ออกเดินทางมุ่งสู่โอซาก้า วันแรก


เมื่อใกล้กำหนดถึงวันเดินทาง เราก็เริ่มกังวลนิดๆ เพราะเหตุการณ์ Overbook ของสายการบิน SCOOT ทำพิษ ทำให้เราต้องวางแผนในการเดินทางดีๆ จากที่ตั้งใจจะมาเช็กอินตอน 6 โมงเวลาเคาน์เตอร์เปิด ก็กลายเป็นต้องมารอตั้งแต่ตี 5 (จริงๆเค้าแนะนำให้มารอ ตี 4 แต่เราสงสารลูก ขอช้าลงมานิดละกัน) เราโทรนัดแท็กซี่ให้มารอตอน ตี 4.45 พี่แท็กซี่มาก่อนเวลาเล็กน้อย ดีเลย แล้วเราก็ออกเดินทางกัน 

ถึงสนามบินดอนเมืองราวๆ ตี 5.10 นาทีได้ ก็รีบเอากระเป๋าไป X-ray แล้วก็ไปยืนรอที่หน้าเคาน์เตอร์เช็กอินทันที ตอนไปถึงตกใจเล็กน้อย เพราะมีคนมายืนรอแถวอยู่แล้ว ราวๆ 15 คิวได้ (ผู้ร่วมชะตากรรมเดียวกัน แต่ล่ะคนหน้าง่วงมาก ได้ถามคนยืนข้างเคียงกัน โดยมากก็กลัวจะไม่ได้ไป เลยต้องแหกขี้ตามารอกันแต่เช้า คนข้างหน้าเราเค้ามาจากชลบุรี แทบไม่ต้องนอนเลยทีเดียว 555 ส่วนคนข้างหลังเราเป็นครอบครัวเด็กเล็ก ลูกเค้ายังไม่ขวบ ก็ต้องรีบแห่มาแต่เช้าเหมือนกัน ยืนรอขาแข็งกันไป กว่าเค้าจะเปิดรับเช็กอินก็เกือบ 6 โมงได้ เปิดก่อนเวลาเล็กน้อย เพราะแถวที่มายืนรอยาวมากๆค่ะ แต่คิดว่าได้ไปหมดนะคะ เพราะก่อนถึงวันเดินทาง 1 วัน เราโทรมาเช็กแล้วว่ามี overbook ไหม เค้าบอกไม่มีค่ะ

ตอนเช็กอิน เราพบว่าเราเสียค่าโง่เรื่องแรกคือ เราซื้อน้ำหนักกระเป๋าเยอะเกินความจำเป็นค่ะ ซื้อไป 45 โลเลยทีเดียว เหอๆๆ ทั้งๆที่ น้ำหนักขาไป แค่ 20 นี่ก็เหลือๆแล้วด้วยซ้ำ เต็มที่ควรซื้อแค่ 30 เพราะขาไปไม่ได้พกอะไรมาก ขากลับต่างหากที่ต้องซื้อเยอะ พอเช็กอินเสร็จก็ดำเนินการตามพิธีการของเค้า กว่าจะถึงเวลาเรียกขึ้นเครื่องอีกนาน ก็เลยหาข้าวกิน ช็อปปิ้ง duty free เรื่อยเปื่อย ตัวเล็กของเราตื่นเช้ามาก เลยงีบเอาแรงก่อนขึ้นเครื่อง


ถึงเวลาขึ้นเครื่องเค้าก็เรียกตามคิว เรารอเข้าไปทีหลัง ไม่อยากเบียนเสียดกับใคร ก่อนขึ้นเครื่องก็ฝากรถเข็นโหลดใต้ท้องเครื่องไว้กับพนักงาน เครื่องบินค่อนข้างโอเคนะ ที่นั่งก็พอเหยียดขาได้ไม่รู้สึกคับแคบมากนัก ชอบที่เป็นกระจกปรับแสงได้ด้วย แม้บินกลางวัน แต่ก็ไม่รู้สึกว่าร้อนแสบตาเลย เพราะเค้าจะปรับให้มืด ผู้โดยสารนอนหลับพักผ่อนได้สบาย ถ้าไม่นับเรื่อง overbook ใจเราก็ยังอยากบินกับ SCOOT นะคะ 




นั่งอยู่บนเครื่อง 6 ชั่วโมง ก็นานพอสมควรสำหรับเด็ก เราเลยต้องหาตัวช่วยอย่างไอแพด และหูฟังให้พร้อมเพื่อไม่ให้เค้ารบกวนคนอื่น รวมไปถึงให้ยาแก้เมาเครื่องคนละครึ่งเม็ดด้วย เพราะ ทั้ง 2 คน เคยเมาเครื่องอาเจียนทั้งคู่ค่ะ ผลพลอยได้ของยาแก้เมา คือเด็กก็จะง่วงไปโดยปริยาย 555 ง่วงขนาดไหนดูจากท่านอนลูกชายได้ ยืนหลับกันเลยทีเดียว ^_^"

พอเครื่องลงก็ถึงเวลาเข้าด่านตรวจคนเข้าเมือง ตอนลงมาถึงจุดนี้ ตกใจมากค่ะ คนเยอะมากๆๆๆๆๆๆๆๆ ขดแถวกลับไปกลับมา ประเมินด้วยสายตา น่าจะเป็น 100 คนนะคะ แผนที่วางไว้ว่าจะขึ้นรถตอนไหน เลยต้องเปลี่ยนหมด รอได้ออกเมื่อไหร่ก็เมื่อนั้น ยืนๆรอๆราว 20 นาที เด็กๆเริ่มอยู่ไม่สุข เพราะทำอะไรไม่ได้เลยนอกจากยืนๆหยุดๆในแถวที่เค้ากั้นขดกันอยู่ในนั้น โชคดีที่ไฟลท์นั้นโดยมากจะเป็นครอบครัวที่มีเด็ก ทุกคนเข้าใจกัน เลยบอกว่า ตรงใกล้ๆแถวเจ้าหน้าที่ ตม. จะมีเก้าอี้สำหรับนั่้งรออยู่ ให้เด็กๆไปนั่งเล่นรอกันตรงนั้น โดยให้ผู้ใหญ่เดินตามแถวไปตามปกติ ถึงคิวเมื่อไหร่ ค่อยกลับเข้ามาในแถว ตอนแรกเราจะให้ลูกๆไปนั่งรอกันเอง เพราะเราก็เกรงใจคนอื่นเหมือนกัน แต่ลูกเรางอแงไม่ยอมถ้าจะไปเราต้องไปด้วย คนข้างหลังเลยบอกไม่เป็นไร ไปเถอะ พอเราพาเด็กๆ และลูกของคนข้างหน้าเราไปนั่ง ก็เริ่มมีแม่ๆอุ้มเด็กๆไปนั่งรอที่จุดเดียวกัน ตรงนั้นเลยเป็นศูนย์รวมแม่ๆไปโดยปริยาย 555 มีทั้งแม่เด็กเล็ก และแม่ที่ตั้งท้อง นั่งคุยกันนานพอสมควรกว่าจะถึงคิวเข้าพบเจ้าหน้าที่ เบ็ดเสร็จน่าจะชั่วโมงกว่าๆที่แฟนเรายืนรอในแถว 

พอถึงขั้นตอนพบตม. ของเรากับสามีแยกกันไป หนีบลูกไปคนละคน คนที่ตรวจเราแทบไม่ถามอะไรเลยซักนิด แต่ของสามีเรานานมากค่ะ เค้าตรวจละเอียดยิบทุกคน เราตรวจเสร็จแล้วสามีพึ่งจะได้เข้าตรวจ และด้วยความที่ที่พักเป็น airbnb ไม่ใช่ชื่อโรงแรม เค้าเลยต้องการที่อยู่ที่ละเอียดมาก สามีเราไม่รู้เค้ากรอกคร่าวๆ โชคดีว่าเจ้าของบ้านที่เราพักเค้าให้คู่มือการเข้าพักที่แจงรายละเอียดมาครบหมด เลยกรอกที่อยู่ตามที่เค้าเขียน ก็ผ่านมาด้วยดีค่ะ

พอผ่านมาแล้วก็ต้องรีบล่ะค่ะ ผิดแผนหมดแล้ว รีบไปเอากระเป๋าผ่านกรมศุลกากร เค้าไม่ตรวจของเราเลยค่ะ ให้ผ่านไปเลย จากนั้นเราก็เดินลงไปที่ Tourist information center ก่อนเพื่อซื้อ pass Kyoto-Osaka Sightseeing pass แบบ 1 day ของรถไฟสาย Keihan 3 ใบ ผญ2 ด 1 (ลูกชาย 4 ขวบ ยังฟรีอยู่ค่ะ) แล้วเดินขึ้นมาที่สถานีรถไฟ KIX เพื่อซื้อ pass และแลกตั๋ว pass ที่เราช่วยซื้อต่อจากพี่ที่รู้จัก พอดีพี่เค้าซื้อล่วงหน้า แล้วลืมเอาไปตอนไปเที่ยวญี่ปุ่น ทำให้ต้องมาประกาศขายทีหลัง ไม่มีคนซื้อ เราเลยช่วยพี่เค้าซื้อ เพราะไหนๆเราก็ต้องขึ้นรถไฟสาย NANKAI ไปที่พักอยู่แล้ว ตั๋วที่พี่เค้าซื้อมาคือ YOKOSO PASS ค่ะ เป็น pass ที่รวมตั๋วรถไฟ Limited express Rapi:t ของ Nankai (ที่วิ่งจากสนามบิน KIX ถึง NAMBA เป็นรถด่วนพิเศษ โดยแวะจอดเฉพาะสถานีใหญ่ๆเท่านั้น) กับตั๋วรถใต้ดิน (subway) แบบไม่จำกัดเที่ยว 1 วัน โดยจะใช้วันนั้นเลยก็ได้ หรือถัดจากวันที่ขึ้นรถด่วนเข้าเมือง 1 วัน 

สถานที่แลกตั๋ว และซื้อตั๋วของ Nankai จะอยู่ไม่ไกลจากสถานีรถไฟที่เราจะขึ้นเท่าไหร่ค่ะ จากจุดนี้ เราเอาตั๋ว YOKOSO มาเปลี่ยนและจองคิวขึ้นรถด่วนเค้า รวมไปถึงซื้อ Pass เพิ่ม 2 pass คือ Kansai Thru Pass แบบ 3 วัน  ราคาเด็ก 1 ใบ กับ Kaiyukan pass แบบพ่วงตั๋วรถไฟ Nankai ไม่จำกัดเที่ยว 1 วัน 3 ใบ  ส่วนบัตร ICOCA เราเอามาจากน้องเราค่ะ เลยไม่ต้องซื้อใหม่

ในรูปมืดหน่อยนะคะ รูปบนเป็นรูปหน้าสถานีที่เราจะต้องไปขึ้นรถค่ะ ส่วนรูปล่างเป็นจุดขายตั๋วของ Nankai ค่ะ ใกล้ๆกันทางขวามือของ Nankai ก็จะเป็นของ JR เค้า  



พอแลกตั๋วปุ๊บ ดูเวลาก็ต้องรีบวิ่งล่ะค่ะ เหลือเวลาแค่ 10 นาทีรถจะออก ถ้าเลทกว่านั้นรอไปยาวๆอีก 30 นาทีค่ะ ก็รีบเดินจ้ำๆกันทั้งคนทั้งของ ที่ตลกคือ พอลงไปเจอรถแบบ express ธรรมดาจอดรออยู่ คุณสามีเราด้วยความที่ไม่ได้เป็นคนจองเองก็จะรีบวิ่งไปขึ้นรถ เพราะคิดว่าคันนี้แน่ๆ ที่เราจองกัน เราก็ชะงักเพราะมันไม่ใช่ รถที่จะขึ้นที่เราหาข้อมูลมามันสวยกว่านี้นะ เลยให้คุณสามีไปถามเจ้าหน้าที่ดู ปรากฏเราถูกค่ะ อิอิ   

รถที่เราจะขึ้นต้องสวยดูดีแบบนี้ต่างหาก ^_^


พอรถมา เราก็จัดแจงขึ้นรถตามตู้ที่ระบุในบัตรว่าขึ้นตู้ไหน เลขที่นั่งอะไร โดยด้านหลังของแต่ละตู้จะมีที่วางกระเป๋าเดินทางไว้ค่ะ พอเข้ามาในรถก็จัดการวางของและเดินไปนั่งที่ให้เรียบร้อย ตอนที่นั่งรถทุกสถานีที่รถจอด เจ้าหน้าที่ตรวจตั๋วจะเดินสำรวจผ่านไปผ่านมาตลอดค่ะ น่าจะเพื่อป้องกันคนขึ้นฟรีมั้ง และพอถึงสถานีของเรา Tengachaya เราก็ลงกันค่ะ แอบตื่นเต้นนิดหน่อย เพราะรถจอดไม่นานมาก แต่ของของเราเยอะ ไหนจะเด็กอีก ก็เลยต้องรีบลุกมายืนรอแต่เนิ่นๆก่อนถึงป้ายค่ะ 

แผนเดิมของเราคือ ลงรถไฟ เอาของไปเก็บ แล้วนั่ง subway ไป Namba เพื่อไปเดินเล่นแถวนั้น แต่เวลานั้น 2 ทุ่มแล้วค่ะ เลยต้องเปลี่ยนเป็นเอาของไปเก็บที่พัก แล้วออกมาหาข้าวเย็นกินข้างนอก ระหว่างเดินไปที่พักเราก็สำรวจว่ามีอะไรขายบ้าง ที่แน่ๆเห็นที่สถานีรถไฟมีอยู่ และหน้าสถานีก็มีอีก 2-3 ร้าน ที่พักของเราหาไม่ยากค่ะ เพราะเจ้าบ้านเขียนวิธีการมาค่อนข้างละเอียด บอกวิธีเปิดตู้จดหมาย หยิบกุญแจ กดรหัสเข้าที่พัก ตอนเดินเข้าไปแอบอึ้งเล็กน้อย เพราะลิฟท์เล็ก โทรมนิดนึง และเต็มไปด้วยหลิ่นบุหรี่ค่ะ แต่พอถึงห้องพักแล้ว ความรู้สึกเปลี่ยนค่ะ ห้องพักดูสะอาด แม้จะเล็กไปนิด แต่ก็อยู่กันได้สบายไม่อึดอัด ไม่มีกลิ่นบุหรี่ในห้องเลยค่ะ ในห้องมีสิ่งอำนวยความสะดวกครบ มีเตาแก๊ซ มีห้องน้ำ มีอ่างอาบน้ำเล็กๆ มีแอร์ มีตู้เย็น มีทีวี ไดร์เป่าผม ไวไฟแบบพกพาได้ (แบตหมดไวมากๆ) ที่นอนแบบฟูกปูเองเค้าเตรียมไว้ 4 ฟูก แต่เราใช้แค่ 3 เพราะที่มันได้แค่นั้น ถ้าจะปูอีกอันต้องแยกไปนอนตรงอื่น โดยรวมแล้วสำหรับเราค่อนข้างพอใจมากค่ะ เพราะถ้าหารเฉลี่ยต่อคน ตกคนละไม่เท่าไหร่เอง


พอเก็บของเสร็จก็รีบเดินมาหาข้าวกินที่สถานีรถไฟค่ะ จากที่เดินสำรวจแล้วตัดสินใจกินร้านนี้กันค่ะ ชอบที่มีตู้สั่งอาหารเมนูภาษาไทยด้วย ทำให้ง่ายต่อการตัดสินใจว่าจะกินอะไรกัน วิธีสั่งก็ง่ายๆกดสั่งจากตู้ใส่เงินลงไป ตั๋วอาหารที่เราสั่งก็จะออกมาค่ะ ตั๋วที่ได้เราก็เอาไปยื่นให้พนักงานอีกที ระหว่างนั้นก็ยืนรอโต๊ะค่ะ รอไม่นานเท่าไหร่ เราสั่งเซ็ทข้าวหน้าหมูทอด คุณสามีสั่งเซ็ทปลาย่าง และสั่งไส้กรอกเฟรนซ์ฟรายให้เด็กๆเพิ่มด้วย คิดถูกที่ตัดสินใจสั่งแค่นี้ เพราะจานใหญ่พอสมควรค่ะ เราชอบร้านอาหารที่ญี่ปุ่นอย่างนึง คือเค้าแถมน้ำกินฟรี แล้วแถมน้ำเย็นแบบใส่น้ำแข็งซะด้วยประหยัดไปได้เยอะค่ะ  พอเค้าเห็นเราพาเด็กมา เค้าก็เตรียมชุดจานแบ่งมาให้เรา 2 ชุด โดยไม่ต้องร้องขอค่ะ 




ที่ร้านนี้อาหารอร่อยใช้ได้เลยนะคะ คิดไม่ผิดที่เลือกร้านนี้ พอกินอิ่มกันแล้ว ก็เลยเดินไปด้านหลังสถานีรถไฟ จะมีซุปเปอร์มาเก็ตอยู่ค่ะ ของในนั้นราคาไม่แพงเท่าไหร่ เท่าที่เทียบราคากับร้านสะดวกซื้อหน้าสถานีรถไฟ และเซเว่น ของที่นี่ถูกกว่าค่ะ ของกินละลานตามากค่ะ เห็นแล้วอยากซื้อไปหมด โดยเฉพาะของกินสำหรับเด็ก แพคเกจการ์ตูนน่ารักมาก ลูกเรากำลังเห่อ Yokai Watch เลยต้องเสียเงินจนได้ ส่วนเราก็จัดสตรอเบอรี่ตามที่ตั้งใจว่าจะมากินที่นี่ให้เปรม อิอิ 



พอซื้อของกินสำหรับมื้อเช้าพรุ่งนี้เสร็จก็พากันกลับเข้าที่พักกันค่ะ แผนสำหรับวันพรุ่งนี้มีเปลี่ยนแปลงกระทันหัน เนื่องด้วยสภาพอากาศที่เว็บพยากรณ์เอาไว้ไม่เป็นใจ ฝนจะตกตั้งแต่สายๆจรดค่ำมืด เดิมทีตั้งใจไปเกียวโตกัน เลยต้องสลับเอาแผนเที่ยววันที่ 3 มาลงของวันที่ 2 แทน ^_^"









Create Date : 05 สิงหาคม 2559
Last Update : 5 สิงหาคม 2559 16:25:45 น.
Counter : 844 Pageviews.

0 comments
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Trippy
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]



สิงหาคม 2559

 
1
2
3
7
8
9
10
12
13
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
24
25
26
27
28
29
30
31