The journey is my life

Travel Animal
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 8 คน [?]




เป็นคุณแม่มือใหม่ที่รักการท่องเที่ยวเป็นชีวิตจิตใจ เคยเป็นคนโสดที่รักอิสระและชอบเที่ยว ไปได้ทั้งแบบแบ็คแพ็ค ลุย จนถึงแบบชิลด์ ชิลด์ จิบกาแฟ

แม้ช่วงนี้จะสนใจเรื่องครอบครัวและการเลี้ยงดูลูกเพื่อให้เติบโตเป็นคนดีในอนาคต คุณแม่มือใหม่คนนี้ก็ยังพยายามหาเวลาว่าง ให้ตัวเองสามารถมีกิจกรรมร่วมกับเพื่อนที่มีครอบครัวและเพื่อนสาวโสดอยู่ตลอดเวลา

งานอดิเรก รักการเดินทาง อ่านหนังสือ ดังนั้นไม่ต้องแปลกใจหากบล๊อกนี้จะเน้นเรื่องเที่ยวและเรื่องกิน
New Comments
Group Blog
 
 
มีนาคม 2557
 1
2345678
9101112131415
16171819202122
23242526272829
3031 
 
4 มีนาคม 2557
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add Travel Animal's blog to your web]
Links
 

 
มาราธอน ตลุยยุโรปใต้ (France, Spain and Greece) # ตอนที่ 1 เส้นทางสู่ Basque Country วันที่สาม

วันที่สาม (2 Jun 08)

วันนี้ คุณ Herve ต้องไปประชุม เราก็เลยใช้เวลาว่างไปเดินเล่น รอบ ๆ โรงแรมอีกครั้ง เพราะเมื่อวานยังเดินไม่จุใจ แถมอากาศเมื่อวานก็ไม่ค่อยดีเพราะฝนตกเกือบจะตลอดวัน ผิดกับวันนั้นที่อากาศสดใส

เรานัดเจอกับ คุณ Herve ที่ โรงแรมตอนบ่ายโมงครึ่ง หลังจากที่เราเช็คเอ้าท์ออกจากโรงแรมและฝากกระเป๋าสัมภาระต่าง ๆ ไว้กับเจ้าหน้าที่รีเซฟชั่น เราก็ประเดิม มิสชั่นแรกด้วยการหาซื้อของฝากให้กับครอบครัวของคุณ Herve ซึ่งคนยุโรปส่วนมากเค้าจะชอบซื้ออาหารพื้นเมืองฝากกัน เวลาที่ไปต่างเมือง หรือไปต่างประเทศ เราก็เลยตั้งใจว่าจะซื้อ ham cheese และ chorizo ตั้นตำรับไปฝาก ไม่รอช้ามุ่งหน้าไปยังร้านที่เราหมายตาไว้ตั้งแต่เมือวาน

พอเข้าไปในร้านก็ต้องตกตะลึง และละลานตาไปด้วย Ham Chesse Chorizo และผลิตภัณฑ์ที่ทำจากหมู ดูแล้วเลือกไม่ถูก แถมมีแต่คนมุงที่เคาน์เตอร์ เราจะทำยังไงดีหละ

มองไปมองมา เจอคุณยายท่าทางใจดี ไม่รอช้า รีบส่งภาษาสเปนที่ยังพอจำได้บ้าง ถามแกไป แกก็ใจดีจัดการกดบัตรคิวให้เราเรียบร้อย ไหนไหนก็ไหนไหน เราก็เลยขอความรู้จากยายไปเลยว่า ซื้ออะไรไปฝากคนที่บ้านดี แกหันกลับมามอง แถมถามว่า คนเอเซียเค้ากิน แฮมกันด้วยเหรอ คนเวียดนามที่มาเป็นคนใช้บ้านแกนะ ไม่ยอมแตะเลย เราก็เลยต้องอธิบายว่า หนูเอาไปฝากพ่อแม่แฟนที่ฝรั่งเศสค่ะ เท่านั้นแหละคุณยายจัดการอธิบาย แถมเลือกชี้ให้เสร็จสรรพ แถมมีการถามเพื่อให้แน่ใจว่าเราจำได้จริง ๆ ว่าต้องซื้อชิ้นไหน แถมคุณยายยังฝากฝังเรากับคุณพี่คนขายให้ช่วยดูแล

คุณยาย "นี่พ่อหนุ่ม ช่วยเทคแคร์หนูคนเอเซียด้วยนะ แกจะซื้อของไปฝากคนที่บ้าน อย่าให้มีปัญหานะ"

คุณพี่คนขาย "แน่นอนคุณผู้หญิง เพราะน้องสาวนะเค้าเป็นผู้หญิง เราดูแลดีแน่นอน ถ้าเป็นผู้ชายอย่างสองคนเนี่ย (หันไปทางนักท่องเที่ยวชาวอิตาลี) ก็ไม่แน่ อาจจะไม่ขายให้"

Travel Animal " Gracias hermanito" ขอบคุณค่ะพี่ชาย (พร้อมยิ้มหวานแบบสาวไทย)

เล่นเอาคนที่มาต่อคิวซื้อของฮากันไปตาม ๆ กัน อะไหน ไหน ก็ไหน โชว์ความหล่อและเท่ห์ของคุณพี่คนขายแฮมซะหน่อย

หลังจากได้ของฝากเป็น Ham 1 kg., Cheese 1 kg. และ chorizo อีก 3 ขีด เราก็ไปเดินเล่นบนถนน Mayor

ในรูปเป็นรถที่มีไว้บริการนักท่องเที่ยว รถนี้จะไปรอบ ๆ เมืองเก่า เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับคนที่ไม่อยากเสียเหงื่อ บนรถมีไกด์บรรยายด้วย

ตามถนนที่มีร้านขายของที่ระลึกตั้งอยู่ ซึ่งมีของให้นกท่องเที่ยวเลือกซื้อมากมายหลากหลาย ตั้งแต่ของชิ้นเล็ก ๆ เช่น พวงกุญแจ ไปจนถึงชุดประจำชาติแบบสเปน เราได้ตุ๊กตาระบำสเปนมาฝากแม่ และของฝากเพื่อนอีกสองสามชิ้น

ของที่ระลึกนั้น เหมือน ๆ กัน เกือบทุกร้าน แต่ที่ต่างกันก็คือราคา ถ้าเพื่อน ๆ ไปเดินก็ลองเปรียบเทียบราคาดู เพราะบางชิ้นก็ราคาต่างกันเป็น 10 ยูโรเลย แนะนำว่าให้ลองซื้อตามร้านเล็ก ๆ รอบ ๆ Plaza De Dos De Mayor ราคาจะย่อมเยากว่าร้านใหญ่ ๆ

บริเวณ Plaza De Dos De Mayor ในวันที่อากาศดี คนก็ออกมานนั่งเล่นกัน ส่วนใหญ่เป็นนักท่องเที่ยว เพราะวันนี้เป็นวันจันทร์ซึ่งคนพื้นที่เค้าต้องไปทำงาน

หลังจากที่เราเดินเล่นจนถึงเวลานัด เราก็มาเจอคุณ H เพื่อที่เราจะได้เดินทางไปสนามบิน จุดหมายของเราก็คือเมือง Toulosse ซึ่งเป็นเมืองทางใต้ของฝรั่งเศส โดยจากเมืองนี้เราคาดว่าจะสามารถหารถไฟเพื่อต่อไปยังเมือง bayonne

การเดินทางคราวนี้ก็คือ Easy Jet อีกเช่นเคย ค่าตั๋วประมาณคนละ 35 ยูโร ซึ่งถูกกว่าการนั่งรถไฟมาก เราไปถึงก่อนเวลาบินประมาณ 4 ชั่วโมง แต่เรารอต่อคิวเพื่อเช็คอิน เป็นเวลา 2 ชั่วโมง (อย่างที่บอก Easy Jet ให้บริการช้า ผู้โดยสารทุกคนบ่น แต่ทุกคนก็ยอมรับว่าเป็นสายบินราคาถูก)

เมือง Toulousse เป็นเมืองใหญ่ น่าจะอันดับหกของฝรั่งเศส เป็นเมืองที่เป็นที่ตั้งของบริษัทเครื่องบินที่เรารู้จักกันดีก็คือ Air Bus คุณ Herve แม้จะเป็นฝรั่งเศส แต่ก็ไม่เคยมาที่ Toulousse เลย ดังนั้นเราเลยต้องหาข้อมูลเกี่ยวกับเมืองนี้ ซึ่งมีเขียนไว้ในแมกกาซีนบนเครื่องของ easy Jet

เรามาถึงเมือง Toulousse ช้ากว่ากำหนดเดิม 45 นาที เมื่อเราได้รับกระเป๋าแล้ว เราก็เดินออกมาจากอาคารผู้โดยสารเพื่อต่อรถเข้าไปในเมือง ค่ารถคนละ 6.5 ยูโร

ตอนนั้นเป็นเวลาสองทุ่มครึ่งแล้ว แต่ยังไม่มืด (ช่วงนี้ที่ฝรั่งเศส พระอาทิตย์ตกตอนประมาณสี่ทุ่ม) เราก็เลยได้เห็นวิวสองข้างทาง ซึ่งสวยมาก มีตึกโบราณที่เค้าเอามาดัดแปลงเป็นร้านค้าสมัยใหม่ เนี่ยถ้าไม่ติดว่าเหนื่อยและอยากไปถึง bayonne เร็ว ๆ เราอาจจะพักที่นี่หนึ่งคืน แต่เราก็เกือบจะต้องค้างที่ Toulousse จริง ๆ เพราะเนื่องจากไม่มีรถไฟไป bayonne แล้ว คุณ Herve สอบถามก็ทราบว่าไม่มีรถไฟตรงจาก Toulousse ไปที่ bayonne (ซึ่งจริงๆ ถ้าขับรถก็ใช้เวลาแค่ สามชั่วโมงเอง) ถ้าจะนั่งรถไฟต้องไปต่อที่ Bordeaux ซึ่งใช้เวลาเดินทางทั้งสิ้นประมาณ 6 ชั่วโมง เราก็เริ่มหงุดหงิด อะไรฟะ ทำไมไม่เห็นเหมือนเยอรมนีเลย ไปเมื่อไหร่ก็ได้ แถมรถไฟก็มีจนดึกดื่น เที่ยงคืน ไม่เห็นจะเหมือนที่นี่ แถม TGV ก็ไม่สามารถจองทางอินเตอร์เน็ทได้ ซึ่งต่างจากรถไฟของเยอรมันที่ใคร ๆ ก็ซื้อตั๋วทางอินเตอร์เน็ทได้เลย (มิน่า ตอนที่พยายามจองจากเมืองไทย เราถึงจองไม่ได้ ตอนนั้นก็นึกว่าคอมพ์ หรือ link มันมีปัญหา เพิ่งถึงบ้างอ้อ ว่าคุณพี่เค้า Low Tech)

คุณ Herve ได้ข้อมูลมาก็เริ่มหน้าเสีย เพราะอาเฮียแกมั่นใจว่ามีรถไฟชัวร์ (นี่หละน้า บอกให้เช็ค ให้เช็คตอนอยู่เมืองไทย ไม่ยอมทำ) ไม่เป็นไร ไหน ๆ แล้ว ไปเช่ารถขับกลับบ้านดีกว่า พอเดินไปที่เคาน์เตอร์ hertz ซึ่งเป็นออฟฟิศเดียวที่ยังเปิดอยู่ตอนเวลา 20.45 น. เจ้าหน้าที่ฝรั่งเศสก็มองมาพร้อมบอกว่า ปิดแล้ว อะไรฟะ เขียนหน้าออฟฟิศว่าเปิดถึง 21.30 น. ไหงมาปิดซะงั้น เราไม่ยอมไปโวยวาย (ทั้งที่ฟังภาษาฝรั่งเศสไม่ออกซักคำ) สุดท้ายได้ความว่า ไม่มีรถเหลือแล้ว เจ้าหน้าที่ดั้นมีหน้ามาบอกให้หารถกลับไปแอร์พอร์ตเพื่อจะได้ไปเช่ารถที่นั่น เราก็มองด้วยสายตาพิฆาตกลับไป อะไรฟะ คนเพิ่งมาจากแอร์พอร์ต จะให้วนไปอีกเนี่ยนะ คิดได้ไงเนี่ย

มองหน้า คุณ Herve เอาไงดี คุณ Herve โทร กลับบ้าน ให้คุณแม่ช่วยเช็ค ก็เลยรู้ว่ามีรถไฟไป Bordeaux เที่ยวสุดท้ายตอน 21.40 น. เราทั้งคู่ไม่รอช้า กลับไปที่ห้องขายตั๋วอีกที แต่เจ้าหน้าไม่ยอมขายให้ และบอกว่าไม่มีรถไฟแล้ว ให้เรารอพรุ่งนี้เช้า แต่คุณ Herve ก็ดันทุรัง จนกระทั่งเจ้าหน้าที่บอกว่ามีเที่ยวสุดท้ายอีก 15 นาที แต่พวกยูนะไปขึ้นรถไฟไม่ทันหรอกเลยไม่อยากขายให้ (แนะ คิดเอาเองอีกแล้ว ไม่ถามเราซักคำ ว่าได้ไม่ได้) สุดท้ายเจ้าหน้าที่ยอมขายตั๋วให้ ค่าตั๋วรถไฟคนละ 37 ยูโร เป็นรถไฟชั้นสอง

เราไปถึง Bordeaux ก็เกือบตีหนึ่ง น้องสาวของคุณ Herve ที่ทำงานอยู่ที่นี่มารอรับอยู่แล้ว เราก็เลยมุ่งหน้าไปที่ Bordeaux ทันที เนี่ยเป็นครั้งที่สองของทริปที่เราเดินทางกันข้ามเมือง ข้ามประเทศจนแทบไม่ได้พักเลย


Create Date : 04 มีนาคม 2557
Last Update : 4 มีนาคม 2557 14:36:55 น. 0 comments
Counter : 845 Pageviews.

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 
 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.