sansook
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 40 คน [?]




คลิกๆๆ รูปสวยๆน่ารักๆไว้ส่งต่อเพียบ...

คลิกๆๆ รูปสวยๆน่ารักๆไว้ส่งต่อเพียบ...


คลิกๆๆ รูปสวยๆน่ารักๆไว้ส่งต่อเพียบ...
โค้ดนี้เป็นภาพพื้นหลังนำไปวางที่ช่อง Script Area ค่ะ https://youtu.be/K2vg5yDgVX4
Group Blog
 
<<
ธันวาคม 2554
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
25262728293031
 
28 ธันวาคม 2554
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add sansook's blog to your web]
Links
 

 
ตอนที่ ๑๒ เผชิญหน้า



ภาพคนเจ็บที่ถูกหามเข้ามาโดยชายฉกรรจ์กลุ่มใหญ่หยุดสายตาของทหารที่เฝ้าอยู่บริเวณทางเข้า ก่อนพวกเขาจะขยับอาวุธในลักษณะเตรียมพร้อมแล้วเดินลงจากเนิน

ภูริชมองอาวุธในมือและทีท่าของทหารที่กำลังเดินตรงเข้ามาประกายตาเรียบเฉย ชายหนุ่มกวาดตามองไปรอบๆ พร้อมกับส่ายหน้าน้อยๆ เชิงเตือนคนของตนเมื่อเห็นแต่ละคนขยับอาวุธในมือตามสัญชาติญาณ
“ไปบอกผู้กองชยินว่าฉันมองเทร์มาถึงแล้ว”

เขาเอ่ยเสียงกังวานเมื่อกลุ่มทหารเดินมาใกล้พอที่จะสื่อสารกันได้ พอสิ้นเสียงทหารนายหนึ่งจึงหมุนตัววิ่งกลับขึ้นไปบนเนิน ในขณะทหารอีกสี่นายเดินมาหยุดเผชิญหน้ากับพวกเขา ก่อนหนึ่งในสี่จะพยักหน้าถามน้ำเสียงวางอำนาจ

“นายคือมองเทร์งั้นเรอะ”

ผู้กองหน้าเข้มเงยขึ้นสบตากับคนถามก่อนเหลือบมองไปที่ต้นแขนของอีกฝ่าย พอเห็นยศที่ติดอยู่บนนั้นดูสูงกว่าคนอื่น แต่ด้อยกว่าตนชายหนุ่มจึงตบมือลงบันหัวไหล่คล้ายกำลังเมื่อยขบเสียเต็มประดา และมันได้ผลเมื่อคนที่ทำท่าวางกล้ามแต่แรกเริ่มมีทีท่าอ่อนลงเมื่อเห็นว่าอะไรเป็นอะไร

“ฉันมีคนเจ็บมาด้วย” เขาบอกเมื่อเห็นว่าคนตรงหน้าเริ่มให้ความเกรงใจ

“พวกเราจะพาคนเจ็บไปให้หมอรักษาเอง ส่วนคุณคงต้องไปพบผู้กองชยินก่อน”

“คงไม่ได้ฉันจะพาพวกเขาไปเอง นายแค่บอกว่าโรงหมอไปทางไหน”

ชายหนุ่มบอกพลางส่งสัญญาณมือไปยังลูกทีม แล้วเดินนำเข้าไปในค่ายโดยไม่รอให้อีกฝ่ายตอบรับหรือปฏิเสธ พอร่างสูงใหญ่เดินพ้นทางเข้าไม่ถึง 5 ก้าว ขบวนของชยินก็เดินเลี้ยวตัดกระท่อมเข้ามา

“นั่นพวกนายจะไปไหน”

คำถามห้วนสั้นแสดงอำนาจที่ดังขึ้นหยุดฝีเท้าของทุกคนให้ตรึงอยู่กับที่ ภูริชหมุนตัวหันไปเผชิญหน้ากับคนถาม ดวงตาคมกล้าสบนิ่งกับดวงตาคมกริบราวมีดโกนของอีกคนแล้วเลิกขึ้นเพราะพอเดาได้ว่าอีกฝ่ายเป็นใคร

“ฉันจะพาคนเจ็บไปให้หมอรักษา” ชายหนุ่มตอบน้ำเสียงราบเรียบแต่ถือดีอยู่ในที

“แค่คนเจ็บให้คนของฉันพาไปก็ได้ นายควรไปพบฉันก่อนไม่ใช่หรือ”

ผู้กองชยินจ้องคนตรงหน้าประกายตาเอาเชิง เพราะรู้กิตติศัพท์ของอีกฝ่ายมาบ้างว่าอยู่ในระดับหัวดื้อและค่อนข้างไม่เกรงใจใคร

“คนเจ็บเป็นคนของฉันมันจะยุ่งยากอะไรหากคนที่จะพาไปให้หมอรักษาเป็นฉัน เรื่องคุยกันเดี๋ยวเสร็จจากนี่ค่อยคุยก็ได้นายอย่าทำให้ทุกอย่างมันมากเรื่องไปหน่อยเลย”

พอเห็นสีหน้าของอีกฝ่ายแสดงชัดว่ากำลังไม่พอใจ ผู้กองแห่งกองทัพไทยจึงลองแหย่เสือตาดุเล่นเอาเชิง พร้อมกระตุกต่อมโมโหของอีกคนด้วยท่าทางยียวนตามแบบฉบับของมองเทร์ ที่เขาได้รับการถ่ายทอดจากลูกทีมในระหว่างเดินทาง

“อ้อ..ถ้านายไม่อยากเสียเวลา...รบกวนช่วยนำทางฉันไปหน่อยสิ เราจะได้จัดการทุกอย่างให้เสร็จๆ ไปในคราวเดียว พอคนของฉันถึงมือหมอระหว่างรอรับการรักษานายอยากคุยอะไรกับฉันก็คุยได้เลย...ว่าไง”

ชยินจ้องท่าทางยียวนของคนพูดสีหน้าไม่พอใจ แต่เพราะไม่อยากมีเรื่องเขาจึงหันไปทางคนติดตามแล้วพยักหน้าให้เดินนำทางแต่โดยดี

“ฉันรู้ว่านายได้ตัวหมอมาจากเมืองไทย”

“หมอเรามีอย่ามากเรื่อง” เพราะเกรงว่ามองเทร์จะมองแพทย์หญิงทั้งสองเป็นเหยื่อชยินจึงบอกปัดเพื่อป้องกันปัญหาที่อาจตามมา

“เฮ้...ไม่เอาน่าหมอของเรามีหรือจะสู้หมอที่มาจากฝั่งโน้น...ไม่รู้ล่ะฉันไม่ไว้ใจหมอของนาย ให้ใครไปพามาสิ...หรือถ้านายอยากให้ฉันบุกไปลากพวกหล่อนมาก็ตามใจ”

ผู้กองหน้าหล่อถึงกับกัดกรามดังกรอดเมื่อเห็นประกายตาท้าทายของคนพูด

“นายควรรู้ว่าใครมีอำนาจสูงสุดและควรให้ความเคารพกันบ้างที่โน่นนายอาจจะมีอำนาจในการสั่งการ แต่ที่นี่ฉันเป็นผู้บังคับบัญชาสิ่งไหนควรทำหรือไม่ควรทำฉันจะเป็นคนตัดสินใจเอง”

ภูริชจ้องท่าทางทรงอำนาจของผู้กองหน้าหล่อประกายตาเรียบเฉย ในขณะชยินมองท่าทางนิ่งสงบแต่รอยยิ้มที่ผุดออกมาจากมุมปากของอีกฝ่ายกลับไม่ได้สงบนิ่งอย่างที่ควรเป็นด้วยความไม่สบายใจ ทั้งสองยังคงยืนมองเชิงกันและกันอยู่เงียบๆ จนคนรอบข้างเริ่มอึดอัดกับความไม่ลงรอยของหัวหน้าตน

พอเห็นท่าทางเตรียมฟัดกันของเสือสองตัวที่ติดยศร้อยเอกด้วยกันทั้งคู่ บรรดาลูกสมุนที่ยืนอยู่คนละฟากก็ได้แต่นึกเชียร์ผู้นำของตนอยู่ในใจ ลองเสือสองตัวมาอยู่ถ้ำเดียวกันเห็นทีคงจะกัดกันไม่เลิก ดูท่ามวยคู่นี้จะมันไม่หยอก

“พวกนายจะยืนอยู่ตรงนี้กันอีกนานไหม” และกรรมการที่ไม่มีใครทันนึกถึงก็โผล่เข้ามาตีระฆังให้พักยก

“แล้วมันเกี่ยวอะไรกับนายเรอะเตโช” เสือหล่อฝ่ายแดงหันไปตะคอกใส่กรรมการโดยไม่หวั่นกับคะแนนที่อาจจะร่วงผล็อย

“มันคงไม่ใช่เรื่องของฉันหรอก แต่ที่อยากเกี่ยวก็เพราะถ้าพวกนายยังยืนเอาเชิงกันอยู่แบบนี้เห็นที ไอ้สองคนนั่นคงตายก่อนที่หมอจะทันได้รักษา” เตโชชี้มือไปทางคนเจ็บ

“พูดแบบนี้มันค่อยน่าคบขึ้นมาหน่อย...” และเสือหน้าเข้มฝ่ายน้ำเงินที่หล่อเหลาไม่เกินกันก็ขยับปากทำคะแนนบ้าง

“จะรักษาก็ได้แต่ต้องเป็นหมอของเราเท่านั้น “ ชยินหันไปบอกคู่ปรับหมาดๆ น้ำเสียงจริงจัง

“เอาน่าพี่จะหมอคนไหนมันก็หมออย่าเรื่องมากเลย ซาเยร์พาพวกเขาไปด้านโน้นเดี๋ยวฉันจะตามหมอมาให้ ”

เพราะไม่อยากให้คนทั้งสองซดเกาเหลาจนพุงกาง เตโชจึงอาสาเป็นผู้ทำทางพร้อมจัดทีมแพทย์ให้เสร็จสรรพ

“ขอบใจ...นายนี่ดูท่าจะพูดรู้เรื่องมากกว่าใครนะเนี่ย...ไม่ต้องห่วงว่าจะเกิดปัญหาที่ฉันต้องการหมอจากฝั่งโน้นรักษาให้ก็เพราะต้องการความมั่นใจ นายก็รู้นี่ว่าหมอของเราที่ถูกส่งมาส่วนใหญ่ไม่ได้มีใบปริญญาเป็นหลักประกัน...และเพื่อความปลอดภัยมันคงไม่ผิดถ้าจะเลือกสิ่งที่ดีที่สุดให้กับชีวิตคนของฉัน”

เมื่อเห็นท่าทางของกรรมการเอนเอียงมาทางตน ภูริชจึงหาเหตุผลที่คิดว่าเข้าท่าที่สุดขึ้นประกอบ

“เตโชเรื่องนี้นายไม่ควรเข้ามายุ่ง”

ขณะทุกคนกำลังจะหมุนตัวมุ่งหน้าไปยังกระท่อมหลังใหญ่สามหลังปลูกติดกันเป็นแถวยาวมุงด้วยหญ้าคา ชยินที่ไม่เห็นด้วยกับน้องชายก็ตะคอกขึ้น

“เวลานี้มันไม่ใช่เวลาที่เราจะมาทะเลาะกัน...ฉันเห็นด้วยกับมองเทร์ที่จะให้คุณหมอทั้งสองมารักษาเจ้าสองคนนั่น พี่ก็รู้นี่ว่าหมอของเราเหน็ดเหนื่อยกับการรักษาคนเจ็บมาทั้งวัน ตอนนี้มันก็ค่ำมืดน่าจะให้เขาได้พักบ้าง” เตโชแสดงความคิดเห็นออกไปตามใจคิด

“แต่มันไม่ใช่เรื่องที่จะต้องรบกวนพวกเธอ” ชยินตอบน้องชายแต่สายตาจ้องเขม็งไปยังคู่ปรับหมาดๆ

“รบกงรบกวนที่ไหน...หมอมีหน้าที่รักษาคนเจ็บไข้ได้ป่วย...ตกลงนายจะมายืนเถียงฉันให้มันได้อะไรขึ้นมา กีซาพาสองคนนั่นไปที่โรงหมอก่อน ถ้ามีปัญหานักเดี๋ยวฉันจะไปลากพวกหล่อนมาเอง...ให้มันรู้ไปสิว่าใครหน้าไหนจะกล้าขวาง”

พอเห็นว่าชยินไม่ยอมทำตามความต้องการของตน ภูริชในคราบของมองเทร์ที่ถนัดกับการขัดใจใครก็ได้ที่มีความคิดไม่ลงรอยก็เริ่มออกคำสั่ง

และคำสั่งนั้นก็ทำให้คนของมองเทร์ชักลังเลว่าจะทำอย่างไรกับท่าทางไม่ยอมลงให้ใครของหัวหน้า แม้ทุกคนจะทราบดีว่าตำแหน่งของมองเทร์ไม่ได้ด้อยไปกว่าชยิน แต่เมื่ออยู่ในค่ายภายใต้การนำของอีกฝ่ายแล้วอย่างไรฐานอำนาจของเขาก็นับว่ายังด้อยกว่าอยู่ดี

“ซาเยร์นายพาคนเจ็บไปที่หน่วยพยาบาล...ส่วนหมอเดี๋ยวฉันจะไปตามมาให้เอง”

เตโชสั่งคนสนิทของชยินพร้อมกับหันไปบอกคนที่เขาเข้าใจว่าคือมองเทร์ แล้วจะปรายตาปรามพี่ชายก่อนเดินแยกตัวไปอีกทางกับทหารติดตามอีกสองนาย เมื่อสถานการณ์ถูกแก้ไขหลายคนที่กำลังอึดอัดกับความขัดแย้งของเสือสองตัวลอบถอนใจอย่างโล่งอกให้กับภาวะตึงเครียดที่มีเริ่มผ่อนคลาย


เสียงคนพูดดังจากหน้ากระท่อมหยุดบทสนทนาของสองสาวให้ยุติลงโดยพลัน ทั้งสองหันมองหน้ากันเมื่อได้ยินเสียงกุกกักดังอยู่หน้าประตู แต่ก่อนที่พวกเธอจะทันหยิบฉวยอะไรขึ้นป้องกันตัวบานประตูนั่นก็เปิดผัวะออก

เมื่อเห็นมีคนโผล่เข้ามาทั้งสองจึงขยับเข้าหากันโดยอัตโนมัติ ก่อนจะถอยร่นไปยืนชิดกับฝากระท่อมสร้างจากไม้ไผ่ สายตาทั้งสองคู่จ้องเขม็งไปยังผู้บุกรุกประกายตื่นตระหนก

“ไม่ต้องตกใจคุณหมอ”

เตโชมองท่าทางประหวั่นพรั่นพรึงของหญิงสาวทั้งสองอย่างเห็นใจ ชายหนุ่มจ้องดวงหน้าหวานละไมของนภัสชลประกายตาอ่อนลง ก่อนจะเบนไปมองหญิงสาวอีกคนด้วยประกายตาแบบเดียวกัน

“คุณต้องการอะไร?” วริสาถามอีกฝ่ายน้ำเสียงหวาดหวั่น

“ผมอยากรบกวนคุณหมอช่วยไปรักษาคนเจ็บให้ที”

พอได้คำตอบวริสาจึงหันไปมองหน้าเพื่อนแล้ววกกลับไปมองผู้ชายตัวโตตรงหน้าอีกครั้ง หญิงสาวนิ่วหน้าอย่างใช้ความคิดแล้วบอกตัวเองว่า อย่าได้วางใจกับท่าทางของเขาแม้มันจะสุภาพไม่มีท่าทีเป็นอันตรายก็ตามที

“หมอของคุณก็มีไม่ใช่หรือ” นภัสชลเป็นฝ่ายถามกลับไปบ้างเมื่อแน่ใจว่ามันไม่มีเหตุผลอะไรที่คนพวกนี้จะต้องพึ่งพาหมอซึ่งเป็นเชลยอย่างพวกเธอ

“จริงอยู่ที่เรามีหมอแต่คนเจ็บเพิ่งมาถึง และหมอของเราก็เหนื่อยมาทั้งวันเห็นแก่มนุษยธรรมได้ไหมช่วยพวกเขาที”

สองสาวถึงกับเลิกคิ้วขึ้นคล้ายประหลาดใจกับคำของร้องของอีกฝ่ายที่ยกคำว่ามนุษยธรรมขึ้นมาอ้าง

“เวลานี้ค่ำมืดเกินกว่าที่พวกเราจะออกไปข้างนอก อีกอย่างมันคงไม่ปลอดภัยนักหากพวกเราจะออกไปกับคุณ” วริสาหยิบยกเรื่องความปลอดภัยขึ้นมาอ้าง

“เรื่องนั้นคุณหมอไม่ต้องกังวลผมรับรองความปลอดภัยได้ขอให้วางใจ ขอเชิญที่เรือนพยาบาลสักครู่เถอะหมอ รักษาพวกเขาเสร็จผมจะรีบพากลับมาส่งทันที”

ชายหนุ่มให้คำรับรองก่อนจะขยับเปิดทางให้ หญิงสาวทั้งสองหันมองหน้ากันชั่วครู่เมื่อไม่รู้จะปฏิเสธอย่างไร พวกเธอจึงทำได้แค่ถอนใจแล้วเดินตามคนตัวใหญ่ออกไปอย่างเสียไม่ได้

พอเดินออกจากกระท่อมร่างบอบบางทั้งสองก็ขยับชิดกันอีกครั้งเมื่อเหลือบมองไปรอบๆ แล้วเห็นแต่ความมืดมิด แม้จะมีแสงโชติช่วงของใต้วางเป็นแนวตลอดเส้นทาง แต่หากมองเลยออกไปก็พบเพียงความมืดมิดแม้จะมีแสงสลัวจากตะเกียงซึ่งแขวนอยู่ตามบ้านเรือนส่องอยู่วับแวมก็ตาม แต่ความทะมึนของห้วงรัตติกาลและร่างกายบึกบึนของชายฉกรรจ์ที่ยืนอยู่ตามจุดต่างๆ ก็ชวนให้หวาดผวาอยู่ดี

“ไม่ต้องกลัว...อยู่ที่นี่ไม่มีใครทำอะไรหมอหรอก” เตโชที่เดินตามหลังปลอบเมื่อเห็นท่าทางตื่นๆ ของหญิงสาวทั้งสอง

เมื่อเดินเข้าใกล้เขตเรือนพยาบาลอาการหวาดกลัวของทั้งสองก็ยิ่งเพิ่มขึ้นเป็นทวีคูณ เพราะจากแสงสว่างของไฟฟ้าที่น่าจะมาจากเครื่องปั่นไฟ ทำให้พวกเธอมองเห็นคนที่ยืนอยู่ด้านในค่อนข้างชัดเจน

ภูริชหันไปมองทางเข้าแทบจะทันทีที่ได้ยินเสียงฝีเท้า ชายหนุ่มมองดวงตาตื่นตระหนกราวลูกกวางยามเผชิญกับภยันตรายกวาดมองไปรอบๆ แล้วหยุดอยู่ที่เขาด้วยความตื่นตะลึง

เขาไม่ต้องใช้เวลานึกว่าเจ้าของดวงตานั่นเป็นใคร เพราะเวลานี้แม้หลับตาภาพใบหน้าหวานละมุนก็เข้ามาวุ่นวายอยู่ในมโนสำนึกแทบจะทุกๆ วินาที

ชายหนุ่มคลายวงแขนออกแล้วยืดตัวขึ้นเต็มความสูงอย่างลืมตัว เมื่อดวงตาคู่นั้นยังจับอยู่ที่เขา ร่างสูงใหญ่ยืนนิ่งเหมือนถูกตรึงเหมือนกับห้วงเวลาที่กำลังดำเนินอยู่หยุดหมุนไปชั่วขณะ จนรู้สึกราวกับว่า ณ เวลานี้ทั้งบริเวณมีเพียงเขาและเธอยืนอยู่เพียงลำพัง

ห้วงเวลาที่เผชิญหน้ากันเหมือนนานนับชั่วโมง หากในความเป็นจริงเข็มนาฬิกาที่กำลังเดินอยู่นั้นนับได้เพียงเศษเสี้ยววินาที ภูริชพยายามระงับความยินดีที่กำลังจะเปิดเปลือยออกมากับสีหน้าด้วยท่าทางเรียบเฉย เขาข่มใจเบนสายตาไปทางคนเจ็บที่นอนอยู่ข้างๆ ขยับลุกคล้ายเปิดทางให้เธอเข้ารักษาด้วยท่าทางนิ่งสงบแม้ภายในจะเดือดพล่านเพราะความลิงโลดก็ตามที

ชยินลอบมองท่าทีของคู่ปรับด้วยความโล่งใจ เมื่อเห็นอีกฝ่ายแสดงออกชัดเจนว่าต้องการให้หมอรักษาคนเจ็บมากกว่านึกคึกคะนองอย่างที่เขากังวล ชายหนุ่มไล่สายตาไปตามเรือนร่างระหงอย่างเผลอไผลก่อนจะพ่นลมหายใจเมื่อสำนึกได้ว่าเขาเป็นใครและเธอเป็นใคร...





Create Date : 28 ธันวาคม 2554
Last Update : 28 ธันวาคม 2554 13:56:23 น. 0 comments
Counter : 454 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 
 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.