<<
มิถุนายน 2553
 
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
27282930 
 
14 มิถุนายน 2553
 
 
ละคร ดอกรักริมทาง ตอนที่ 21

ตอนที่ 21
“คุณวีตกลงอะไรกับเค้า”

ปฐวีอึกอัก เจนจิรากอดแขนปฐวี ตอบแทน

“เราสองคนตกลงกันว่าจะแต่งงานกัน ภายในอีกสามวันข้างหน้านี้จ้ะ”

อู๊ดอึ้ง

“อะไรนะ” ปวีณาโวยวาย

“แต่งงานเรอะ”

“จริงเหรอคะ คุณวี”

“จริงครับ ผมกับเจน เราจะแต่งงานกัน”

เจนจิราจูบแก้มปฐวีโชว์ฟอดใหญ่ ทินกร หนึ่ง ธัญญ์ พัดชามองตาค้าง แล้วหันไปมองหน้าอู๊ดว่าจะทำยังไง อู๊ดเสียใจสะบัดหน้าวิ่งหนีไป

“อู๊ด เดี๋ยวก่อน อู๊ด”

พัดชากับธัญญ์วิ่งตามอู๊ดไป เจนจิรา ยิ้มสะใจ ปวีณา ทินกร หนึ่ง มองปฐวีที่ยืนนิ่งให้เจนจิรากอดอย่างไม่เชื่อสายตา ธัญญ์พาอนุสร์กลับไปบ้าน อนุสร์พยายามกลั้นน้ำตาแต่ก็ดูเหมือนว่าจะกลั้นไว้ไม่อยู่ ธัญญ์เรียกอนุสร์ก็ไม่สนใจเดินขึ้นชั้นบนไปด้วยความเสียใจ ธัญญ์จะตามแต่พัดชาห้ามไว้

“อย่าเลยค่ะ คุณธัญญ์ ฉันว่าคุณอนุสร์คงต้องการอยู่คนเดียว”

ธัญญ์พยักหน้าเข้าใจ อนุสร์ทิ้งตัวลงนอนร้องไห้เสียใจ

“ไม่ อนุสร์ อย่าร้องไห้ เขารักไอ้อู๊ด แต่เค้าไม่ได้รักเราสักหน่อย เราจะเสียใจไปทำไม เราต้องไม่เสียใจ”

อนุสร์บอกตัวเอง แต่ดูเหมือนว่าจะไม่สำเร็จเพราะน้ำตายิ่งไหลออกมามากขึ้นกว่าเดิม หลังจากนั้นธัญญ์กับพัดชานั่งดื่มน้ำชาคุยกันถึงเรื่องที่เกิดขึ้น

“ฉันไม่อยากเชื่อ ว่าคุณวีจะแต่งงานกับคุณเจนจิรา...แปลก”

“นั่นสิ...แล้วก็เห็นกันอยู่ชัด ๆ ว่าคุณวีชอบนุส ทำไมมันกลายเป็นคุณเจนจิราไปได้”

“ฉันว่ามันต้องมีอะไรไม่ชอบมาพากล แน่ ๆ ยัยคุณเจนต้องทำอะไรสักอย่าง คุณวีถึงได้ยอมเป็นเจ้าบ่าวให้”

“อาจจะเป็นเรื่องเกี่ยวกับฮั่งตู๋ก็ได้... คุณไปสืบมาหน่อยสิ”

“อ้าว ทำไมต้องชั้นด้วยล่ะ”

“ก็ผมเป็นเพื่อนนุส คุณวีแกอาจจะไม่ไว้ใจผมก็ได้ แล้วอีกอย่าง ไอ้เรื่องสอดรู้สอดเห็นเรื่องชาวบ้าน ผมว่ามันทางคุณอยู่แล้ว”

“พูดแบบนี้หมายความว่ายังไง”

“ก็หรือไม่จริง ตอนนุสปลอมเป็นไอ้อู๊ดคุณยังตามจิกไม่ปล่อยเลยนี่”

“ไม่ใช่ย่ะ ตอนนั้นชั้นสืบ เพราะชั้นอยากรู้ว่า...” พัดชาชะงักเพราะนึกขึ้นมาได้เลยต้องแกล้งทำเป็นยกชาขึ้นจิบไม่พูดอะไรต่อ

“อะไร อ๋อ ตอนนั้นคุณสืบ เพราะคุณอยากรู้ว่านุสเป็นใคร เพราะคุณหึงผมกับนุสใช่ ไหมล่ะ”

“ไม่ใช่ อย่ามามั่วนะ หลงตัวเอง”

“คุณยังหลง ผมไม่หลงได้ยังไง ดูดี ๆ สิคุณน่ารักน่าหลงจะตายไป”

พัดชาหมั่นไส้เอามือผลักถาดตีหน้าธัญญ์ดังเพล้ง ธัญญ์โวยวาย ทั้งสองเล่นกันเหมือน เด็ก ๆ อนุสร์มองเห็นธัญญ์กับพัดชามีความสุขกันแล้วอดเศร้าไม่ได้

“ฮั่งตู๋รู้ไหม นอกจากฮั่งตู๋ นุสไม่เหลือใครแล้วนะ ฮั่งตู๋เป็นเพื่อนแท้คนเดียวของนุส...ฮั่งตู๋อยู่ที่ไหน ไม่ต้องห่วงนะ ถึงจะไม่มีเค้า นุสก็ต้องตามหาฮั่งตู๋ให้เจอให้ได้”

เวลาเดียวกันนั้นฮั่งตู๋กำลังเดินไปรอบ ๆ ภายในห้องเก็บของที่ถูกขังไว้เพื่อหาของกิน

“ไม่มีอะไรกินได้เลย น้ำสักหยดก็ยังไม่มี...โอ๊ย หิว หิวเหลือเกิน” ฮั่งตู๋ฟุบกับพื้นห้อง เริ่มหมดแรง “...เจ้านายครับ ผมจะทำยังไงดี คราวนี้ ถึงคราวผมจะต้องตายจริง ๆ เหรอครับ เจ้านาย”

คืนนั้นวีณาพานวลจันทร์เดินเข้ามาในบ้านปฐวีด้วยอารมณ์แรง ป้าอุ้งกับลำดวนพากันแตกตื่น

“ไหน ตาวีอยู่ที่ไหน วี อย่าหลบหน้าแม่นะ วีอยู่ไหน ออกมาหาแม่เดี๋ยวนี้ วันนี้ยังไงต้องคุยให้แตกหักกันไปข้าง”

“ใจเย็น ๆ ก่อนค่ะ คุณนวลขา ค่อยพูดค่อยจากันก่อนค่ะ คุณวีแกไปทำอะไรให้เหรอคะ”

“ไม่ต้องมาออกรับแทนกัน ป้าอุ้งยังไม่รู้สินะ ว่าไอ้ลูกไม่รักดีของชั้นมันทำอะไรลงไป มันจะแต่งงานกับแม่เจนจิรา”

“หา”

“แต่งกับคุณเจนจิรา อีกแล้วเหรอคะ”

“มันจะเป็นไปได้ยังไงคะ คุณนวล ในเมื่อคุณวีเธอก็ทราบว่า คุณเจนจิราไม่ใช่คนดี”

“ก็นั่นน่ะสิ ป้าอุ้ง ณาถึงต้องพาคุณแม่มา หัวเด็ดตีนขาด ณาไม่ยอมให้วีแต่งงานกับคนอย่างยัยเจนจิราแน่ เป็นไงก็เป็นกันซี”

ปฐวีเดินลงบันไดมา “แต่ผมมีความจำเป็นครับ พี่ณา คุณแม่...ผมต้องแต่งงานกับเจน”

“ความจำเป็นอะไรไม่ทราบ”

ปฐวีอธิบายให้ปวีณากับนวลจันทร์ฟัง

“เจนเป็นคนเดียวที่รู้ว่าพินัยกรรมของคุณอรรณพอยู่ที่ไหน และอาจจะเป็นเบาะแสเดียว ที่เราจะตามหาตัวฮั่งตู๋ได้”

“วีก็เลยจะแต่งงานเพื่อเอาพินัยกรรม กับฮั่งตู๋มาคืนให้คุณอนุสร์...มันไม่มากไปหน่อยเหรอลูก นี่มันชีวิตของเราทั้งชีวิตนะ”
“แม่ครับ ผมแค่รับปากเพื่อหลอกให้เจนเค้าตายใจเท่านั้น เค้าจะได้ไม่ทำลายพินัย กรรมทิ้ง แล้วผมจะหาทางเอามันคืนมาให้ได้ ก่อนจะถึงวันแต่งงานจริง ๆ ผมขอโทษครับ ที่ทำให้แม่ตกใจ...มันคับขันมาก ผมไม่มีเวลาอธิบาย หรือบอกใครก่อนทั้งนั้น”

“ไม่เป็นไรลูก ถ้ามันไม่ใช่ความจริงแม่ก็ค่อยเบาใจ”

“เฮ้อ ค่อยยังชั่ว พี่นึกว่าวีโดนยัยเจนทำของใส่เข้าให้ซะแล้ว ..แล้วนี่วีบอกพวกคุณอนุสร์รึยัง ว่าการแต่งงานนี่มันไม่ใช่เรื่องจริง”

“ผมบอกไม่ได้หรอกครับ คุณอนุสร์จะรู้เรื่องนี้ไม่ได้ ผมต้องให้เจนเห็นว่าคุณอนุสร์ โกรธผม ทุกคนโกรธผม เจนจะได้ไม่สงสัย”

“สงสารคุณอนุสร์ คงเสียใจแย่”

“แล้ววีจะเอาพินัยกรรมมายังไง มีแผนแล้วเหรอ”

ปฐวียังไม่ทันตอบ เสียงโวยวายก็ดังลั่นเข้ามาในห้อง ทั้งสามชะงักพร้อมกัน เจนจิรากำลังทะเลาะกับป้าอุ้งที่ไม่ยอมให้เจนจิราเข้าบ้าน

“ถอยไปนะ ฉันจะเข้าไปหาว่าที่สามีของชั้น แกอย่าบังอาจมาขวาง”

“ต๊าย กล้าพูดนะ หน้าไม่อาย สามง สามีพูดมาได้ นังลำดวน ได้รึยัง ไม้กวาดน่ะ”

“มาแล้วค่ะ”

“ดี แกกวาดออกไปให้หมดนะ พวกของเน่าของเหม็น อย่าให้เข้ามาในบ้าน เราได้ ออกไป ชิ่วชิ่ว”

“นังป้าอุ้ง มันชักจะมากไปแล้วนะ”

เจนจิราเงื้อมือจะตบป้าอุ้ง ลำดวนเข้ามาขวาง

“อย่านะคะ คุณเจน ไม่งั้นหนูไม่เกรงใจจริง ๆ ด้วย”

เจนจิราผลักลำดวน ลำดวนร้องโอ๊ยเซไป เจนจิราจะเข้ามาตบตีป้าอุ้ง ลำดวนเข้าช่วยเลยกลายเป็นมวยหมู่ปล้ำกันอยู่สามคน ระหว่างนั้นนวลจันทร์ ปวีณาและปฐวีวิ่งเข้ามา

“หยุดนะครับ ทุกคน หยุดนะ เจน”

“วีห้ามเจนทำไมคะ ในเมื่ออีขี้ข้าสองคนนี้เป็นคนหาเรื่องเจนก่อน มันไม่ยอมให้เจนเข้าไปหาวี”

“ป้าอุ้งกับลำดวนเป็นคนอยู่ที่บ้านนี้ ในเมื่อเขาไม่ให้เข้าบ้าน แล้วเธอจะด้านเข้า มาทำไม ล่ะจ๊ะ”

“ทำไมจะเข้ามาไม่ได้ล่ะคะ ในเมื่อบ้านนี้เป็นบ้านของวี ว่าที่สามีของเจน”

“มันไม่จริงใช่ไหมคะ คุณวี”

“จริงครับ ผมกับเจนเพิ่งตกลงกันเมื่อบ่ายนี้ ว่าเราจะแต่งงานกัน”

เจนจิรายิ้มเยาะ ป้าอุ้งกับลำดวนหน้าซีด เสียใจ

“คุณวี ทำไมคะ...คุณนวล ทำไมไม่ห้ามคุณวี”

“แม่ห้ามผมไม่ได้หรอกครับ ผมตัดสินใจแล้ว ผมจะแต่งงานกับเจน”

ปฐวีสบตาปวีณา ปวีณาหันไปสบตานวล จันทร์อย่างมีเลศนัย

“ใครว่า แม่ขอห้ามไม่ให้ลูกแต่งงานกับแม่เจนจิรา ถ้าวีไม่เชื่อแม่ เราสองคนขาดกัน”

เจนจิราไม่รู้ว่าเป็นแผน มองปฐวีลุ้นไปด้วย

“แต่ผมรับปากเจนไปแล้ว”

เจนจิรายิ้มสะใจ “ได้ยินแล้วใช่ไหมคะ”

“ตามใจ! ถ้าวีเห็นผู้หญิงดีกว่าแม่ ก็ไปเลย หอบผ้าหอบผ่อนไปอยู่ด้วยกัน ออกไปให้พ้นจากบ้านหลังนี้ไปเลย”

ป้าอุ้งไม่รู้ว่าเป็นแผนหลงเชื่อ “คุณนวลคะ ใจเย็น ๆ ก่อนค่ะ”

“ป้าอุ้งอย่าห้ามแม่เลยค่ะ แม่ทำถูกแล้ว ถ้าวีเห็นคนอื่นดีกว่าแม่ ก็ไปอยู่กับเค้าเลยไป”

“บ้านนี้เป็นบ้านของวี คนที่ควรจะออกไปจากที่นี่ คือคุณแม่กับพี่ณามากกว่านะคะ”

“แต่ตาวีมันเป็นลูกของชั้น เงินที่ซื้อบ้านนี้ก็เงินชั้น...แม่ขอไล่วีออกจากบ้านหลังนี้ แม่จะตัดวีออกจากกองมรดกด้วย”

เจนจิราอึ้งไปเพราะผิดแผน แต่ปฐวีทำเป็นหยิ่งไม่แคร์

“เอาเลยครับ ผมจะพิสูจน์ให้แม่เห็น ว่าเงินของแม่บังคับผมไม่ได้” ปฐวีคว้าแขนเจนจิราที่ยืนงงอยู่ “ไป เจน เราไปจากที่นี่กัน”

“เอ่อ ไปไหนคะ”

“ผมบอกให้ไปก็ไปซี ไปอยู่บ้านเจนก็ได้ ผมไม่อยากอยู่ที่นี่ ไป”

ปฐวีลากแขนเจนจิราออกไป เจนจิราอึ้งแต่ก็เลยตามเลยทำอะไรไม่ได้ ป้าอุ้งกับลำดวน มองปวีณากับนวลจันทร์เห็นทั้งสองคนยืนยิ้มสะใจ อยู่ก็แปลกใจ ไม่นึกว่าทั้งสองจะตัดปฐวีได้ง่าย ๆ

“เอ่อ คุณนวล คุณณาคะ...”

นวลจันทร์หันมายิ้ม เหมือนไม่มีเรื่องอะไร “อะไรจ๊ะ”

“คือ คุณวี...คุณวีเธอไปแล้วจริง ๆ นะคะ...”

“ไปได้ก็มาได้ ไม่มีอะไรหรอกค่ะ ป้าอุ้ง ไม่ต้องกลุ้มใจ It's all right”

ขณะนั้นฮั่งตู๋เริ่มอาการแย่ลงเรื่อย ๆ หลังจากไม่ได้กินอาหารเลยจนถึงกับฝันถึงอรรณพ โดยฮั่งตู๋กำลังวิ่งเล่นอย่างมีความสุข

“ฮั่งตู๋”

ฮั่งตู๋ได้ยินเสียงเรียกหันไปเห็นอรรณพ อยู่ในชุดขาวหน้าตาสดใสยิ้มแย้ม ฮั่งตู๋ดีใจ ตื้นตัน “เจ้านาย”

อรรณพโยนฟริสบี้ลอยมากลางอากาศ ฮั่งตู๋กระโดดคาบแล้ววิ่งเอามาส่งให้

“เก่งมาก ฮั่งตู๋”

“เจ้านาย ผมดีใจจังที่ได้เจอเจ้านายอีก ผมคิดถึงเจ้านายนะครับ”

“ฉันก็คิดถึงแก ฮั่งตู๋ แกเป็นหมาที่ดี ฉันภูมิใจในตัวแกมาก”

อรรณพกอดฮั่งตู๋ “รักษาตัวดี ๆ ล่ะ ฉันต้องไปแล้ว”

อรรณพเดินไป ฮั่งตู๋วิ่งตาม “ผมไปด้วยครับเจ้านาย”

“ไม่ได้ ฮั่งตู๋ แกยังไปกับฉันไม่ได้ อนุสร์รักแกมากนะ แกต้องอยู่ต่อไป” อรรณพยิ้มบรรจงถอดปลอกคอให้ฮั่งตู๋ แล้ว กระซิบบอก “ไป ฮั่งตู๋ อนุสร์รอแกอยู่ แกต้องกลับไปหาอนุสร์ให้ได้”

อรรณพโยนปลอกคอทิ้ง แล้วเดินหายวับไปในม่านหมอกสีขาว ฮั่งตู๋กระโจนตาม

“เจ้านาย”

ฮั่งตู๋ละเมอกระโจนแล้วติดโซ่ที่ดึงไว้สะดุ้งตื่นจากฝัน

“อุ๊ย ฝันไปนี่นา...นึกว่าเรื่องจริงซะอีก”

ฮั่งตู๋ขยับแล้วชะงักเห็นว่าโซ่ที่ล่ามตัว เองไว้กับเสานั้นติดอยู่ได้เพราะมีปลอกคอ

“ปลอกคอ เจ้านายถอดปลอกคอให้ เราทำไม...จริงสิ ถ้าไม่มีปลอกคอ เราก็จะออกไปได้ เราก็จะเป็นอิสระ ขอบคุณมากครับ เจ้า นายครับ...ฮั่งตู๋รอดแล้ว ฮั่งตู๋จะรอดแล้ว”

ฮั่งตู๋นั่งลงพยายามหาทางถอดปลอกคอตัวเอง

ในห้องนอนเจนจิรานอนหลับอยู่บนเตียง โดยมีปฐวีนอนอยู่ข้าง ๆ นาฬิกาที่หัวเตียงบอกเวลาตีสี่ ปฐวีหรี่ตาขึ้นมาส่งเสียงเรียกเบา ๆ

“เจน เจน”

ปฐวีเห็นเจนจิรานอนนิ่งรีบลุกขึ้นจากเตียง ก่อนจะย่องออกไปที่ตู้เสื้อผ้าเปิดค้น

“เจนเก็บภาพเขียนเอาไว้ที่ไหนนะ”

ปฐวีรื้อค้นตามที่ต่าง ๆ ในห้องเพื่อหาภาพเขียนแต่ไม่เจอ ขณะที่กำลังค้นไฟฉายอันเล็กก็หล่นจากมือและดับลง ปฐวีบ่นด้วยความหงุดหงิด ระหว่างที่กำลังจะก้มลงเก็บไฟฉาย ทันใดนั้นไฟในห้องก็สว่าง ปฐวีตกใจ เมื่อเห็นเจนยืนหน้านิ่งอยู่ข้างหลัง

“หาพินัยกรรมอยู่เหรอคะ วี”

ปฐวีอึ้งที่โดนจับได้

“เจนนึกแล้ว ว่าทำไมวีรับปากง่ายนัก ที่แท้วีก็คิดจะหักหลังเจน วีคิดจะแอบขโมยพินัยกรรมไปตอนเจนเผลอใช่ไหมคะ”

ปฐวีทำเข้มกลบเกลื่อน “ผมแค่อยากรู้ ว่าเจนมีพินัยกรรมอยู่จริง ๆ รึเปล่า แต่ในนี้ไม่มีภาพเขียนสักภาพเดียว เจนต่างหากที่หลอกผม เจนต่างหากที่คิดจะหักหลังผม”
“ไม่จริงค่ะ เจนไม่ได้หลอก พินัย กรรมอยู่กับเจนจริง ๆ แต่เจนไม่โง่เอามาวางไว้ให้ใครมาฉกไปได้ง่าย ๆ หรอกค่ะ”

“ผมจะเชื่อได้ยังไง...เจนพิสูจน์ได้ไหมล่ะ เจนถ่ายรูปภาพเขียนอันนั้น ส่งเข้ามือถือมาให้ผมดู ผมจะได้รู้ว่าเจนมีภาพเขียนอันนั้น อยู่จริง ๆ”

เจนจิรานิ่งไม่แน่ใจ

“ผมไม่แตะต้องภาพเขียนภาพนั้นก็ได้ แต่ผมต้องการเห็นว่ามันอยู่กับเจนจริง ๆ... ว่าไง”

พัดชาให้ไพลินช่วยสืบเรื่องปฐวีกับเจนจิราว่าเป็นเรื่องจริงหรือไม่ ไพลินเล่าเรื่องปฐวีให้พัดชาฟังระหว่างนั่งรถไปตีกอล์ฟ

“แล้วคุณวีว่ายังไงคะ”

“จะว่ายังไง คุณวีก็ยืนยันว่ายังไง ก็จะแต่งงานกับแม่เจนจิรานั่นให้ได้ คุณป้านวลจันทร์ ก็เลยโกรธใหญ่ ไล่คุณวีออกจากบ้าน”

“ขนาดนั้นเลยเหรอคะ”

“ไม่ใช่แค่นั้นค่ะ ลูกขา คุณป้านวลประกาศตัดคุณวีออกจากกองมรดก เรียกว่าตัดแม่ตัดลูกกันเลยทีเดียว”

“ไม่น่าเชื่อ”

“คุณแม่ก็ไม่อยากจะเชื่อ พี่นวลแกรักลูกชายอย่างกับอะไร ปกติก็เห็นตามอกตามใจกันมาตลอด ไม่รู้กินยาผิดรึยังไง จู่ ๆ ก็โหดขึ้นมา”

พัดชานิ่งคิดยิ่งสงสัย

“แล้วพ่อลูกชายก็พิลึก คิดดูสิคะ ลูก แทนที่จะค่อย ๆ พูดกับแม่ให้เข้าใจกลับผลุนผลันดันทุรังหอบเสื้อผ้าไปอยู่บ้านผู้หญิงซะงั้น นี่คุณแม่มาคิด ๆ นะคะ ยังแอบดีใจที่หนูไม่ได้ไปลงเอยกับคุณปฐวี ดูเป็นคนผีเข้าผีออกยังไง พิกล”

จู่ ๆ พัดชาก็จอดรถ “อีกนิดเดียวก็ถึงแล้ว คุณแม่เดินต่อไปเองนะคะ หนูขอยืมรถแป๊บนึง เดี๋ยวมา”

ไพลินโดนพัดชาดันลงจากรถงง “อ้าว แล้วหนูจะไปไหนลูก พัดชา”

พัดชาไม่สนขับรถกอล์ฟซิ่งออกไปโทร ศัพท์ไปด้วย

“คุณธัญญ์ ฉันเอง...อะไร เพิ่งตื่นนอนเหรอคุณน่ะ”

“กำลังฝันว่าสวีทกับคุณอยู่เลย โทรฯ มาขัดจังหวะทำไมเนี่ย ในฝันน่ะ คุณกับผมกำลังจะ...”

“พอแล้ว ไม่ต้องพูด คนบ้า ๆ ฝัน บ้า ๆ...ฉันโทรฯ มานี่เพราะมีข่าวใหม่ จะฟังรึ ไม่ฟัง”

พอธัญญ์รู้เรื่องจากพัดชาก็แปลกใจไม่แพ้กัน

“ผมก็ไม่เชื่อ ผมไม่คิดว่าคุณวีจะรักยัยเจนมากมายขนาดนั้น ถึงขั้นยอมตัดขาดกับแม่ ยิ่งไม่มีทาง”

“แต่คุณแม่ชั้นเป็นเพื่อนรักของคุณป้านวล ข่าวนี้รับรองว่ากรองมาแล้วไม่มีมั่วแน่”

“ถ้ามันเป็นเรื่องจริง ผมก็มั่นใจว่าคุณวีต้องทำไปเพราะต้องการอะไรสักอย่าง... อาจจะเป็นการช่วยนุสหรือฮั่งตู๋ทางอ้อม เออ คุณพัดชา วันนี้คุณว่างไหม”

“จะอะไรอีกล่ะ คุณ”

“บังเอิญวันนี้ผมติดธุระ ผมวานคุณช่วยทำอะไรอย่างนึงสิ”

เวลาเดียวกันเจนจิราแต่งตัวเตรียมจะออกจากบ้าน ระหว่างนั่งรอปฐวีก็ส่งเมสเสจไปด้วย เมื่อเจนจิราหันมาปฐวีก็ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้

“เจนจะออกไปถ่ายรูปภาพเขียนอันนั้น แล้วเจนจะส่งเมลเข้ามาให้วีดู วีรออยู่ที่นี่ก็ แล้วกัน”

“ได้ ไม่มีปัญหา...เจนรีบไปดีกว่า เดี๋ยวสายรถจะติด”

เจนจิราจะออกไป ปฐวีลุกขึ้นอย่างกระตือรือร้น ประตูเปิดมีนาเดินเข้ามา

“สวัสดีค่ะ คุณวี”

“พี่มีน นี่พี่มีนมา...”

“เจนขอให้พี่มีนมาอยู่เป็นเพื่อนวีน่ะค่ะ อย่างน้อย เจนจะได้สบายใจ ว่าวีจะไม่แอบตามเจนไป”

เจนจิราออกจากห้องไป มีนายิ้มให้ปฐวี ปฐวียิ้มตอบแบบไม่สะทกสะท้าน เจนจิราขับรถออกไปจากคอนโดฯ ห่างออกไปทินกรกับหนึ่งแต่งตัวแบบแก๊งฮาร์เล่ย์มีผ้าปิดหน้าครึ่งนึง จนแทบจะมองไม่เห็นหน้าว่าเป็นใครขี่มอเตอร์ไซค์ตามไป ห่างออกไปอีกมุมมีรถพัดชาดักตาม มาอีกคันทิ้งช่วงกันห่าง ๆ พัดชาโทรฯ รายงาน ธัญญ์

“ฉันกำลังตามคุณเจนจิราออกจากบ้าน แต่คุณทายซิ ฉันเจออะไร”

“ไม่ใช่เนื้อคู่แน่ ๆ เพราะผมอยู่ที่นี่ อ๊ะ ๆ ล้อเล่นนิดเดียว อย่าเพิ่งโมโห คุณเจออะไรครับ”

“คุณทินกับคุณหนึ่ง ลูกน้องของคุณวี กำลังสะกดรอยตามคุณเจนจิรา”

“ถ้าอย่างนั้น แปลว่าผมเดาไม่ผิด คุณวีกำลังทำอะไรบางอย่างอยู่แน่ ๆ”

“ฉันก็ว่างั้น ฉันจะตามต่อไปนะ ได้เรื่อง ยังไงจะส่งข่าวอีกที”

พัดชาตามเจนจิรา และพวกทินกรไป ห่าง ๆ
อนุสร์บอกธัญญ์ว่าอยากออกไปช่วยตำรวจตามหาเบาะแสของจิตรีเพื่อนำไปสู่ฮั่งตู๋ ธัญญ์จะโทรฯ บอกปฐวี แต่อนุสร์ห้ามไว้เพราะยังน้อยใจคิดว่าปฐวีคงกำลังยุ่งอยู่กับการเตรียมตัวแต่งงานกับเจนจิรา เมื่ออนุสร์กับธัญญ์ไปถึงสถานีตำรวจ ทั้งคู่ก็ถูกพาไปที่ห้องสอบสวนเพื่อต่อรองกับสิทธิศักดิ์

“นายสิทธิศักดิ์ยอมรับผิดทุกอย่าง เพราะจำนนต่อหลักฐาน ทั้งพยานวัตถุและพยานบุคคล ทั้งข้อหาทำร้ายร่างกาย และพยายามฆ่าคุณอนุสร์ พัฒนปรีดี คงต้องโทษจำคุกไม่น้อยกว่าสิบห้าปี คุณอนุสร์เค้าอยากจะคุยกับแก”

สิทธิศักดิ์มองธัญญ์กับอนุสร์ ยิ้มเยาะ “มีอะไรว่ามา”

“ศักดิ์ ถ้าเธอยอมช่วยฉัน ยอมบอกฉันว่าคุณจิตรีพาฮั่งตู๋ไปไหน ฉันจะทำทุกอย่างเพื่อช่วยให้เธอได้รับโทษน้อยลง”

“เหรอ ช่วยให้ไม่ติดคุกเลยได้ไหม เชอะ ยังไง ฉันก็ต้องเข้าคุกอยู่ดี อย่ามาหลอกใช้ฉันซะให้ยาก”

“มาถึงขนาดนี้แล้ว แกไม่คิดจะทำดี ลบล้างความชั่วมั่งหรือยังไง”

“แกไม่ต้องมาหลอกฉัน พวกแกกำลังจนตรอกใช่ไหมล่ะ พวกแกหาคุณจิตรีไม่เจอใช่ไหม พวกแกคงกลัวไอ้ฮั่งตู๋จะตายล่ะสิ ฮ่ะฮ่ะฮ่ะ”

“ศักดิ์ ฮั่งตู๋เป็นแค่หมาตัวนึง เค้าไม่เกี่ยวอะไร บอกชั้นมาเถอะ ฮั่งตู๋อยู่ที่ไหน”

“ไม่มีทาง! ถ้าไม่มีไอ้ฮั่งตู๋ ชั้นคงไม่เป็นแบบนี้ ฉันเกลียดมัน ไอ้ฮั่งตู๋ต้องตาย แกไม่มีทางได้เห็นมันอีกแน่ ๆ ทำใจได้เลย”

อนุสร์อึ้ง ธัญญ์เข้ามาเขย่าคอสิทธิศักดิ์อย่างลืมตัว

“ไอ้สารเลว แกบอกฉันมานะ พวกแกเอาฮั่งตู๋ไปไว้ที่ไหน บอกมา”

สิทธิศักดิ์ไม่ตอบ เอาแต่หัวเราะสะใจ ตำรวจต้องเข้ามาแยกธัญญ์ออก แล้วลากตัวสิทธิศักดิ์กลับเข้าห้องขังไป

เจนจิราขับรถมุ่งหน้าไปบ้านสวนเพื่อหาจิตรีพร้อมกับภาพเขียน แต่พยายามโทรฯ หาจิตรีเท่าไหร่ก็ไม่มีคนรับสาย เพราะจิตรีกำลังหั่นเนื้อเพื่อต้มอยู่ในครัว ขณะที่ฮั่งตู๋กำลังจะเอาปลอกคอออกสำเร็จ เจนจิราพยายามจะกดโทรฯ อีกแต่โทรศัพท์กลับลื่นหลุดมือกระเด็นลงไปข้าง ๆ เบาะ เจนจิราเอื้อมมือไปควานหา ทินกรกับหนึ่งขี่มอเตอร์ไซค์ตามหลังเห็นรถเจนจิราเอียงไปด้านข้างก็คิดว่าจะเปลี่ยนเลน พัดชาเองก็ตามมาติด ๆ

เจนจิราเอื้อมมือคว้าโทรศัพท์ได้เงยหน้าขึ้นมาเห็นรถตัวเองเอียงจะชนมอเตอร์ไซค์ที่พุ่งออกจากซอยมาในระยะใกล้ เจนจิราตกใจกดแตรลั่น มอเตอร์ไซค์เห็นรถเจนจิราพุ่งเข้ามา รีบหักหลบไปอีกทาง รถเจนจิราพุ่งเข้าไปจอดที่ข้างทาง ส่วนมอเตอร์ไซค์พุ่งไปกลางถนนชนเข้ากับรถของหนึ่งกับทินกรที่ตามมาอย่างกระชั้นชิด พัดชาเองก็เกือบจะชนทั้งคู่รีบเบรกก่อนจะลงมาดู เจนจิรามองจาก กระจกหลังเห็นทั้งหมดจึงรู้ว่าปฐวีให้คนแอบตามมาเจนจิรา ตกใจรีบออกรถหนีไป พัดชากำลังช่วยประคองหนึ่งกับทินกรพอดีเห็นรถเจนจิราวิ่งออกไป พัดชาวิ่งตามมองเห็นรถเจนจิราเลี้ยวลับตาไป

ด้านอนุสร์ออกมาจากสถานีตำรวจด้วยความเศร้า ส่วนธัญญ์ยังโมโหสิทธิศักดิ์ไม่หาย อนุสร์เป็นห่วงฮั่งตู๋มาก ธัญญ์พยายามปลอบใจ ระหว่างนั้นพัดชาก็โทรฯ มาบอกว่าคลาดกับเจนจิราเพราะเกิดอุบัติเหตุนิดหน่อย ธัญญ์รีบถามว่าพัดชาเป็นอะไรหรือเปล่า พอรู้ว่าไม่เป็นไรก็โล่งอก พัดชาจึงถามว่าพอจะรู้ไหมว่าทำไมเจนจิราจึงมาแถวนี้ ธัญญ์กับอนุสร์จึงกลับเข้าไปสอบถามจากตำรวจ

“เขตนั้นเป็นภูมิลำเนาเดิมของคุณจิตรีกับคุณเจนจิราครับ”

“หมายความว่า บ้านของเค้าสองคนอยู่แถวนั้นใช่ไหมคะ”

“บ้านเก่าน่ะครับ ทั้งคุณจิตรี ทั้งคุณเจนจิราเกิดที่นั่น แต่ย้ายชื่อออกมาจากบ้านนั้น มาได้สิบกว่าปีแล้วครับ”

“แต่เรารู้บ้านเลขที่ เราก็น่าจะหาบ้าน หลังนี้ได้ไม่ยาก ผมว่ามันมีความเป็นไปได้ว่าคุณจิตรีอาจจะพาฮั่งตู๋ไปไว้ที่นั่น”

“มันก็เป็นไปได้ครับ แต่แถวนั้นเป็น สวนเป็นคลองทั้งนั้น ไม่มีถนนตัดผ่าน จะหาบ้านร้างเก่า ๆ ซักหลัง คงหาไม่ง่ายหรอกครับ”

ธัญญ์กับอนุสร์มองหน้ากันอย่างมุ่งมั่นก่อนจะตัดสินใจตามพัดชาไป ขณะนั้นเจนจิราไปถึงใกล้กับบ้านแล้วรีบเอารถไปจอดแอบ ก่อนจะหอบภาพเขียนฮั่งตู๋ขึ้นเรือไปที่บ้านสวน เวลาเดียวกันนั้นจิตรีต้มเนื้อได้ที่แล้วก็เอา ยาพิษมาใส่หวังจะหลอกให้ฮั่งตู๋กินหลังจากปล่อยให้อดมาหลายวัน ระหว่างนั้นฮั่งตู๋เขี่ยเข็มขัดที่ปลอกคอหลุดและสลัดปลอกคอออกจากคอจนได้

“สำเร็จแล้ว ต้องรีบหนี ก่อนที่ยัยแม่มดจะรู้ตัว” ฮั่งตู๋วิ่งวนรอบห้อง ดม ๆ หาทางหนี “มันต้องมีสิ มันต้องมีซักทาง”

ฮั่งตู๋เงยหน้าแสงแดดส่องแยงตาฮั่งตู๋ชะงักเห็นรอยแยกเผยอของหน้าต่างที่บานปิดงับไว้ไม่สนิทเพราะกลอนเสีย ฮั่งตู๋ยืนขึ้นเอาขาเขี่ยหน้าต่างเปิดได้เห็นท้องฟ้าข้างนอกสดใส

“ตอนนี้ ก็เหลือแค่เราจะปีนหน้าต่างออกไปยังไง จะโดดก็คงไม่ไหว นี่ขนาดอดข้าวมาสามวันแล้วนะนี่ ยังไม่ผอมเลย เฮ้อ”

ปฐวีจัดการมัดมีนาไว้กับเก้าอี้ ระหว่างนั้นทินกรก็โทรฯ มาบอกเรื่องที่คลาดกับเจนจิราไปจนได้ ปฐวีว่าไม่เป็นไรเขาจะจัดการต่อเองและจะออกไป ปฐวีวิ่งไปที่ประตูกำลังจะออกไปก็มีโทรศัพท์ดังขึ้นอีก คนที่โทรฯ มาคือธัญญ์นั่นเองที่โทรฯ มาถามปฐวีว่ารู้จักบ้านเก่าของเจนจิราหรือไม่ โดยมีอนุสร์คอยลุ้นอยู่ข้าง ๆ

“คุณวีรู้ไหมครับ ว่าบ้านเก่าของคุณเจนจิราอยู่ตรงไหน”

“บ้านเก่า? ทำไมเหรอครับ คุณคิดว่าคุณจิตรี จะเอาฮั่งตู๋ไปไว้ที่นั่นเหรอครับ”

“ใช่ครับ ผมกับตำรวจกำลังเดินทางไปที่นั่น แต่ทางตำรวจเค้าบอกว่าแถวนั้นเป็นสวน ถนนเข้าไม่ถึง เราอาจจะต้องเสียเวลาหานาน ผมเลยอยากทราบว่าคุณวีพอจะรู้ไหม ว่าบ้านเก่าคุณเจนอยู่ตรงไหน”

“เจนเคยเล่าให้ผมฟังว่าตอนเด็ก ๆ เค้าเคยอยู่บ้านริมน้ำ แต่ผมไม่รู้จริง ๆ ว่าบ้าน หลังนั้นอยู่ตรงไหน”
ระหว่างนั้นมีนาส่งเสียงร้องและเขย่าเก้าอี้เพื่อเรียกร้องความสนใจ ปฐวีหันไปมองด้วยความแปลกใจ ก่อนจะบอกให้ธัญญ์รอสักครู่แล้วหันกลับไปถามมีนาว่ามีอะไร มีนาบุ้ยใบ้ให้เอาผ้าปิดปากออก ปฐวีดึงผ้าออก

“โอ๊ย เกือบตาย...คุณวีขา อย่าหาว่าพี่งั้นงี้นะคะ ถ้าพี่บอกได้ว่าบ้านสวนนั่นอยู่ตรงไหน พี่จะได้เงินล้านนึงไหมคะ”

ปฐวียิ้มออกมาอย่างเป็นต่อ

จิตรีจัดการกับอาหารที่ตั้งใจทำมาเพื่อจัดการกับฮั่งตู๋เสร็จก็เดินตรงไปที่ห้องเก็บของ

“ไอ้ฮั่งตู๋มันอดมาหลายวัน ถ้าเจอเนื้อชามนี้แล้วไม่กิน ก็ให้มันรู้ไป”

ในห้องฮั่งตู๋ที่กำลังลากเอากล่องเก่า ๆ มาวางใต้หน้าต่าง เตรียมจะปีนชะงักเชิดหน้าเชิดจมูกขึ้นเมื่อได้กลิ่นว่าเป็นจิตรี ฮั่งตู๋ก็กลับไปนอนหมอบเพื่ออำพรางว่าปลอกคอหลุดแล้วอยู่ที่เดิม จิตรีเดินไปปิดหน้าต่างอย่างไม่ติดใจสงสัยอะไร

“เป็นไง ไอ้ฮั่งตู๋”

ฮั่งตู๋แกล้งทำท่าน่าสงสาร ร้องหงิง ๆ จิตรียิ้มสะใจ

“โถ คงหมดแรงแล้วสินะ”

จิตรีเอาชามเนื้อวางลงที่พื้นตรงหน้าฮั่งตู๋ทำพูดเสียงอ่อนหวาน

“ฉันมาคิด ๆ ดูแล้วนะ แกก็เป็นแค่หมาตัวนึง คงทำอะไรชั้นไม่ได้...แกกินเนื้อนี่ซะ พอแกกินอิ่มแล้ว ฉันจะปล่อยแกไป”

ฮั่งตู๋ทำเป็นไม่มีแรง คลานเข้าไปดมเนื้อในชาม แต่ความจริงกลัวจิตรีเห็นว่าปลอกคอหลุดแล้ว

“หอมจัง...แค่ได้กลิ่นก็น้ำลายไหลแล้ว”

“กินซะ ฮั่งตู๋ ฉันตั้งใจทำมาให้แกโดยเฉพาะเลยนะ”

“โห น่ากินชะมัดเลย กินซักคำก็ดีนะ จะได้มีแรงหนี เนื้อสันซะด้วย เนื้อโพนยางคำรึเปล่านี่ สงสัยนุ่มจนละลายในปากแน่เลย...แต่ เอ๊ะ” ฮั่งตู๋เหลือบตาขึ้นมองจิตรี

“กินซี ฮั่งตู๋ จะรออะไรล่ะ”

“มันดีเกินไปรึเปล่าเนี่ย อย่างยัยแม่มด เนี่ยนะ จะดีกับเราขนาดนี้”

“กินซี กินเข้าไป ทำไมไม่กินล่ะ”

“นั่นไง อยากให้กินอะไรขนาดนั้น พิรุธ เห็น ๆ” ฮั่งตู๋คลานถอยหลังหนี

จิตรีพยายามบังคับให้ฮั่งตู๋กิน ระหว่างนั้นมีเสียงฝีเท้าคนเดินดังมาจากในบ้าน ฮั่งตู๋ได้ยินจึงเห่า จิตรีตกใจรีบเปิดประตูห้องเก็บของ ออกไปดูเห็นเจนจิรายืนอยู่ก็ถอนใจเฮือก

“ยัยเจน”

“ก็เจนน่ะสิคะ”

“มาไม่บอกไม่กล่าว ตกใจหมด แล้วนั่นอะไร!? นี่แกอย่าบอกนะว่า...”

ฮั่งตู๋มองผ่านประตูที่เปิดแง้มเห็นภาพเขียนในมือเจนจิราก็ดีใจ

“พินัยกรรมของเจ้านาย! ไชโย! ฟ้าเข้าข้างฮั่งตู๋แล้ว ดีใจจังเลย”

จิตรีปิดประตูห้องเก็บของดังปัง! ก่อนจะมาอาละวาดเจนจิราที่หอบภาพเขียนตามมาถึงนี่

“พี่บอกให้เธอเอาภาพเขียนนี่ไปเผาทิ้ง เธอก็ดันเก็บเอาไว้ แล้วยังหอบเอามาถึงที่นี่ ทำไม? ทำไมเธอไม่ทำลายมันทิ้งไปซะ ฮะ ยัยเจน”

“ก็มันยังมีประโยชน์กับเจนอยู่นี่คะ เจน เลยจะเอามันมาซ่อนไว้ที่นี่ก่อน เพราะถ้ามันอยู่กับเจน เดี๋ยววีจะมาขโมยเอาไป”

ฮั่งตู๋พยายามแอบดูจากรอยแยกของไม้ที่ประตู

“เดี๋ยว ๆๆๆ เดี๋ยวก่อน นี่เธอหมายความว่าคุณวีเค้ารู้ว่าพินัยกรรมอยู่กับเธอ เค้ารู้ได้ยังไง”

“เจนบอกเค้าเอง เจนบอกเค้าว่าถ้าหากเค้าอยากได้มันคืน เค้าต้องแต่งงาน จดทะเบียนสมรสกับเจน แล้ววีก็ตกลงแล้วด้วย”

“แล้วเธอก็เชื่อเค้า นี่เอาอะไรคิดฮะ ยัยเจน ตอนเด็ก ๆ ไม่ชอบกินปลาหรือยังไง... เธอเคยคิดบ้างไหม ว่ามันจะเป็นแผนของคุณวี หลอกให้เธอทำอะไรโง่ ๆ เป็นต้นว่า หอบเอาไอ้พินัยกรรมบ้านี่มาหาพี่ที่นี่”

“ว่าไป วีก็ให้คนตามเจนมาจริง ๆ แต่เค้าตามเจนไม่ทัน ตอนนี้คงหลงทางกันไปหมดแล้วล่ะ”

จิตรีขัดใจอย่างแรงรีบลนลานไปปิดหน้า ต่างเสียงดังปึงปัง เจนจิรามอง งง ๆ

“พี่จิตรีทำอะไรคะ”

“ฉันก็เตรียมตัวหนีน่ะซิ ขืนอยู่บ้านนี้ต่อไป ต้องมีตำรวจแห่มาจับแน่ ๆ เพราะฉันมีน้องสาวปัญญาอ่อนอย่างเธอนี่แหละ”

ที่ห้องเก็บของฮั่งตู๋ที่แอบมองอยู่เริ่มกังวลใจ “นังแม่มดจะหนีไปไหน แล้วมันจะเอาพินัยกรรมไปด้วยรึเปล่า”

จิตรีปิดหน้าต่างหมดก่อนจะหันไปสั่งเจนจิราเสียงเฉียบขาด “พี่ขอสั่งเป็นคำขาดนะ เจน เธอต้องเอาภาพเขียนนี่ไปทำลายทิ้ง เดี๋ยวนี้”

“ทิ้งเลยเหรอคะ”

ฮั่งตู๋ได้ยินตกใจ “เฮ้ย อย่านะ ทำอย่างนั้นไม่ได้นะ”

จิตรีสั่งเจนจิรา “ใช่ ทิ้ง! เธอเอามันทิ้งที่ท่าน้ำ แล้วโยนลงแม่น้ำไปเดี๋ยวนี้ อย่าให้พี่เห็นมันอีกเป็นอันขาด”

“แล้วไอ้ฮั่งตู๋ล่ะคะ”

“ป่านนี้มันคงโดนยาเบื่อตายไปแล้ว ล่ะ แต่พี่จะไปดูมันตายให้เห็นกับตาซะก่อน เพื่อความแน่ใจ เธอรีบไปเถอะ เดี๋ยวพี่ตามไป”

เจนจิราเอาภาพเขียนเดินออกจากห้องไป จิตรีเดินกลับมาที่ห้องเก็บของเปิดประตูเข้าไปดู ฮั่งตู๋ที่ตั้งท่ารออยู่วิ่งชนจิตรีเต็มแรงจนจิตรีล้มคว่ำลงกับพื้น จิตรีร้องลั่น ฮั่งตู๋ไม่สนใจพุ่งสวนออกประตูไปวิ่งออกจากบ้านไป

“ไอ้ฮั่งตู๋ หยุดนะ ไอ้ตัวดี โอ๊ย”

เวลาเดียวกันนั้นธัญญ์ อนุสร์ และตำรวจอีก 2-3 นายกำลังนั่งเรือเข้าไปตามคลอง ที่คดเคี้ยวพร้อมกับมองหาบ้านจิตรีไปด้วย ฮั่งตู๋วิ่งลงมาแล้วเข้ามาหลบในดงไม้

“ไปทางไหนดี คิดสิคิด จะไปทางไหนดี พินัยกรรม ใช่แล้ว ต้องไปเอาพินัยกรรมของเจ้านายคืนมาก่อน”

ระหว่างนั้นปฐวีซึ่งตามมาถึงจอดรถ ข้าง ๆ รถเจนจิรา ก่อนจะลงไปบอกชาวบ้านที่ท่าน้ำว่าต้องการไปที่บ้านของเจ้าของรถคันนั้น พอรู้ว่าอยู่ลึกเข้าไปในคลอง ปฐวีจึงเหมาเรือลำนั้นให้พาไป ขณะที่จิตรีกลับมาเอามีดที่หั่นเนื้อ ไว้กลับไปเพื่อจัดการกับฮั่งตู๋ด้วยความแค้น

“ไอ้ฮั่งตู๋ ไอ้หมาเก้าชีวิต ทำไมมันถึงได้ตายยากตายเย็นแบบนี้ ฉันไม่ได้อยากฆ่าแกให้เปื้อนมือ แต่แกมันวอน มันรนหาที่ ยังไงวันนี้ ฉันต้องฆ่าแกให้ได้”

จิตรีเปิดประตูออกไปแล้วชะงักเพราะตำรวจมารออยู่หน้าบ้านแล้วจิตรีพยายามจะหนีแต่ธัญญ์ว่าอย่าหนีเลย อนุสร์รีบถามหาฮั่งตู๋ จิตรีไม่พูดแต่ทำเหมือนกับว่าได้จัดการฮั่งตู๋ไปแล้ว อนุสร์ตกใจรีบวิ่งไปที่ห้องเก็บของหลังบ้านโดยมีพัดชาวิ่งตามไปด้วย อนุสร์กับพัดชาวิ่งเข้าไปในห้องเจอแต่โซ่และปลอกคอทิ้งค้างไว้ อนุสร์คว้าปลอกคอของฮั่งตู๋วิ่งกลับออกไปถามกับจิตรี

“คุณจิตรี บอกมาเดี๋ยวนี้นะ ฮั่งตู๋อยู่ไหน คุณเอาฮั่งตู๋ไปไว้ที่ไหน”

จิตรียิ้มเหี้ยมมองมีดเปื้อนเลือดที่พื้น “พวกแกมาสายไปแล้ว”

ธัญญ์ อนุสร์ พัดชามองไปที่มีดหั่นเนื้อเปื้อนเลือดบนพื้นพร้อมกันทุกคนหน้าซีด

“คุณหมายความว่า...”

“ไอ้ฮั่งตู๋หมาสุดที่รักของแกลงนรกไปแล้ว ฉันฆ่ามัน ด้วยมีดเล่มนี้ กับมือของชั้นเอง ฮ่ะฮ่ะฮ่า”

“ไม่...ไม่จริง ไม่จริง...ฮั่งตู๋ ไม่จริง”

จิตรีหัวเราะลั่น ตำรวจคนหนึ่งเก็บมีดใส่ถุง อีกสองคนช่วยกันลากตัวจิตรีออกไป อนุสร์มองปลอกคอของฮั่งตู๋ในมือ แล้วร้องไห้ พัดชาเข้ามาปลอบใจ

“ไม่จริง นุสไม่เชื่อ ฮั่งตู๋ต้องไม่ตาย ฮั่งตู๋ต้องไม่ตาย”

ธัญญ์ยืนมองอนุสร์คร่ำครวญเรียกฮั่งตู๋อึ้งไป ระหว่างนั้นฮั่งตู๋กำลังตามกลิ่นเจนจิราไป ขณะที่เจนจิราเดินอย่างยากลำบากไปในสวนเพราะต้องหอบหิ้วภาพเขียนไปด้วยจนเหยียบไปบนกิ่งไม้ผุทำให้ส้นสูงติด เจนจิราบ่นด้วยความหงุดหงิดก่อนจะวางภาพเขียนแล้วหันมาจัดการกับส้นรองเท้า ฮั่งตู๋วิ่งตามมาทัน

“หยุดนะ คุณเจนจิรา”

“ไอ้ฮั่งตู๋ แกหลุดมาได้ยังไง”

“เอาพินัยกรรมคืนมา”

“แกจะทำอะไรชั้น อย่าเข้ามานะ อย่า”

เจนจิรากระชากส้นรองเท้าจนหลุดจากร่องกิ่งไม้คว้าพินัยกรรมวิ่งหนี โดยมีฮั่งตู๋วิ่งไล่ตามลัดเลาะไปในสวน ระหว่างนั้นปฐวีที่กำลังขึ้นจากท่าเรือหันไปเห็นพอดีจึงตามไปด้วยความดีใจที่ฮั่งตู๋ไม่เป็นอะไร ระหว่างนั้นอนุสร์เองก็ได้ยินเสียงฮั่งตู๋เห่าจึงรีบตามไปทางที่ได้ยินเสียง ธัญญ์ออกมาจากครัวช่วยยืนยันว่าใช่ฮั่งตู๋แน่ เพราะเจอเขียงเปื้อนเลือดเนื้ออยู่ในครัว

เจนจิราวิ่งไปจนถึงริมน้ำรองเท้าส้นสูงจมลงไปในดินทำให้วิ่งไม่ถนัดจนเซล้ม ฮั่งตู๋วิ่งตามมาทัน

“เสร็จผมล่ะ เอาพินัยกรรมของเจ้านายผมคืนมาเดี๋ยวนี้”

“แกอย่าเข้ามานะ ไอ้ฮั่งตู๋”

เจนจิราเหลือบไปเห็นปลายท่อนไม้อันเหมาะมือโผล่ออกมาจากกองใบไม้แห้งค่อยๆ เอื้อมมือไปหยิบ ขณะที่ฮั่งตู๋เข้ามาใกล้เรื่อย ๆ เจนจิราได้แต่ร้องบอกไม่ให้ฮั่งตู๋เข้ามาใกล้ ก่อนจะกระชากไม้ออกมาแล้วต้องอึ้งเพราะไม้กุดสั้นจู๋แค่คืบ เจนจิราจึงเอาไม้ปาใส่ฮั่งตู๋แทนก่อนจะหอบพินัยกรรมวิ่งหนีไป ฮั่งตู๋วิ่งตามไปดักไว้ขู่ฮึ่มฮั่ม

“หน็อยแน่ จะไปไหน บอกว่าอย่าหนี อย่าหนี”

เจนจิราจนมุมไม่มีทางไป ขณะที่ปฐวีตามไปทันพอดี เจนจิราเห็นปฐวีก็ตกใจมาก

“ตำรวจมาถึงนี่แล้ว เจน อย่าหนีเลย เอาพินัยกรรมคืนมาดี ๆ ดีกว่า”

“คืนให้นังอนุสร์ ให้มันได้สมหวังในทุก อย่าง ทั้ง ๆ ที่มันแย่งวีไปจากเจนงั้นเหรอคะ ไม่มีวันหรอกค่ะ”

เจนจิราเดินไปชิดริมน้ำ ปฐวีกับฮั่งตู๋ขยับเข้าไป

“เจนจะทำอะไร”

เจนจิรายกภาพเขียนขึ้นตั้งท่า

“เฮ้ย อย่านะ อย่านะ”

ฮั่งตู๋พยายามห้ามอยู่ในใจ ปฐวีพอจะเดาออกร้องห้ามด้วยอีก ก่อนจะโถมเข้าใส่เจน จิราพยายามจะจับตัวไว้ เจนจิราหมุนตัวเอาภาพเขียนกระแทกตัวปฐวีเต็มแรงจนปฐวีทรุดลงกับพื้นแล้วเหวี่ยงภาพเขียนสุดแรง ภาพเขียนหลุดจากมือเจนจิรา ลอยละลิ่วไปฮั่งตู๋ชะเง้อตาม ภาพเขียนตกลงไปในน้ำ ฮั่งตู๋รีบกระโจนตามไปทันทีอย่างไม่คิดชีวิต ปฐวีร้องห้ามแต่ฮั่งตู๋ไม่ฟังกระโจนลงน้ำทันที ปฐวีรีบลุกขึ้นเห็นเจนจิราวิ่งหนีเอาตัวรอด

ปฐวีหันมองฮั่งตู๋เห็นฮั่งตู๋ว่ายน้ำไปจนถึงภาพเขียนที่ลอยน้ำอยู่ แต่กระแสน้ำแรงมากจนฮั่งตู๋ทำอะไรไม่ได้นอกจากเกาะภาพเขียนเอาไว้ลอยคออยู่ในน้ำ

“คุณวีค้าบ ช่วยผมด้วย น้ำแรงเหลือเกิน ผมว่ายกลับไปไม่ไหว”

ปฐวีวิ่งไล่ตามไปตามตลิ่งร้องเรียก “ฮั่งตู๋ ทำใจดี ๆ ไว้ เดี๋ยวฉันจะไปช่วยแก”

อนุสร์วิ่งมาถึงริมน้ำตะโกนเรียกฮั่งตู๋ไปด้วย ก่อนจะหันมาเห็นปฐวีซึ่งกระโดดลงไปในน้ำและว่ายออกไปหาฮั่งตู๋

“คุณวีลงไปทำไม เอ๊ะ นั่นมัน”

“ฮั่งตู๋ ฮั่งตู๋จริง ๆ ด้วย”

“คุณวีคงกำลังไปช่วยฮั่งตู๋ ฮั่งตู๋ว่ายน้ำไม่เป็นเหรอคะ คุณธัญญ์”

“ฮั่งตู๋ว่ายน้ำเก่งมากครับ แต่ดูเหมือน ฮั่งตู๋จะพยายามทำอะไรซักอย่าง เลยไม่ยอมว่ายกลับมา”

อนุสร์เพ่งมองไปเห็นว่าฮั่งตู๋เกาะอะไรบางอย่างอยู่...

“ต้องเป็นภาพเขียนอันนั้นแน่ ๆ ฮั่งตู๋ลงไปเอาพินัยกรรมของพ่อแน่เลยค่ะ พี่ธัญญ์ ภาพเขียนคงตกลงไปในน้ำ ฮั่งตู๋คงกลัวว่ามันจะลอยหายไป เลยเกาะเอาไว้ ไม่ยอมปล่อย”

ทุกคนที่ได้ฟังต่างสะเทือนใจ อนุสร์จะลงไปช่วยฮั่งตู๋อีกคน ธัญญ์ห้ามไว้บอกว่าจะไปเอง แต่ตำรวจบอกว่าขอความร่วมมือจากตำรวจน้ำให้มาช่วยแล้วไม่อยากให้ทุกคนเสี่ยงเพราะน้ำแรงมาก อนุสร์ฟังแล้วมองไปที่ปฐวีที่กำลังว่ายตามฮั่งตู๋ชักเป็นห่วง

“แล้วผู้ชายคนที่ว่ายอยู่นั่นล่ะคะ เค้าจะเป็นอันตรายไหม”

ปฐวีว่ายน้ำตามฮั่งตู๋อย่างยากลำบากเพราะฮั่งตู๋ถูกกระแสน้ำพัดออกไปเรื่อย ๆ ฮั่งตู๋เอาหน้าแนบอยู่ที่ภาพเขียนที่ลอยปริ่มน้ำตามองไปที่ปฐวี
“เร็วเข้าครับ คุณวี ฮั่งตู๋จะไม่ไหวอยู่แล้ว”

ห่างออกไปมีเรือขนสินค้าลำใหญ่แหวกน้ำเข้ามา พัดชามองเห็นเรือที่แล่นเข้ามาตกใจ ทุกคนหันมองอย่างตกใจตามเสียงของพัดชา ใน น้ำฮั่งตู๋เห็นเรือแล่นเข้ามาหาตัวเองตกใจ

“โอ๊ย พ่อแก้วแม่แก้ว คุณพระคุณเจ้า ช่วยลูกหมาตาดำ ๆ ด้วย”

เรือแล่นมาขวางระหว่างปฐวีกับฮั่งตู๋ ปฐวี ที่ว่ายน้ำอยู่ชะงักส่งเสียงเรียกฮั่งตู๋เพราะมองไม่เห็น ฮั่งตู๋เห่าตอบ ระหว่างนั้นน้ำกระเพื่อมอย่าง แรงม้วนเอาภาพเขียนคว่ำลง ขาสองข้างของฮั่งตู๋ หลุดจากภาพเขียนร่างของฮั่งตู๋ผลุบจมน้ำไป ปฐวี ชะเง้อดูพอเรือลำใหญ่แล่นผ่านไปร่างของฮั่งตู๋ก็หายไปแล้วมีแต่ภาพเขียนที่ลอยกลับขึ้นมา ปฐวี ร้องเรียกฮั่งตู๋ด้วยความตกใจ บนฝั่งพวกอนุสร์เห็นฮั่งตู๋หายไปร้องลั่น อนุสร์จะวิ่งลงน้ำ พัดชากับธัญญ์ต้องช่วยกันดึงเอาไว้ อนุสร์มองดูน้ำที่ว่างเปล่าไม่เห็นมีอะไรโผล่ขึ้นมา ร้องไห้โฮ

ปฐวีขึ้นจากน้ำแล้วก็เดินเอาภาพเขียนมายื่นส่งให้ “นี่ครับ ของของคุณ”

อนุสร์หยุดร้องไห้แล้วแต่หน้าตายังเศร้า “ขอบคุณมากค่ะ ที่คุณวียอมเสี่ยงอันตรายจนได้มันมา ขอบคุณจริง ๆ”

“ผมเสียใจนะ ถ้าผมตัดสินใจกระโดดลงไปเร็วกว่านี้ซักหน่อย ผมอาจจะช่วยฮั่งตู๋ได้ทัน ไม่ใช่ได้มาแค่พินัยกรรม”

“ฉันก็เสียใจค่ะ พินัยกรรมฉบับนี้ ทำให้ฮั่งตู๋ต้องเดือดร้อน...ถ้าฉันยอมรับความพ่ายแพ้ แล้วพาฮั่งตู๋ออกไปซะตั้งแต่วันนั้น ฮั่งตู๋คงไม่ต้องเป็นอย่างนี้”

“แต่นั่นคงไม่ใช่สิ่งที่คุณพ่อของนุสต้องการ”

“ฮั่งตู๋ก็คงไม่ต้องการเหมือนกัน”

“ทำใจดี ๆ ไว้ก่อนเถอะครับ ตำรวจกำลังหาตัวฮั่งตู๋อยู่ ฮั่งตู๋อาจจะไม่เป็นอะไรก็ได้”

ปฐวีมองอนุสร์อย่างให้กำลังใจ อนุสร์ซาบซึ้ง

ที่บ้านพัฒนปรีดี นวลจันทร์ ปวีณา ป้าอุ้ง ลำดวน และปุ้งกี๋ต่างรอฟังข่าวจากปฐวีด้วยความเป็นห่วง โดยเฉพาะปุ้งกี๋ที่ห่วงฮั่งตู๋มาก

“คุณนวลขา ปุ้งกี๋มันเป็นอะไรของมันคะน่ะ อยู่ไม่สุขเลย”

“ปุ้งกี๋ เป็นอะไรลูก”

ปวีณาเดินออกมาจากอีกทางบอกกับนวลจันทร์ “คงไม่สบายใจน่ะค่ะแม่ สงสัยจะแอบห่วงฮั่งตู๋”

“ว่าไปแม่ก็ห่วงเหมือนกัน เห็นตาวีบอก ว่าตำรวจกำลังไปจับยัยจิตรี แล้วป่านนี้ทำไมยังไม่ส่งข่าวมาอีกก็ไม่รู้”

“คุณนวลไม่ลองโทรฯ หาคุณวีดูล่ะคะ”

“ไม่ต้องโทรฯ หรอกค่ะคุณแม่ ตะกี๊ณาเพิ่งคุยกับวี ตำรวจจับตัวยัยจิตรีได้แล้วค่ะ”

ลำดวน ป้าอุ้ง นวลจันทร์ดีใจ เพราะคิดว่าฮั่งตู๋คงปลอดภัยและจะได้กลับมาแล้ว แต่พอปวีณาบอกว่าเจอแต่พินัยกรรมแต่ฮั่งตู๋หายไป ทุกคนก็ตกใจมากโดยเฉพาะปุ้งกี๋ถึงกับเป็นลม

ตำรวจออกค้นหาฮั่งตู๋จนเย็นแต่ก็ยังไม่มีวี่แวว อนุสร์ยืนมองไปที่เรือตำรวจที่ตระเวนหา ฮั่งตู๋อยู่ทั่วคุ้งน้ำน้ำตาคลอ ปฐวี ธัญญ์ พัดชายืน ดูอยู่ห่างออกมาพลอยเศร้าไปด้วย พัดชาเดินเข้า ไปปลอบ

“นี่เย็นมากแล้ว เรากลับกันก่อนไหมคะ คุณอนุสร์”

“คุณพัดชากลับก่อนเถอะค่ะ พี่ธัญญ์ไป ส่งคุณพัดชานะคะ เดี๋ยวนุสกลับกับตำรวจก็ได้”

“นุส...กลับบ้านเถอะ นุสยืนอยู่ตรงนี้ ก็ช่วยอะไรไม่ได้ ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของตำรวจเค้าดีกว่า”

“แต่นุสเป็นห่วงฮั่งตู๋...”

“แต่คุณมีเรื่องอื่นที่ต้องไปทำ คุณลืมไปแล้วเหรอ ว่าคุณอยากได้พินัยกรรมฉบับนี้เพราะอะไร ฮั่งตู๋อุตส่าห์ทำทุกอย่างเพื่อให้คุณได้พินัยกรรมคืนมา คุณจะปล่อยให้ฮั่งตู๋ต้องเหนื่อยเปล่าเหรอ”

“คุณวีพูดถูก คุณพ่อของนุสคงรอวันนี้อยู่ เราต้องกลับไปจัดการกับคนชั่ว ทวงความยุติธรรมให้กับดวงวิญญาณของคุณลุงอรรณพ”

อนุสร์นึกถึงพ่อเข้มแข็งขึ้นมา “จริงค่ะ นุสต้องกลับไปจัดการกับคุณจิตรี...เพื่อพ่อ เพื่อฮั่งตู๋”

“งั้นเราก็ไปกันเลย”

ปฐวียื่นมือให้อนุสร์วางมือลงในมือปฐวี ทั้งสองพากันออกไป ธัญญ์กับพัดชายิ้มให้กันแล้ว เดินตามไป

จบตอนที่ 21
เครดิต เดลินิวส์


Create Date : 14 มิถุนายน 2553
Last Update : 18 มิถุนายน 2553 21:25:27 น. 1 comments
Counter : 660 Pageviews.

 
loveeeee


โดย: MLy IP: 222.155.164.184 วันที่: 19 มิถุนายน 2553 เวลา:6:32:43 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 
 

Heavenworth
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 4 คน [?]




ขอบคุณที่เข้ามาเยี่ยมชมค่ะ
[Add Heavenworth's blog to your web]

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com
pantip.com pantipmarket.com pantown.com