A Conspiracy of Kings (เรื่องชุดยูเจนิดิส เล่ม 4): พันธะของราชาและราคาของราชบัลลังก์ (ภาคไม่สปอยล์)
ก่อนหน้านี้เคยลงรายชื่อหนังสือที่เฝ้ารอเฝ้าคอยประจำปีไปหลายเล่ม ในที่สุดก็ได้เรื่องแรกมาอยู่ในครอบครอง หลังอ่านอย่างตะกรุมตะกรามรวดเดียวจบ ก็พบว่าไม่ผิดหวังเลยจริงๆ T^T แถมยังสนุกค้างอยู่ในสมองจนต้องมาเขียนบล็อกไล่มันออกไป (หลังจากเขียนไว้ใน goodread และรีวิวในอเมซอนไปแล้ว 555) สรุปก็คือบ้าเข้าขั้นทีเดียว
หนังสือที่ว่าก็คือเล่มนี้นี่เองงงงงง
A Conspiracy of Kings: Megan Whalen Turner
หมายเหตุ: เนื่องจากเล่มนี้เป็นเล่ม 4 ในชุด ถ้าใครยังไม่ได้อ่านสามเล่มแรกก็ห้ามอ่านเด็ดขาด เพราะจะสปอยสุดๆ และเนื่องจากมีสหายบล็อกหลายคนรอเล่มนี้อยู่ซึ่งคงไม่อยากให้สปอย ก็จะพูดเฉพาะเรื่องที่รู้ๆ กันตั้งแต่เล่มก่อนหน้า และเนื้อหาเท่าที่อยู่ตรงปีกปก (อารมณ์โปรยปกน่ะนะ)
แต่ด้วยความที่จขบ.มีฉากชอบเป็นบ้าเป็นหลังอยู่หลายฉาก และบ้าคลั่งถึงขนาดลงทุนแปลออกมาเอง (555) ก็จะขอเอาเรื่องสปอยสุดๆ ไปแปะไว้ ที่นี่ เผื่อใครอยากอ่านฉากเหล่านี้เรียกน้ำย่อย อิอิ
A Conspiracy of Kings เป็นเล่มที่สี่ในเรื่องชุดของสามดินแดนอันประกอบด้วยแอตโตเลีย เอดดิส และซูนิสที่ขับเคี่ยวกันมาตลอด แต่เล่มนี้ไม่ได้เน้นหนักที่ยูเจนิดิสอย่างเคย ทว่าเป็นการเล่าเรื่องของโซโฟส รัชทายาทของซูนิสที่เคยร่วมผจญภัยกับเจ็นในเล่มแรก และดูจะสนิทสนมกับเอดดิสในเล่มสอง ก่อนจะหายตัวไปท่ามกลางความวุ่นวายของสงครามกลางเมืองในเล่มสาม จนใครๆ คิดว่าตายไปแล้ว
คุณคนเขียนมีวิธีใหม่มาเล่าเรื่องอีกแล้วค่ะ คราวนี้เป็นการตัดสลับระหว่างมุมมองบุคคลที่ 1 กับมุมมองแบบพระเจ้า เรื่องเปิดมาโดยใช้มุมมองแบบพระเจ้าเล่าถึงการพบกันอีกครั้งของโซโฟสและเจ็น ก่อนจะตัดไปเป็นการให้โซโฟสเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับตัวเองให้ใครคนหนึ่งฟัง เมื่อเรื่องเดินมาถึงเหตุการณ์ในบทนำก็ตัดกลับไปเป็นมุมมองแบบพระเจ้า เล่าถึงสถานการณ์หลังจากนั้นก่อนจะวกกลับมาให้โซโฟสเป็นคนเล่า และจบลงด้วยมุมมองเดียวกับตอนแรก
จขบ.คิดว่าการจะอ่านหนังสือเล่มนี้ให้สนุก ต้องทำใจก่อนค่ะว่ามันไม่ได้โฟกัสที่เจ็น และโซโฟสก็ต่างกับเจ็นโดยสิ้นเชิง ขณะที่เจ้าหัวขโมยที่กลายเป็นราชาแสนจะมาดมั่น เจ้าเล่ห์ และเฉียบขาดมาตั้งแต่เปิดตัว โซโฟสที่ถูกวางให้เป็นรัชทายาทกลับดูจะแหยแฝ่น ไม่มีความมั่นใจ ไม่มีใครเคารพ แถมออกจะเกลียดตัวเองอยู่หน่อยๆ ด้วยซ้ำ และในเล่มก่อนหน้าก็ดูจะไม่สามารถเทียบชั้นเอดดิส แอตโตเลีย หรือยูเจนิดิสได้เลย
แล้วมันจะสนุกตรงไหน ใครบางคนถาม
นั่นล่ะค่ะคือสิ่งที่ทำให้ต้องนับถือคนเขียน เรื่องราวทั้งหมดในเล่มนี้ถูกใช้เพื่อสร้างโซโฟสคนใหม่ขึ้นมา ไม่มีเสียหรอกค่ะที่คนเราจะเปลี่ยนกันชั่วข้ามคืน โซโฟสต้องผ่านการเคี่ยวกรำมากมาย และการเล่าเรื่องของเขาซึ่งช่างถ่อมตน และตระหนักถึงข้อเสียของตัวเอง จนบางทีถึงกับมองข้ามข้อดีในตัวไป ก็ทำให้คนอ่านนึกเอ็นดูและเอาใจช่วยโซโฟส (และถึงกับนึกอยากเขกกบาลเจ็นบ้างเป็นบางครั้ง) และเมื่อถึงเวลาที่จำเป็น ลูกสิงโตก็ยังต้องเป็นสิงโต ไม่มีทางที่จะเป็นแมวเหมียวไปได้ (ฉากตัดสินใจตอนต้นว่าเขียนดีแล้ว ตอนท้ายนี่เปรี้ยงสุดๆ ไปเลย)
จขบ.คิดว่าคุณคนเขียนเลือกจะยกเล่มนี้ให้โซโฟสก็เพื่อสร้างตัวละครที่จะสมเป็นสหายกับเจ็นขึ้นมาเพื่อรับมือกับเรื่องในอนาคต เพราะสเกลการทำงานของเจ็นออกจะใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ จากขโมยของชิ้นเดียว กลายเป็นขโมยราชินี ไปจนถึงช่วงชิงความภักดีและความมั่นคงในราชสำนัก แต่กลับไม่มีใครที่พอจะเคียงบ่าเคียงไหล่เป็นสหายรู้ใจได้เลย เพราะถึงอย่างไรทั้งเอดดิสและแอตโตเลียก็ขี้เป็นห่วงเจ้าเจ็นกันมาก และด้วยมุมมองของราชินีที่ครองราชย์มานานก็ย่อมต่างกับเจ็นที่ไม่คิดจะเป็นกษัตริย์แต่เลือกจะเป็นเพื่อใครหลายๆ คนแน่
หลายฉากหลายตอนในเล่มนี้ยังสื่อให้เห็นถึงความแตกต่างของราชาราชินีแต่ละพระองค์ และแนวทางที่เหมาะสมในการปกครองประเทศซึ่งก็แตกต่างกันไปตามสถานการณ์ เมื่อรวมกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในเล่มก่อนๆ แล้ว จะยิ่งเห็นชัดว่าไม่มีสิ่งที่เรียกว่าผิดถูกขาวดำ ต่อให้เหี้ยมหาญแค่ไหน ก็ยังต้องมีวันให้อภัย และต่อให้อ่อนโยนเพียงใด ก็ยังมีวันที่ต้องละทิ้งอุดมคติเพื่อรักษาสิ่งสำคัญ
ความสัมพันธ์ของคู่ตัวละครในเรื่องก็ต่างกันออกไปด้วยค่ะ หลังจากเราเห็นความรักของคนมีเกราะสองคนอย่างราชาและราชินีแห่งแอตโตเลียมาแล้ว คราวนี้เราก็ได้เห็นความสัมพันธ์ที่เปี่ยมไปด้วยความเชื่อใจของคนอื่นกันบ้าง (ใครว่าทุกคนจะต้องขว้างขวดหมึกกัน 555)
นอกจากนี้คนเขียนก็หยอดมุกเล็กๆ น้อยๆ ซึ่งเป็นการหยิบเหตุการณ์ในเล่มก่อนๆ มาพาดพิง ทำให้แฟนพันธุ์แท้กรี๊ดกันเล่นเป็นระยะ (ข้าว่าข้าเคยแบ่งข้าวโอ๊ตให้เจ้านะ ข้าว่าข้าขโมยมาต่างหาก) และเมื่อเรื่องใกล้จบลง เมื่อคนอ่านคิดว่าเรื่องคลี่คลายได้ทั้งหมดแล้ว ก็ต้องหักมุมอะไรกันนิดหน่อยอีกตามเคย
ปัญหาเพียงอย่างเดียวก็คือ คนอ่านคงต้องรออีกอย่างน้อยสี่ปีกว่าจะได้อ่านเรื่องราวตอนต่อไปของสามดินแดนน่ะสิ แต่ถ้ารอนานแล้วดีขนาดนี้ ก็คงต้องรอกันล่ะน้า
ปิดท้ายด้วยคำคมที่คัดมาแล้วว่าไม่สปอยน่า
เรามิใช่นักปรัชญา หากแต่เป็นเจ้าผู้ครองนคร กฎเกณฑ์ที่กำหนดพฤติกรรมของเรานั้นมิใช่กฎเกณฑ์เดียวกับผู้อื่น และข้าคิดว่าเกียรติยศของเราก็ต่างไปโดยสิ้นเชิงเช่นกัน และเป็นสิ่งอันตัดสินได้ยาก เว้นแต่ในสายตาของเหล่านักประวัติศาสตร์และปวงเทพเท่านั้น
ปล. หากมีใครได้อ่านฉบับอังกฤษแล้ว ช่วยหลังไมค์มาคุยกับจขบ. หน่อยนะคะ การไม่มีคนพร่ำเพ้อด้วยนี่มันอัดอั้นมากเลยอะ จะมายืมไปอ่านก็ได้เลยเอ้า T^T
Create Date : 29 มีนาคม 2553 |
|
23 comments |
Last Update : 29 มีนาคม 2553 21:51:00 น. |
Counter : 2096 Pageviews. |
|
|
|
อยากอ่านม๊ากมาก ถ้าซื้อภาษาอังกฤษมาอ่านปีหนึ่งคงอ่านไม่จบแน่ -*- บ่นๆค่ะ