 comments |
Last Update : 18 กันยายน 2548 21:05:06 น. |
Counter : 718 Pageviews. |
|
|
|