วันที่ 5 เที่ยว UNIVERSAL STUDIO เช้าจรดค่ำ แวะกินข้าวเย็น Dotonbori






เช้าวันนี้เราตื่นเช้ากว่าที่ตั้งใจไว้เล็กน้อย เพราะรู้สึกปวดท้องอยากเข้าห้องน้ำแต่เช้า เนื้อที่กินไปเมื่อวานยังอยู่ในท้องเราไม่ถึง 24 ชั่วโมงก็ออกจากท้องเราไปในคราวเดียว นึกแล้วเสียดาย 555 ไหนๆตื่นแล้วก็รีบอาบน้ำแต่งตัว เพื่อเตรียมตัวจะไป USJ กัน ที่เราต้องไปแต่เช้าเพราะว่าเราจะต้องไปต่อคิวซื้อตั๋วเข้า  USJ ค่ะ เพราะต้องการใช้โปรให้ลูกชาย 4 ขวบเราเข้าฟรี พร้อมได้ส่วนลดสำหรับผู้ติดตามอีกคนละ 500 เยน พอถึงเวลาก็รีบออกจากที่พักเพื่อไปขึ้นรถไฟกันค่ะ 

แผนวันนี้เป็นการวางแผนที่ง่ายที่สุด เพราะแค่วางแผนต่อรถเดินทางไป  USJ แล้วก็ แผนต่อรถกลับเข้าที่พักเลย แผนคร่าวๆก็ตามนี้ค่ะ แต่ถึงเวลาจริงก็ไม่ได้ตามนี้เป๊ะค่ะ เพราะต้องเสียเวลายืนซื้อตั๋วรถ  JR รายเที่ยวให้ลูกสาว พร้อมทั้งเสียเวลาเดินต่อรถ ทำให้พลาดขบวนที่ต้องการไป วันนี้โชคดี เจอผู้หญิงญี่ปุ่นใจดี เห็นเรากับสามียืนชี้ๆ ตารางแผนที่กันอยู่ เค้าก็เข้ามาถามว่าให้ช่วยอะไรไหม พอเราบอกจะไป USJ เค้าก็บอกให้ตามเค้ามา เราไปทางเดียวกัน โชคดีได้ขึ้นขบวนรถ Harry  Potter ซะด้วย





ใช้เวลาไม่นานก็ถึงสถานี UNIVERSALCITY ค่ะ คนเยอะมากๆๆ เห็นแล้วตื่นเต้น แต่ล่ะคนก็ต่างรีบเดินกัน เพื่อไปยืนต่อแถวหน้าประตู ระหว่างเดินเราก็ค่อนข้างกังวล กลัวแถวคิวซื้อตั๋วเข้าจะยาว และจะรอกันนาน แต่ผิดคาดค่ะ โดยมากคนที่มาจะซื้อตั๋วล่วงหน้ากันมาแล้ว แถวรอซื้อตั๋วเลยไม่ยาวนัก แต่เราก็ยืนรอพักใหญ่ๆ เพราะเค้าเปิดขายตามเวลาเป๊ะๆค่ะ

ด้วยความที่เราต้องใช้โปรโมชั่นครบรอบ 4 ขวบของลูกชายเรา เราเลยต้องเตรียมเอกสารในการซื้อตั๋วเยอะนิดนึงค่ะ โดยปรินท์เอกสารโปรโมชั่นที่ลูกเราได้รับจากการสมัคร Club USJ ของเค้า พร้อมทั้งพาสปอร์ตเพื่อยืนยันว่าลูกเราเกิดเดือนนั้น และมีอายุครบ 4 ขวบจริงๆ โดยเราแจ้งเค้าว่า เราจะซื้อตั๋ว ผู้ใหญ่ 2 เด็ก 2 คน คนนึงคือครบ 4 ขวบ ตามนี้ เค้าก็คิดเงินเรา แค่ ผญ.2 ด. 1 พร้อมรับส่วนลด 500 เยน ต่อตั๋ว 1 ใบ เมื่อเราจ่ายเงินแล้วเค้าก็ยื่นตั๋วมาให้ 4 ใบ ผญ.2 ด.2 และสติกเกอร์ Happy Birthday มาติดที่หน้าอกเสื้อลูกเราค่ะ (ข้อดีของสติกเกอร์อันนี้คือ พนักงานในนั้นทุกคน เมื่อเห็นสติกเกอร์นี้ จะยื่นมือ 2 มือ มาตบกับ 2 มือ ลูกเรา แล้วพูดคำว่า Happy Birthday ด้วยหน้าที่เป็นมิตรมากค่ะ) วันนี้ลูกชายเราเลยแลดูเป็นคนสำคัญมาก 555 



เมื่อเราซื้อตั๋วเสร็จเราก็มายืนต่อแถวเข้าค่ะ อันนี้ล่ะค่ะ แถวยาวของจริง คนยืนกันให้เต็มไปหมด แถมแดดก็ร้อนมากๆค่ะ ยืนกันกลางแดดเลย เพื่อรอเวลาประตูเปิดซึ่งเค้าก็เปิดตรงเวลาจริงๆค่ะ โชคดีเราซื้อ Express pass 4 ไว้ และจองเวลาเข้าโซน Harry Potter ไว้แน่นอนแล้ว เลยยืนรอแบบสบายใจ ไม่ต้องร้อนรนมากนัก 

Express pass อันนี้เราซื้อตั้งแต่จากไทยค่ะ แล้วก็แคปรูปเก็บไว้ในมือถือ ถึงเวลาใช้ก็ยื่นให้เค้าสแกนเท่านั้นค่ะ 3 คนก็ 3 ใบ ราคาเท่ากันไม่มีราคาเด็กหรือผู้ใหญ่นะคะ





พอถึงเวลาประตูเปิดปุ๊บ คนที่เข้าแถวอยู่ก็วิ่งกรูกันเข้าไปจริงๆค่ะ เข้าใจว่าน่าจะรีบวิ่งไปต่อเครื่องเล่นให้เร็วที่สุดเพื่อทำเวลา มาถึงตรงนี้เราแนะนำนะคะว่าถ้าพาเด็กๆมาเที่ยวด้วย ควรซื้อ Express Pass เป็นอย่างยิ่งค่ะ ช่วยอำนวยความสะดวกสบายให้เราได้เยอะจริงๆ 

พอเข้าไปแล้ว เท่าที่เราสังเกต จะมีหลายๆคนสะพายถังป็อปคอร์น เป็นรูปตัวการ์ตูนต่างๆค่ะ เข้าใจว่าเค้าน่าจะมากันบ่อย ถึงขนาดพกถังป็อปคอร์นส่วนตัวมาเติมป็อปคอร์นกันที่นี่ด้วย ลูกเราก็ไม่พลาดค่ะ เดิมทีไม่คิดจะซื้อ เพราะรู้จากน้องสาวที่พึ่งมาก่อนหน้าไม่นานว่ามันราคาแพงพอสมควรตกตัวละเกือบ 2,000 ได้ แม่นี่ปาดเหงื่อค่ะถ้าจะต้องซื้อ ก็ทำเป็นมองไม่เห็นไป แต่เราก็บอกลูกไว้อยู่แล้วว่า มาทริปนี้ แม่จะซื้อของที่อยากได้ให้คนล่ะชิ้น ถ้าอยากได้อะไรให้บอก ลูกชายเราเหมือนเล็งมาจากบ้านแล้วค่ะ พอเห็นคนเค้าสะพายเจ้าถัง minion กัน ก็ชี้บอกเลยหนูจะเอาอันนี้ เลยต้องยอมชื้อให้เค้าจนได้ 




ที่ซื้อให้เพราะเห็นว่ามันน่ารักจริงๆล่ะ เสียดายตอนหลังลูกชายทำหมีหล่นหายซะอย่างนั้น ยังไม่ทันจะได้ไปไหนเลย รู้งี้ถอดเก็บใส่กระเป๋าไว้แต่แรกดีกว่า ระหว่างเดินมา ก็จะมีมุมถ่ายรูปเป็นจุดๆค่ะ ทริปนี้มาเพื่อ Harry และ ให้เด็กๆได้สนุกสนาน เราเลยเดินกันแบบ ชิลล์ๆ ไม่เร่งรีบอะไร รอเวลาเข้าโซน Harry อย่างเดียวเท่านั้น  







เราจองเข้าโซน Harry ไว้ราวๆ 11 โมงกว่าๆ ช่วงเช้าเลยพาเด็กๆเล่นโซนของเด็กก่อนค่ะ เครื่องเล่นเครื่องแรกที่เด็กๆสนใจคือ Snoopy ค่ะ ด้วยความที่เล่นเครื่องแรก เค้าก็จะมีการวัดส่วนสูงเด็กก่อนค่ะ ว่าสูงพอที่จะเล่นได้ไหม โชคดีมากๆที่น้องภูมิเราสูง 98 เล่นได้แบบฉิวเฉียดพอดี พอวัดเสร็จเค้าก็จะ stamp ไว้ที่หลังมือเลยค่ะ เพื่อที่ถ้าจะไปเล่นเครื่องเล่นอื่นที่เค้าจำกัดความสูงขั้นต่ำที่เท่านี้ ก็จะได้เล่นได้เลยไม่ต้องวัดใหม่ แต่ส่วนสูงเท่านี้ จะเล่นต้องมีผู้ใหญ่นั่งด้วยนะคะ ส่วนพี่เพลงก็โชคดีอีกเหมือนกัน สูง 122 ซม. พอดี สามารถนั่งแบบคนเดียวได้ เราเลยรอดตัวไป เพราะเป็นคนไม่ชอบเล่นเครื่องเล่นค่ะ ตั้งใจมาเล่นแค่ เครื่องเล่นเท่าที่มีใน Express pass 4 เท่านั้น (ทำใจมาเล่นแล้ว) กลัวเล่นอันอื่นก่อนแล้วเวียนหัวพาลให้ไม่สนุกไปทั้งวัน 







ต่อด้วยขับรถ sesame street โซนเด็กเล็กค่ะ ที่นี่เค้าแบ่งเป็น 2 ส่วนสำหรับเด็กเล็ก และเด็กโต น้องภูมิขับตลกมากค่ะ ขับไม่ค่อยเป็น แล้วเค้าเหมือนกลัวๆ เจ้าหน้าที่ต้องมาคอยเข็นตลอดเลย แล้วก็ต่อด้วยคัพเค้กค่ะ ก็หมุนวนกันไป 





แม้จะมีเครื่องเล่นมากมาย แต่โซนที่น้องภูมิชอบสุดกลับเป็นโซนเป็ดน้อยเล่นน้ำค่ะ โซนเป็ดเหลืองนี้ เด็กๆชอบกันมากค่ะ มีเด็กมาเล่นกันเต็มเลย ขนาดอากาศเย็นๆ น้ำก็เย็นนะคะ เด็กๆสนุกกันมากหยิบเป็ดวิ่งขึ้นไปชั้นบนแล้วทิ้งเป็ดให้ลอยตามน้ำลงมา แล้วก็ลงไปเก็บใหม่วนไปเรื่อยๆ เล่นหลายรอบจนเสื้อเริ่มจะเปียก เลยต้องบอกให้หยุด แล้วไปเล่นที่อื่นดีกว่า  





มาต่อด้วยสไลเดอร์เอลโม่ พี่เพลงน้องภูมิก็เล่นกันไปหลายรอบเช่นกันค่ะ แล้วก็เจอโซนขับรถเด็กโตไม่ห่างกันนัก น้องเพลงก็เลยได้ไปขับบ้าง 






ปล่อยให้เล่นกันไปซักพักก็ใกล้ถึงเวลาเข้าโซน Harry Potter แล้วค่ะ เลยเรียกไปรอตรงนู่นได้แล้ว พอไปถึงโซน Harry มาถึงก่อนเวลา 15 นาที ก็รีๆรอๆ เอาไงดียังไม่ถึงเวลา แต่มองเข้าไปไม่เห็นมีใครคุมเวลา เลยเดินเข้าไปเลย ก็ไม่เจอเจ้าหน้าที่จริงๆ เลยเข้าใจว่าวันพฤหัส คนคงน้อย เค้าเลยไม่ได้ฟิกซ์เวลาว่าต้องเข้ากี๋โมง ออกกี่โมง 





ระหว่างเดินเข้าไปรู้สึกอินแบบอกไม่ถูก กับบรรยากาศโดยรอบ และเพลงที่เปิด เหมือนเราเดินเข้ามาอยู่ในโลกของพ่อมดจริงๆ ก่อนพามานี่ก็บิวท์น้องเพลงพอสมควรให้ดูหนัง Harry Potter ทุกภาค เพลงก็ชอบดูซ้ำไปซ้ำมา จนน้องเพลงเองก็อินไม่แพ้กัน 2 แม่ลูกเลยตื่นเต้นกันมากเมื่อเดินเข้ามาในโซนนี้ นู่นก็ใช่ นี่ก็ใช่ เหมือนในหนังเลย 




โซนที่ชอบอีกโซนนึงคือห้องน้ำ ที่มีเมอร์เทิลจอมคร่ำครวญ ส่งเสียงประกอบในห้องน้ำตลอดเวลาที่ทำธุระอยู่ในห้องน้ำ ก็ให้อารมณ์ปลื้มปริ่ม เสียดายลืมถ่ายรูปโซนนี้กลับมา

และก็เดินมาถึงโซนปราสาท Hogwarts ด้วยความที่กลัวมึนเร็ว กลัวยาแก้เมาที่กินยังไม่ออกฤทธิ์ดี เลยให้เด็กๆกับป๊าไปเล่น Hippogriff กันก่อน ส่วนตัวเราก็มานั่งรออีกด้านรอถ่ายรูป ขำเด็กๆกรี๊ดกันดังมาก นั่งซะหน้าสุดเลย ตอนลงมาถามเด็กๆสนุกไหม บอกสนุกกันมากๆ ผิดคาดแฮะ ดูท่าเด็กๆจะชอบเล่นสวนสนุกผิดกับแม่ ที่เล่นทีไรมีอ้วกทุกรอบ แต่รอบนี้เตรียมตัวมาดี เนื่องจากหลายๆคนบอกว่าเครื่องเล่น Harry Potter and the Forbidden Journey โหดมาก เล่นแล้วมีอ้วกแน่ๆ แถมมึนไปทั้งวัน เราเลยเลือกกินยาแก้มึนเมาไว้ก่อนดีกว่า น่าจะดีกว่ารอมึนแล้วค่อยมากิน ประสิทธิภาพต่างกันเยอะ และไม่ลืมที่จะให้เพลงกินไปครึ่งเม็ด 





แถวรอหน้าปราสาทยาวมากๆค่ะ เห็นแล้วนึกในใจ ดีแล้วที่เราซื้อ express pass ไว้ ขนาดวันนี้คนค่อนข้างน้อย (ในความคิดเรา) แต่ก็ต้องรอขั้นต่ำ 90 นาที ++ ค่ะ ขนาดแถว express pass ยังยาวเลยนะคะ แต่ก็ไปได้เรื่อยๆ เมื่อถึงจุดคัดกรอง express pass  เค้าก็จะถามเราว่าจะ Child Switch ไหม เราก็ตอบว่าใช่ เค้าก็จะเขียนใส่กระดาษให้เราถือเข้าไปค่ะ ก็เดินเข้าไปในตัวปราสาทเรื่อยๆ พอถึงห้องที่เค้าจะให้นั่งรอ Child Switch เค้าก็จะถามว่าใครจะเล่นก่อน แฟนให้เราไปกับพี่เพลงก่อน ส่วนเค้าจะนั่งรอกับน้องภูมิในห้องนี้เอง เราก็เดินต่อไป พอเล่นเสร็จเราก็เดินมาที่ห้องที่แฟนเรานั่งรออยู่ แล้วเปลี่ยนกันให้แฟนไปเล่นต่อ โดยแฟนเค้าก็จะเอากระดาษ Child Switch นี้ยื่นให้เจ้าหน้าที่ แล้วเค้าก็จะพาออกไปเล่นต่อเลยโดยไม่ต้องต่อคิวอีก เพราะถือว่าเราต่อมาก่อนแล้ว ซึ่งเราว่าเป็นวิธีที่โอเคเลยค่ะ 

จะบอกว่าเครื่องเล่นนี้สนุกมากนะคะ เล่นแล้วชอบมากๆเลย โชคดีที่กินยา เลยไม่มีอาการมึนหัวอยากอาเจียรเลยแม้แต่น้อย กรี๊ดกันสนุกเลยค่ะกับพี่เพลง  ^_^ ช่วงที่นั่งรอในห้องก็โอเค รอไม่นานจนเกินไป ในห้องมีที่นั่งให้นั่งสบายๆ อากาศเย็นๆ น่านอนมากๆ มีทีวีที่ฉายหนัง Harry Potter เปิดเสียงเบาๆ นั่งแล้วเคลิ้มจะหลับซะให้ได้ ส่วนน้องภูมิก็รอจนหลับไปเลยค่ะ พอคุณแฟนเล่นเสร็จก็เดินมารับแล้วออกไปพร้อมกัน 







หลังจากเล่นเสร็จก็ถึงเวลากินมื้อกลางวันพอดี เลยตัดสินใจแวะกินที่ร้านไม้กวาด 3 อัน คนเยอะพอสมควรค่ะ เพราะเวลาเที่ยงพอดี แต่ก็รอแถวไม่นานนัก บรรยากาศภายในให้อารมณ์ในหนังเลยค่ะ ชอบมากๆ โชคดีได้ที่นั่งโต๊ะหัวมุมพอดี นั่งสบายเลยค่ะ เด็กๆหลับกันไปหมดแล้ว เลยถือโอกาสนั่งกินชิลล์กันไป ไม่รีบเร่ง ระหว่างรอเด็กๆตื่น ได้ดื่ม Butter Beer  สมใจ จากที่ตั้งใจไว้ว่าจะต้องชิมให้ได้อยากรู้ว่ารสชาติเป็นไง แต่พอได้ชิมจริงๆแล้วกลับไม่ชอบ โชคดีสั่งมะนาวโซดามา เลยแก้เลี่ยนได้ ยก Butter beer ทั้งแก้วให้คุณแฟนแทน  

พอกินเสร็จก็ชวนกันออกมาเดินเล่นชมบรรยากาศรอบนอกจนฟินเต็มที่แล้ว ก็ตัดสินใจออกจากโซนนี้ค่ะ พอเดินออกมาจากโซนนี้ เห็นเค้ากำลังเคลียร์ทางกันอยู่ เห็นคนยืนกันริมถนน 2 ข้างทาง เลยนึกได้ว่า เค้ามีเดินขบวนเฉลิมฉลอง ครบ 15 ปี รอบกลางวันด้วย ก่อนจะมาที่นี่ เห็นหลายคนบอกว่าห้ามพลาดขบวนพาเหรดของ USJ นะ ดีมากๆเลย เลยตัดสินใจชวนแฟนยืนดูกัน ต้องขอบคุณคำแนะนำมากๆ ไม่อย่างนั้นเราคงไม่ได้สนใจจะดูแน่ๆค่ะ นึกว่าก็แค่ขบวนเดินโชว์ธรรมดาๆทั่วไป

ยืนรอซักพักใหญ่ รถขบวนพาเหรดก็เริ่มเคลื่อนมา เพลงก็กระหึ่มมาเลยค่ะ เพลงเพราะมากแถมจังหวะก็สนุกมากๆใครได้ยินแล้วไม่รู้สึกสนุกไปด้วยต้องมีปัญหาแน่ๆ 555  เราไม่แปลกใจเลยว่าทำไมใครๆถึงแนะนำให้ยืนดู คนญี่ปุ่นเค้าเต็มที่กับโชว์จริงๆ ไม่ใช่แค่นักแสดงในขบวนพาเหรดของ USJ เท่านั้น นักท่องเที่ยวเองที่เป็นคนญี่ปุ่นนี่ก็จัดเต็มไม่แพ้กันค่ะ เราชอบที่เค้าสามารถดึงคนดูโดยรอบมามีส่วนร่วม เต้นสนุกสนานไปกับเค้าด้วย ไม่ใช่แค่มาเดินโบกไม้โบกมือตามสวนสนุกที่เราเคยเห็นทั่วไป ประมาณว่าใครที่ยืนดู ต้องโยก ต้องเต้น ไปกับเค้าด้วย ใครไม่โยกก็จะบิวท์จนกว่าจะโยกตาม ปรบมือตามไปด้วย เป็นอะไรที่ประทับใจมากๆค่ะ เสียดายเราถ่ายมาไม่เยอะ เพราะมัวแต่สนุกไปกับเค้าด้วย ^_^' หลังจบขบวนพาเหรด กระดาษสีๆที่ร่วมด้วยช่วยกันโปรยเอาไว้เกลื่อนเต็มถนนไปหมด แต่แป๊บเดียวก็ีพนักงานช่วยกันเก้บกวาด มีรถดูดเศษกระดาษขนาดใหญ่เคลื่อนตามมาเก็บด้วย แป๊บเดียว ถนนสะอาดเหมือนเดิมเลยค่ะ นับถือการจัดการของเค้าจริงๆ 






พอจบขบวนพาเหรด ก็เดินไปเล่นของเล่นต่อค่ะ เราเลือกเล่นเฉพาะเครื่องเล่นที่รวมออยู่ใน express Pass เท่านั้น เพราะไม่อยากเสียเวลารอนานค่ะ โซนต่อไปที่เราเข้าคือ Spiderman ค่ะ แถวก็ยาวพอสมควร แต่เรามี express pass แทบไม่ได้ต่อคิวเลยค่ะคิวสั้นมาก แป๊บเดียวก็ได้เล่นแล้ว เราใช้ระบบ Switch Child เหมือนเดิม เครื่องเล่นนี้ก็สนุกค่ะ แต่ถ้าเทียบกับ Harry แล้ว เรากับพี่เพลงสรุปกันได้ว่าชอบ Harry มากกว่า ต่อจาก Spiderman ก็ไป Jurassic Park ค่ะ อันนี้ก็สนุกคล้ายๆล่องแก่งบ้านเรา เราเป้นคนชอบเล่นล่องแก่งค่ะ เป็นเครื่องเล่นเดียวที่เราชอบ จริงๆเราได้รับคำเตือนว่าให้เอาเสื้อกันฝนมาด้วย แต่เราลืมค่ะ เลยช่างมันคงไม่เปียกเท่าไหร่ คิดว่าเหมือนของไทย ปรากฏว่าเราได้นั่งหน้าสุดเลยค่ะ และก็เปียกสุดๆเปียกแบบเหมือนอาบน้ำสระผมมาใหม่เลยค่ะ ตอนที่โดนน้ำสาดหันไปมองหน้านักท่องเที่ยวผู้หญิงข้างๆ ต่างคนต่างขำ เพราะมัันเปียกแบบเปียกมากจริงๆค่ะ ไม่คิดว่าจะเปียกขนาดนี้ ตอนขึ้นฝั่งมาเปลี่ยนกันกับสามี สามีขำก๊าก บอกเหมือนลูกหมาตกน้ำเลย ยังจะขำอีก ไม่เปียกบ้างให้รู้ไป แต่เค้าโชคดีได้นั่งกลางๆ แทบไม่เปียกเลยค่ะ

จากนั้นก็ไปเล่นเครื่องเล่นสุดท้ายของ express pass ค่ะ คือ JAW เครื่องเล่นอันนี้น้องภูมิเล่นได้ค่ะ เลยตั้งใจจะให้น้องภูมินั่งด้วย ตอนแรกเราก็กังวลว่าเค้าจะยอมไหม เพราะเรามี express pass 3 ใบ เราเข้าไปกัน 4 คน ก็ถามเค้า เค้าบอกไม่เป็นไรให้เข้าช่อง express pass ได้เลย โชคดีมากค่ะ เพราะแถวปกติยาวมากๆค่ะ อันนี้เข้าแถวแป๊บเดียวก็ได้เล่นแล้วค่ะ เสียดายลืมถ่ายช่วงที่เล่น JAW เลยได้แต่ถ่ายที่ร้านขายของที่ระลึกแทน   





พอเล่นเสร็จ น้องภูมิเริ่มงอแงค่ะ บอกจะกลับไปเล่นโซนเด็กเหมือนเดิม ก็เลยพากันกลับไปเล่นโซนเด็กต่อค่ะ โซน elmo เป็นโซนน่ารักๆอีกโซนค่ะ ในนี้มีเด็กเล็กเยอะมากๆค่ะ น้องภูมิเล่นได้ทุกอย่างเลย มีล่องแก่งของเด็ก มีคล้ายๆบ้านบอลลูกใหญ่ๆ เด็กๆเล่นกันสนุกค่ะ เลยปล่อยให้เล่นกันพักใหญ่ๆ จนเริ่มค่ำแล้วก็ชวนกันออกไปโซนอื่นค่ะ ก่อนกลับเราแวะโซนคิตตี้ด้วยความอยากรู้ว่าของเล่นเป็นอะไรจะบอกว่า ถ้าเป็นคนชอบคิตตี้มากๆ คงเป็นสวรรค์สำหรับสาวกค่ะ แต่ถ้าสำหรับคนทั่วไปเราว่ามันค่อนข้างกระอักกระอ่วนพิกลค่ะ เหมือนโดนหลอกให้มาถ่ายรูปกับตัวมาสค็อตคิดตี้ แล้วจ่ายค่ารูปแพงๆกลับไป เราเห็นนักท่องเที่ยวหลายคนเลยที่ดูเหวอๆเหมือนเรา ไม่คิดว่าจะหลอกกันได้ 555 ตอนแรกเราไม่คิดจะซื้อเลยค่ะ แอบโมโหรู้สึกเฟลหน่อยๆ แต่แฟนเค้าบอกช่างเถอะ นานๆมาที ซื้อไว้เป็นที่ระลึกค่าโง่ตัวเองละกัน แนะนำว่าถ้าไม่ใช่สาวกคิดตี้ ไม่ต้องเข้าไปให้เสียเวลาค่ะ 

พอเสร็จจากคิดตี้ ก็เดินถ่ายรูปเก็บภาพประทับใจช่วงค่ำคืน แล้วก็กลับค่ะ เด็กๆรวมไปถึงตัวเราประทับใจกับที่นี่มากๆค่ะ เด็กๆถึงขนาดถามว่าเรากลับไปรอบนี้แล้ว เราจะได้มาที่นี่กันอีกเมื่อไหร่ หนูอยากมาที่นี่อีก ได้ยินแล้วรู้สึกดีใจที่ได้พาเด็กๆมาที่นี่ค่ะ กลายเป็นทริปนี้ลูกๆเราประทับใจ USJ มากที่สุดค่ะ เราเองก็เช่นกัน คิดว่าซักวันต้องกลับมาที่นี่อีกแน่ๆค่ะ 







พอออกจาก USJ ก็คุยกันว่าจะไปกินข้าวเย็นที่ไหนกันต่อดี เด็กๆบอกว่าขอกลับไปกินราเม็งเจ้าเมื่อวานได้ไหม อยากกินอีก ไหนๆเด็กๆรีเควสมากขนาดนี้ เลยตัดสินใจไปกินราเม็งเจ้าเดิมกันที่ย่าน Dotonbori รอบนี้คนเยอะพอสมควรเลยค่ะ ระหว่างยืนรอคิว พนักงานก็บอกกับเราว่าสนใจจะไปกินอีกสาขานึงไหม สาขานี้อยู่ไม่ไกลเดินไปอีกนิดก็ถึง ไม่ต้องรอนานเหมือนสาขานี้ พร้อมทั้งโชว์แผนที่ให้เราดู เราก็ลังเล เลยถามว่าแล้วรสชาติมันเหมือนกับที่นี่ไหม มันคือร้านเดียวกันใช่ไหม (กลัวโดนหลอกให้ไปกินร้านอื่นค่ะ) พนักงานเค้าก็บอกแน่นอน ร้านเดียวกันเหมือนกันทุกอย่าง ก็เลยตัดสินใจไปค่ะ ร้านสาขานี้อยู่ไม่ไกลจากสาขาดั้งเดิมเท่าไหร่ค่ะ ดูเหมือนร้านจะใหญ่กว่านิดนึงด้วย มีแถวรอเข้ากินก็พอสมควรแต่รอไม่นานค่ะ เพราะที่นี่ที่นั่งมีเยอะกว่า เลยรอกันไม่นานก็ได้กินแล้วค่ะรสชาติก็เหมือนกันค่ะ ใครสนใจลองแวะกินสาขานี้ดูก็ได้นะคะ  






พอกินเสร็จ ก็เดินแวะดูของ หาของที่เค้าฝากซื้อมาให้ครบ แล้วก็เดินเก็บบรรยากาศยามค่ำคืนส่งท้ายค่ะ วันพรุ่งนี้ก็ต้องกลับแล้ว พอเดินเสร็จก็รีบกลับบ้านไปแพคกระเป๋า แพ็กของฝากเข้ากระเป๋าเดินทางให้หมด จะได้สะดวกในการเดินทาง ของฝากมีไม่เยอะมากเลยเก็บสบายๆ แล้วก็รีบเข้านอนค่ะ วันพรุ่งนี้ต้องรีบตื่นแต่เช้า เพราะเราตัดสินใจจะเอากระเป๋าไปฝากลอกเกอร์ที่สนามบินค่ะ แล้วค่อยนั่งรถไฟไปเที่ยวต่อ ตอนบ่ายค่อยกลับมาเอากระเป๋าแล้วไปเช็กอินค่ะ วิธีนี้เป็นวิธีที่สะดวกสุดแล้ว จะได้ไปเที่ยวกันสบายๆ ไม่ต้องมาพะวงกับกระเป๋า แค่ยอมตื่นเช้าขึ้นกว่าเดิมเท่านั้น (โชคดีด้วยที่เราเลือกพักที่พักที่ไม่ไกลจากสนามบินนัก ทำให้ไม่เสียเวลามากนักในการเดินทาง) 






Create Date : 13 มีนาคม 2560
Last Update : 13 มีนาคม 2560 13:02:03 น.
Counter : 8512 Pageviews.

0 comments
ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
 *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

Trippy
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]



มีนาคม 2560

 
 
 
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
24
25
26
27
28
29
30
31