รับสัมฤทธิบัตร จบอนุบาล 3
5 มี.ค. 54 น้องวินนี่ได้เรียนจบอนุบาล 3 อย่างเป็นทางการก่อนออกจากบ้าน ถ่ายรูปกับช่อดอกไม้จากอาม่า อาม่าพับดอกไม้เองทั้งหมดไปถึงรร.แต่เช้า ได้ถ่ายรูปตามซุ้มแสดงความยินดีต่างๆ ที่ทางรร.จัดไว้ให้ถึงเวลารับจริงแล้ว ถ่ายรูปหมู่รวมกับเพื่อนๆในห้องเรียนและครูประจำชั้นหลังจากนั้นก็ออกมาถ่ายรูปอีกรอบ (เหมือนรับปริญญาเลย ) ถ่ายรูปกับน้องๆ แสบๆทั้งนั้นถ่ายรูปกับอาม่า ผู้มีพระคุณ เลี้ยงหนูมาตั้งแต่เกิด ยิ้มไม่หุบเลย ผลงานของหนูค่ะป้าๆน้าๆพี่ๆ แถวบ้าน ก็มาแสดงความยินดีด้วยค่ะ ปล.ไม่มีรูปที่ถ่ายกับพ่อแม่เลย === Bye Bye โรงเรียนอนุบาลค่ะ หนูจะไปเป็นพี่ ป.1 แล้วค่ะ ==
== แว่นตาจ๋า ลาก่อน ==
บล็อกนี้ตั้งใจเขียนไว้เพื่อเตือนความจำตัวเองขอย้อนกลับไปเมื่อ เดือน ต.ค. 53 ที่ผ่านมา แม่สังเกตเห็นว่า วินนี่ จดข้อความบนกระดานกลับมาให้อ่าน ตัวหนังสือตกๆหล่นๆไปหลายตัว เลยถามวินนี่แม่ : ทำไมเขียนแบบนี้วินนี่ : ก็หนูมองกระดานไม่ค่อยเห็นแม่ : เหวอ มาพร้อม อาการเครียดเลยต่อสายคุยกับครูประจำชั้นครูบอกว่า ไม่นะคะคุณแม่ น้องวินนี่นั่งตรงกลางห้องเลยนะค่ะ ไม่น่าจะมองไม่เห็นกระดาน ครูว่าน้องพูดไปเองหรือป่าว แม่ เหวอ มาอีกรอบ เลยตัดสินใจว่าพาหาหมอตรวจดีกว่า เป็นช่วงเวลาปิดเทอมพอดีรพ.แรก ที่พาไป คือ รพ.ที่วินนี่เกิด ได้รับการส่งตัวต่อจากหมอเด็กที่รักษาประจำอยู่ ตรวจแล้วหมอบอกว่า วินนี่สายตาสั้น 50 ยังไม่จำเป็นต้องใส่แว่น ให้ใช้สายตาให้ถูกวิธีแม่ยังไม่สบายใจ เลยพาไปหาที่ใหม่อีกรพ.ที่สอง ที่พาไป เป็น รพ.เฉพาะทาง ไม่ได้เลือกหมอ เพราะไม่มีคนแนะนำ เลยให้ทางรพ.จัดให้ หมอตรวจแล้ว บอกว่า วินนี่ สายตายาว 25 เอียง 75 ต้องใส่แว่น พร้อมทั้งมีอาการ ภูมิแพ้ขึ้นตา ต้องหยอดตารักษาภูมิแพ้วันนั้นเลยได้พาแว่นกลับบ้านมาพร้อมกันหลังจากนั้น ก็ไปหาหมอตามนัดเรื่อยมา ผ่านไปได้สักระยะ เริ่มมีอาการผิดปกติเรื่อยมา สรุปคร่าวๆได้ดังนี้เรื่องที่ 1 = เคยซื้อยาหยอดตามาใช้เอง เพราะยาหมดก่อนหมอนัด พอถึงวันนัด ก็บอกหมอว่ายายังมีอยู่ค่ะ สื่อความหมายว่า ไม่ต้องสั่งยาก็ได้ เค้าก็ยังให้มาอีกบอกว่า เอาไปเผื่อแล้วกัน เราก็พูดไม่ออกเลย เอาก็เอา เรื่องที่ 2 = พยายามถามทุกครั้งว่า ภูมิแพ้เนี่ย ดีขึ้นบ้างมั๊ยค่ะ ก็ได้คำตอบทุกครั้ง ดีขึ้นนิดหน่อย ถามว่าต้องรักษานานแค่ไหน หมอก็ตอบไม่ได้ ก็รักษาตามอาการไปก่อนเรื่องที่ 3 = ถามเรื่องสายตาทุกครั้งที่ไป ว่าหมอคิดว่าใช้เวลารักษานานแค่ไหน สำหรับสายตายาว เพราะรู้มาว่าสายตายาวในเด็กหายได้ หมอก็ให้คำตอบไม่ได้ บอกเพียงแค่ว่า หมอยังต้องใส่แว่นเลย เออ!ใช่ หมอใส่แว่น เรื่องสุดท้าย = จุดแตกหัก ครั้งสุดท้ายของหมอคนนี้ วันนั้นไปตามนัด บังเอิญวันนั้นวินนี่เหมือนจะเป็นตากุ้งยิงที่หัวตานิดหน่อย ก็เลยบอกหมอไปว่า ช่วยดูให้หน่อยค่ะว่าตาน้องแดงๆ หมอเลยบอกว่าเอายาไปกินและหยอด ก็แหวกๆตาดู เหมือนที่เคยไปตรวจทุกๆครั้งแหละแต่คราวนี้ยาทีได้มา มีความรู้สึกว่าเกินไปหรือป่าวกับตากุ้งยิง หมอให้ยาแก้อักเสบมา 3 ขวดใหญ่ กิน 4 เวลา + ยาหยอดตา 1 ขวด แล้วนัดอีกที 1 สัปดาห์ก่อนกลับพ่อเลยถามหมอว่า แล้วเรื่องสายตาเป็นยังงัยบ้าง หมอพลิกๆประวัติดู แล้วบอก อืม สายตาเปลี่ยนแล้วนี่ ต้องเปลี่ยนแว่นแล้ว ไว้สัปดาห์หน้ามาดูตาที่อักเสบแล้วเปลี่ยนแว่นเลยแล้วกัน พ่อ-แม่ มองหน้ากันแบบ งง งง งง อะไรกันนี่ ใส่แว่นได้ 5 เดือน ต้องเปลี่ยนแว่นแล้วหรอ ที่สำคัญ ถ้าไม่ถามต้องเปลี่ยนมั้ยอ่ะเลยนึกย้อนไปถึงวันแรกที่ไปหาหมอ ถ้าไม่บอกว่า มองไม่เห็นกระดาน ต้องใส่แว่นมั้ยอ่ะดูเหมือนหมอจะจัดให้ตามที่ร้องขอเกินไปหรือป่าว จริงๆไม่ได้ร้องขอแว่นให้ลูกนะค่ะ แค่อยากรู้ว่ามีปัญหาสายตาหรือป่าว ถ้าจำเป็นต้องใส่จริงๆ ก็ให้ใส่จึงตัดสินใจกันว่า เราไปหาหมอ รพ.ที่สาม กันเถอะ รพ.ที่สาม ที่พาไป เป็นรพ.ใหญ่ ที่นี่เพื่อนแนะนำหมอให้ค่ะ เพราะลูกเพื่อนรักษาอยู่หลายปีแล้ว เลยพาไปตรวจ หมอเปิดม่านตา แล้วตรวจอย่างละเอียด ตรวจละเอียดกว่าทั้ง 2 รพ.ที่ผ่านมา เสร็จสิ้นการตรวจ หมอบอกว่าวินนี่ สายตายาว 25 หมอตรวจได้แค่นี้ ยังไม่มีความจำเป็นต้องใส่แว่น กล้ามเนื้อตา ประสาทตา ทุกอย่างปกติถามเรื่องภูมิแพ้ขึ้นตา หมอก็บอกว่า มันไม่หายหรอก เพราะมันจะเป็นตุ่มๆที่เยื่อบุตา ซึ่งอาจทำให้คันตาได้บ้าง ถ้าคันมากๆก็ให้หยอดน้ำตาเทียมให้ก็พอ ยาแก้แพ้เป็นยาที่ดี แต่อาจไม่จำเป็นเท่าไหร่นัดอีก 1 ปี ค่อยมาตรวจใหม่ อาจไม่ต้องขยายม่านตาด้วย เพราะวินนี่ให้ความร่วมมือในการตรวจอย่างดี หากสายตาถ้ามีการเปลี่ยน หมอก็เชื่อว่า วินนี่คงจะบอกเองได้ด้วย ซึ่งตอนนั้นแม่ได้ถามอาการที่เราควรสังเกตหากมีสายตาผิดปกติที่เราควรพามาตรวจก่อนวันที่หมอนัด สรุป เราเชื่อความเห็นหมอคนนี้ที่สุดค่ะ กลับบ้านด้วยความโล่งใจสุดๆขอประมวลภาพสาวน้อยตอนใส่แว่นตา ซึ่งต่อไปคงไม่ได้เห็นอีกแล้ว=========== แว่นตาจ๋า ลาก่อน =============ปล.ขอสงวนชื่อรพ. และ ชื่อหมอ นะค่ะ ไม่ขอกล่าวถึงอีกค่ะขอบคุณที่ติดตามบล็อก 3 แสบค่า
แรลลี่พ่อลูกผูกพัน 2010
วันพ่อปีนี้ ทางโรงเรียนได้จัดกิจกรรม "แรลลี่พ่อลูกผูกพัน 2010"ให้กับเด็กอนุบาล 3 ที่สวนธนบุรีรมย์ วันที่ 25 ธ.ค. 53วินนี่และพ่อก็ได้ไปร่วมงานมาด้วยค่ะประเดิมด้วยลูกสาวแสนงอนก่อนเลย เรียกไปถ่ายรูปกับเพื่อนไม่ยอมไป งอนสะเลยไปแต่เช้าเริ่มด้วยการเปิดพิธี โดย น้องปิ๊ง กล่าวเชิญประธานกล่าวเปิดงาน น้องปิ๊งเป็นเพื่อนห้องเดียวกับน้องวินนี่ค่ะ เคยป้อนข้าววินนี่ตอนอยู่ อนุบาล 1 ด้วย ถือว่าเป็นพี่เลี้ยงน้องวินนี่ได้เลย น่ารักและเก่งมากๆเริ่มต้นกิจกรรมด้วยการให้คุณพ่อเต้นๆ โดยคุณครูนำเต้น เหมือนพ่อเป็นนักเรียนเลย เรียกเสียงหัวเราะได้เยอะเลย จากนั้นก็ไปเข้าตามฐานต่างๆ มีทั้งหมด 10 ฐาน เก็บคะแนนไปเรื่อยๆ เก็บ RC ด้วย ทุกกิจกรรมเน้นที่ความสามัคคีของพ่อลูกทุกฐาน โดยมีแม่และครูช่วยเชียร์ได้อย่างเดียวฐาน 1 เริ่มด้วยการงมเหรียญในถังน้ำแข็ง โดยให้ลูกจับปิงปองแบ่งกลุ่มก่อนฐาน 2 ถ่ายเทความรัก ให้ลูกนำปิงปองใส่ตระกร้ามาส่งให้พ่อ ฐาน 3 พ่อคีบลูก ให้พ่อคีบลูกปิงปองใส่ช้อนให้ลูกไปวางไว้บนปากขวดน้ำ ฐาน 4 ใจตรงกัน ให้พ่อและลูกหยิบของตามข้อกำหนดที่เลือกได้ แล้วดูว่าหยิบได้เหมือนกันกี่ชิ้นรอลุ้นคะแนนฐาน 5 จำชื่อไม่ได้ ให้พ่อลูกช่วยกันบีบน้ำให้อุ้มในฟองน้ำให้มากที่สุด แล้ววิ่งไปบีบน้ำลงขวดผ่านมาอีก หลายฐาน เริ่มเหนื่อยและร้อนเลยไม่ได้ถ่ายรูปมาบ้าง จนมาถึงฐานสุดท้าย ประสานใจ ให้ลูกหยอดเมล็ดถั่วเขียวลงในท่อที่พ่อรอรับอยู่ปลายท่อ จบกิจกรรมด้วยความสุขทั้งพ่อและลูก ขอบคุณกิจกรรมดีๆจากทางโรงเรียนค่ะ
ขบวนแห่มังกร เทศกาลกินเจ
น้องวินนี่ ได้มีโอกาสเข้าร่วมในขบวนแห่มังกร ในเทศกาลกินเจ มา 3 ครั้งแล้วค่ะครั้งแรก ปี 50 หนูวินนี่ อายุ 2 ปีเองค่ะ แต่ก็ทำหน้าที่ได้อย่างดีเยี่ยม ไม่มีงอแงเลยค่ะ คงงงซะมากกว่า อิอิมีถือป้าย หนูรักในหลวงด้วยนะคร่าเหมือนนางฟ้าตัวน้อยมั้ยค่ะ น่ารักเนอะครั้งที่ 2 ปี 51 หนูวินนี่ อายุ 3 ปี มาในตรีม หนูน้อยในดอกบัว ค่ะมีท่า Bye Bye ด้วยนะค่ะครั้งที่ 3 ปี 53 หนูวินนี่ อายุ 5 ปี แล้วนะค่ะ ปีนี้ หนูได้แต่งองค์เจ้าแม่พันมือ ค่ะแต่งเต็มยศแล้วค่ะพร้อมปฏิบัติค่ะจบลงด้วยความสุข สวัสดี ลูกสาวแม่ น่ารักที่สุดเลยค่ะ ยิ้มแย้ม ไม่มีงอแง ง้องแง้ง เลยสักนิดค่ะเรื่องสวยๆ she สู้ตายค่ะ
งานวันแม่ ปี 53
งานวันแม่ปีนี้ แม่ต้องไปทำกิจกรรมกับลูก เนื่องจากมีลูกอยู่ 2 ห้อง ก็ไม่รู้จะแยกร่างอย่างไร เลยต้องส่งตัวแทนไปแทน ซึ่งก็คือ พ่อนั่นเอง แอบเสียดายเล็กน้อยที่มีกล้องอยู่ 1 ตัวเอง เลยไม่สามารถเก็บรูปตอนทำกิจกรรมมาได้แต่ต้องขอชื่นชมเจ่วินนี่ ที่ไม่มีงอแง เรื่องนี้เลยค่ะ ทำกิจกรรมกับครูและเพื่อนได้อย่างสนุกสนาน ขออวดผลงานของลูกสาวคนสวยที่ทำให้แม่และนี่คือผลงานแม่ (แต่พ่อทำ) ที่ทำให้ลูกไม่อยากจะบอกว่าอันไหน ดูเองเองล่ะกัน อันไหนสวยสุดก็อันนั้นแหละ แล้วพอกลับถึงบ้าน เจ่วินนี่กับน้องมิคกี้ ก็รีบนำดอกมะลิ มากราบอาม่าทันทีพอวันที่ 12 สิงหาคม 53 ก็กราบอาม่าอีกรอบ คราวนี้แม่ซื้อของขวัญให้ด้วยนะค่ะ แต่ให้ลูกมอบให้แทน แม่เขินอะ เลยขอเป็นตากล้องล่ะกัน วันแม่ ก็ผลัดกันกราบแม่ กราบอาม่า ทั้งวัน รู้แต่ว่าลูกกราบหลายรอบเลยล่ะ