<<
มิถุนายน 2553
 
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
27282930 
 
6 มิถุนายน 2553
 
 

ละคร ดอกรักริมทาง ตอนที่ 18

ตอนที่ 18

หลังจากนั้นเจนจิราก็ไปเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้จิตรีฟัง จึงโดนจิตรีโวยวายต่อว่าเพราะไปทำให้อนุสร์รู้ตัวได้ แต่เจนจิราก็ยังเถียงว่าไม่จริง

“หมดกัน ทำไมถึงโง่อย่างนี้นะ ยัยเจน พี่ให้เธอไปสืบเรื่องไอ้อู๊ด ดันไปโวยวายให้คุณวีเค้ารู้ด้วยทำไม ไก่ตื่นหมดพอดี”

“โอ้ย ตื่นที่ไหนคะ วีเค้าไม่ได้ตื่นเต้นเลยซักนิดเดียว เค้าไม่สนใจฟังที่เจนพูด แถมเค้ายังช่วยปกป้องไอ้อู๊ดอีกต่างหาก”

“อะไรนะ ทั้งเรื่องที่ไอ้อู๊ดเป็นผู้หญิง ทั้งเรื่องที่มันเป็นแผลที่ไหล่ คุณวีไม่สนใจเลยเหรอ”

“ไม่เลยค่ะ”

“แปลก เป็นไปได้ยังไง หรือว่า .. คุณวีเป็นพวกเดียวกับนังอนุสร์ .. ใช่แน่ ๆ ทั้งแม่ ทั้งพี่สาวคุณวีถึงคอยขัดขวางพี่ตลอด พวกเค้าต้องรู้เห็นเป็นใจกับนังอนุสร์แน่ ๆ ทำไม พี่ถึงคิดไม่ถึงนะ”

ระหว่างนั้นมีเบอร์แปลก ๆ โทรฯเข้ามาหา เจนจิรา เจ้าตัวว่าไม่เคยเห็นเบอร์นี้มาก่อน จิตรีจึงบอกให้ปิดไปด้วยความรำคาญ แต่เจนจิรากลับรับสายและคนที่โทรฯมาก็คือ สิทธิศักดิ์นั่นเอง จิตรีตกใจมากรีบโบกมือเป็นสัญญาณบอกว่าไม่รับสาย

“นี่มันเบอร์ฉัน เธอโทรฯมาทำไม”

“เพราะคุณจิตรีพี่สาวของคุณ ไม่ยอมรับสายผมน่ะซี บอกคุณจิตรีให้รับสายผมเดี๋ยวนี้ ไม่งั้น ผมจะโทรฯไปหาตำรวจแทน”

เมื่อสิทธิศักดิ์ขู่มาอย่างนี้จิตรีจึงต้องยอมรับสายและนัดออกมาพบกันข้างนอกโดยเอาเจนจิรา มาด้วย เมื่อเจอหน้ากันสิทธิศักดิ์ก็ต่อว่าจิตรีทันที

“ทำไมไม่รับโทรศัพท์ผม”

“จะรับได้ยังไง เธอรู้ไหม ว่าตำรวจมันส่ง คนมาเฝ้าอยู่หน้าบ้านฉันทุกวัน โทรศัพท์ของฉันโดนดักฟังรึเปล่าก็ไม่รู้ จะให้ฉันคุยกับเธอได้ยังไง”

“ตอนนี้ผมลำบากมากนะ คุณจิตรี ต้อง หลบ ๆ ซ่อน ๆ ผมทนไม่ไหวแล้ว คุณสัญญาว่าจะให้เงินก้อนผมหนีไปต่างประเทศ แล้วไหนล่ะ เงินที่ว่า”

“เธอยังไปไม่ได้ เธอต้องช่วยฉันจัดการกับยัยอนุสร์ แล้วเอาพินัยกรรมมาให้ฉันก่อน”

“แล้วตอนนี้ ทั้งพินัยกรรม ทั้งนังอนุสร์ มันอยู่ที่ไหนกันล่ะ”

“นังอนุสร์ มันปลอมตัวเป็นไอ้อู๊ด อยู่ในบ้านคุณปฐวี”

“หะ คุณแน่ใจ งั้นผมไปจัดการมันเอง จะได้หมดเรื่องซะที”

“ไม่ได้ ศักดิ์ เราไม่รู้ว่าพินัยกรรมอยู่ที่ไหน ถึงจะฆ่านังอนุสร์ให้ตายไป แต่ถ้ามีคนเปิดพินัย กรรมของคุณอรรณพออกมา แล้วพินัยกรรมบอกว่าไม่ได้ยกสมบัติให้ชั้น ชั้นก็อดอยู่ดี เราต้องเอาพินัยกรรมมาให้ได้ก่อน แล้วค่อยจัดการกับนังอนุสร์ทีหลัง”

“ก็อย่าให้นานนักแล้วกัน ผมอาจจะทนรอไม่ไหว เงินกับโทรศัพท์เนี่ย ผมขอนะ จำเป็นต้องใช้”

หลังจากสิทธิศักดิ์วางสายไปแล้วเจนจิราก็รีบถามพี่สาวว่าจะเอาพินัยกรรมมาได้อย่างไรเพราะไม่รู้ว่าเก็บไว้ที่ไหน จิตรีจึงโวยน้องสาวที่เป็นคนทำเสียเรื่องเอง ระหว่างนั้นจิตรีก็มองเห็นธัญญ์ที่มาเดินซื้อของกับพัดชา

“ยังไม่เสร็จอีกเหรอครับ ที่รัก”

“ใครที่รักของคุณ..ชั้นบอกให้รอข้างนอก เข้ามาทำไม”

“ก็มันเบื่อ .. ทำไมเลือกนานนักล่ะ”

“มันเป็นเรื่องละเอียดอ่อนนะคุณ เลือกยาก จะตาย ทำไมคุณไม่พาคุณอนุสร์มาซื้อเองล่ะ”

“ผมไม่อยากให้ใครเห็นเค้าน่ะ อีกอย่าง ตอนนี้นุสเค้าคงไม่มีอารมณ์จะทำอะไร เอาแต่นั่งเศร้าทั้งวัน”

“แล้วคุณวีล่ะคะ เป็นยังไงบ้าง”

“ก็เศร้าไปเหมือนกัน .. ผมก็ไม่เข้าใจ ทำไมต้องเศร้าขนาดนั้น ทั้ง ๆ ที่ทุกอย่างมันก็เหมือนเดิม”

“เหมือนเดิม! อู๊ดกลายเป็นคุณอนุสร์เนี่ยนะ เหมือนเดิม”

“ก็อู๊ดก็คืออนุสร์ อนุสร์ก็คืออู๊ด มันก็คนเดียวกันแหละคุณ”

“สำหรับคุณน่ะ ใช่ เพราะคุณรู้อยู่แล้วว่าเค้าคือคนเดียวกัน แต่สำหรับคุณวี สำหรับชั้น อู๊ดก็คืออู๊ด อนุสร์ก็คืออนุสร์ อู๊ดที่เรารู้จักกลายเป็นคนแปลกหน้าชื่ออนุสร์ ชั้นเป็นคุณวี ชั้นก็ต้องขอเวลาทำใจก่อนเหมือนกัน”

“ผมก็หวังว่าคุณวีจะทำใจได้ แล้วรู้ว่าตัวเองต้องการอะไร ก่อนจะถึงวันนัดคืนพินัยกรรมก็แล้วกัน”

ธัญญ์กับพัดชาหอบเสื้อผ้าไปคิดเงินโดยไม่รู้เลยว่าเจนจิรากับจิตรีแอบฟังอยู่ตลอด

ธัญญ์กับพัดชาซื้อของกลับมาให้อนุสร์แล้วจึงได้คุยกันถึงการตัดสินใจของอนุสร์อีกครั้งเมื่ออนุสร์พูดขึ้นมาอีกว่าคงอยู่เมืองไทยอีกไม่นาน

“ตัดสินใจแน่แล้วเหรอ”

“ค่ะ ถ้าจัดการเรื่องพินัยกรรมของพ่อเสร็จ นุสจะพาฮั่งตู๋กลับไปอเมริกา”

“นัดกับคุณวีแล้วเหรอคะ ว่าจะส่งมอบพินัยกรรมกันเมื่อไหร่”

“คุณวีเค้าเพิ่งโทรฯมานัดเมื่อเช้านี้เอง เค้าบอกจะพาฮั่งตู๋มาส่งคืนให้นุส พร้อม ๆ กับภาพเขียนอันที่ซ่อนพินัยกรรมเอาไว้ .. พรุ่งนี้”

“พรุ่งนี้ ดีค่ะ ทุกอย่างจะได้จบ ๆ กันเสียที”

อนุสร์หน้าเศร้ามาก ธัญญ์กับพัดชา มองอย่างเห็นใจ ขณะนั้นปฐวีกำลังดูภาพของฮั่งตู๋อยู่อย่างครุ่นคิดว่าพินัยกรรมจะอยู่ที่ไหน โดยมีปวีณากับนวลจันทร์นั่งดูอยู่ข้าง ๆ

“แม่กับยัยณาช่วยกันพลิกดูจนทั่วทั้งหน้าทั้งหลัง ดูยังไงก็ไม่เห็นจะมีอะไรซ่อนอยู่เลย ถ้ามีพินัยกรรมซ่อนอยู่ในภาพนี้จริง มันจะอยู่ตรงไหนล่ะลูก”

“นั่นสิ อะไรทำให้วีมั่นใจ ว่ามีพินัยกรรมซ่อนอยู่ในภาพนี้”

“หลาย ๆ อย่างครับ ภาพนี้เป็นภาพที่คุณอรรณพวาดเป็นภาพสุดท้ายแล้วรูปที่วาด มันเหมือนจะมีความหมาย บอกใบ้อะไรบางอย่าง”

“รูปฮั่งตู๋นั่งทับกระดาษ”

“กระดาษคงหมายถึงพินัยกรรม แต่ว่า พินัยกรรมจะซ่อนอยู่กับฮั่งตู๋ได้ยังไง ไม่มีทางเป็นไปได้”

ปฐวีเอารูปเขียนวางกับพื้นโดยพิงไว้กับเก้าอี้แล้วหันไปหาฮั่งตู๋

“ว่าไง ฮั่งตู๋ แกรู้ไหม ว่าคุณอรรณพซ่อนพินัยกรรมไว้ที่ไหน”

ฮั่งตู๋เห่ารับก่อนจะเดินไปที่ภาพเขียน ทุกคนมองตามอย่างตื่นเต้น ฮั่งตู๋เอาขาเขี่ยให้ภาพเขียนล้มลงกับพื้นเอาด้านหน้าขึ้น แล้วเดินไปนอนทับภาพ

“หมายความว่ายังไง ฮั่งตู๋”

ฮั่งตู๋ลุกขึ้นยืนเอาเท้าสะกิดรูปภาพที่อยู่ข้างใต้แล้วลงนอนทับอีกที

“ผมนึกออกแล้วครับแม่”

ปฐวีเอาภาพเขียนไปที่ห้องทำงานเปิดโคมไฟดวงใหญ่แล้วยกภาพเขียนเข้าไปใกล้
“ถ้าผมเดาไม่ผิด ความหมายของรูปนี้ก็คือ พินัยกรรมซ่อนอยู่ใต้ฮั่งตู๋ ไม่ใช่ฮั่งตู๋ตัวจริง แต่เป็นฮั่งตู๋ในรูป” ปฐวียกภาพส่องไฟดู “นี่ไงครับ คุณแม่ พี่ณา”

ทั้งสามเห็นตัวหนังสือราง ๆ เป็นแถวที่ใต้ภาพ

“คุณอรรณพเขียนอะไรบางอย่างเอาไว้ใต้ภาพนี้จริงด้วย”

“ต้องเป็นพินัยกรรมแน่ ๆ..ใช่แน่ ๆ ลูก เราหาพินัยกรรมเจอจริง ๆ ด้วย”

“คุณอนุสร์คงดีใจ ที่จะได้เอาสมบัติคืนมาจากยัยจิตรีซะที”

“นั่นสิ ถ้าเจ้าอู๊ดรู้คงดีใจแย่ แต่ เอ๊ะ อู๊ดมันหายไปไหนล่ะลูก ทำไมไม่มาด้วย”

ปฐวีนิ่งไปไม่ตอบอะไร

“มีอะไรรึเปล่า วี ทำไมเงียบไป”

“อู๊ดไม่อยู่แล้วครับ เค้าออกจากบ้านเราไปแล้ว และคงจะไม่กลับมาอีก ผมขอตัวก่อนนะครับ”

ปฐวีออกไป นวลจันทร์มองหน้าปวีณา แปลกใจ ปฐวีเดินลิ่ว ๆ ไปที่รถหน้าตาเศร้ามาก ปวีณาวิ่งตาม

“เดี๋ยว วี วีเป็นอะไรไป”

“เปล่าครับ”

“ไม่จริง..เรื่องอู๊ดใช่ไหม วีเสียใจเรื่องอู๊ดใช่ไหม”

“เปล่าครับ ถึงเวลาคนเค้าจะไป เค้าก็ต้องไป ทำไมผมต้องเสียใจด้วย”

“เพราะวีชอบอู๊ดไง อย่าปิดพี่นะ วีชอบอู๊ดใช่ไหม”

ปฐวีอึ้งไม่ตอบ ปวีณาพูดเสียงอ่อนโยน

“วี พี่มีวีเป็นน้องคนเดียว พี่อยากเห็นวีมีความสุข ไม่อยากเห็นวีต้องเศร้าเสียใจ วีไม่จำเป็นต้องปฏิเสธความรู้สึกของตัวเอง ถ้าหากวีรักอู๊ดจริง ๆ พี่ก็พร้อมจะเข้าใจนะ”

“มันไม่ใช่อย่างที่พี่ณาคิดหรอกครับ มันไม่ใช่เลย ผมกับอู๊ด มันไม่มีทางจะเป็น ไปได้”

นวลจันทร์เดินมา “ทำไมล่ะลูก.. ทำไมถึงเป็นไปไม่ได้”

“เพราะอู๊ดไม่ใช่อู๊ดครับ อู๊ดไม่มีตัว ตนอยู่จริง อู๊ดที่ผมรู้จัก อู๊ดที่ผมรักจริง ๆ แล้วไม่ใช่อู๊ด”

นวลจันทร์กับปวีณางง

“แม่ไม่เข้าใจว่า วีหมายความว่ายังไง”

“อู๊ดหลอกพวกเราทุกคนครับแม่ เค้าเป็นผู้หญิง แต่แกล้งปลอมตัวเป็นผู้ชาย”

นวลจันทร์กับปวีณาตกใจ แต่ก็แอบโล่งใจ

“อะไรนะ ผู้หญิงปลอมเป็นผู้ชาย”

“ครับ เค้าปลอมตัวเป็นเด็กผู้ชายชื่ออู๊ด เพื่อเข้ามาหาพินัยกรรมในบ้านของเรา เค้าคือ อนุสร์ พัฒนปรีดี ที่ทุกคนตามหากันไงครับแม่”

ปวีณากับนวลจันทร์มองหน้ากันแทบไม่อยากเชื่อ เวลาเดียวกันนั้นอนุสร์ตัดสินใจโทรฯ ไปที่บ้านปฐวีและมีโอกาสได้คุยกับป้าอุ้ง

“เจ้าอู๊ด ป้านึกว่าใคร..คุณวีไม่อยู่บ้านหรอก หายไปตั้งแต่เช้า จนป่านนี้ยังไม่กลับเลย แล้วเราล่ะ อยู่ดี ๆ หายไปไหน ทำไมไม่กลับบ้าน มีอะไรหรือเปล่า”

“ไม่มีครับ”

“แน่นะ แล้วนี่จะกลับมาบ้านเมื่อไหร่ ไม่ใช่อะไรนะ ป้าเป็นห่วงน่ะ”

“ขอบคุณครับ ป้า แต่ผมคงไม่กลับ ไปแล้วครับ”

“ทำไมล่ะ แกไม่อยากอยู่กับคุณวีแล้วรึไง”

“ผม..ผม”

“ไม่เห็นแก่ป้า ก็นึกว่าเห็นแก่คุณวีเถอะนะอู๊ด แกไม่อยู่ซะคน คุณวีก็ขาดคนรู้ใจ เมื่อเช้านังลำดวนชงกาแฟให้ ก็กินไม่ลง จะว่าไป คุณวีเค้ารักแกมากนะอู๊ด จู่ ๆ นึกจะไปก็ไป แกไม่เป็นห่วงคุณวีบ้างหรือไง”

อนุสร์ทนไม่ไหว ร้องไห้ออกมา ป้า อุ้งได้ยินเสียงร้องไห้ถามด้วยความเป็นห่วง ระหว่างนั้นปฐวีกับฮั่งตู๋ก็กลับมาถึงพอดี ป้าอุ้งจึงยื่นสายให้คุยต่อ พอปฐวีถามว่าเขากำลังคุยอยู่กับใครแน่อนุสร์ก็รีบวางสายไปเพราะไม่รู้จะตอบว่ายังไง ปฐวีวางสายอย่างเศร้า ๆ ก่อนจะเดินไปนั่งซึมที่โซฟา ฮั่งตู๋มองแล้วเดินตามไปนั่งข้าง ๆ ปลอบใจ

จิตรีพยายามคิดหาทางเอาพินัยกรรมมาจากปฐวีให้ได้ และคาดว่าปฐวีกับอนุสร์คงจะต้องนัดเจอกันวันสองวันนี้แน่ คืนนั้นจิตรีจึง นัดสิทธิศักดิ์มาร่วมกันวางแผนเพื่อจัดการกับอนุสร์และฮั่งตู๋ เจนจิรายื่นคำขาดห้ามยุ่งกับปฐวีเด็ดขาด หลังจากสิทธิศักดิ์บอกว่าจะจัดการกับปฐวี ด้วยหากเข้ามาขวาง

เช้าวันรุ่งขึ้นธัญญ์เข้าไปคุยกับอนุสร์อีกครั้ง พร้อมกับเอาชุดผู้ชายไปให้ด้วย อนุสร์งงว่าธัญญ์เอามาให้ทำไมเพราะปฐวีบอกว่าจะคืนรูปให้กับอนุสร์เท่านั้น

“ใช่ เค้าจะคืนพินัยกรรมให้อนุสร์ แต่คุณวีคงอยากเจออู๊ดมากกว่า”

“พี่ธัญญ์รู้ได้ยังไงคะ เค้าอาจจะโกรธอู๊ดจนไม่อยากมองหน้าเลยก็ได้”

“ไม่ลองจะรู้ได้ยังไง เอาเถอะ เรื่องของนุส นุสคิดเองก็แล้วกัน ว่าอยากจะใส่ชุดไหน...พี่จะไปรอข้างล่าง”

เวลาเดียวกันนั้นปฐวีเองก็กำลังพยายามทำใจแข็งเพื่อยอมรับกับความจริงที่จะต้องเผชิญในอีกไม่ช้า เพราะเขาจะต้องเจอกับอนุสร์ในแบบที่เป็นเธอจริง ๆ เมื่อลงมาข้างล่างป้าอุ้งก็พาฮั่งตู๋ที่อาบน้ำแต่งตัวเรียบร้อยแล้วมาให้

“ป้าคงคิดถึงแกแย่เลย ไปดีมาดีนะ ฝากคิดถึงเจ้าอู๊ดด้วยนะคะ คุณวี บอกมันว่าว่าง ๆ ให้พาฮั่งตู๋มาเยี่ยมป้าบ้าง”

“อู๊ดคงไม่มาหรอกครับ ป้า ไป ฮั่งตู๋ ได้เวลาแล้ว”

ปฐวีพาฮั่งตู๋เดินออกจากบ้านไปขึ้นรถ ป้าอุ้งกับลำดวนมองตามอย่างไม่เข้าใจว่าอู๊ดมีเรื่องอะไรกับปฐวีถึงกับออกไปโดยไม่ร่ำลาใครสักคน ขณะที่อนุสร์แต่งตัวในชุดผู้หญิงลงมา จากห้อง ธัญญ์ถามเพื่อความแน่ใจอีกครั้ง
“แน่ใจแล้วเหรอ นุส”

“ค่ะ นุสรู้ว่าคุณวีเค้าคงอยากคุยกับอู๊ด แต่นุสก็คือนุส นุสไม่สามารถกลับไปเป็นไอ้อู๊ดได้...และถ้าเขาจะไม่ยอมรับ ไม่ยอมให้อภัย นุส ก็ต้องยอมรับความเป็นจริง”

ที่บ้านนวลจันทร์ ปวีณากำลังเตรียมภาพฮั่งตู๋เพื่อนำไปมอบให้อนุสร์ นวลจันทร์ถามลูกสาวด้วยความข้องใจว่าทำไมปฐวีจึงไม่เอารูปไปเองแต่กลับให้ปวีณาเอาไปให้

“อ๋อ เป็นความคิดของณาเองแหละค่ะ แม่ ตาวีเค้ากลัวว่า พอคุณอนุสร์ได้ภาพเขียนไปแล้ว คงจะไม่ยอมคุยกับเค้า ณาเลยบอกให้เค้าไปก่อนแล้วณาจะเอาภาพเขียนตามไปให้ทีหลัง”

“ให้สองคนเค้ามีเวลาคุยกันไปก่อน ก็ดีเหมือนกัน จะได้เปิดอกคุยกันให้รู้เรื่องไป”

“ก็ขอให้คุยกันรู้เรื่องจริง ๆ เถอะค่ะ ไม่งั้น ตาวีคงจะเสียใจมากแน่ ๆ”

ปฐวีพาฮั่งตู๋ไปรอที่จุดนัดหมายก่อนจะโทรฯ บอกให้ธัญญ์รู้ว่ามาถึงแล้ว ธัญญ์กับอนุสร์ก็เพิ่งมาถึงพอดี ธัญญ์บอกให้อนุสร์เข้าไปคนเดียวเพราะรู้ดีว่าปฐวีคงอยากจะคุยกันเพียงลำพัง อนุสร์จะบ่ายเบี่ยงแต่ธัญญ์ก็ขอให้อนุสร์คุยกับปฐวีให้รู้เรื่องเอง ขณะนั้นปฐวีกำลังนึกถึงเหตุการณ์ที่ผ่านมาระหว่างเขากับอู๊ดและพยายามตัดใจ เมื่อฮั่งตู๋เห่าขึ้นมาปฐวีจึงรู้ว่าอนุสร์มาแล้ว

ปฐวีมองฮั่งตู๋วิ่งไปหาหญิงสาวสวยคนหนึ่ง เธอนั่งลงกอดฮั่งตู๋ ปฐวีถึงกับอึ้งไป อนุสร์เงยหน้าขึ้นมามองปฐวี ปฐวีเองก็มองอนุสร์เช่นกันเหมือนมีแรงดึงดูดทั้งสองค่อย ๆ เดินเข้ามาหากัน แล้วหยุดมองหน้ากันนิ่ง

“ค่ะ ฉันเอง ฉันคืออนุสร์ พัฒนปรีดี”

ฮั่งตู๋มองตามแล้ววิ่งหลบออกไปหาธัญญ์ ที่ยืนอยู่หลังพุ่มไม้ ปฐวียิ้มขมขื่นให้อนุสร์

“ในที่สุด ผมก็ได้รู้จักตัวจริงของคุณเสียที คุณอนุสร์ พัฒนปรีดี”

“ตัวจริงของฉันก็คือคนคนเดิมที่คุณรู้จักนั่นแหละค่ะ ไม่มีอะไรเปลี่ยนไป”

“แต่สำหรับผม อู๊ดก็คืออู๊ด อนุสร์ก็คืออนุสร์ .. ผมคงพูดกับคุณ ทำกับคุณเหมือน อย่างที่เคยพูด เคยทำกับอู๊ดไม่ได้”

“ทำไมคะ ฉันเป็นอนุสร์ แล้วฉันก็เป็นอู๊ดด้วยไม่ได้หรือไง”

“อู๊ดคือเพื่อน คือน้อง คือคนที่ผมทั้งรัก ทั้งห่วง ทั้งไว้ใจ...แต่แล้ววันนึงอู๊ดก็จากไป จากไปอย่างไม่มีวันจะหวนกลับมา...เพราะอะไรรู้ไหมครับ คุณอนุสร์ เพราะอู๊ดเป็นแค่ภาพลวงตาที่คุณสร้างขึ้น มันไม่เคยมีอยู่จริง”

“ทำไมคุณถึงคิดว่าสิ่งที่เกิดขึ้นระหว่างคุณกับอู๊ดเป็นภาพลวงตา...ทำไมคุณถึงคิดว่ามันไม่ใช่เรื่องจริง”

“เพราะทุกอย่างที่อู๊ดทำ มันเป็นแผนการที่เขาจะเข้ามาหาพินัยกรรมในบ้านของผมไง”

“ถ้าคุณวีเชื่อว่า ทุกสิ่งทุกอย่างที่ฉันพูด ที่ฉันทำ เป็นแค่เพราะฉันอยากได้พินัยกรรม ฉันก็คงไม่มีอะไรจะพูด...แล้วตอนนี้ภาพเขียนของคุณพ่อฉันอยู่ที่ไหนล่ะคะ จะกรุณาคืนให้ฉันได้หรือยัง”

“ไม่ต้องห่วง วันนี้คุณได้ของที่คุณต้องการแน่”

ปฐวีมองหมั่นไส้ แล้วยกโทรศัพท์โทรฯ หาปวีณา ปวีณามาถึงพอดีและบอกว่ากำลังจะตามเข้ามา ปฐวีหันมาบอกอนุสร์ ด้วยน้ำเสียงประชดประชัน

“ภาพเขียนที่ซ่อนพินัยกรรมของพ่อคุณ กำลังจะมาถึงภายในสิบนาที หวังว่าคงจะไม่นานเกินไปนะ”

“ฉันรอได้ค่ะ สำหรับของที่ฉันลงทุนทำทุกอย่าง เพื่อให้ได้มันมา แค่สิบนาทีจะเป็นไรไป”

“จริงสินะ ผมลืมไป ปลอมตัวหลอกคนอื่นอยู่เป็นเดือน คุณยังทำได้ เพื่อพินัยกรรมฉบับนี้”

“ที่ฉันต้องทำ เพราะพินัยกรรมฉบับนี้ เป็นสิ่งสุดท้ายที่พ่อทิ้งไว้ให้ ฉันต้องหามันให้เจอให้ได้ คุณจะด่าว่าฉันยังไงก็เชิญ ฉันยอมรับผิดทุกอย่าง แต่ฉันจำเป็นต้องทำ...”

“แล้วทำไมไม่ไว้ใจผม ทำไมไม่บอกความจริงกับผม”

“ที่ฉันไม่บอกความจริงกับคุณ เพราะฉันกลัว...ฉันกลัวคุณรับไม่ได้ ฉันกลัวคุณจะโกรธ แล้วฉันก็คิดไม่ผิด คุณก็โกรธอยู่นี่ไง”

“ผมไม่ได้โกรธที่คุณปลอมเป็นผู้ชาย ผมรู้ตั้งนานแล้ว”

“หา ตั้งแต่เมื่อไหร่”

“ตั้งแต่นายศักดิ์จับตัวคุณไป ผมรู้ว่าคุณเป็นผู้หญิง ผมได้แต่รอ ว่าสักวันคุณจะไว้ใจผม คุณจะบอกความจริงว่าคุณเป็นใคร...แต่ที่ผมเสียใจ ก็คือ จนถึงวันสุดท้าย คุณก็ยังไม่ยอมบอกผม”

อนุสร์อึ้งไปเพิ่งเข้าใจปฐวี

“ในวันนั้น คุณก็รู้ว่าผมรู้ว่าคุณคือใคร แต่แทนที่คุณจะพูด คุณกลับหนีผมไป โดยไม่มีแม้แต่คำลา”

“คุณวี...”

อนุสร์มองปฐวีอย่างรู้สึกผิด ปฐวีเมินหน้าหนี ระหว่างนั้นปวีณากำลังเดินมาแต่เจอจิตรีที่มาดักรอเสียก่อน ปวีณาตกใจมากกอดภาพไว้แน่นอย่างลืมตัว ปวีณาพยายามจะหนีจากจิตรีแต่สิทธิศักดิ์ที่มาด้วยเอาปืนมาขู่และพาตัวปวีณาพร้อมกับภาพเขียนไป ขณะที่อนุสร์กับปฐวียังคุยกันอย่างไม่เข้าใจ

“ฉันก็ทิ้งจดหมายลาเอาไว้ไงคะ ฉันบอกไปแล้วว่าฉันจำเป็นต้องทำ แล้วฉันก็ขอโทษ”

“นั่นไม่ใช่เรื่องที่ผมอยากรู้”

“แล้วคุณวีอยากรู้อะไรคะ”

“ผมอยากรู้ว่า เมื่อความจริงเปิดเผย เมื่อทุกอย่างเปลี่ยนไป สิ่งที่เราเคยมีด้วยกัน มันจะเปลี่ยนไปด้วยไหม หรือว่ามันจะยังเหมือนเดิม”

“แล้วคุณวีคิดว่ายังไงล่ะคะ”

อนุสร์มองปฐวีด้วยความหวัง อยากจะฟังคำที่ดี ๆ แต่ปฐวีมองอนุสร์อย่างตัดพ้อ เจ็บปวด

“ผมไม่ต้องคิดหรอก การกระทำของคุณวันนั้น มันก็บอกชัดแล้วนี่...ว่าคุณเปลี่ยนไป”

ปฐวีหันหลังเดินหนีไปอีกทาง อนุสร์ยืนอึ้งทำอะไรไม่ถูก ขณะที่ปวีณาเดินไปตามคำสั่งของจิตรีพยายามหาทางเอาตัวรอด จนในที่สุดปวีณาก็หนีไปและร้องเรียกให้คนช่วย แต่ไปได้ไม่ไกลปวีณาก็สะดุดรากไม้ล้มลง ปวีณาบอกให้ปุ้งกี๋หนีไป ขณะที่สิทธิศักดิ์จะพาตัวปวีณาไป ฮั่งตู๋ก็เข้ามาช่วย

จิตรีตกใจมากที่เห็นฮั่งตู๋ ธัญญ์ซึ่งวิ่งตามมาเห็นสภาพปวีณาก็รู้ทันทีว่าเกิดอะไรขึ้น จิตรีตั้งท่าจะหนี ฮั่งตู๋เห็นภาพเขียนในมือจิตรีก็จำได้ทันทีว่าเป็นพินัยกรรมของอนุสร์จึงจะเข้าไปแย่ง สิทธิศักดิ์ลุกขึ้นจะคว้าปืน ธัญญ์รีบสกัดไว้ทั้งสองต่อสู้กัน ธัญญ์ตะโกนบอกให้ปวีณาเรียกตำรวจ จิตรีเห็นท่าไม่ดีรีบหนีเอาตัวรอดโดยมีฮั่งตู๋วิ่งตามไป เวลาเดียวกันนั้นปฐวีกับอนุสร์ยังเคลียร์ปัญหาของทั้งคู่ไม่เสร็จ

“คุณวีคะ คุณเข้าใจผิดแล้ว ฉันไม่เคยเปลี่ยน อย่างที่ฉันบอกคุณไงคะ ภายนอกเท่านั้นที่เปลี่ยนไป แต่ในใจฉัน ทุกอย่างยังเหมือนเดิม”

“คุณหมายความว่ายังไง”

“ไม่ว่าฉันจะเป็นอู๊ดหรืออนุสร์ ฉันเคยรู้สึกกับคุณยังไง ฉันก็ยังรู้สึกอย่างนั้น ไม่เคยเปลี่ยน”

“แล้วคุณรู้สึกยังไงกับผม”

อนุสร์ยังไม่ทันตอบเสียงปืนก็ดังขึ้นทั้งสองสะดุ้งตกใจก่อนจะพากันวิ่งไปตามเสียงปืน ธัญญ์กำลังปล้ำแย่งปืนกับสิทธิศักดิ์ โดยมีปวีณากับปุ้งกี๋ลุ้นอย่างใจหายใจคว่ำ ปืนลั่นอีกปังโดนธัญญ์เฉียดที่ชายโครงเลือดไหล ธัญญ์ชะงักไป สิทธิศักดิ์กระชากปืนออกจากมือธัญญ์ได้เงื้อจะยิงซ้ำ ปฐวีเข้ามาด้านหลังเอาท่อนไม้ฟาดที่ท้าย ทอยจนสิทธิศักดิ์ร่วงไป ตำรวจวิ่งเข้ามา

“ทางนี้ค่ะ คุณตำรวจ คนร้ายอยู่นี่เลยค่ะ”

“พี่ธัญญ์ พี่ธัญญ์โดนยิงนี่คะ”

“พี่ไม่เป็นไร ไม่ต้องห่วงพี่ ไปตามฮั่งตู๋ก่อนดีกว่า”

“ฮั่งตู๋ไปไหนคะ”

“ยัยจิตรีแย่งเอาพินัยกรรมไปแล้วค่ะ ฮั่งตู๋วิ่งตามยัยจิตรีไป”

ขณะนั้นจิตรีกำลังวิ่งหนีโดยมีฮั่งตู๋วิ่งตามใกล้เข้ามาทุกที จิตรีเครียดวิ่งมาถึงรถกระบะของสิทธิศักดิ์ที่จอดไว้คิดได้

“หวงนักใช่ไหม ไอ้รูปภาพซังกะบ๊วยเนี่ย แกหวงรูปของแกนักใช่ไหม หวงนัก ก็ตามไปเอาเลย ฉันไม่เอาแล้ว”

จิตรีเปิดประตูหลังโยนภาพเขียนไปบนรถแล้ววิ่งหนีไป

“อีโธ่ นึกว่าแค่นี้ เราจะเอาไปไม่ได้งั้น เหรอ” ฮั่งตู๋กระโดดขึ้นไปบนรถเข้าไปที่ภาพ เขียนพยายามจะลากออกมา “ในที่สุด เราก็รักษา พินัยกรรมของเจ้านายเอาไว้จนได้” ระหว่างนั้นประตูรถปิดปังฮั่งตู๋ตกใจ “เฮ้ย อะไรกัน”

จิตรีล็อกประตูรถ “ไอ้หมาโง่ แกนึกเหรอว่าแกจะเอาชนะฉันได้” จิตรีเดินขึ้นไปที่นั่งคนขับก่อนจะขับรถออกไป ตำรวจจับตัวสิทธิศักดิ์ไว้ได้แต่ยังอาฆาตปฐวีอยู่

“ถ้าฉันหลุดออกมาได้ แกเน่าแน่”

“คุณไม่มีทางหลุดออกมาแน่ ทั้งคดีเก่า คดีใหม่ เตรียมตัวไปแก่ตายในคุกเถอะครับ”

ปวีณาพูดกับอนุสร์ที่ประคองธัญญ์อยู่ “พี่ เสียใจด้วยนะคะ ที่ทำพลาด ให้คุณจิตรีแย่งเอาพินัยกรรมไปได้”

“พี่ณาปลอดภัยก็ดีแล้วค่ะ อย่าคิดมากเลย”

“เราพาคุณธัญญ์ไปโรงพยาบาลก่อนดีกว่า จากนั้นก็ไปแจ้งความ ให้ตำรวจตามจับตัวยัยจิตรี”

“พี่สัญญาค่ะ เราจะช่วยกันตามพินัยกรรมกลับมาคืนให้คุณให้ได้”

“นุสไม่ห่วงพินัยกรรมเท่ากับห่วงฮั่งตู๋ ถ้า ฮั่งตู๋หลงไปทางอื่นก็แล้วไปแต่ถ้าฮั่งตู๋อยู่กับคุณ จิตรี ฮั่งตู๋แย่แน่”

“ไม่ต้องกลัว เราจะไปช่วยฮั่งตู๋ออกมา ก่อนที่คุณจิตรีจะทำอะไรมัน”

“เรา คุณวีหมายความว่า ..”

“ใช่ เรา คุณกับผม เราจะไปช่วยฮั่งตู๋ด้วยกัน”

ทุกคนมองหน้าปฐวี ยิ้มออกมาดีใจแทนอนุสร์

จบตอนที่ 18
เครดิต เดลินิวส์




 

Create Date : 06 มิถุนายน 2553
0 comments
Last Update : 10 มิถุนายน 2553 16:06:46 น.
Counter : 613 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

 

Heavenworth
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 4 คน [?]




ขอบคุณที่เข้ามาเยี่ยมชมค่ะ
[Add Heavenworth's blog to your web]

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com
pantip.com pantipmarket.com pantown.com