Better Together
Group Blog
 
<<
ตุลาคม 2548
 1
2345678
9101112131415
16171819202122
23242526272829
3031 
 
9 ตุลาคม 2548
 
All Blogs
 
หนึ่งวันกับแผนฆาตกรรมในพิ้นที่ปิด(เกือบ)ตายและงานศพ

เวลาประมาณ 7.30 น. ของวันเสาร์ที่ 8 กันยายน พุทธศักราช 2548 ...

ฉันตื่นนอนขึ้นด้วยเพราะเสียงเอะอะจากข้างล่าง ด้วยสภาพงัวเงียตายังลืมไม่ค่อยขึ้นและผมเผ้ายุ่งเหยิง ข้าวของข้าวของในครัวและลังเก็บของใต้บันไดถูกรื้อออกไปวางระเกะระกะที่หน้าบ้าน ยังไม่ทันที่ฉันจะได้พูดอะไรกับใคร แม่ของฉันก็พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเครียดว่า "วันนี้มีงานต้องทำ"

สืบเนื่องมาจากคืนวันศุกร์ที่ผ่านมา พ่อของฉันนั่งเล่มเกมส์บนมือถือไม่ยอมขึ้นบ้านไปนอน จนถึงเวลาประมาณ 23.20 น. เมื่อท่านขึ้นไปบนบ้านเห็นฉันยังนอนพลิกคว่ำพลิกหงายอ่านหนังสืออยู่ (ส่วนแม่เคลิ้มหลับไปแล้ว) บทสนทนาของสองพ่อลูกจึงเกิดขึ้น

พ่อ : "สังสัย หนูจะเข้าบ้านได้แล้ว ได้ยินเสียงมันร้อง"
ฉัน : "ไม่ใช่มั้ง จะเขามาได้ไง สงสัยเป็นเสียงนอกบ้านมากกว่า"
แม่(หูไวจัง) : "คุยอะไรกัน คนจะนอน ..นี่ก็เปิดไฟอ่านหนังสืออยู่ได้ ..นี่ก็เล่นเกมเข้าไปไม่รู้จักหลับจักนอน.. .. .. .. ..

และเมื่อเวลาประมาณ 5.45 น. ที่ผ่านมา พี่ยืนยันกับแม่ว่า เห็นหนูกระโดดอยู่ในครัวบ้าน สอดคล้องกับคำพูดของพ่อ ดังนั้นภารกิจล่าหนูในพื้นที่สีแดงของบ้านจึงเริ่มขึ้น

วันเสาร์มีเพียงแม่และฉัน กับหลานชาย 3 ขวบ อีกหนึ่งคน แม่และฉันจึงต้องจัดการตามล่าเจ้าตัวร้ายให้ได้ แม่ฉันเกลียดหนูมาก แม่บอกว่าอยู่มาตั้ง 15 ปียังไม่เคยมีหนูหน้าไหนได้เหยียบเข้าบ้านได้ หนูเป็นต้นเหตุของเชื้อโรค แม่จึงต้องเร่งหาตัวให้ได้เร็วที่สุด

ฉันเข้าห้องน้ำล้างหน้าแปรงฟันเพื่อให้ตัวเองตื่นจริง ๆ แล้วก็มาลงมือไล่ล่ากับแม่ เราสองแม่ลูกเอาไม้อัด กระดาษอัด เสื้อผืนใหญ่มาล้อมปิดห้องครัวกับใต้บันไดไว้ เพื้อตีวงไม่ให้เจ้าหนูวิ่งออกไปที่อื่นได้ เรารื้อของในครัวและใต้บันไดออกมาจนหมด รวมถึงกวาด ถู ล้าง เช็ด พื้นและข้าวของทั้งหมด รวมถึงอัดยาฉีดยุง(ได้ผลรึ) โรยการบูร และใช้เกรดทัชแอนด์เฟรช

10.30 น. เราทั้งสองยังไม่พบเจ้าตัวการ แม่สัณนิษฐานว่ามันอาจจะหนีลงท่อในห้องน้ำไปแล้วหรืออาจจะวิ่งเข้าบ้านไปบริเวรอื่นก็ได้ พื้นที่เป้าหมายของสองเราจึงเปลี่ยนไปที่ใต้ตู้ และโซฟาอีกบริเวณหนึ่ง โอ้ว...แม่เจ้า ไม่ไหวแล้ว แค่ของใต้บันไดกับในครัวยังทำความสะอาดไม่หมดเลย ถ้าต้องรื้อพวกนี้ออกมาล้างเช็ดด้วยล่ะก็ ฉันตายแน่ ข้าวเช้าก็ยังไม่ได้กิน ฉันจึงหาทางประทังชีวิตด้วยเมล็ดฟักทองกระเทาะเปลือกที่เหลืออยู่ค่อนถุง 10 บาท ของเจ้าหลานชายกับน้ำอีกหนึ่งแก้ว แล้วลุยทำงานเก็บของเข้าครัวให้เสร็จก่อนเตรียมรื้อที่อื่นต่อ

11.15 น. เราสองคนยังเก็บของไม่หมด แต่หมดแรงแล้ว แม่ขอไปอาบน้ำ ฉันขอนั่งพัก แล้วอาบน้ำไปตลาดหาของกินดีกว่า เลิก เลิก ไม่หามันแล้ว มันคงไม่อยู่แล้ว

12.00 น. ฉันกลับถึงบ้าน มากินข้าวพักเหนื่อย แล้วค่อย ๆ ยกชั้นวางให้เข้าที่เดิม เก็บของขึ้นชั้น

13.30 น. หมดแรงกันทั้งแม่ลูก เราจึงเลือกที่จะพักอีกที แม่พาหลานเข้านอนจะได้ทำงานต่อได้สะดวก ฉันหยิบหนังสือมาอ่านสองหน้า ความคิดชั่วร้ายบังเกิดวิ่งไปยืนบนเครื่องชั่งน้ำหนัก (เอาวะ วันนี้กินน้อยที่สุดแถมยังเหนื่อยด้วย) มันต้องลงสักขีดสักโลสิน่า ผลปรากฏว่า... บ้าเอ้ย เหมือนเดิมเลย... แรงฮึดบังเกิด จึงยกผ้าไปซัก 1 ตระกร้า (ZAZaSassY สู้ว้อย....)

14.30 ฉันซักผ้าเสร็จ น้องนอนแล้ว สองแม่ลูกก็ลงมือต่อทันที ระหว่างที่ฉันยกของไปวางบนชั้นในครัว...

มีเสียงขลุกขลัก
สงสัยเป็นเจ้าจิ้งจกอ้วนพลีมันวิ่งชนกล่องเก็บของ (ลืมบอกไปค่ะว่าจิ้งจกที่บ้านได้รับการเลี้ยงดูจากครอบครัวดิฉันอย่างดีด้วยการเอาข้าวสุกไปโรยให้กินทีละ 4-5 เม็ด เป็นประจำ เสมือนหนึ่งเป็นสมาชิกในบ้าน....)

ฉันเดินออกจากครัวแล้วแม่เดินเข้าครัวเพื่อเอาของไปวาง แม่ร้องทันใด

"เจอแล้ว เจอแล้ว หนอย...."
ฉันวิ่งมาดู แม่บอกให้เอาไม้มากันประตูครัวไว้แล้ะเอาเสื่อสูงๆ มาบังอย่าให้มันกระโดดออกจากครัวได้ แม่ลงมือรื้อของอีกรอบ

มันอยู่นั่นเอง... แม่ใช้ไม้ยาว ๆ เขี่ยมันให้ออกจากที่หลบซ่อน ฉันยืนถือเสื่อยกขึ้นปิดคอ ส่วนขายันไม้ปิดทางไว้สุดชีวิต กลัวมันกระโดดเข้าบ้านได้

"ไม่ออก ตายแน่..." แม่พูดพร้อมใช้ไม่เขี่ยเจ้าหนูตัวประมามาณอุ้งมือเล็ก ๆ มันกระโดดสู้เกาะไม้และกัดไม้ด้วยแหล่ะ

"ไม่ออกใช่ไหม..." แม่พูดซ้ำ ฉันเริ่มอารมณ์แปรปรวนเมื่อเห็นเจ้าหนูมันหล่นออกจากไม้แล้วนอนตัวอ่อนลืมตาแป๋ว... แม่เขี่ยมันอีกที... มันนิ่ง

"แม่....ฮือ...ฮือ..." ฉันเอง ยืนร้องไห้

แม่ถามว่า ตกลงแกอยู่ข้างแม่หรือเข้าข้างไอ้หนูนั่น ฉันยังยืนน้ำตานองหน้า แบบว่าสงสารไอ้หนูนั่นสุดฤทธิ์ แม่ถามว่าอยากให้มันอยู่ด้วยรึไง ฉันส่วยหน้า แต่ร้องไห้ แม่เริ่มอารมณ์แปรปรวนบ้าง "ร้องไห้ทำไมนะ" แม่พูดแล้วก็น้ำตาคลอบ้าง แล้วหันไปเขี่ยไอ้หนูนั่นต่อ

"มันไม่ตายหรอก แต่ถ้ามันไม่ลงท่อมันตายแน่" แม่เขี่ยมันเข้าท่อระบายน้ำในห้องน้ำ (แม่เขี่ยแรงจัง) เจ้าหนูนั่นไม่ยอมวิ่ง ทำเป็นนอนนิ่ง ๆ พอแม่จิ้มให้หนึ่งทีมันรีบวิ่งปรู๊ดลงท่อไปเลย...สรุป... มันแกล้งตายน่ะ

ฉันกับแม่ก็ต้องเก็บ ๆ เช็ด ๆ ของอีกทีจนถึง 15.30 น. พื้นที่สีแดงก็ถูกจัดการกลายเป็นพื้นที่สีเขียวไป ไหน ๆ ก็รื้อบ้านแล้วเลยลงมือกวาดปัดฝุ่นส่วนอื่นของบ้านด้วย เสร็จที่เวลา 16.30 น.

ฉันยอมเหนื่อย ขนผ้าออกมารีดต่อ ด้วยเหตุผลที่ว่า วันอาทิตย์ ฉันจะได้สบาย.....

17.30 น. รีดผ้าเสร็จอาบน้ำแต่งตัวเตรียมไปงานศพพ่อของเพื่อนตอนเรียนม.ปลายด้วยกัน

18.30 น. นัดเจอหนูติ๊หน้าหมู่บ้านแล้วไปวัดพร้อมกัน พอถึงวัด งงอยู่พักใหญ่ สรุปว่าเพื่อนฉันมันชื่อจริงว่าอะไร เรียกกันแต่ชื่อฉายาจนไม่เคยเรียกชื่อเล่นจริง ๆ เลยเกิดอาการลืม เหอ ๆ กำลังโทรหาเพื่อนอีกคนเพื่อถามว่าอยู่ศาลาไหน แต่ฉันเหลือบเห็นป้ายที่มีนามสกุลเพื่อนฉันอยู่... นั่นไง... ฉันจำได้แล้ว... เพื่อนฉันอยู่ในศาลานั้นอีก 3 คน เรานั่งคุยกันสัพเพเหระ ถามถึงคนนู้คนนี้อีก เพื่อนฉันเก่ง ฉันไม่เห็นมันร้องไห้ แต่มันดูเงียบไป ซึมไป และไม่เข้ามาขย่ำพุงฉันเหมือนทุกทีที่เจอกัน ถามเพื่อนอีกคนก็ได้รู้ว่า "มันร้องไห้หมดแม็กตั้งแต่อยู่โรงพยาบาลกับเมื่อวานก่อนแล้ว"

เราเพื่อน ๆ เจอกันในงานร่วม 10 คน คุยกันเรื่องนู้นเรื่องนี้ ใครเป็นยังไง ทำไมถึงไม่มา รู้ข่าวว่าเพื่อนคนหนึ่งล้มสลบนอนโรงพยาบาลไปหลายวัน พวกเราก็เป็นเพื่อนที่ดีมากไม่รู้เรื่องเลย คนนั้นยังโสดไหม คนนี้เป็นไง มันหายไปไหนแล้ว คุยไปคุยมาหนีไม่พ้นว่า ตอนนี้แกทำงานอะไร อยู่ที่ไหน เงินเดือนเท่าไหร่ ใครเกินหมื่นห้าเจอฉันกิ๊กทันทีว่า "สนใจทำบัตรเครดิตสักใบไหมคะ " หลายคนบอกว่า แกเป็นโปรแกรมเมอร์หรือเซลล์กันแน่... แหม...เขาเรียกว่าโปรแกรมเมอร์เป็นงานอดิเรกน่ะ อิอิ งงและอิจฉากันสุด ๆ ก็เพื่อนคนหนึ่งนี่แหล่ะเป็นพยาบาล เงินเดือนสองหมื่นแล้วยังไปรับจ๊อบพิเศษอีกวันละ 560 บาท เป็นที่น่าอิจฉาของเพื่อนคนอื่นมาก ออกจากงานศพมา หลายคนก็ตกใจ เพราะคุณเธอเล่นถอย Honda CRV มาขับหน้าตาเฉย พวกเราเริ่มเปรียบเทียบ...

"แกเรียนโปรแกรมเมอร์มาทำไม..."
"แล้วแกเรียนนิติศาสตร์ทำไมวะ แล้วไปเป็นข้าราชการอีก เงินน้อยยยยย..."
"ทีแกเรียนวิศวะเคมีมา ไม่เห็นได้เท่ามันเลย..."
"ฉันยังหางานไม่ได้เลย..."
"รู้งี้เรียนพยาบาลมั่งก็ดี..."


20.45 น. ฉันกับหนูติ๊ไปบิ๊กซีกันต่อ หนูติ๊ตั้งใจไปเดินเปิดท้ายข้าง ๆ ส่วนฉันมีบัญชาการจากแม่มาว่าหิ้วข้าวมา 1 ถุง เปิดท้ายกลายเป็นเทศกาลกินเจไปแล้ว หนูติ๊เลยเข้าบิ๊กซีไปซีกับฉันแทน สำหรับฉันข้าว 1 ถุงมันก็เป็นไปไม่ได้ ขนมนมเนยมันก็ตามมาให้หิ้วแขนลากอีกแล้ว

21.15 น. พี่ชายโทรมา "แกอยู่ไหน"
ฉันบอกว่าอยู่ในบิ๊กซี... ดีเลย รอด้วยจะได้ช่วยกันหิ้วของ

21.30 น. ฉันกับหนูติ๊ยืนเลือกต่างหูกันอยู่ พี่ฉันก็โทรมาเร่งยิก ๆ ฉันแก้ตัวว่า "จ่ายเงินอยู่จะออกไปแล้ว" แล้วก็ยืนเลือกกันต่อ

21.50 น. ถึงบ้าน หมดแรง หนักก็หนัก เหนื่อยก็เหนื่อย วันนี้ สุด ๆ จริง ๆ

ชีวิตคนเราไม่เห็นมีอะไรเลย เกิดมาดิ้นรนหากินกันทั้งนั้น สุดท้ายแล้วก็ตาย ฉันคิดไม่ออกเลยว่า วันใดฉันเกิดต้องเป็นเจ้าภาพงานแบบนี้บ้าง ฉันจะทำได้อย่างไร แค่หนูจะตายฉันยังร้องไห้เป็นวรรคเป็นเวร แล้วถ้าเป็นคนใกล้ตัวฉันล่ะ ฉันไม่เหลือสภาพดีได้เท่าเพื่อนฉันแน่ ๆ ฉันยังจำได้วันที่คุณตาฉันเสียเมื่อปีที่แล้ว ฉันไม่ได้ไปงานศพเพราะจัดที่ต่างจังหวัด แต่ฉันยังร้องไห้ได้ทุกวันชนิดตาบวมแล้วบวมอีกเป็นอาทิตย์ วันครบรอบ 100 วันก็ร้องไห้อีก ทำบุญทีไรก็ร้องไห้อีก หรือแม้แต่ก๋งเสียในวันนั้น..วันเกิดฉันเมื่อปี 2536 ฉันยังร้องไห้ได้ทั้งงาน 7 วันยันส่งศพ (เป็นความสามารถพิเศษมาก ๆ ที่ฉันจะร้องแบบสะอื้นเฮือก ๆ ได้นาน ๆ) หลายคนบอกว่าไม่ให้ร้อง แต่มันห้ามไม่ได้นี่ เฮ้อ... แต่อย่างที่ว่า อะไรจะเกิดมันก็ต้องเกิด ฉันได้แต่หวังว่ามันจะเกิดกับฉันในอีกระยะเวลายาวไกลที่สุด

ฉันคุยกับยัยติ๊ เธอบอกว่า "แกก็ทำชีวิตตัวเองให้มีความสุขดิ่" เออ..ฉันก็พยายามอยู่ เธอบอกฉันว่ากำลังหาที่บวชชีพราหมณ์ (3 ปี ผ่านมาแล้วที่เธอบอกฉันแบบนี้) ฉันบอกเธอว่า "เอาฉันไปด้วย" (3 ปีอีกเหมือนกันที่ฉันตอบเธอไป) เธอบอกว่าไว้หาที่เหมาะ ๆ ไม่น่ากลัวก่อนเพราะที่ไปหามาน่ากลัวทั้งคนทั้ง.... ปรื๋อ

เอาล่ะวันนี้ฉันได้พักจริง ๆ สักที เพราะวันจันทร์ A bug's life รออยู่ตรงหน้า







Create Date : 09 ตุลาคม 2548
Last Update : 9 ตุลาคม 2548 10:54:21 น. 12 comments
Counter : 856 Pageviews.

 
อ่านไปมีลุ้นไปเรื่องหนูค่ะ แต่เอยอมร้องไหนเสียน้ำตาแต่ว่าหนูก็ดันมาแกล้งตาย หนูบ้านเรานี่เก่งเหมือนกันนะค่ะ เอ่อ พูดถึงหนูเก่งแล้วอยากบอกว่าสัตว์เมืองไทยนิดว่าสันชาตญาณดีกว่าเมืองนอก เพราะสังเกตุว่าอย่างยุงกับแมลงวัน บ้านเรานะบินไว หลบหลีกได้เก่งคนจะตีมันก็หาโอกาสโดนตัวยาก แต่ว่าที่นี่ไม่ยากเลยค่ะทั้งยุงทั้งแมลงวันบินช้าอืดถืดเรื่องตีนะง่ายนิดเดียวค่ะ ( ว๊า คุยเรื่องไรหนิ )


โดย: JewNid วันที่: 9 ตุลาคม 2548 เวลา:12:34:56 น.  

 
ผมว่าเจ้าหนูนี่มันน่ารักดีนาครับ แต่มันสู้ยิบเหมือนกัน มันชอบแกล้งตาย แล้วพอเด็กที่บ้านผมไปหยิบมาจะทิ้ง ดันแว้งกัดขึ้นมาได้ ต้องไปฉีดยาเพียบ

แต่ไม่เห็นด้วยที่ใช้กาวดักหนูอ่ะครับ มันทรมานมาก ผมว่าถ้าฆ่ามันก็ฆ่าไปเลยดีกว่านา

เอ่ะ แต่ติดใจตรงป๋าชิบเล่นเกมส์จากมือถือเหรอครับ 555 หยั่งงี้ลองให้แกเล่นเพลย์งี้ คงติดงอมแงมเลยครับ 55

ทำไมการทำชีวิตให้มีความสุข ต้องนึกถึงการไปอยุในทางธรรมด้วยอ่ะครับ ทางโลกก็มีทางมีความสุขตั้งเยอะ อยุ่กับครอบครัวก็สุขได้ กับเพื่อนก็สุขได้ หรือตัวเองก็ยังสุขได้นี่นา แต่จากการอ่านแล้ว ผมว่าคุณน่าจะไม่มีปัญหานา 55


โดย: ข้าวตู วันที่: 9 ตุลาคม 2548 เวลา:13:11:01 น.  

 
วันวันหนึ่งของเธอช่างเข้มข้นจริงๆ ฉันงี้กำลังฝึกคาถาทุกวันเลย (เขียนโปรแกรม ของจริง หลังจากก่อนหน้านี้ ทำแต่ง่ายๆ เหอๆๆๆ)
ทำงานทุกวันมันก็เซ็ง สมองบวม เหี่ยวเฉา หงอยเหงา คิดไม่ออก เฮ้อ กลับไปนอนล่ะ เอาแรงสำหรับอาทิตย์ต่อไป แต่ฉันยังไม่ได้ซักผ้า เลย T_T


โดย: Gryffin วันที่: 9 ตุลาคม 2548 เวลา:16:44:19 น.  

 
บ่อน้ำตาตื้นจังครับ

ผมใช้ถาดดักหนู + art rat killer ผลปรากฎว่า หนูหลุดถาดกับดัก แต่ไปตายที่ไหนไม่รู้ ส่งกลิ่นหึ่งเลยไปทั้งบ้าน


โดย: noom_no1 วันที่: 9 ตุลาคม 2548 เวลา:18:48:33 น.  

 
ไม่ชอบหนูและแมลงสาบอย่างยิ่ง.. (จริงๆ ก็ไม่ชอบซะเกือบทุกอย่าง)
ตอนเด็กๆ สมัยอยู่บ้านอาม่า.. เคยมีการล่าหนูเหมือนกันค่ะ

น๊อตก็รีบวิ่งไปหลบอีกห้องนึง.. แล้วยืนบนเก้าอี้ (เพื่อ?!?)

แหะๆ


โดย: nods วันที่: 9 ตุลาคม 2548 เวลา:20:13:51 น.  

 
หวัดดีตอนเช้าแบบง่วงๆๆ ซึมๆๆ ทำไงจะสดชื่นหนอ


โดย: Gryffin วันที่: 10 ตุลาคม 2548 เวลา:8:28:23 น.  

 
ลาออกไปอยู่บ้านดิ่ Gryffin รับรองหายซึมหายง่วง อิอิ

เม่เล่าให้พ่อกับพี่ฟังว่าเราร้องไห้ หน๋อย...หัวเราะกันเข้าไป พี่มันแกล้งลงไปนอนทำท่าหนูดิ้น แล้วก็เล่าเรื่องหนูที่บริษัทมันถูกกับดักกาวพร้อมท่าทางประกอบ ฉันสัญญาเลยว่าฉันจะเอามันคืน (ทำเจ้าตัวไม่ได้ ทำลูกมันแทน 555 555 555 5555)

เอาล่ะ วันนี้จะทำงานอย่างมีความสุขแล้วนะ


โดย: ZAZaSassY วันที่: 10 ตุลาคม 2548 เวลา:9:23:32 น.  

 
โห ดีจ้า ฟังเรืองที่เอาไปเล่าที่บล็อกทำให้นึกถึงเหตุการณ์ของตัวเองเลยนะ เพราะเหมือนกันเดี๊ยะเลย นิดนะไปเดินเซ็นทรัลปิ่นเกล้าชั้นไหนจำไม่ได้แล้วแต่ว่าเค้าจะมีพวกโต๊ะเก้าอี้สำหรับพวกหมอดูนี่นั่งเรียงกันไปเลย

ตอนแรกเราไปกับแฟนแต่ว่าเค้าเดินนำหน้าเราไปก่อนมันดูแล้วก็เหมือนว่าไม่ได้มาด้วยกัน ทีนี้มันก็มีผู้หญิงกลางคนเดิมมาหาดึงเราเข้าไปนั่งบอกว่านะหนูมานั่งไม่คิดเงิน ไอ้ตอนแรกเค้าก็พูดดีแต่ว่าเราก็บอกเค้าว่าไม่ต้องหรอกค่ะไม่คิดเงินก็ไม่ดูแล้วก็ไม่อยากดูตอนนี้ด้วย เค้าก็เกลี้ยกล่อมให้เราอย่างโน้นอย่างนี้ ถึงคราวเค้าจะมาเดาแล้วจริงๆ ก็บอกว่าเนี่ยต้องมีค่าครูนะ เราก็โมโหล่ะบอกว่าก็ไหนว่าไม่มีอะไรแล้วฉันก็ไม่ได้อยากดูด้วยขอโทษนะค่ะคุณลุง เราก็เลยจะเดินหนี เค้าก็ตามอีกจะไปดึงผู้หญิงอีกคน เค้าก็ตกใจเลยเดินเฉมาที่เรา ตาคุณลุงหมอดูคนนั้นก็พูดเสียงดังเหมือนว่า " เธอนะให้ดูเรืองคู่ก็ไม่เอาแล้วเมื่อไหร่จะได้แต่งงานล่ะ " ไอ้เราก็หัวเราะแถมยิ้มให้อีกต่างหาก บอกว่า ถ้าอย่างนั้นก็ไม่ดูอ่ะค่ะเพราะรู้แล้วแหละ อ่ะ จะไม่ให้รู้ได้ยังไง ก็แต่งงานแล้วอ่ะจะดูคู่ทำไม๊อีกเน๊อะ ... ไปเล่าให้แม่ฟังเค้าก็ขำกันจะตาย เลยกลายเป็นเรื่องโจ๊กไปเลยละค่ะ


โดย: JewNid วันที่: 10 ตุลาคม 2548 เวลา:19:37:08 น.  

 
พ่อน่ารักดีอ่ะ เล่นเกมด้วยอิอิ


โดย: prncess วันที่: 10 ตุลาคม 2548 เวลา:23:56:53 น.  

 
555 ...

ผมรู้แล้ว มันคือ "สจ๊วต ลิตเติ้ล" แน่ๆเลย ...


โดย: Cymry วันที่: 11 ตุลาคม 2548 เวลา:9:23:14 น.  

 
อ่านเรื่องหนูแล้วรู้สึกว่าหนู ZAZaSassY เป็นคนใจอ่อนนะ
แต่ก็จริงนะ พวกสัตว์ต่างๆ นี่ ถ้าเราไปมองตาเขา
ก็จะรู้สึกสงสาร โดยเฉพาะพวกแมวหรือหมา

แต่เจ้าหนูตัวนี้ก็ฉลาดจริงๆ นะคะ
คงเป็นสัญชาติญาณของการอยู่รอดนั่นเอง


โดย: ป้าติ๋ว (nature-delight ) วันที่: 11 ตุลาคม 2548 เวลา:10:20:29 น.  

 
โล่งอก..เฮ้อ..เจ้าหนูมันหนีไปได้..อิอิ ..น่ารักมากชอบดูตอนคนน้ำตาไหล ..ว่าแต่เล่าเรื่องได้ตื่นเต้นมากๆนะนี่ เพลินอ่านจนเกือบลืมหายใจแน่ะ และก็ชื่อเรื่องโหดดีนะ..55++

..พี่ป่ามืดช่วงนี้ภาระกิจต้อนจนมุมเวลาไม่ค่อยพอใช้เลยค่ะ เมื่อคืนกว่าจะเสร็จงานก็ดึกมากแล้วก็เลยตัดใจไปนอนค่ะ แว๊บๆ มาได้แป๊บๆ ..ทุกอย่างคงเข้าสู่ภาวะปกติในเร็ววัน ..ต้องมีเวลาเล่นบ้างสิ ใช่ป่ะคะ


ทำงานอย่างมีความสุข ธรรมสวัสดี อนุโมทนาค่ะ

คุณพ่อคุณแม่น่ารักจัง


โดย: ป่ามืด วันที่: 11 ตุลาคม 2548 เวลา:12:27:18 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ZAZaSassY
Location :
สมุทรปราการ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]























Friends' blogs
[Add ZAZaSassY's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.