Bloggang.com : Travel Animal :

พาเพื่อนไปลุยญี่ปุ่น ประเทศที่เที่ยวกี่ครั้งก็ไม่เบื่อ ตอน 1 ประเดิมเส้นทางด้วยปราสาทฮิเมจิ

ทริปนี้เกิดขึ้นเนื่องจาก เพื่อนสมัยมัธยมคนหนึ่งที่บังเอิญมาเจอกันอีกครั้งในบีพี อยากไปเที่ยวญี่ปุ่น แต่ไม่อยากโดนหลอกซ้ำแล้วซ้ำเล่าเหมือนตอนทริปยุโรป เพื่อนจึงมาชวนเราไปเที่ยวญี่ปุ่นด้วยกัน แรกสุดจะไปกันแค่ 2 สาว แต่ไปๆมาๆ ก็มีคนมาขอตามทริป สรุปทริปนี้ก็เลยไปกันสี่คน เป็นหญิงสาม ชายหนึ่ง (สาว ๆ ดีใจ มีหนุ่มมาช่วยถือของ)

เดินทางตั้งแต่คืนวันที่ 18 พฤศจิกายน และเดินทางกลับถึงเมืองไทยวันที่ 27 พศจิกายน ค่ะ โดยคราวนี้คณะเราจะไปเที่ยว ฮิเมจิ โอซาก้า เกียวโต คาวากุจิโกะ และปิดท้ายที่โตเกียว

นัดเจอกันคืนวันที่ 18 พย. ไม่มีอะไรมากค่ะ เช็คอิน เดินซื้อของ แล้วก็ไปรอขึ้นเครื่องที่เกท คราวนี้เราเดินทางโดย JAL เพราะว่าแลกไมล์มาและเพราะใช้ไมล์น้อยมากแค่ 35,000 ไมล์ นอกจากนี้ค่าภาษีสนามบินก็ถูกกว่า TG ประมาณแค่หนึ่งในสามเองค่ะ (ตอนนั้นเราจ่ายค่า TAX ให้กับ EK เป็นเงิน 1650 บาท - แลกตอนเดือนมิถุนายน)

เราเดินทางมาถึงสนามบินคันไซ พอออกมาแล้วเราก็ไปติดต่อที่ Tourist Information Counter เพื่อสอบถามเรื่องตั๋ว และ Pass ต่าง ๆ ที่อาจจะต้องใช้ พอซื้อตั๋วแล้วเราก็เดินทางมุ่งหน้าไป Osaka เพื่อเอากระเป๋าไปเก็บที่ Kinki Hotel ซึ่งอยู่ใกล้กับสถานีรถไฟ Osaka ค่ะ ระหว่างรอรถไฟเจอนักท่องเที่ยวชาวสิงคโปร์ แต่เค้าจะเที่ยแค่โอซาก้ากับเกียวโตเท่านั้น

วันที่ 19 พฤศจิกายน

ก่อนเดินทางเพื่อนเป้ ให้เป้เป็นคนคิดแผนการเที่ยวค่ะ แต่เป้ปฏิเสธไปแล้วให้เพื่อนเขียนเอง เพราะว่าอยากจะให้เค้าได้เที่ยวในสิ่งที่เค้าสนใจมากที่สุด ซึ่งไม่ผิดหวัง (คงเพราะเพื่อนเป้เป็นพวกชอบวางแผนอยู่แล้ว) แผนที่เพื่อนคิดมาดีมากค่ะและเพื่อนเป้ก็หาข้อมูลส่วนใหญ่จากในพันทิพเนี่ยแหละ ไม่ว่าจะเป็นคุณ Skybox คุณติวเตอร์ตู่ แล้วพวกเราก็จะมาคุยกันอีกทีระหว่างเดินทางว่าจะมีการปรับแผนอะไรไหม

อย่างวันแรกนี้ก็เช่นกัน แรกสุดเราวางแผนกันว่าจะเที่ยวในโอซาก้า แต่เนื่องจากเราไปถึงคันไซเร็วและเช็คพยากรณ์อากาศมาแล้วว่าวันนี้อากาศดี ในขณะที่วันรุ่งขึ้นอาจมีฝน พวกเราก็เลยเปลี่ยนแผนไปฮิเมจิแทน ซึ่งก็เป็นการดี เพราะเราสามารถซื้อ One Day Pass ของ JR East ได้ในราคา 2000 เยนค่ะ แล้วเราก็เดินทางโดย Pass นี้ทั้งวัน

พอเรามาถึงสถานีโอซาก้าเราก็ปฎิบัติการหาโรงแรมกันเลยค่ะ โดยที่เราไปถามทางกับนายสถานีซึ่งอาศัยความรู้ญี่ปุ่นเท่าหางอึ่งคลำทางไปได้จนถึงโรงแรม ทิ้งข้าวของสัมภาระฝากไว้แล้วเราก็ออกเดินทางไปฮิเมจิ

จากสถานีโอซาก้า เราก็นั่งรถไฟ JR special Rapid ต่อเดียวประมาณหนึ่งชั่วโมงก็ถึง Himeji จากสถานีเราสามารถนั่งรถเมล์ รถแท็กซี่ หรือเดินไปยังปราสาทฮิเมจิได้ค่ะ และเนื่องจากเป็นการไปครั้งแรกของเพื่อน ๆ ทั้งสามและเพื่อประหยัดเงิน เราก็เดินกันไปเรื่อย ๆ แล้วกันเนอะ

ข้อเสียของการเดินเที่ยวตามเมืองต่าง ๆ ในญี่ปุ่นเนี่ย ก็คือเราต้องยับยั้งชั่งใจเพราะระหว่างทางมีของล่อใจตลอด พร้อมที่จะให้สาว ๆ shopaholics อย่างเราแตกแถวจากเส้นทางได้ทุกเมื่อ

เราจะไปแวะกินอาหารเที่ยงกันก่อน เพราะกองทัพต้องเดินด้วยท้อง

กินข้าวเที่ยงแล้วก็เดินถ่ายรูปกันไปเรื่อย ๆ ชิว ๆ

จนมาถึงหน้าปราสาท

ถ่ายรูปกันข้างหน้าพอหอมปากหอมคอ เราก็เข้าไปภายในตัวปราสาทค่ะ วันนี้อากาศดีจังเลย ระหว่างที่เราถ่ายรูปกันอยู่ก็มีเจ้าหน้าที่เค้ามาขอให้ทำแบบสอบถามพร้อมกับให้ Postcard ของปราสาท Himeji มาเป็นที่ระลึกค่ะ

ตั๋วพร้อม คนพร้อม ไปเดินเล่นข้างในกันดีกว่า

ปราสาทฮิเมจิเป็น Castle Complex ที่ค่อนข้างใหญ่ ประกอบด้วยอาคารสิ่งปลูกสร้างใหญ่น้อย 83 อาคาร เป็นหนึ่งในปราสาทที่มีความสำคัญของญี่ปุ่น (อีกสองแห่งคือปราสาทนาโงย่าและปราสาทคุมาโมโต้)

แม้ว่าจะมีการวางแผนสร้างปราสาทฮิเมจิตั้งแต่ปี 1331 แต่มีการสร้างจริงเมื่อ 1346 โดยสมัยก่อนปราสาทนี้ถูกเรียกว่า HIMEYAMA CASTLE

การสร้างปราสาทฮิเมจิ มีการสร้างและเปลี่ยนมือคนดูแลมาเรื่อย ๆ จนกระทั่งถึงปี 1609 การสร้างทั้งหมดก็เสร็จสิ้นลงเป็นปราสาทฮิเมจิที่สมบูรณ์ในปัจจุบัน

**** หมายเหตุ จะมีการบูรณะซ่อมแซมปราสาทตั้งแต่ 12 เมษายน 2010 โดยกำหนดเสร็จประมาณปี 2014 ดังนั้นนักท่องเที่ยวอาจจะไม่สามารถเยี่ยมชมปราสาทนี้ได้เกือบห้าปี

ใครสนใจประวัติศาสตร์เพิ่มเติมก็ไปหาได้ที่น้องวิกกี้นะคะ ส่วนกระทู้นี้ก็เน้นความบันเทิงแล้วกัน สาระพอหอมปากหอมคอ

เดินเที่ยวเดินถ่ายรูปจนเพลิน

เดินไปเรื่อย ๆ อากาศเย็นกำลังดี

เดินเที่ยวกันต่อไป

ไหน ๆ เป็นศิษย์บีพี ไปไหน ๆ ก็ไปกระโดดกันดีกว่า ตอนที่กระโดดนะคะ แรก ๆ ก็อายแต่ลูกบ้ามากพอ แถมไปกับเพื่อน ๆ กันเองก็ขำขำ สุดท้ายพอเราถ่ายรูปกระโดดเสร็จนะคะ มีกรุ๊ปคนญี่ปุ่นกระโดดตามด้วยอะ (ฮิฮิฮิ)

ถ่ายรูปส่งกลับมาให้แฟนที่เมืองไทยดู (ให้อิจฉาเล่น - ชวนมาด้วยกันแล้วไม่ยอมมา)

เสื้อเกราะของทหารสมัยก่อน

วิวจากห้องที่อยู่สูงสุดของตัวปราสาท มองเห็นถนนข้างลางชัดเจน (อย่างนี้สมัยก่อน ข้าศึกคงบุกลำบาก เพราะถูกมองเห็นแต่ไกล)

โอมเพี้ยง ขอให้ลูกได้กลับมาประเทศญี่ปุ่นอีกครั้งด้วยเถิด เจ้าประคู้น........

ต้นส้มตรงทางเดินในปราสาท

เดินเที่ยวในปราสาทจนเย็น

หลังจากนั้นพวกเราก็เดินกลับมาที่สถานีรถไฟเพื่อให้ทันรถไฟ เพราะเป้มีนัดกับ Host sister คนสวยที่จะพาพวกเราไปกินอาหารประจำถิ่นของเมืองโอซาก้ากันค่ะ

บรรยากาศถนนหน้าสถานีรถไฟฮิเมจิยามเย็น

พอมาถึงสถานีรถไฟโอซา้ก้า mayumi san มายืนรออยู่แล้วตรงทางออกค่ะ เป้ก็แนะนำเพื่อน ๆ ให้ mayumi san รู้จัก Mayumi San พาไปกิน okonomiyaki แถว ๆ สถานี (ซึ่งเป็นตึกที่ขายอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ติดกับสถานีโอซาก้า - ชื่อจำไม่ได้แ้ล้วว่าคือตึกอะไร เพราะสมองปลาทองความจำสั้น)

หน้าตาร้านดูเข้าทีดีค่ะ

เข้านั่งประจำที่

มี chef ส่วนตัวมาทำอาหารให้กิน เป็น Okonomiyaki กับ พวก พิซซ่าญี่ปุ่น อาหารก็ดูน่ากิน

หิวแล้ว เมื่อไหรจะเสร็จอะ

พร้อมเสิร์ฟแล้วค่ะ

ยากิโซบะ น่ากินมว๊ากกกกกกกกกก

กินข้าวเสร็จแล้ว Mayumi พาเดินไปอีกตึกนึงเพือดูวิวโอซาก้ายามค่ำ คนญี่ปุ่นเนี่ยท่าทางจะชอบ Bird Eyes View เพราะใคร ๆ ก็พาเราขึ้นตึกไปดูวิวทั้งนั้น (ไม่ว่าจะเป็นเพื่อนที่โกเบ โยโกฮามา โตเกียว)

จบวันนี้ด้วยรูปหมู่สาว ๆ ที่ถนนทางเดินกลับโรงแรม

Create Date : 15 มีนาคม 2557

1 comments

Last Update : 15 มีนาคม 2557 18:29:39 น.

Counter : 1193 Pageviews.

อิจฉาาาาาาาาาาาาาคนไปญี่ปุ่น

โดย: Close To Heaven 17 มีนาคม 2557 16:07:41 น.