รู้จัก "ยีนเห็นแก่ตัว" เพื่ออยู่รอดแบบเกื้อกูลกัน
ศิวพร อ่องศรี
หนังสือ "The Selfish Gene ยีนเห็นแก่ตัว" ผลงานแปล รศ.ดร.เจษฎา เด่นดวงบริพันธ์ อาจารย์ภาควิชาชีววิทยา คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้รับความสนใจอันดับต้นๆ ในบรรดาหนังสือใหม่ของสำนักพิมพ์มติชนในงานสัปดาห์หนังสือฯ เมื่อต้นเดือนนี้
รศ.ดร.เจษฎาเล่าถึงที่มาของชื่อหนังสือเล่มนี้ว่า หนังสือเล่มนี้เป็นหนังสือกึ่งชีววิทยาและเชื่อมโยงไปถึงสังคมศาสตร์ ซึ่งวิวัฒนาการสิ่งมีชีวิตมีการเปลี่ยนแปลงและปรับเปลี่ยน เพื่อให้เข้ากับสิ่งมีชีวิตอื่นๆ มีกระบวนการที่จะต้องต่อสู้แข่งขันกันเพื่อความอยู่รอด การต่อสู้เพื่อความอยู่รอดนั้น เราอาจจะเรียกง่ายๆ ว่า มันเห็นแก่ตัวก็ได้
การที่เรามีชีวิตอยู่ทุกวันนี้ เพราะเราเห็นแก่ตัวก็ได้ สิ่งที่ทำให้เราต้องดิ้นรนเพื่อการอยู่รอดคือตัวยีนของเรานั่นเอง ในหนังสือจะเน้น 2 คำ คือ เห็นแก่ตัว และเห็นแก่ส่วนรวม เห็นแก่ผู้อื่น คือการไม่เห็นแก่ตัวนั่นเอง
"หนังสือเล่มนี้ต้องการสื่อว่า ยีนและพันธุกรรมและสิ่งมีชีวิตเกิดขึ้นมาเป็นพันล้านปี เปลี่ยนแปลงมาเรื่อยๆ และสร้างตัวเองขึ้นมาได้ และมาอยู่ร่วมกัน สิ่งมีชีวิตต่างๆ บนโลกนี้ จุลินทรีย์ สัตว์ พืช และมนุษย์ เราไม่มีบทบาทอะไรเลย เราเป็นเพียงพาหนะของยีนเท่านั้น หน้าที่ของเราคือการนำพายีนของเราจากรุ่นสู่รุ่นถ่ายทอดไปเรื่อยๆ เราตายไปลูกหลานเราอยู่รอดต่อไปเรื่อยๆ แต่สิ่งที่อยู่รอดเป็นอมตะคือยีน เพราะยีนเกิดขึ้นโดยธรรมชาติ ซึ่งจะทำอย่างไรที่จะให้อยู่รอดต่อไปได้" รศ.ดร.เจษฎากล่าว
รศ.ดร.เจษฎากล่าวว่า ดีใจที่ได้มีโอกาสแปลหนังสือเล่มนี้เป็นฉบับภาษาไทย โดยใช้ระยะเวลาในการแปลถึง 2 ปี ซึ่งหนังสือเล่มนี้ผู้เขียนคือ ริชาร์ด ดอว์กินส์ เป็นหนังสือที่ดังที่สุดของเขา โดยหนังสือเล่มนี้เขียนเมื่อ 43 ปีที่แล้ว ตั้งแต่ปี ค.ศ.1972 และได้รับการตีพิมพ์เมื่อ 40 ปีที่แล้วตอนปี ค.ศ.1976
ผลงานนี้สร้างแรงกระเพื่อม สร้างความเปลี่ยนแปลงในวงการวิทยาศาสตร์ครั้งยิ่งใหญ่ของวงการชีววิทยา ความโด่งดังของหนังสือทำให้เกิดการพิมพ์ซ้ำหลายรอบ และมีเนื้อหาที่ทันสมัย หนังสือของเขาได้ส่งผลกระทบต่อสังคมโลกสูงมากในหลายมิติ เ ช่น การเมือง เศรษฐกิจ และวิทยาศาสตร์ หนังสือเล่มนี้จะทำให้เราตอบคำถามได้ว่าเราเกิดมาทำไม ทำอย่างไรจึงจะอยู่รอดต่อไปได้ และการอยู่รอดแบบเห็นแก่ตัวนั้นแท้จริงแล้วเต็มไปด้วยการเกื้อกูลคนอื่น
"หนังสือเล่มนี้แปลเป็นภาษาไทยเป็นครั้งแรกและใช้ระยะเวลา 2 ปีในการแปล เป็นหนังสือที่ขายดีที่สุดและได้รับการแปลหลายภาษาทั่วโลก ภาษาที่ใช้ของริชาร์ด ดอว์กินส์ ผู้เขียนนั้นเป็นภาษาที่สละสลวยเป็นสไตล์แบบโต้แย้ง หนังสือแต่ละเล่มของดอว์กินส์สร้างการเปลี่ยนแปลงในวงการชีววิทยา วิทยาศาสตร์ และสังคมโลกค่อนข้างเยอะ ซึ่งหนังสือเล่มนี้มีผลกระทบต่อสังคมสูงมาก ทั้งด้านวิทยาศาสตร์ ชีววิทยา สังคมศาสตร์ การเมืองการปกครอง และปรัชญา"
ด้าน ดร.นำชัย ชีววิวรรธน์ รองผู้อำนวยการฝ่ายสื่อวิทยาศาสตร์ สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ กล่าวว่า ริชาร์ด ดอว์กินส์ ผู้เขียนหนังสือเล่มนี้มีหลายบทบาทในชีวิต หนึ่งในนั้นคือการทำสารคดีและเป็นที่ปรึกษา ให้กับผู้จัดทำละครโทรทัศน์หลายเรื่อง เขามีเอกลักษณ์ส่วนตัว คือไม่นิยมถกเถียงใครเวลาใครมาวิพากษ์วิจารณ์หนังสือ แต่จะใส่คำอธิบายกับคำถามและข้อวิพากษ์วิจารณ์ต่างๆ ลงในหนังสือเมื่อมีการตีพิมพ์ซ้ำในครั้งถัดไป
กล่าวได้ว่าริชาร์ด ดอว์กินส์ เป็นคนที่มีจุดยืน และมีบุคลิกที่ชัดเจนในการแสดงความคิดเห็นอย่างดุดันและตรงไปตรงมา ซึ่งได้แสดงออกให้เห็นในหนังสือเล่มนี้
หน้า 5 ขอบคุณ ข่าวสดออนไลน์ คุณศิวพร อ่องศรี อาทิตยวารสิริสวัสดิ์ค่ะ
Create Date : 24 เมษายน 2559 |
|
0 comments |
Last Update : 24 เมษายน 2559 11:32:24 น. |
Counter : 2100 Pageviews. |
|
|
|