กะหนีน้ำจากเมืองไทย เลยไปเมืองนอก แต่ไม่เคยรู้เลยว่า ประเทศเพื่อนบ้านเราเนี่ย ต่างก็มีประเพณีสงกรานต์เหมือนบ้านเราทั้งนั้น สรุปว่า...เปียกเหมือนกันจ้า (ทริปเก่า ดองข้ามปีเลยทีเดียว...อาจจะได้กลิ่นตุๆ หน่อยนะ)

วันแรก 13 Apr 2018 ออกจาก DMK 4.10 PM มาถึงพม่า RGN 5.30 PM 
เราจองรถยนต์เที่ยวพร้อมคนขับรถและเป็นไกด์ในตัว ราคา 170 USD สำหรับ 3 วัน 2 คืน สามารถพูดไทยได้ด้วย แนะนำดี ถ่ายรูปให้เราเยอะ เรียกให้มามุมนั้นมุมนี้ และพูดเยอะดี เวลาพูดไทยสำเนียงจะฟังยากๆ หน่อยๆ แต่ก็คุยกันรู้เรื่อง พอมาถึงตามเวลาก็เจอกับคนขับ ซึ่งพาเราไปแลกเงินกันก่อน 260 USD แลกได้มา 199,700 kyats

จากนั้นรีบไปยัง "เจดีย์ชเวดากอง" (Shwedagon Pagoda) ค่าเข้าคนละ 10,000 kyats ทันช่วง Twilight มานิดเดียว แต่เป็นช่วงที่สวยมาก เจดีย์สีทองอร่ามกับท้องฟ้าสีน้ำเงิน มันช่างสวยงามนัก

ร้านอาหารหลายร้านก็ปิด เพราะเป็นช่วงวันหยุดยาวของพม่าเช่นกัน เลยได้มาลองกินอาหารข้าวแกงของพม่าที่ร้าน Mya Myint Mo (14600 kyats/3 คน) ก็พอกินได้อยู่ แปลกดี น้ำแข็งนี่แอบแพงนะ

อิ่มละก็มาพักที่ Crystal Palace Hotel (45 USD) เป็นห้องแบบ triple ก็กำลังดีมีพื้นที่ไม่อึดอัด อาหารเช้าเยอะ คนไทยชอบมาพัก



14 Apr 2018
นัดมารับ 8.30 am ตรงเวลาดี แล้วเราก็เริ่มจาก
"พระเจดีย์โบตะตวง" (Botahtaung Pagoda) ค่าเข้าคนละ 6000 kyats ที่นี่ยังมี "เทพทันใจ" ที่คนไทยหลายคนนับถือและไปไหว้ขอพรกันอยู่บ่อยๆ จะมีคนบอกขั้นตอนรก่อนและระหว่างไหว้ตลอด ค่าชุดไหว้ผลไม้คนละ 4000 kyats ฝั่งตรงข้ามของวัดจะมี "เทพกระซิบ หรือ อะมาดอว์เมียะ หรือ เมี๊ยะนานหน่วย" ก็จะต้องไปขอพรเหมือนกันค่ะ กระซิบเบาๆ พอนะคะ







"พระเจ้าหงาทัตยี" (Nga Htay Gyi) หลวงพ่อที่สูงเท่าตึก 5 ชั้น แกะสลักจากหินอ่อน ทรงเครื่องแบบกษัตริย์เป็นโลหะ ด้านหลังจะเป็นไม้สักแกะสลักทั้งหมด สวยงามมาก แต่กำลังอยู่ในช่วงบูรณะ ก็เลยเห็นความงามได้ไม่เต็มที่นัก



"พระนอนตาหวาน" (Kyauk Htat Gyi) พระพุทธไสยาสน์  เป็นพระนอนองค์ใหญ่ที่สุดของพม่า ความพิเศษอยู่ที่ตาหวานๆ นี่แหละค่ะ สวยงามแปลกตาดี 

ที่นี่เราก็แวะซื้อของฝากกัน (งาตัด 100 บาท ทานาคา 70 บาท) และก็ให้เค้าปะแป้งทานาคาให้ โดยวาดเป็นรูปใบไม้ที่แก้มให้ด้วย



ไกด์พาไปกินอาหารกลางวันกันที่ Hanthawaddy (23,100 kyats) และจากนั้นจะไปพระธาตุอินทร์แขวน ซึ่งต้องนั่งกันนานหน่อยเพราะอยู่คนละเมืองกัน คนขับพาเรามาส่งยังท่ารถขนหมู (คนไทยชอบเรียกแบบนี้) เป็นเหมือนรถบรรทุกขนาดเล็กมีที่นั่งตีเป็นแถวๆ ขาขึ้นเราเลือกนั่งหน้าจะอยู่ที่ราคา 15000 kyats สำหรับ 3 คน





นั่งรถที่เค้าขับมาไม่นานก็เกือบถึงด้านบนสุดละ ก่อนอื่นเราก็แวะเช็คอินกันก่อน Kyaik Hto Hotel (121 USD) สภาพกลางเก่ากลางใหม่ ราคาสูงเพราะใกล้พระธาตุมาก นอนได้สามคน  เราต้องเดินต่อไปอีกหน่อย ก็จะถึง "พระธาตุอินทร์แขวน" (The Golden Rock Pagoda) ค่าเข้า 10,000 kyats





วันที่มาไหว้พระธาตุอินทร์แขวนมีคนพม่ามากันเยอะมาก บางคนเอาผ้าเอาหมอนมานอนที่ลานเลย อากาศตอนกลางคืนก็เย็นสบายมาก ไม่ร้อนจนไม่คิดว่าจะเป็นเดือนเมษาเลยเชียว เราค้างกันที่โรงแรมและไหว้ 3 เวลา แต่ก็ไม่รู้ว่าผิดถูกอย่างไร เพียงแต่เค้าว่ากันว่า ที่นี่ควรมาไหว้นมัสการกันให้ได้ 3 ครั้ง แล้วจะดี เลยไหว้ช่วงก่อนพระอาทิตย์ตก ตอนกลางคืน และตอนเช้าของอีกวัน ก็จะได้มีแต่ความสุขความเจริญ พร้อมทั้งขอสิ่งใดก็จะได้สมดั่งปรารถนา (เป็นความเชื่อสำหรับคนมีเวลาน้อยและไม่ได้สามารถมาได้บ่อยๆ)

แล้วยังเป็นพระธาตุประจำปีนักษัตร ปีจอด้วยนะ (ผู้ร่วมทริปของเราก็บังเอิญเกิดปีจอพอดีด้วย)

15 Apr 2018
ขาลงนั่งด้านหลังของรถขนหมู คนละ 2000 kyats เพราะคิวค่อนข้างเยอะ พอขึ้นแล้วก็ต้องใส่เสื้อกันฝนด้วย กันน้ำสงกรานต์ที่เค้าจะสาดมา และแล้วก็โดนเต็มๆ พอลงมาถึงท่ารถข้างล่าง นัดกับไกด์คนเดิมแล้วออกเดินทางกันต่อ 

ไปยังวัดเมืองหงสา Bago Pagoda 10,000 kyats ซึ่งจะเข้าวัดเจดีย์ชเวมอดอ วัดไจ้ปุ่น รวมเป็นแพคเกจ จริงๆ ต้องไปได้หลายวัดกว่านี้ แต่รถติดเพราะสงกรานต์ บางจุดเลยไม่ได้เข้าไป 

"เจดีย์ชเวมอดอ หรือ พระธาตุมุเตา" (Shwemawdaw Pagoda) เป็นเจดีย์ที่สูงที่สุดในประเทศพม่า







"วัดไจ้ปุ่น" (Kyaik Pun Pagoda) เป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัยขนาดใหญ่ 4 องค์หันพระ พักตร์ไปทุกทิศทาง





หลังจากไหว้พระกันเสร็จก็กลับมากินข้าวที่ร้านเดิม Hanthawaddy (11550 kyats) และเตรียมตัวกลับ ซึ่งเราเผื่อเวลาไว้เยอะไปหน่อย ทางไกด์เลยแวะพักให้กินชาพม่า ซึ่งอร่อยดีนะคะ เพลินๆ 

** ที่พม่าค่อนข้างจะเคร่งเรื่องศาสนามาก เวลาเราไปเดินที่ต่างๆ เค้าจะถอดรองเท้ากันตั้งแต่หน้าวัด ด้านล่างของเจดีย์ หรือด้านหน้าทางเข้า แล้วเดินเท้าเปล่ากันยาวๆ เลย ก็แนะนำพวกรองเท้าใส่สบายไม่ต้องมีราคา ถุงเท้า ถุงน่อง ก็ต้องถอดหมดนะ **