The journey is my life

Travel Animal
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 8 คน [?]




เป็นคุณแม่มือใหม่ที่รักการท่องเที่ยวเป็นชีวิตจิตใจ เคยเป็นคนโสดที่รักอิสระและชอบเที่ยว ไปได้ทั้งแบบแบ็คแพ็ค ลุย จนถึงแบบชิลด์ ชิลด์ จิบกาแฟ

แม้ช่วงนี้จะสนใจเรื่องครอบครัวและการเลี้ยงดูลูกเพื่อให้เติบโตเป็นคนดีในอนาคต คุณแม่มือใหม่คนนี้ก็ยังพยายามหาเวลาว่าง ให้ตัวเองสามารถมีกิจกรรมร่วมกับเพื่อนที่มีครอบครัวและเพื่อนสาวโสดอยู่ตลอดเวลา

งานอดิเรก รักการเดินทาง อ่านหนังสือ ดังนั้นไม่ต้องแปลกใจหากบล๊อกนี้จะเน้นเรื่องเที่ยวและเรื่องกิน
New Comments
Group Blog
 
 
มีนาคม 2557
 1
2345678
9101112131415
16171819202122
23242526272829
3031 
 
6 มีนาคม 2557
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add Travel Animal's blog to your web]
Links
 

 
มาราธอน ตะลุยยุโรปใต้ (France, Spain and Greece) # ตอนที่ 2 เส้นทางสู่กรีซ เมืองพันเกาะ Emioni

วันที่สิบ (9 Jun 08)

กว่าจะเก็บข้าวของสัมภาระต่าง ๆ ได้ฤกษ์ล้อหมุนออกจากบ้านก็เกือบเที่ยง จุดหมายคือบ้านพักตากอากาศของเพื่อนที่อยู่ใกล้ ๆ กับเมือง Ermioni

เราขับรถมุ่งหน้าไปยังบ้านพักโดยไม่แวะเที่ยวเลย เนื่องจากฝนตกตลอดทาง ทั้ง ๆ ที่ปรกติแล้วฝนตกน้อยมากที่กรีซ ทำให้อากาศค่อนข้างแห้ง เราขับรถกันมากว่า 2 ชั่วโมงครึ่ง ก็มาแวะร้านอาหารข้างทาง ซึ่งทราบจากเพื่อนว่าเป็นร้านของชาวบ้านแถบนั้นที่ปลูผักเอง เลี้ยงหมูเอง แล้วเค้าก็ทำอาหารและของพื้นเมืองขายนักท่องเที่ยวท้องถิ่นที่มาจากเอเธนส์

เมือง Ermioni เป็นเมืองที่ค่อนข้างดัง เพราะเป็นเมืองที่คนเอเธนส์นิยมมาซื้อที่ทำบ้านพักตากอากาศ คุณ H บอกว่า ที่นี่คล้าย ๆ กับ หัวหินที่คนกรุงเทพฯ ก็ชอบไปพักผ่อนช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์

ร้านอาหารที่เราแวะพัก เจ้าของร้านสวยแถมใจดีด้วย

เพื่อนสั่งอาหารมาให้กินหลายอย่าง ที่เราชอบมากก็คือ แตงร้านยัดไส้ และสปาเก็ตตี้สตูว์ไก่ อร่อยมาก ๆ แม้ว่าไอ้เจ้าแตงร้านจะหน้าตาไม่ค่อยน่ากินเท่าไหร่

นอกจากนี้ก็มีแกะอบกับมันฝรั่ง ซึ่งเป็นของโปรดของคุณ H erve

หลังจากที่กินอาหารกลางวันเสร็จ เราก็เดินทางต่อโดยที่เราเผลอหลับไปแบบไม่รู้ตัว มาตื่นอีกที ก็ถึงบ้านที่เราจะพักแล้ว

ที่กรีซก็เหมือนกับเมืองไทย คือคนที่มีบ้านตามเมืองชายทะเล เค้าก็จะมีบริการให้เช่าบ้านพัก ซึ่งภายในก็จะมีเครื่องอำนวยความสะดวกทุกอย่าง เค้าบอกว่า เป็นที่นิยมมาก เพราะคนกรีกนิยมไปเที่ยวกันยกครอบครัว ถ้าจะให้อยู่แต่โรงแรมก็คงไม่ค่อยสะดวก การเช่าบ้านแบบนี้ก็เลยเป็นอีกทางเลือกหนึ่ง
บ้านหลังนี้ นอกจากจะสวยแล้ว ยังมีหาดส่วนตัว ซึ่งเวลาที่เราไปว่ายน้ำก็เป็นส่วนตัว และน้ำก็ใสมากด้วย ในรูปเป็นวิวจากห้องนอนชั้นบน

หาดเป็นหินและมีปะการังน้ำตื้นอยู่เต็มไปหมดเลย เวลาว่ายน้ำต้องระวัง

ตกดึกเราก็ไปเดินเที่ยว ชมเมือง Ermioni ก่อนกลับมานอนพักที่บ้าน โดยก่อนกลับเราแวะที่ร้านขนมเพื่อซื้อของมาเป็นอาหารเช้าสำหรับวันพรุ่งนี้

ขนมมีให้เลือกมากมายจนเลือกไม่ถูกว่าจะกินอะไรดี

ส่วนนี่ก็เป็นไอศครีม สุดท้ายเราเลือกได้สองสามอย่าง แล้วก็กลับบ้านไปนอน

ตื่นมาก็เกือบสิบโมงแล้ว อาหารเช้าวันนี้เป็น พายผักโขมที่ซื้อมาจากร้านของชาวบ้านที่เราแวะกินข้าวกลางวัน

ช่วงที่เราไปเที่ยวมีสมาชิกท่านนึงได้อ่านนิยายเกี่ยวกับเมืองกรีซ จำได้ว่าตอนเขียนเป็นกระทู้รีวิวพี่คนนี้ติดตามอ่านอย่างเหนียวแน่น เราเองก็ไปซื้อนิยายมาอ่านหลังจากเขียนกระทู้เสร็จ ประทับใจมากและทำให้คิดถึงกรีซเมืองพันเกาะจริง ๆ
นิยายเรื่องที่ว่าคือ
ฝันของฉัน เรื่องของเขา
วันของเรา...ที่กรีซ

เขียนโดยปุณรสา

สำนักพิมพ์ ณ บ้านวรรณกรรรม

พอเรากินอาหารเช้าเสร็จ เราก็ขับรถออกจากบ้าน เพื่อไปยัง Puerto Heli ซึ่งจากที่นั่นเราจะนั่ง เรือ Taxi เพื่อข้ามไปยังเกาะ Spetses

พอเรามาถึงจอดรถ ต่อรองราคากับคนขับเรือ สุดท้ายเราจ่ายค่าเรือ 20 ยูโร สำหรับสี่คน เพื่อนบอกว่า ราคาแพงขึ้นกว่าปีที่แล้ว แถมยังบอกว่า เดี๋ยวนี้ของที่กรีซแพงทุกอย่าง ตั้งแต่เข้าร่วมกับ EU

Spetses อยู่เบื้องหน้าของเราแล้วค่ะ

พอมาถึง เพื่อจะได้เป็นการเที่ยชมเมืองได้เต็มที่ เราก็เลยเช่าจักรยานมา 2 คัน สำหรับเรา และคุณ H ส่วนเพื่อนของเราเค้าขอเช่า คอว์ตไบค์ (มอเตอร์ไซค์ ขนาดเล็กที่มีสี่ล้อ) แทน แต่จริง ๆ แล้ว เพื่อน ก็จะเช่าจักรยานไปกับเรา เพราะไม่อยากให้เราอยู่คนเดียว เนื่องจากรู้ดีว่าคุณ H นะ จะต้องปั่นจักรยานสุดแรงเกิด เพราะอาเฮียนะปั่นจักรยานเป็นงานอดิเรกอยู่แล้ว เรานะเกรงใจเพื่อนมาก กว่าจะตกลงกันได้ก็มีขึ้นเสียงกันบ้าง (อย่างว่าแหละ มาเที่ยวต่างที่ ก็ต้องมีเรื่องทะเลาะเล็ก ๆ น้อย มันจะเออ ออ ห่อหมกกันไปทุกเรื่องได้ยังไง)

เรามาแวะที่แรกเป็นชายหาดเล็ก ๆ เลยเก็บรูปมาฝาก

น้ำทะเลที่กรีซ สวยใส และเป็นสีฟ้าอมเขียว สวยมาก เสียอย่างเดียว ไม่มีชายหาดที่เป็นทรายเลย ที่ดีหน่อยก็เป็นชายหาดก้อนหินก้อนกรวด หรือบางทีก็ไม่มีหาดเอาซะเลย อย่างนี้แหละน้า ของเพอร์เฟ็คไม่ได้หาได้ง่าย ๆ ในโลก ชายหาดไทยสวย ๆ นะเยอะ แต่น้ำทะเล หายากที่จะเทียบที่กรีซ หมู่เกาะสุรินทร์อาจพอกล้อมแกล้ม เข้าแข่งได้อยู่

เราปั่นจักรยาน สลับกับเพื่อนมาเรื่อย ๆ ตามถนนบนเกาะ ซึ่งเป็นเนินขึ้นลงอยู่ตลอดเวลา แถมถนนก็หวาดเสียวมาก เพราะรถที่วิ่งสวนมาก ขับค่อนข้างเร็ว ไม่วายเพื่อนต้องคอยเตือนให้ระวังรถอยู่ตลอดเวลา

ถนนบนเกาะ Spetses

ขี่จักรยานมาคาดว่า น่าจะประมาณ ครึ่งเกาะ เราก็มาแวะพักที่ชายหาดแห่งหนึ่ง จำไม่ได้แล้วว่าชื่ออะไร แต่ก็เป็นที่ที่นักท่องเที่ยวมาเที่ยวเยอะพอควร เพื่อนขับรถล่วงหน้ามาสำรวจร้านอาหารให้เราเรียบร้อย ก่อนหน้าที่เราจะมาถึง พอเรามาถึงก็กินอาหารได้เลย ซึ่งมื้อนี้เราขอเป็นอาหารเบา ๆ เนื่องจากอากาศร้อน และแถมยังต้องปั่นจักรยานไปอีกตั้งไกล คุณ H นะ คุณ H หาเรื่องให้เราแท้ ๆ เลย อยู่เมืองไทย ปั่นได้อย่างมากก็ ห้ากิโล มานี่ต้องปั่นขึ้นลงเขาตั้งไม่รู้เท่าไหร่ ดีนะ ว่ามีเพื่อนมาขอเปลี่ยนเวร ไม่งั้น มีหวังขอรออยู่ที่เรือดีกว่า
พอกินอาหารเสร็จ เพื่อนใจดีเสนอว่า ให้เราเอาจักรยานไปผูกติดกับคอว์ตไบค์ แล้วซ้อนสามไปกับเค้า และเพื่อนอีกคนเลย เราก็เกรงใจ แต่ตอนนั้นก็กลัวตาย เพราะเท่าที่ปั่นมาก็แทบคางเหลือง แถมข้างหน้ายังไม่รู้อีกไกลแค่ไหนกว่าจะวนกลับไปถึงท่าเรือ (คือพวกเราขับรถวนรอบเกาะเป็นวงกลม) ก็เป็นอันว่า เราไปกับเพื่อน ส่วนคุณ H จะไปตลุย ผจญภัย กับ Mountain Bike ยังไง ก็เชิญ ไม่ว่ากัน (ตราบใดที่ไม่บังคับให้เราไปตาม)

นี่ไงรถที่พวกเราใช้ผจญภัย

เมื่อเรานั่งซ้อนท้ายเพื่อนแล้ว เราก็สามารถถ่ายรูปถนนข้างทางได้สะดวก (แต่เพื่อนไม่ยอมจอดให้ชักภาพสวย ๆ นี่สิ) ภายที่ได้ก็เลย แค่พอดูได้ ในรูปเป็นน้องม้าที่เจ้าของทิ้งไว้ให้เล็มหญ้าอยู่ข้างทาง


ในที่สุดเราก็วนกลับมาที่ท่าเรืออีกครั้ง

ร้านขายของแถวท่าเรือ ที่เราไปเดินเล่นเพื่อรอคุณ Herve ขี่จักรยานกลับมา

พอคุณ Herve กลับมาเราก็ไปหาร้านกาแฟ เพื่อนั่งกินน้ำให้หายเหนื่อย เราไม่รอช้าสั่งน้ำส้มมากิน น้ำส้มที่นี่แทบทุกร้านอร่อยมาก เพราะคั้นมาจากส้มสด ๆ ดื่มแล้วชื่นใจ แก้กระหาย เหมาะกับฤดูนี้เป็นที่สุด

พอพักหายเหนื่อยเราก็ต้องกลับบ้านกันแล้ว ลาที Spetses หวังว่าคงได้พบกันใหม่

เย็นนั้น ก่อนที่เราจะไปกินอาหารเย็นที่อีกเมืองหนึ่ง เราก็มาแวะเช็คอินเตอร์เน็ท และจองตั๋วเพื่อไป santorini ในวันศุกร์

จริง ๆ เราก็สามารถใช้บริการเอเจนซี่ในเมืองเอเธนส์ได้ แต่เนื่องจากช่วงที่เราจะไปเป็นวันหยุดยาวของชาวกรีก ด้วยความที่กลัวว่าจะไม่ได้ไป เราก็เลยต้องเตรียมทุกอย่าง โดยเราบินไป santorini ในวันศุกร์ และกลับด้วยเรือ Ferry ในคืนวันเสาร์ ซึ่งเราก็จะมีเวลาสองวันเต็ม และเราก็จะจองโรงแรมแค่คืนเดียว พอทุกอย่างเรียบร้อยเราก็ไปกินข้าวเย็น

ได้รูปพระอาทิตย์ตกดินที่ Ermioni มาเป็นของฝาก

ระหว่างทางไปร้าน เราแวะร้านขนมพื้นเมือง ซึ่งเพื่อนบอกว่า อร่อยมาก จากหน้าตาแล้ว ดูเผิน ๆ ก็เหมือนขนมถาดบ้าน เรา แต่ขนมที่นี่ทำจากแป้ง นม เนย และน้ำผึ้ง

แล้วเราก็มาถึงร้านอาหารที่เพื่อนเราชอบนัก ชอบหนา ที่ร้านนี้ เค้าจะเสิร์ฟอาหารเป็นจานเล็ก ๆ คล้าย ๆ กับ Tapas ของสเปน ทราบมาว่าเค้าเปิดร้านกันมาตั้งแต่รุ่นปู่ รุ่นพ่อ จนตกมาถึงรุ่นลูกกันเลยทีเดียว

ในร้านมีคนงานหญิงสอง สามคน เป็นแม่ครัว เพื่อนบอกว่า เป็นคนบัลกาเรีย จากการบอกเล่า ทำให้เรารู้ว่า ตอนนี้กรีซเป็นประเทศที่คนแถบบอลข่านแอบหนีเข้าเมืองมาหางานทำ เพราะกรีซเป็นสมาชิก EU แล้ว และก็เศรษฐกิจดีกว่าประเทศอื่น ๆ ในแถบนั้น หากเราเดินทางท่องเที่ยวในกรีซ แล้วพบกับใครก็ตามข้างทาง ถ้าเค้าไม่สามารถพูดภาษาอังกฤษได้ เพื่อนบอกว่า ให้สันนิษฐานว่าเค้าเป็นแรงงานอพยพ เพราะประชากรกรีก (ที่มีอายุน้อยกว่า 50 ปี) พูดภาษาอังกฤษได้แทบทั้งนั้น (แต่ก็ไม่ค่อยแน่เสมอไป แล้วจะเฉลยตอนท้าย ว่าทำไม)

ร้านเล็กมาก แต่ไม่น่าเชื่อว่า อาหารจะอร่อย และอาหารทุกจานเป็นอาหารที่ทำจากอาหารทะเลเท่านั้น

หน้าตาอาหารวันนี้ (ถ่ายมาแค่รูปเดียว เพราะหลังจากนี้ มัวแต่ห่วงกิน จนลืมว่าต้องเก็บภาพมาให้ชม)

เรากลับมาบ้านด้วยความเหนื่อยอ่อน แต่สนุกมาก เฮ้อ ชักไม่อยากกลับเมืองไทยซะแล้วซิ !


Create Date : 06 มีนาคม 2557
Last Update : 6 มีนาคม 2557 10:11:59 น. 0 comments
Counter : 764 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 
 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.