หากเวทีแห่งนี้ ไม่มีพี่เลี้ยง (๒)
พี่เลี้ยงคนที่ว่านี้ อายุก็รุ่นราวคราวเดียวกับฉัน แต่เธอมีลูกสาวคนโตอายุ ๒๓ เพิ่งแต่งงานไป (บอกถึงตอนนี้ทีไร เป็นได้ขำก๊าก ทุกที เพราะทุกคนจะต้องมามองหน้าฉันแล้วถามว่า แกมัวทำอะไรอยู่) เราจ้างผ่านศูนย์มาด้วยเงื่อนไขพิเศษ ซึ่งเจ้าของศูนย์และเจ้าตัวรับทราบ แต่ไม่ได้ระบุไว้ในเอกสารการจ้าง เพราะสัญญาจ้างเป็นของที่ศูนย์ทำไว้สำเร็จรูป เงื่อนไขที่ว่าคือ เราแจ้งความประสงค์ไปว่า เราต้องการคนมาดูแลแม่กระต่ายขาเดียวเป็นหลัก งานรองคือทำงานบ้าน ทำอาหาร โดยต้องช่วยดูๆแลๆเผื่อไปถึงคุณบิดาของเราด้วย ทางศูนย์แจ้งว่า ราคาปกติอยู่ที่เดือนละ ๖ พันบาทไม่รวมค่าล่วงเวลา(อาทิตย์) แต่ถ้าทำทุกอย่างที่เราแจ้งมา เขาขอคิดเดือนละ ๘,๕๐๐ ซึ่งเราก็ตกลงจ้างไว้ตั้งแต่วันที่ ๗ เดือนพฤษภา เพื่อทดแทนพี่เลี้ยงคนก่อนที่ไม่ค่อยมีประสิทธิภาพแถมออกจะมือไวหยิบเอาของของเราติดมือไปบ่อยๆ นางบุญเพ็ญพี่เลี้ยงคนใหม่นี้เธอบอกว่า เธอไม่รู้จะไปไหน ดังนั้น เธอขอทำงานวันอาทิตย์ เพราะ “หนู่ไปไหนไม่ถู้กกกก” แต่เธอหายไปตลาดนัดได้เสมอ และสามารถโอนเงินไปให้ลูกได้เมื่อเงินออก ทั้งที่บ้านฉันอยู่ไกลจากธนาคารไทยพาณิชย์มากพอดู เธอเอาเวลาที่ไหนไปล่ะ ถ้าไม่ใช่เวลากลางวันที่พวกฉันมาทำงานและมีแต่เธอกับพ่อ-แม่ฉัน
แรกๆ ดูเธอก็ทำคะแนนดี ลงทุนตำน้ำพริกแกงส้มให้คุณนายทานต่างหาก เพราะคุณนายกระต่ายรับอาหารรสเผ็ดไม่ได้เลย หลังจากป่วยไปเมื่อหลายปีก่อนหน้านี้ แต่พอระยะหลังๆ นางบุญเพ็ญนี้ ก็เริ่มสำแดงความเป็นตัวตนออกมา นอกจากจะเอาแต่พูดโทรศัพท์ทั้งวันแล้วหลายต่อหลายครั้งเสียงที่ลอดออกมาเป็นเสียงผู้ชายแต่เธอบอกว่าเธอคุยกับลูก กับศูนย์ และเมื่อคุณนายติว่าทำไมอาหารเผ็ดจังเลย แม่ทานไม่ได้ เธอก็จะทำหน้าตายตอบมาว่า “ก็ที่บ้านหนู่ เขากินกันแบบนี้นี่คะ” หรือไม่ก็ “แกงนี้มันก็ต้องรสแบบนี้แหละค่ะ” จะว่าไปคุณนายของฉันก็มีส่วนผิดที่ทอดธุระทุกอย่างเพราะคิดว่าตัวเองพิการ แต่ความจริงนอกจากการเดินแล้ว คุณนายก็ยังมีศักยภาพอยู่ไม่น้อย...ไม่ได้หมายความว่า ให้แม่กลับมาทำงานบ้านนะคะ แต่หมายถึงว่า แม่ยังสามารถเป็นคนควบคุมดูแลได้ ถ้าจะทำ
ช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา พี่เลี้ยงก็ไม่ได้ลาอะไรบ่อยนัก มีแปลกๆ ก็ลาไปงานลอยกระทงกับที่ศูนย์ เราก็ถือว่าแต่ละคนก็มีเรื่องส่วนตัวต้องทำ แต่สิ่งที่รับไม่ได้ คือ
มีสองครั้งที่เธอลาไปแล้วหยิบเอากุญแจบ้านของเราไปด้วย และมีหลายครั้งที่เธอไม่ตรงต่อเวลาคือตามปกติของพี่เลี้ยงที่ลา หากออกไป ๓ โมงเช้า ก็ต้องกลับมาภายใน ๓ โมงเช้าของวันที่แจ้งว่าจะกลับ ถ้ากลับมาเกินบ่าย ๓ โมง จะเท่ากับลาไปอีกครึ่งวันเป็นต้น แต่เธอคนนี้จะหายไปเฉยๆ ไม่แจ้งว่าติดขัดอะไร จนค่ำมืด ต้องให้เราเป็นฝ่ายตามหาแต่เธอปิดมือถือ สุดท้ายต้องแจ้งไปที่ศูนย์ ทางนางมะลิฯ เจ้าของศูนย์ก็บอกให้เราหักเงินค่าล่วงเวลาไป ซึ่งนั่นเป็นการแก้ที่ปลายเหตุ สุดท้ายครั้งนั้น นางพี่เลี้ยงก็กลับมาในสภาพที่ทำให้ดูเหมือนป่วยเป็นไมเกรน คือ มีเสียงคัดจมูกฟืดๆ ฟาดๆ และคลื่นไส้อาเจียน ตอนฉันเดินไปลูบหลัง ก็ไม่เห็นจะมีอะไรออกมา นอกจากเสียงโอ้กอ้ากที่ทำขึ้นเอง โถ แม่คุณเอ๋ย จุดไต้ตำตอแท้ๆ ก็ฉันกับน้องสาวน่ะ คนเป็นไมเกรนตัวจริง โดยเฉพาะน้องสาวเป็นถึงขั้นนอนโรงพยาบาลมาแล้ว ทำไมจะดูไม่ออกว่านี่คือการแสดง แถมวันรุ่งขึ้นเธอก็ร่าเริงเป็นปกติ มันหายกันง่ายๆ อย่างนี้จริงก็ดีสิ ส่วนในครั้งนี้ วันที่ ๓๑ พวกเรามัวแต่ขนของจากบ้านเก่าเข้าบ้านใหม่กันทั้งวันไม่มีใครทันได้ยินสายเข้าเลยสักคน จนเย็นค่ำ เมื่อพี่เลี้ยงยังไม่กลับ น้องสาวถึงเห็นว่าพี่เลี้ยงโทรเข้ามา missed call แต่ก็โทรกลับไปหาไม่ได้ เพราะทางนั้นเป็นฝ่ายปิดเครื่อง
วันที่ ๑ ก็ยังไม่มีวี่แววของนางพี่เลี้ยงจนตกเย็นน้องสาวโทรไปหา คุณเธอบอกว่ากำลังกลับ ตอนนี้ อยู่แถวอนุสาวรีย์ แต่เมื่อถามสาเหตุว่าจะหาย(หัว)ไปแบบนี้ ทำไมไม่บอกกัน คุณเธอก็เฉไฉตอบไม่ตรงคำถามว่า เธอมากับลูก แต่เมื่อเธอบอกว่ากำลังจะกลับเราก็คิดว่าไว้ค่อยมาคุยกัน จนค่ำฉันตัดสินใจโทรไปแจ้งศูนย์เพชรสมุทรฯต้นสังกัด เพราะถือเป็นการจ้างผ่านศูนย์ ศูนย์ต้องเป็นฝ่ายรับผิดชอบถ้าคนไม่มา นางมะลิฯ แบ่งรับแบ่งสู้บอกว่าพี่เลี้ยงติดต่อเราไม่ได้ และหากต้องการคนมาแทน เราต้องรอให้เด็กอื่นกลับมาจากเที่ยวปีใหม่ก่อน
วันที่๒ คราวนี้ทางศูนย์เป็นฝ่ายติดต่อมาตอนสาย โดยเริ่มออกลายเข้าข้างคนของตัวเองด้วยการเบี่ยงเบนประเด็นว่า เด็กไม่ได้บ่นอะไรให้เราฟังบ้างหรือ ว่างานที่ทำอยู่นั้นเป็นงานหนัก ทำให้เขาแทบไม่มีเวลาพักผ่อน ---- อ้าว มันเป็นแบบนี้ไปได้ยังไงกันล่ะ เรากำลังพูดถึงเรื่องการไม่รักษาเวลาของลูกจ้าง แต่กลายเป็นเราเป็นฝ่ายถูกต่อว่าว่าทำผิดสัญญาจ้างไปเสียได้ “นั่นแหละค่ะ เขาไม่กล้าบ่น เพราะเขาเห็นแก่ความดีของลูกๆ คุณยาย” – อะไรกัน ถ้างานมันหนักหนาจริงๆ เขาจะทำอยู่กับเราได้อย่างไรตั้งครึ่งค่อนปี และที่สำคัญเจ้าตัวก็คงไม่ได้ตั้งใจจะลาออกไปแบบนี้หรอก แต่ห่วงเที่ยวกับแฟนใหม่ เพราะเสื้อผ้าข้าวของยังอยู่ในตู้ครบครัน รวมทั้งเสื้อผ้าใช้แล้วของคุณเธอก็ยังกองอยู่ในตะกร้าผ้าซัก และถ้างานหนักจนไม่มีเวลาจริง การที่เธอแผดเสียงพูดโทรศัพท์ที่ติดหูอยู่ได้ทั้งวันโดยไม่เกรงใจพ่อแม่ของฉันเพราะคิดว่าหูเสื่อมทั้งคู่นั้น จะเรียกว่าอะไรดี
วันที่ ๒ เป็นวันที่ฉันเองนั่งร้องไห้เป็นระยะๆ ทั้งวันกับข่าวสมเด็จพระพี่นางฯ สิ้นพระชนม์ รู้สึกว่าตัวเองร้องไห้จนแสบจมูกและปวดหัวไปหมด ที่สำคัญคือรู้สึกผิดที่ไม่ได้ทำสิ่งที่ตั้งใจในขณะที่พระองค์ท่านยังดำรงพระชนม์ชีพอยู่ เพราะทรงเป็นเจ้านายพระองค์แรกที่ฉันมีโอกาสได้เข้าเฝ้า นอกจากนี้แล้วยังต้องมานั่งเครียดกับเรื่องพี่เลี้ยงอีกต่างหาก เดชะบุญที่น้องสาวเปิดทำงานในวันที่ ๗ เราจึงยังพอมีเวลารับมือกับสถานการณ์นี้ได้
วันที่ ๓ ฉันเปิดทำงานเป็นวันแรก พร้อมอาการปวดหัว ทั้งๆที่ไม่ได้นอนดึกอย่างเคย ระหว่างทำงานก็มีการโทรศัพท์คุยกับน้องสาวเป็นระยะๆ ว่าตกลงที่นัดให้ทางศูนย์ เข้ามาพบพร้อมคนมาแทนน่ะมาหรือเปล่า กว่าจะได้คำตอบ ก็ต้องมีคำถามต่อไปว่า แล้วเขามาหรือยัง ฯลฯ ไม่ใช่ว่าน้องไม่ได้เรื่อง แต่เรื่องมันซับซ้อนเหลือเกินเนื่องจากทางศูนย์แจ้งว่าส่งคนแทนมาให้ตอน ๑๐ โมง เดินทางมาแล้ว แต่ก็ยังคงมาไม่ถึงสักที และแล้วน้องสาวก็โทรมาแจ้งว่า คนใหม่มาแล้ว โดยเจ้าของศูนย์เองก็ไม่ยอมมาพบหน้าเรา คงจะเพราะช่วยรับสมอ้างกับพี่เลี้ยงคนก่อนเอาไว้มากจนตัวเองก็กลัวว่าจะหลุดอะไรออกมากระมัง เพราะแค่นี้ เธอก็กลับคำแล้วว่าค่าจ้างที่เราจ่ายนั้น เป็นค่าจ้างอัตราปกติ สุดท้ายเราต้องไปส่งพี่เลี้ยงที่มาแทนนั้นขึ้นรถกลับศูนย์ในค่ำวันนั้นเลย
เนื่องจากเธอที่มาแทนนี้เคยดูแลแต่คนไข้ที่นอนไม่รู้ตัว ถึงเวลาก็ให้อาหารทางสายยาง เธอไม่ทำงานบ้าน ไม่ทำอาหาร และไม่ดูคุณตา – ตามที่นางมะลิฯกำชับไว้ว่าไม่ต้องทำ และยิ่งไปกว่านั้นคือ เธอไม่เต็มใจมาทำ เพราะไม่ใช่งานของเธอเองแต่แรก แถมนางมะลิฯ ยังบอกไว้อีกว่าให้ทำถึงแค่วันที่ ๗ เท่านั้น แล้วให้เก็บกระเป๋าและข้าวของของนางบุญเพ็ญกลับมาให้ด้วยในวันที่ ๘ เป็นการบอกไปในตัวว่า สัญญาสิ้นสุดกันไปเลยโดยไม่มีการติดค้าง – ก็ถือว่าเขาเข้าใจทำ เพราะตามปกติเดือนสุดท้ายผู้จ้างไม่ต้องจ่ายเงินเดือน ให้จ่ายเฉพาะค่าล่วงเวลาในวันหยุด ใน ๑ เดือนมีวันหยุด ๔ วันนางบุญเพ็ญขาดงานไป ๔ วันพอดี แต่เราเป็นฝ่ายยอมเสียเปล่าค่ะงานนี้ เพราะลำพังน้องสาวดูพ่อกับแม่ก็หนักแล้ว ยังต้องมาคอยดูพี่เลี้ยงแทนที่ทำอะไรไม่เป็น แม้แต่จะอาบน้ำให้คุณนาย เธอยังทำได้แค่หยิบสายฝักบัวส่งให้คุณนายอาบเอาเอง แล้วเราจะเอาเธอมานั่งรกบ้านทำไมล่ะค่ะ
อย่างไรก็ดีคนมาแทนนี้ก็ทำให้มั่นใจกับข้อสมมุติฐานของเราว่ามันเป็นจริง เพราะเธอคนนี้บอกว่า ทางศูนย์ไม่ได้มีงานลอยกระทง นางมะลิฯเป็นฝ่ายยอมเสียคนออกหน้ามารับสมอ้างให้กับนางบุญเพ็ญทุกเรื่อง
ระหว่างวัน เพื่อนหมูของฉันติดต่อมา เธอก็กำลังตกที่นั่งเดียวกันคือเด็กทำงานบ้านลาออก เพื่อนหมูอยู่บ้านกับคุณแม่ที่สุขภาพไม่ค่อยดี เมื่อมาทำงานก็ต้องทิ้งแม่อยู่บ้านคนเดียว วันหยุดปีใหม่ที่ผ่านมาทั้งเพื่อนและฉันก็ต่างทำหน้าที่ลูกอยู่กับบ้านกัน เพื่อนหมูคุ้นเคยกับการจ้างพี่เลี้ยงดี เพราะเธอเคยจ้างไว้สมัยก่อนที่พ่อเธอจะเสีย พ่อของเพื่อนป่วยหนักมากเป็นเวลานับเดือนนับปี มาครั้งนี้เพื่อนยังเป็นคนช่วยหาเบอร์ศูนย์พี่เลี้ยงแห่งใหม่ให้มาลองติดต่อดูหลายที่ ฉันส่งต่อหมายเลขต่างๆ ให้น้องสาวที่อยู่บ้านเป็นคนติดต่อ เคยคิดเล่นๆ ว่า ถ้าฉันไม่ได้เป็นมนุษย์เงินเดือน ซึ่งมีรายได้จากการทำงานบริษัทเพียงอย่างเดียว ฉันคงลาออกมาดูพ่อแม่เองไปนานแล้ว แต่ในความเป็นจริงมันทำไม่ได้
และแล้วเราก็ได้พี่เลี้ยงคนใหม่จาก บริษัท Perisko ย่านวัชรพลมาในเย็นวันศุกร์ ตอนนี้ก็ได้แต่ลุ้นกันว่าเธอจะสามารถรับมือได้หรือเปล่า เพราะเธอเคยทำแต่งานแม่บ้าน ไม่เคยต้องมาดูแลคนเจ็บ คนแก่ เธอกลัวว่าจะดูแลไม่ไหว แต่ก็กะตือรือร้นดีตามประสามาใหม่ ช่วงนี้เวลาทำงานก็เข้าเน็ตยากกว่าเดิมหน่อยเพราะว่าช้าจนน่าเศร้า แต่ถ้าอยู่บ้านจะไม่ได้เข้าเลยเพราะต้องอยู่เป็นพี่เลี้ยงให้เจ้าแป้ง(พี่เลี้ยงคนใหม่)ว่าต้องทำอะไร อย่างไร
ฉันก็ได้แต่ภาวนาว่า เรื่องของแป้งคงจะไม่ต้องมาขึ้นบล๊อกฉันในอนาคต
Create Date : 09 มกราคม 2551 |
|
17 comments |
Last Update : 9 มกราคม 2551 0:36:41 น. |
Counter : 1034 Pageviews. |
|
|
|
คุณตามีนัดกับหมอตา (ถ้าคุณยายก็นัดหมอ ยาย)
ไม่ได้เป็นอะไรหรอกค่ะ
เป็นการนัดติดตามผลปกติทุก ๓ เดือน (follow up) เพราะต้อหินจะไม่หายขาด
ต้องหยอดตาลดความดันลูกตา(ที่ไม่ได้หมายถึงฉันอีกน่ะแหละ)ตลอดไป