Bloggang.com : weblog for you and your gang
sansook
Location :
[ดู Profile ทั้งหมด]
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 40 คน [
?
]
โค้ดนี้เป็นภาพพื้นหลังนำไปวางที่ช่อง Script Area ค่ะ https://youtu.be/K2vg5yDgVX4
Group Blog
สรุป พ.ร.บ.
ความรู้ทั่วไป
ทักทาย
นานาสาระ
วิเคราะห์นะจ๊ะ
ดูดวงกันเถอะ
เก็บมาฝาก
สรุปภาษาไทย
ความรักแม่เอ๊ย
แนวข้อสอบ
แบบทดสอบจิตวิทยา
แนวคิด และมุมมอง
เรื่องเล่า
เคล็ดลับความสวย
เรียงร้อยเรื่องราว
กฎหมายน่ารู้
งาน งาน งาน
รักษาสุขภาพกันเถอะ
เคล็ดลับดีๆ
สรุปแนวข้อสอบหลักสูตรประถมศึกษา
เชิญชวนสู่ธรรมมะ
ฮวงจุ้ยน่ารู้
เมื่อจิตนาการบังเกิด
อสูรพ่ายรัก
แนะนำผลงาน
เรือนรัก - นางรอ
เงาแปร
บรรยากาศสละคาน
คลังข้อสอบ
ดวงไฟในมือมาร
เหลี่ยมรักทรชน
ยั่วรักพยัคฆ์ร้าย
สามนารี
นิยายชุด ภารกิจรัก เรื่องเหนี่ยวหัวใจสุดไกปืน
เกี่ยวกับบริหารงานบุคคลท้องถิ่น
เล่ห์วิวาห์มาเฟีย
ละครเหนี่ยวหัวใจสุดไกปืน
ทวงใจสุดปลายฟ้า
อีบุคสุดแซ่บ
<<
มกราคม 2555
>>
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
24
25
26
27
28
29
30
31
3 มกราคม 2555
ตอนที่ ๒๐ ทางเลือกเพื่อทางรอด
ตอนที่ ๑๙ ผู้นำสาร
ตอนที่ ๑๘ ทีใครทีมัน
All Blogs
ตอนที่ ๒๔ คืนอำนาจ
ตอนที่ ๒๓ กับดัก
ตอนที่ ๒๒ วัดใจ
ตอนที่ ๒๑ หนอนบ่อนไส้
ตอนที่ ๒๐ ทางเลือกเพื่อทางรอด
ตอนที่ ๑๙ ผู้นำสาร
ตอนที่ ๑๘ ทีใครทีมัน
ตอนที่ ๑๗ คู่วิวาท
ตอนที่ ๑๖ ความเห็นที่แตกต่าง
ตอนที่ ๑๕ ส่งสาร
ตอนที่ ๑๔ โยนหินถามทาง
ตอนที่ ๑๓ ขิงก็ราข่าก็แรง
ตอนที่ ๑๒ เผชิญหน้า
ตอนที่ ๑๑ แทรกซึมสู่เป้าหมาย
ตอนที่ ๑๐ ข้อต่อรอง
ตอนที่ ๙ เดินหน้า
ตอนที่ ๘ ภารกิจ
ตอนที่ ๗ มารผจญ
ตอนที่ ๖ สายใยครอบครัว
ตอนที่ ๕ ทางตัน
ตอนที่ ๔ ชิงตัว
ตอนที่ ๓ หน้าที่กับความขัดแย้ง
ตอนที่ ๒ ถนนสายอุดมการณ์
ตอนที่ ๑ ทางเส้นขนาน
Friends' blogs
sansook
Chulapinan
baby_15
ไร่ปลายตะวัน
lovers
ge-or-ge
โมกสีเงิน
tingnoy
พลังชีวิต
Mr.Terran
hangclub
nirin_18
คนผ่านทางมาเจอ
patra_vet
ซ่อนรอยยิ้ม
นิยายฝันหวาน
ป้ามด
รำเพย
นิชนันท์
วัตตรา
Insignia_Museum
Baan_Bualoy
ooseabubbleoo
literature
bigger
ใยไหมเจ้าค่ะ
super novel
นัทธ์
Webmaster - BlogGang
[Add sansook's blog to your web]
Links
BlogGang.com
ตอนที่ ๑๙ ผู้นำสาร
หลังฝึกยิงปืนให้กับแพทย์หญิงทั้งสองมานับสองชั่วโมง ครูฝึกหน้าเข้มก็ต้องลอบยิ้มอย่างภูมิใจเมื่อเห็นผลงานเป็นรอยกระสุนกระจายอยู่บนเป้า จากการฝึกอย่างต่อเนื่องและใช้เวลาพอสมควรทำให้หญิงสาวทั้งสองเริ่มคุ้นเคยกับอาวุธปืนจึงทำให้พวกเธอไม่ตื่นกลัวอย่างคราแรก
เมื่อเห็นว่าลูกศิษย์ทั้งสองทำผลงานจนพอใจร้อยเอกภูริชจึงยุติบทบาทครูฝึกในอีกครึ่งชั่วโมงต่อมา แม้ว่าการฝึกยิงปืนจะจบลงแต่นายทหารหนุ่มยังแนะนำการป้องกันตัวในช่วงคับขันอีกหลายหัวข้อ และแต่ละหัวข้อก็ทำให้แพทย์หญิงทั้งสองตระหนักถึงความสำคัญพวกเธอจึงตั้งใจเรียนรู้รวมทั้งจดจำเพื่อใช้ป้องกันตัว
นภัชลยืนฟังคำแนะนำจากนายทหารจากชนกลุ่มน้อยหนำซ้ำในสายตาของเธอเขายังเป็นคนที่กวนอารมณ์จนน่าทุบด้วยประกายตาที่เปลี่ยนไป หญิงสาวเหลือบมองท่าทางจริงจังยามเขาแนะนำเรื่องนั้นเรื่องนี้แล้วนิ่งคิด ในขณะวริสาไม่ได้ให้ความสนใจกับความมุ่งมั่นของชายหนุ่มมากนักนอกจากสนุกกับความรู้ใหม่ที่ได้รับ
พอเห็นว่าแพทย์หญิงทั้งสองควรพักเพราะคร่ำเคร่งอยู่กับการฝึกมานับ 4 ชั่วโมงเตโชจึงให้สัญญาณบอกภูริชให้ยุติบทเรียน เมื่อแนวร่วมส่งสัญญาณนายทหารหน้าเข้มจึงพยักหน้า ก่อนจะทบทวนบทเรียนสุดท้ายก่อนปล่อยลูกศิษย์ทั้งสองไปพักผ่อน
ลีเธอว่านายมองเทร์อะไรนั่นดูแปลกๆ ไหม นภัสชลเอ่ยขึ้นเมื่ออยู่ตามลำพังกับเพื่อน
ก็ไม่นี่ทำไมเหรอ
เราแปลกใจว่าทำไมนายนั่นถึงเคี่ยวเข็ญให้พวกเราฝึกอะไรพวกนี้น่ะสิ
เธอคิดมากหรือเปล่า...เราว่าเขาคงหวังดี อีกอย่างสิ่งที่เขาแนะนำและสอนในวันนี้มันก็เป็นผลดีกับพวกเรานะ วริสาแสดงความคิดเห็นออกไป
ไอ้ดีมันก็ดีหรอกแต่ลีไม่คิดเหรอว่าทำไมเขาต้องใส่ใจสอนเราทั้งๆ ที่ไม่ใช่สิ่งจำเป็นสักนิด เวลานี้พวกเราเหมือนเป็นเชลย แต่สิ่งที่เขาสอนหากมองให้ลึกมันเหมือนเป็นการชี้ช่องทางให้นำมาใช้ป้องกันตัวเผื่อคิดหลบหนี
เธอคิดลึกไปแล้วมั๊งนภัส พวกเขาคงเห็นพวกเราเป็นภาระน่ะสิจึงคิดสอนวิธีป้องกันตัวให้ถ้าเราสามารถช่วยเหลือตัวเองได้มากเท่าไรมันก็เป็นผลดีต่อพวกเขามากเท่านั้นเพราะไม่ต้องมาพะวงกับคนอ่อนแออย่างไรล่ะคนพวกนี้ฉลาดจะตาย วริสาแสดงความคิดเห็นไปอีกทาง
สิ่งที่เธอคิดมันมีส่วนถูกแต่เราว่านายมองเทร์อะไรนั่นยังไงก็ดูแปลกๆ อยู่ดี
เขาแปลกยังไง...เท่าที่เห็นเขาก็เหมือนคนพวกนั้น...อาจจะแตกต่างหน่อยหนึ่งก็ตรงที่พูดภาษาไทยชัดเจนแจ่มแจ๋ว...แต่ข้อนี้ก็ไม่ถึงกับแปลกมากเพราะผู้กองหน้าดุกับนายเตโชอะไรนั่นก็พูดไทยชัดยังกับเจ้าของภาษา...อ้อจะมีที่ไม่เหมือนใครก็คงเป็นนิสัยไม่กลัวใครและชอบวิ่งสู้ฟัดกับผู้กองชยิน
แต่เราว่าเขาดูไม่เหมือนทหารกะเหรี่ยง และสิ่งที่นภัสชลเอ่ยออกมาก็ทำให้วริสาหยุดสายตาอยู่ตรงใบหน้าคิดหนักของคนพูด
มันหมายความว่ายังไงเหรอนภัส
ทักษะบางหัวข้อที่เขาบอก เราพอรู้ว่ามันมีสอนอยู่ในกองทัพไทย ถ้าสังเกตดีๆ ภาษาที่เขาใช้มันก็เป็นศัพท์เฉพาะซึ่งไม่น่าใช่บทเรียนที่มีใช้โดยทั่วไปยิ่งในชนกลุ่มน้อยแล้วด้วยเราคิดว่ามันไม่น่ามีความเป็นไปได้
เธอรู้ได้ยังไงว่าทักษะบางหัวข้อมันมีสอนอยู่แค่ในกองทัพไทย เพราะตามหลักแล้วเราคิดว่าทักษะการต่อสู้ไม่ว่าจะกองทัพไหนมันก็คงเหมือนๆ กัน สมัยนี้อะไรมันก็เป็นสากลไปหมดไม่ว่าทหารประเทศไหนก็คงมีการปรับใช้ไม่แตกต่าง ถึงคนพวกนี้จะเป็นแค่ชนกลุ่มน้อยแต่เราว่าเพื่อชัยชนะพวกเขาก็ต้องมีการเรียนรู้วิธีต่อสู้ใหม่ๆ บ้างไม่อย่างนั้นคงล้าหลังสู้กับใครก็แพ้วันยังค่ำ
พอได้ยินความคิดเห็นของวริสาคนที่นิ่งหน้ามาพักใหญ่ก็ต้องพยักหน้ายอมรับกับความเป็นไปได้ หญิงสาวจ้องหน้าเพื่อนแล้วพ่นลมหายใจออกมาเมื่อเห็นว่าทุกอย่างที่อีกฝ่ายพูดออกมามันมีความเป็นไปได้ทั้งนั้น แม้จะไม่เห็นด้วยเต็ม 100 % ก็ตาม
เวลาราว 1 ทุ่มท่ามกลางแสงสลัวของดวงจันทร์ ชายในชุดพรางทหารสองคนจ้องชายหญิงเดินไปตามเส้นทาง โดยพวกเขาจับตาดูคนทั้งสองนับตั้งแต่หญิงสาวคนนั้นแจ้งกับทหารยามว่าต้องการพบมองเทร์ หลังแอบตามมาได้พักใหญ่พวกเขาค่อยๆ ผ่อนฝีเท้าให้ช้าลงเมื่อเห็นว่าเป้าหมายเดินไปหยุดอยู่ใต้ต้นไม้
ขณะกำลังลังเลว่าควรตามต่อหรือหยุดอยู่แค่นั้นพวกเขาก็ต้องหันไปมองหน้ากันและเลิกคิ้วขึ้น เมื่อเห็นว่าชายหนุ่มกำลังสวมกอดเธอไว้ในวงแขนก่อนโน้มใบหน้าหยอกล้อแล้วดึงเธอหายลับเข้าไปในแนวไม้
เอาไงดี เมื่อเห็นคนทั้งสองเร้นกายเข้าไปในแนวไม้แล้วเลือนหายไปกับห้วงรัตติกาลหนึ่งในสองจึงหันไปถามเพื่อนร่วมภารกิจ
คงต้องรออยู่นี่...ว่าก็ว่าเถอะไอ้มองเทร์ดูเหมือนเฉยๆ แต่เผลอไม่ได้ไวไฟชะมัด เพราะสิ่งที่เห็นสามารถบอกได้แค่ประเด็นเดียวจึงทำให้ผู้ติดตามสันนิษฐานได้เพียงเท่านั้น
นั่นสิ...แกรู้จักผู้หญิงคนนั้นไหมว่าเป็นใครง่ายๆ แบบนี้ทำไมไม่มีมาเข้าปากพวกเราบ้างวะ
ถ้าเอ็งอยากได้แบบเขาก็ต้องไปหายศมาติดบนบ่าหรือไม่ก็ไปทำหน้ามาใหม่ให้คมเข้มเหมือนไอ้หมอนั่น ผู้หญิงสมัยนี้ไม่ว่าอยู่ในป่าหรือในเมืองก็เลือกมากทั้งนั้น
ตอนแรกเห็นตามคั่วคุณหมอคนสวยไอ้ข้าก็นึกว่ามันกะเล่นของสูง ที่ไหนได้เวลาหิวกับใครก็ได้นี่หว่า ว่าแต่คุณหมอสองคนนั่นก็น่าฟัดไม่เบาแกว่าไง คนพูดทำท่าเปรี้ยวปากเมื่อจิตในด้านมืดกำลังส่งความคิดชั่วร้ายเข้ามาในสมอง
น่าฟัดไม่น่าฟัดข้าก็ไม่เอาด้วยหรอก เอ็งไม่เห็นเรอะว่าผู้กองชยินหวงยิ่งกว่าจงอางหวงไข่ ลองไปแตะแม่ดูสิเห็นทีไม่ได้ตายดีแน่ คนพูดทำท่าขยาดเพราะรู้กิตติศัพท์ความโหดและเด็ดขาดของผู้เป็นหัวหน้าดี
พรุ่งนี้ผู้กองไม่อยู่เท่าที่รู้จะเหลือหมอคนหนึ่งในค่าย งานนี้มันน่าลองเสี่ยงแกไม่อยากขึ้นสวรรค์หรือไง แม้เพื่อนจะประกาศชัดว่าไม่เอาด้วยแต่คนคิดลองของก็ยังไม่วายชี้ชวน
เลิกฝันถึงสวรรค์ได้เลยจาฟา เพราะข้าบอกได้คำเดียวว่านรกมันจะมาเยือนก่อนที่เท้าของเอ็งจะทันได้เหยียบสวรรค์แน่ๆ ถึงผู้กองไม่อยู่คุณเตโชคงไม่ปล่อยให้ใครแตะหมอง่ายๆ หรอก ที่สำคัญไอ้มองเทร์มันก็อยู่จากปากต่อปากต่างบอกว่ามันทั้งดิบทั้งเถื่อนขนาดผู้กองยังไม่อยากยุ่งแล้วเอ็งเป็นใครอย่าหาเรื่องตายดีกว่า เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายชักคิดเลยเถิดคนที่มีความเห็นแตกต่างจึงออกปากเตือนเพราะไม่อยากหาเรื่องใส่ตัว
ข้าว่าพอผู้กองออกเดินทางพวกนั้นก็จ้องกินเหมือนกันแหละน่า...แกอย่าใจเสาะนักเลย
ถ้าใจกล้านักเอ็งก็ลองของคนเดียวเถอะ...อย่าเอาข้าเข้าไปเกี่ยวข้องด้วยดีกว่า
ถ้าข้าได้แล้วแกอย่ามาขอแบ่งทีหลังล่ะ จาฟาบอกเสียงเยาะพลางกระตุกยิ้มแล้วจินตนาการถึงความสุขที่ยังมาไม่ถึง ในขณะอีกคนได้แต่ส่ายหน้าไปมาเมื่อเห็นสีหน้าเต็มไปด้วยตัณหาของเพื่อนผ่านแสงสลัวของดวงจันทร์
พวกมันยังตามมาอยู่ไหม เสียงกระซิบของหญิงสาวดังขึ้นเมื่อเดินพ้นแนวไม้ออกมา
คงไม่...พวกจาปออยู่ไหน ภูริชตอบก่อนปล่อยมือที่โอบไหล่หญิงสาวแล้วผละออกห่างเมื่อเห็นว่าพวกเขารอดพ้นจากสายตาของคนที่ติดตามมา
รออยู่ตรงเนินถัดจากนี่ไปราวห้าร้อยเมตรผู้กองรีบไปสิ ส่วนทางนี้เดี๋ยวฉันกับน้องชายจะดูต้นทางให้ เธอชี้มือบอก
ขอบใจ ภูริชเอ่ยพร้อมกับเร่งฝีเท้ามุ่งหน้าไปยังจุดนัดพบทันที ชายหนุ่มเดินแกมวิ่งลัดเลาะไปตามแนวไม้ใหญ่โดยมีแสงสลัวจากดวงจันทร์ช่วยนำทางด้วยความคล่องแคล่วไม่ถึง 15 นาทีก็ถึงจุดที่จาปอและพรรคพวกรออยู่
มีเรื่องอะไรหรือจาปอ เขาถามขึ้นทันทีเมื่ออีกฝ่ายปรากฏตัว
มองเทร์ให้มาแจ้งว่าหลังผู้กองชยินเดินทางออกจากพื้นที่นายพลลอซูจะถล่มค่ายภายในยี่สิบสี่ชั่วโมง
หมายความว่ายังไง
กลุ่มติดอาวุธของนายพลลอซูจะถล่มฐานทัพนั่นภายในยี่สิบสี่ชั่วโมงหลังจากผู้กองชยินออกเดินทาง จาปอเรียบเรียงคำพูดใหม่แต่ความหมายยังคงมีเนื้อหาเช่นเดิม
จะทำแบบนั้นไม่ได้นะ ชายหนุ่มพูดสวนกลับไปทันที
เราหยุดพวกเขาไม่ได้หรอกผู้กอง
ถ้านายพลนั่นถล่มฐานทัพของชยินพวกชาวบ้านจะพลอยรับเคราะห์ไปด้วย ให้ตายเถอะคนพวกนั้นเป็นผู้บริสุทธิ์นะจาปอ
พวกเขาไม่สนหรอกว่าคนที่อยู่ในนั้นเป็นใครบ้างเวลานี้ที่ตั้งของฐานทัพนั่นถูกเปิดเผย และคำสั่งก็ออกมาแล้วด้วย เราทำอะไรไม่ได้หน้าที่ของผู้กองคือพาคนของคุณออกจากพื้นที่ให้เร็วที่สุด มองเทร์บอกว่าทางการส่งคนรอรับอยู่ที่หมู่บ้านไทยใหญ่ ให้เดินเลาะแม่น้ำขึ้นไปทางทิศตะวันออกเมื่อไปถึงจะมีพรานนำทางอีกที ผ่านหมู่บ้านไทยใหญ่ผู้กองมีแผนที่อยู่แล้วคงไม่มีปัญหาใช่ไหม จาปอบอกน้ำเสียงเรียบเฉยราวกับสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นในอีกไม่นานเป็นเรื่องปกติธรรมดา
คนพวกนั้นเป็นผู้บริสุทธิ์พวกเขาต่างเป็นพลเรือนทำไมรัฐบาลของนายไม่คิดทำอะไรเพื่อปกป้องพวกเขาแบบนี้มันไม่ถูก จาปอลองหันไปมองดูสิในหมู่บ้านมีทั้งเด็ก ผู้หญิง และคนแก่ แล้วไหนจะวัยหนุ่มสาวอีกถ้ารัฐบาลเลือกนิ่งเฉยปล่อยให้พวกนั้นถล่มฐานทัพนั่นจะต้องมีคนล้มตายและไร้ที่อยู่อาศัยไม่น้อยเลย ภูริชหยิบยกจำนวนเหยื่อที่จะต้องได้รับผลกระทบหากมีการโจมตีฐานทัพของชยินขึ้นมาประกอบ
เวลานี้รัฐบาลได้เปลี่ยนแนวคิดและพยายามสร้างสันติภาพโดยจับมือกับกลุ่มต่อต้านต่างๆ แต่คุณก็เห็นว่าชนกลุ่มน้อยมีมากมายหลายกลุ่ม และแต่ละกลุ่มก็ใช่ว่ารัฐบาลจะสามารถรอมชอมได้ ทุกอย่างจะเดินหน้าหรือยุติมันขึ้นอยู่กับตัวผู้นำของพวกเขาทั้งนั้น การที่ชยินเลือกตั้งฐานทัพที่มีมวลชลโอบล้อมก็เท่ากับว่าเขาเลือกใช้พวกเขาเป็นเกราะกำบัง เขาเลือกเอาเลือดผู้บริสุทธิ์เป็นโล่มันก็ต้องยอมรับกับผลที่จะตามมา
นายไม่รู้สึกอะไรบ้างเลยหรือจาปอ เอาง่ายๆ ลองคิดสิว่าหากคนพวกนั้นเป็นคนในครอบครัวนายจะรู้สึกยังไง
มันเป็นสงครามของพวกเขา วิถีของเขาเป็นแบบนี้มาช้านานผู้กองแก้ไขอะไรไม่ได้หรอก คุณทำหน้าที่ของคุณให้ลุล่วงแล้วปล่อยให้เป็นเรื่องของพวกเขาดีกว่า
ภูริชจ้องใบหน้าของจาปอผ่านแสงสีนวลจากดวงจันทร์ด้วยประกายตาที่เต็มไปด้วยความขัดแย้ง ก่อนจะเบนไปยังชายฉกรรจ์ที่ยืนอยู่ในบริเวณแล้วถอนใจยาว
งานของคุณคือพาหมอกลับบ้าน งานของพวกเราคือหาข่าวและวิเคราะห์สถานการณ์แล้วรายงานให้กับหน่วย ส่วนเรื่องการต่อสู้ของพวกเขามันเป็นเรื่องที่อยู่นอกเหนือหน้าที่ของพวกเรา ผู้กองอย่าเข้าไปก้าวก่ายจะดีกว่า จาปอพูดดักทางเมื่อเห็นประกายขัดแย้งกระจ่างชัดอยู่ในดวงตาคมกล้าของอีกฝ่าย
แต่จะให้ฉันวางเฉยกับชีวิตของผู้บริสุทธิ์มันก็ดูใจดำเกินไป รัฐบาลนายทำเพิกเฉยแบบนี้นานาชาติจะต้องประณามการกระทำในครั้งนี้แน่
พวกยูเอ็นจะมารู้เห็นอะไรที่นี่มันในป่าในเขานะผู้กอง อีกอย่างวิถีการรบแบบนี้สำหรับที่นี่มันเป็นเรื่องปกติใครมันจะมาสนใจ
นายพูดราวกับว่าการฆ่าผู้บริสุทธิ์เหล่านั้นมันเป็นเรื่องปกติธรรมดา
การสู้รบมันก็ต้องเข่นฆ่ากันเป็นเรื่องปกติอยู่แล้ว ผู้กองเป็นทหารย่อมเข้าใจดีว่าเมื่อเราอยู่ในหน้าที่ต่อให้คำสั่งที่ได้รับจะไม่ถูกต้อง แต่เราก็ต้องปฏิบัติตามเพื่อให้บรรลุเป้าหมาย เหมือนกับคุณเวลามีคำสั่งให้ไปกำจัดใครสักคนเคยมีโอกาสถามเหยื่อจากปลายปืนบ้างไหมว่าพวกเขาสมควรแล้วหรือที่จะสังเวยชีวิต
สไนเปอร์หนุ่มถึงกับพูดไม่ออกเมื่อได้ฟังเหตุผลจากอีกฝ่าย ดวงตาคมกล้ากวาดมองไปรอบๆ และถอนใจลึกเมื่อสำนึกได้ว่าตัวเขาเล็กเกินกว่าจะช่วยเป็นเกราะกำบังให้กับผู้บริสุทธิ์เหล่านั้น
ฉันเข้าใจว่าหน้าที่ของฉันคืออะไร ถ้านายจะห้ามไม่ให้ฉันช่วยใครเลยมันคงเป็นไปไม่ได้ แม้มือของฉันจะเปื้อนเลือดมามากมายและไม่เคยถามเป้าหมายเลยสักครั้งว่าพวกเขาสมควรสังเวยชีวิตหรือไม่ แต่คนเหล่านั้นต่างเป็นอันตรายต่อผืนแผ่นดินแม่ ทหารทำงานให้กับแผ่นดินเสียสละเลือดเนื้อเพื่อปกป้องอธิปไตยพวกเราทำหน้าที่เป็นเหมือนกำแพงอันแกร่งกล้าที่จะรักษาความปลอดภัยให้กับพี่น้องประชาชน แล้วพวกนายล่ะเคยถามตัวเองบ้างไหมว่าทำงานเหล่านี้เพื่อใคร
เวลานี้พวกเราจะทำงานให้ใครมันไม่สำคัญหรอกผู้กอง เพราะทุกอย่างอยู่กับคำสั่งของผู้มีอำนาจทั้งนั้น...แม้แต่คุณเองก็ไม่ต่างกัน จริงอยู่ที่พวกเราต่างทำงานให้กับผืนแผ่นดินแม่ แต่หากมองให้ลึกลงไปสุดท้ายพวกเราก็ทำงานสนองแก่อำนาจของบุคคลเพียงไม่กี่คนคุณว่าจริงไหม จาปอตอบพร้อมกับตั้งคำถามออกไปด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความเหนื่อยหน่ายและในคำถามนั่นก็ทำให้นายทหารผู้มีอุดมการณ์อยู่เต็มหัวใจถึงกับอดยอมรับไม่ได้ว่ามันเป็นเช่นนั้นจริงๆ
เราอย่ามาเสียเวลากับเรื่องที่ไม่เกี่ยวข้องกับพวกเราดีกว่า หน้าที่ของผมคือแจ้งข่าวส่วนผู้กองจะทำหน้าที่ของตัวเองหรือไม่นั่นมันก็ไม่เกี่ยวกับผม เอาเป็นว่าผมได้ทำหน้าที่ของตัวเองแล้วขอตัวล่ะ เมื่อเห็นคู่สนทนาไม่เอ่ยอะไรจาปอจึงตัดบทแล้วขอตัว
ภูริชพยักหน้าพลางถอนใจเมื่อไม่อาจตัดสินใจได้ว่าควรทำอย่างไรต่อ ชายหนุ่มยืนมองจาปอและพรรคพวกค่อยๆ เร้นกายเข้าไปในแนวป่าจนหายลับไปกับความมืด เมื่อกลุ่มคนเหล่านั้นเงียบหายเสียงแมลงกลางคืนที่เงียบงันก็พลันเซ็งแซ่ขึ้นอีกครั้ง
ดวงตาคมกล้ากวาดมองไปรอบๆ ก่อนจะหยุดอยู่ที่แสงวับแวมของไต้และตะเกียงที่เห็นอยู่ไกลๆ แล้วพ่นลมหายใจออกมา หากมีการถล่มฐานทัพนั่นอย่างที่จาปอบอกจริงนับจากพรุ่งนี้ไปอีก 24 ชั่วโมงแสงไฟที่เห็นอยู่นั่นจะต้องโชติช่วงไปด้วยไฟของสงคราม และเมื่อมันมอดดับทุกอย่างก็คงจะล่มสลาย...
นายทหารหน้าเข้มหลุบเปลือกตาลงแล้วถามตัวเองว่าทุกอย่างที่อยู่บนเนินนั่นมีความสำคัญกับหน้าที่ของเขาหรือไม่ แม้คำตอบที่ได้กลับมาจะแจ่มชัดอยู่ในสามัญสำนึกว่ามันไม่มีอะไรเกี่ยวกับเขาเลยสักนิด แต่เมื่อมองเห็นซากปรักหักพังและความสูญเสียหลังจากสงครามของคนเหล่านั้นยุติลง ชายหนุ่มก็ต้องเปิดเปลือกตายอมรับกับความจริงว่าเขาไม่อาจนิ่งดูดายมองคนบริสุทธิ์เหล่านั้นล้มตายไปต่อหน้าต่อตา
ร้อยเอกภูริชก้มมองมือทั้งสองข้างก่อนยกขึ้นช้าๆ พร้อมกับถามตัวเองอีกครั้งว่า ตกลงสองมือของเขาเล็กเกินกว่าจะช่วยพวกชาวบ้านเหล่านั้นจริงๆ หรือเขาขลาดกลัวเกินกว่าจะยื่นมือเข้าไปช่วยกันแน่
นับสิบนาทีหลังเฝ้าถามตัวเองว่าควรทำอย่างไรกับข่าวที่เพิ่งได้รับ แม้จะยังไม่มีคำตอบแน่ชัดแต่อะไรบางอย่างก็สว่างวาบเข้ามาในความคิด เมื่อเห็นว่าหากมัวยืนถามตัวเองอยู่อย่างนี้คงไม่ได้การเขาจึงเบนสายตากลับไปยังหมู่บ้านแล้วเริ่มออกเดิน
Create Date : 03 มกราคม 2555
Last Update : 3 มกราคม 2555 13:56:41 น.
0 comments
Counter : 471 Pageviews.
Share
Tweet
ชื่อ :
Comment :
*ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
Pantip.com
|
PantipMarket.com
|
Pantown.com
| © 2004
BlogGang.com
allrights reserved.