The One World School House โรงเรียนหลังใหญ่โลกใบเดียวกัน
คอลัมน์ Matichon Book Club โดย สาโรจน์ มณีรัตน์
| ในโลกนี้มีไม่กี่คนที่ทุ่มเท ทุ่มใจอยากผลักดันให้คนด้อยโอกาสมีโอกาสทางการศึกษา ทั้งนั้น เพราะเขามองเห็นว่าการศึกษาเป็นพื้นฐานของชีวิตที่จะไต่ระดับเพดานให้ก้าวสูงขึ้นไปเรื่อย ๆ
เขาคนนั้นคือ "ซาลมาน คาน" ผู้ก่อตั้งคาน อะคาเดมี
ซึ่งเป็นองค์กรไม่แสวงหากำไร ที่มุ่งให้การศึกษาฟรีแก่คนทั่วโลก
เขาเลือกใช้วิธี "สวิสชีส" หมายความเป็นการเรียนแบบแข็งนอกพรุนข้างใน ที่จะต้องลากเอาสิ่งที่อยากเรียนรู้ภายในของเด็กออกมาก่อน แล้วเขาจึงอยากเรียนรู้ในสิ่งต่าง ๆ เหล่านั้น
"ซาลมาน คาน" เขียนหนังสือด้วยชื่อว่า "The One World School House" หรือในชื่อภาษาไทยคือ "โรงเรียนหลังใหญ่โลกใบเดียวกัน" ที่มี "อำนวย พลสุขเจริญ"เป็นผู้แปล
ในหนังสือเล่มนี้จะพบว่าสิ่งที่เขานำเสนอ ไม่เพียงเกี่ยวข้องกับการศึกษาในการนำเทคโนโลยีการเรียนออนไลน์มาผสมอย่างชาญฉลาด หากเขายังให้รายละเอียดเกี่ยวกับโรงเรียนในฝันตามแนวคิดของเขาอย่างชัดเจน
โดยเฉพาะการเรียนแบบรู้จริง การเรียนแบบห้องเรียนกลับทาง ที่ทุกคนสามารถเรียนหนังสือจากมุมไหนของโลกก็ได้
กล่าวกันว่า ด้วยความทุ่มเทต่อเรื่องการศึกษานี่เอง จนทำให้ "ซาลมานคาน" ได้รับการคัดเลือกให้เป็นนักการศึกษา 1 ใน 100 คนที่ทรงอิทธิพลที่สุดของโลกในปี 2012 จากนิตยสารไทม์
ทั้ง ๆ ที่เขาไม่ได้เรียนทางด้านการศึกษาที่ไหนมาก่อน
น่าสนใจไหมล่ะครับ
ถ้าน่าสนใจต้องลองไปหาซื้ออ่านแล้วละครับ รับรองไม่ผิดหวังจริง ๆ เรื่องย่อ กว่าจะเติบโตเป็น "Khan Academy" อย่างที่รู้จักกันในปัจจุบันนี้ สื่อการสอนออนไลน์ระดับโลกเจ้านี้ถือกำเนิดขึ้นมาจากคลิปวิดีโอง่ายๆ และแนวคิดอันทรงพลังของชายคนหนึ่งซึ่งไม่ใช่นักการศึกษาหรือนักวิชาการใหญ่มาจากไหนเลย Salman Khan รู้สึกว่าการศึกษาที่เราไว้วางใจกำลังพ่นพิษใส่ผู้เรียนโดยไม่รู้ตัว การศึกษาในระบบที่มุ่งให้ผู้เรียนทุกคนข้ามผ่านระดับความรู้หนึ่งไปพร้อมๆ กันคือการละเลยคุณสมบัติธรรมชาติของมนุษย์ไปอย่างใหญ่หลวง เพราะผู้เรียนแต่ละคนต่างมีพื้นเพต่างกัน มีความสามารถในการรับรู้หรือเข้าใจข้อมูลต่างกัน ทว่าการศึกษากลับตีกรอบผู้เรียนที่มีความหลากหลายให้กลายเป็นนักเรียนสำเร็จรูปเหมือนๆ กัน ที่ไร้ซึ่งความโดดเด่นเฉพาะตัว ฉะนั้นแล้ว จะดีกว่าหรือไม่ ถ้าห้องเรียนจะทำหน้าที่เป็นศูนย์กลางการค้นคว้าบทเรียนที่ผู้เรียนและผู้สอนมีปฏิสัมพันธ์กัน บทบาทระหว่างผู้เรียนด้วยกันอยู่ที่การถกเถียงและอภิปราย อุดช่องโหว่ปัญหาการเรียนช้าเรียนเร็วด้วยการใช้โปรแกรมช่วยสอน และแบบฝึกหัดออนไลน์ให้แต่ละคนได้ทบทวนความเข้าใจในระดับความช้าเร็วของตัวเอง เน้นทำกิจกรรมประยุกต์ใช้ความรู้วิชาการเพื่อให้ผู้เรียนรับมือกับสถานการณ์ในชีวิตจริงได้ และช่วยต่อยอดความสามารถพิเศษในตัวของแต่ละคน ผู้เรียนที่ "แตกต่าง" จะไม่โดนตั้งแง่อีกต่อไป และ "การศึกษา" จะไม่ถูกจำกัดอยู่แค่วัยนักเรียน แต่ต่อเนื่องเป็นการศึกษาทุกช่วงวัยตลอดชีวิต ขอบคุณ มติชนออนไลน์ คอลัมน์ Matichon Book Club คุณสาโรจน์ มณีรัตน์
สิริสวัสดิ์จันทรวารค่ะ
Create Date : 23 กุมภาพันธ์ 2558 |
Last Update : 23 กุมภาพันธ์ 2558 10:24:03 น. |
|
0 comments
|
Counter : 1144 Pageviews. |
|
|