Bloggang.com : weblog for you and your gang
sansook
Location :
[ดู Profile ทั้งหมด]
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 40 คน [
?
]
โค้ดนี้เป็นภาพพื้นหลังนำไปวางที่ช่อง Script Area ค่ะ https://youtu.be/K2vg5yDgVX4
Group Blog
สรุป พ.ร.บ.
ความรู้ทั่วไป
ทักทาย
นานาสาระ
วิเคราะห์นะจ๊ะ
ดูดวงกันเถอะ
เก็บมาฝาก
สรุปภาษาไทย
ความรักแม่เอ๊ย
แนวข้อสอบ
แบบทดสอบจิตวิทยา
แนวคิด และมุมมอง
เรื่องเล่า
เคล็ดลับความสวย
เรียงร้อยเรื่องราว
กฎหมายน่ารู้
งาน งาน งาน
รักษาสุขภาพกันเถอะ
เคล็ดลับดีๆ
สรุปแนวข้อสอบหลักสูตรประถมศึกษา
เชิญชวนสู่ธรรมมะ
ฮวงจุ้ยน่ารู้
เมื่อจิตนาการบังเกิด
อสูรพ่ายรัก
แนะนำผลงาน
เรือนรัก - นางรอ
เงาแปร
บรรยากาศสละคาน
คลังข้อสอบ
ดวงไฟในมือมาร
เหลี่ยมรักทรชน
ยั่วรักพยัคฆ์ร้าย
สามนารี
นิยายชุด ภารกิจรัก เรื่องเหนี่ยวหัวใจสุดไกปืน
เกี่ยวกับบริหารงานบุคคลท้องถิ่น
เล่ห์วิวาห์มาเฟีย
ละครเหนี่ยวหัวใจสุดไกปืน
ทวงใจสุดปลายฟ้า
อีบุคสุดแซ่บ
<<
ธันวาคม 2554
>>
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
24
25
26
27
28
29
30
31
28 ธันวาคม 2554
ตอนที่ ๑๔ โยนหินถามทาง
ตอนที่ ๑๓ ขิงก็ราข่าก็แรง
ตอนที่ ๑๒ เผชิญหน้า
ตอนที่ ๑๑ แทรกซึมสู่เป้าหมาย
All Blogs
ตอนที่ ๒๔ คืนอำนาจ
ตอนที่ ๒๓ กับดัก
ตอนที่ ๒๒ วัดใจ
ตอนที่ ๒๑ หนอนบ่อนไส้
ตอนที่ ๒๐ ทางเลือกเพื่อทางรอด
ตอนที่ ๑๙ ผู้นำสาร
ตอนที่ ๑๘ ทีใครทีมัน
ตอนที่ ๑๗ คู่วิวาท
ตอนที่ ๑๖ ความเห็นที่แตกต่าง
ตอนที่ ๑๕ ส่งสาร
ตอนที่ ๑๔ โยนหินถามทาง
ตอนที่ ๑๓ ขิงก็ราข่าก็แรง
ตอนที่ ๑๒ เผชิญหน้า
ตอนที่ ๑๑ แทรกซึมสู่เป้าหมาย
ตอนที่ ๑๐ ข้อต่อรอง
ตอนที่ ๙ เดินหน้า
ตอนที่ ๘ ภารกิจ
ตอนที่ ๗ มารผจญ
ตอนที่ ๖ สายใยครอบครัว
ตอนที่ ๕ ทางตัน
ตอนที่ ๔ ชิงตัว
ตอนที่ ๓ หน้าที่กับความขัดแย้ง
ตอนที่ ๒ ถนนสายอุดมการณ์
ตอนที่ ๑ ทางเส้นขนาน
Friends' blogs
sansook
Chulapinan
baby_15
ไร่ปลายตะวัน
lovers
ge-or-ge
โมกสีเงิน
tingnoy
พลังชีวิต
Mr.Terran
hangclub
nirin_18
คนผ่านทางมาเจอ
patra_vet
ซ่อนรอยยิ้ม
นิยายฝันหวาน
ป้ามด
รำเพย
นิชนันท์
วัตตรา
Insignia_Museum
Baan_Bualoy
ooseabubbleoo
literature
bigger
ใยไหมเจ้าค่ะ
super novel
นัทธ์
Webmaster - BlogGang
[Add sansook's blog to your web]
Links
BlogGang.com
ตอนที่ ๑๑ แทรกซึมสู่เป้าหมาย
หลังจากพักแรมกันอยู่บนเชิงเขามาหนึ่งคืนกับอีกหนึ่งวัน ในช่วงพลบค่ำของวันที่ 2 ทีมของภูริชจึงกระจายตัวไปประจำจุดของตนเพื่อซุ่มโจมตีเมื่อสายแจ้งการมาถึงของกลุ่มคนที่พวกเขาเฝ้ารอ
ลูกพี่ผมไม่เข้าใจว่าทำไมเราต้องพึ่งผู้กองคนนั้นทั้งๆ ที่หากเราจะบุกชิงตัวคุณหมอทั้งสองมันก็ย่อมทำได้ ชายคนหนึ่งเอ่ยขึ้นอย่างคลางแคลงใจเมื่อความคิดเห็นไม่ลงรอยกับคำสั่งของผู้บังคับบัญชา
ได้มันมาช่วยแบบนี้เป็นเรื่องดีออกอย่างน้อยก็ช่วยเบาแรงพวกเราไปเยอะเลยล่ะ คนเป็นลูกพี่หรี่ตามองเส้นทางราบเตียนตรงหน้าแล้วกระตุกรอยยิ้มอย่างมีเลศนัย
มันจะช่วยเบาแรงพวกเราจริงๆ เร้อลูกพี่ ผมกลัวว่าจะสร้างปัญหาเสียมากกว่า และเสียงสนับสนุนของอีกคนก็แทรกขึ้น
ผู้กองเพิ่งลงพื้นที่จะเอาปัญญาที่ไหนไปสู้รบกับกะเหรี่ยงพวกนั้น ความจริงเบื้องบนน่าจะส่งเรื่องนี้ให้พวกเราจัดการกันเอง แค่พาหมอสองคนกลับไปส่งมันไม่เห็นจะเป็นเรื่องยากเย็นตรงไหน
เราอย่ามาเสียเวลาโต้เถียงเรื่องไม่เป็นเรื่องกันอยู่เลย ฉันรู้จักหมอนั่นดีถ้ามันไม่เก่งจริงมีหรือเบื้องบนจะวางใจส่งมาทำภารกิจนี้เพียงลำพัง พวกแกระวังตัวให้ดีเถอะอย่าเผลอทำพิรุธให้มันสงสัยเชียวไม่อย่างนั้นงานของพวกเราคงพังไม่เหลือชิ้นดี คนเป็นลูกพี่พูดตัดบทเมื่อเห็นว่าคนของตนกังวลเกินกว่าเหตุ
นั่นล่ะคือสิ่งที่ผมห่วง...ผู้กองไม่ใช่พรรคพวกของเราถ้าเกิดมารู้เห็นงานของพวกเราเข้ามันคงไม่เป็นผลดี
เรื่องนั้นฉันวางหมากไว้แล้ว พวกแกอยู่เฉยๆ เถอะถ้างานนี้เป็นไปตามแผนที่วางไว้รับรองพวกเราสบายกันไปทั้งชาติเลยล่ะ ไหนจะได้ความดีความชอบจากเบื้องบน ไหนจะผลประโยชน์จากพวกกะเหรี่ยงเผลอๆ ได้เป็นลูกเขยท่านทูตโดยไม่รู้ตัวงานนี้เรามีแต่ได้กับได้พวกแกเลิกกังวลกันสักที ส่วนไอ้ภูริชเสร็จงานนี้เห็นทีจะมีแต่ธงชาติเท่านั้นที่ใช้คลุมหน้ามันกลับไป
พอได้ยินคำพูดของหัวหน้าคนทั้งสองจึงได้แต่หันมองหน้ากัน แม้จะมีข้อสงสัยแต่เสียงพูดพึมพำและเสียงฝีเท้าที่ดังมาแต่ไกลก็ยุติข้อโต้แย้งไว้เพียงเท่านั้น
พอขบวนของมองเทร์มาถึงกลุ่มผู้รอคอยก็เริ่มขยับ ภูริชมองผู้คนที่กำลังเดินผ่านจุดที่เขาเฝ้ารออย่างใช้สมาธิ ชายหนุ่มไล่สายตาไปตามอาภรณ์ของคนเหล่านั้นแล้ววางวิถีกระสุนไปยังฝ่ายที่ไม่ใช่พรรคพวก
สไนเปอร์หนุ่มไล่สายตานับจำนวนคนที่ต้องกำจัดด้วยใบหน้าเรียบเฉยเพราะคุ้นชินกับภารกิจที่มีชีวิตของเป้าหมายแขวนอยู่บนปลายปืน ดวงตาคมกล้าหลุบลงเพื่อเรียกสมาธิก่อนจะลืมขึ้นช้าๆ สายตาคมกริบจ้องเป้ามีชีวิตเหล่านั้นด้วยประกายตาเด็ดขาด ก่อนเหนี่ยวไกปืนไปยังชายคนแรกที่เดินรั้งท้ายขบวน...
ไม่มีเสียงปืนดังสนั่นหวั่นไหวอย่างที่ควรเป็น ยามกระสุนพุ่งออกจากลำกล้องทุกอย่างยังคงเงียบงันเงียบจนหลายคนที่แอบซุ่มอยู่ในที่ของตนได้ยินเพียงลมหายใจของตัวเองเท่านั้น
ทุกคนจ้องเป้าหมายรายแรกที่ทรุดฮวบลงกับพื้นเป็นตาเดียว ขณะผู้ถูกลอบยิงเริ่มแตกกระเจิงหลายคนพุ่งตัวเข้าหาที่กำบังตามสัญชาตญาณพลางกวาดตามองไปรอบๆ อย่างระวังภัย
จาโปและคนอื่นๆ เหลือบมองไปยังทิศทางที่พวกเขารู้ดีว่ามีมัจจุราชหน้าเข้มแอบซ่อนอยู่ ทุกคนมองสถานการณ์ตรงหน้าด้วยความสังเวชใจ แต่ก่อนจะทันได้หายใจหายคอเสียงเป้าที่มีชีวิตนับหกคนก็เริ่มร่วงหล่นราวกับใบไม้ที่ปลิดปลิวยามต้องลมแรง
สายตาหลายคู่จ้องร่างไร้วิญญาณที่นอนจมกองเลือดอยู่ตามจุดต่างๆ ด้วยความทึ่งเพราะเห็นชัดว่ากระสุนทุกนัดที่ถูกส่งผ่านจากลำกล้องทะลุจุดตายโดยที่เหยื่อไม่มีแม้โอกาสที่จะดิ้นรนเอาชีวิตรอด
หลายคนหันไปมองหน้ากัน รวมถึงกลุ่มคนที่ไม่เห็นด้วยกับการปรากฏตัวของร้อยเอกภูริชนายทหารที่พวกเขาปรามาสว่าไร้ฝีมือ และจากสิ่งที่ปรากฏให้เห็น ณ เวลานี้ก็ทำให้ความคิดของบางคนเริ่มเปลี่ยนไป
กลุ่มของจาโปหันหน้าไปยังทิศที่ภูริชแฝงตัวอยู่แล้วขมวดคิ้วมุ่นคล้ายกำลังกังวล ขณะกลุ่มของร้อยโทฐิติจ้องร่างไร้วิญญาณที่เกลื่อนกลาดตรงหน้าอย่างสยดสยอง ส่วนคนของมองเทร์ที่หลบอยู่ในที่กำบังต่างมองทุกอย่างรอบตัวด้วยความหวาดระแวง
แต่สิ่งที่คนทั้ง 2 กลุ่มมีความคิดเห็นตรงกันก็คือพวกเขาได้คำตอบแล้วว่าทำไมเบื้องบนถึงส่งผู้กองหน้าเข้มมาเป็นผู้นำทีม ซึ่งในความเป็นจริงหากจะให้พวกเขาฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเป็นคนบุกไปชิงตัวแพทย์หญิงทั้งสองคนกลับไปก็ย่อมกระทำได้
แต่พอตรึกตรองดู การที่จะบุกเข้าไปชิงตัวพวกเธอนั้นหาใช่เรื่องที่จะทำได้ดังใจคิด นั่นเพราะกองกำลังของทหารกะเหรี่ยงนับว่ามีมากจนอาจส่งผลทำให้คนที่อยู่ในการควบคุมของพวกนั้นได้รับอันตราย และพวกเขาก็ไม่อาจทำให้งานนี้เกิดความผิดพลาดได้
แม้สถานการณ์จะกลับเข้าสู่ความเงียบแต่ก็ยังไม่มีใครขยับตัวออกจากที่กำบัง จนกระทั่งมีเสียงผิวปากดังมาจากแนวป่าด้านหนึ่ง และมีการส่งสัญญาณกันเป็นทอดๆ
มีคนของพวกมันรอดไหมมองเทร์
เมื่อทุกคนออกมารวมตัวกันหลังจากส่งสัญญาณแสดงตัวตนว่าใครเป็นใคร จาโปจึงเอ่ยถามหัวหน้าทีมฝ่ายของตนเป็นคนแรกพลางกวาดตามองไปยังกลุ่มคนที่ยังเหลือรอดสายตาไม่วางใจ
เท่าที่เห็นตายเรียบไม่มีเหลือรอด...แล้วนี่ฝีมือใคร
มองเทร์ตอบพร้อมถามกลับไป ขณะกวาดตามองร่างที่เกลื่อนกลาดอยู่ตามจุดต่างๆด้วยความทึ่ง ชายหนุ่มร่างสูงใหญ่ใบหน้าคมเข้มเดินไปที่ร่างๆ หนึ่ง ทรุดลงนั่งใช้มือพลิกศีรษะที่เหวอะหวะ กวาดตามองไปรอบๆ เพื่อหาทิศทางของวิถีกระสุน และนึกชื่นชมคนยิงเพราะผลงานที่ปรากฏเห็นชัดว่ากระสุนทุกนัดพุ่งเข้าจุดตายของเป้าหมายแม่นราวจับวาง ที่สำคัญมันไม่อาจระบุได้ว่าวิถีกระสุนถูกส่งมาจากทิศทางใด
หลังจากหลักฐานชิ้นสำคัญถูกกลบจนไม่เหลือซาก ทั้งหมดจึงเดินทางไปยังจุดพักแรมซึ่งอยู่ห่างไปทางทิศเหนือราว 1 กิโลเมตร
พอถึงจุดพักแรมภูริชจึงกางแผนที่แล้วเริ่มภารกิจต่อไปทันที ทั้งหมดทำความเข้าใจกับหน้าที่ของตน โดยจาโปรวมถึงมองเทร์เข้าแฝงตัวอยู่ในกองกำลังของชยิน ส่วนกลุ่มของฐิติแฝงตัวอยู่ในชุมชนชาวกะเหรี่ยงในฐานะชาวบ้านตามเดิม ที่เหลือราวสิบคนเป็นขบวนของภูริชในนามของมองเทร์
เมื่อทราบหน้าที่ ทั้งหมดจึงแยกย้ายไปประจำยังจุดที่ได้รับมอบหมาย แล้วออกเดินทางในเวลาราวสามทุ่มของคืนนั้น
ภูริชมองทางเดินราบเตียนคดเคี้ยวไม่มีที่สิ้นสุดผ่านแสงสลัวจากดวงจันทร์ ชายหนุ่มขยับเป้บนหลังให้เข้าที่ขณะมือกระชับอาวุธคู่ใจ ใบหน้าคมเข้มฉายประกายมุ่งมั่นเด็ดเดี่ยว และมีความอดทนอยู่เต็มเปี่ยมในทุกย่างก้าวที่เคลื่อนไปข้างหน้า
จวบจนล่วงเข้าชั่วโมงที่ 4 ก่อนถึงหมู่บ้านแห่งที่สองซึ่งมีแสงไฟวับวามเป็นจุดเล็กๆ ทั้งหมดจึงตกลงหยุดนอนพักเอาแรงเพราะคนของมองเทร์เริ่มไปต่อไม่ไหว
เมื่อจัดการก่อกองไฟ ร้อยเอกหน้าเข้มและลูกทีมของจาโปอีกสองคนอาสาเป็นยามผลัดแรกให้ พอคนอื่นๆ เอนกายลงพัก ชายหนุ่มจึงเดินไปทรุดนั่งตรงโคนต้นไม้ใหญ่ห่างจากกองไฟไปไม่กี่ก้าว ส่วนอีกสองคนเลือกนั่งเฝ้ากาน้ำห้อยต่องแต่งอยู่บนเปลวไฟ
ดวงตาคมกล้ามองเปลวไฟที่โชติช่วงเบื้องหน้าชั่วครู่ แล้วเอนกายพิงกับต้นไม้ใหญ่ทอดสายตาผ่านความมืดมิดไปยังพระจันทร์ดวงโตที่ส่องสว่างอร่ามเรืองอยู่บนท้องนภาที่มีหมู่เมฆาคลื่นไปตามกระแสลม ชายหนุ่มพ่นลมหายใจออกมาเบาๆ เมื่อภาพใบหน้าของใครคนหนึ่งผุดออกมา
...นภัสชล...และชื่อของเธอก็ดังก้องอยู่ในโสตประสาท...ภูริชกะพริบตาไล่รอยยิ้มของหญิงสาวในชุดกาวน์ออกไปแต่ดูเหมือนจิตใต้สำนึกในเบื้องลึกของเขาจะลุ่มหลงอยู่ในความหวานละไมนั่นเสียแล้ว
เธอเป็นคนรักของเพื่อน...เขาบอกตัวเอง...แล้วหลุบเปลือกตาลงอย่างจำนนให้กับความจริง...ชายหนุ่มหลับตานิ่งอยู่ครู่ใหญ่แต่ความรู้สึกแปลกๆ ที่ตัวเขาก็ไม่อาจตอบได้ว่ามันคืออะไรกลับยิ่งประทุ ดวงตาคมกล้าเปิดขึ้นอีกครั้งและจับจ้องอยู่บนฝืนฟ้าสีทะมึน...
...เธอกับเขาช่างเป็นความแตกต่างที่ยากบรรจบ...เธอเป็นเหมือนท้องฟ้าที่อยู่ไกลจนสุดเอื้อม ทั้งๆ ที่มีสรรพนามให้เรียกขานทั้งๆ ที่มองเห็นด้วยสายตาว่าสิ่งที่เห็นนั่นคือท้องฟ้า แต่สุดท้ายกลับไม่มีใครเคยได้แตะต้อง...
เขารู้ว่าณภัสแปลว่าท้องฟ้าและชื่อนั้นก็บอกชัดว่าเธออยู่ไกลเกินเอื้อมขนาดไหน...เฮ้อ...แม่ก็ช่างตั้งชื่อของเขาว่าภูริชซึ่งแปลว่าแผ่นดินให้อยู่กันคนละฟาก...ถึงแม้ท้องฟ้ากับแผ่นดินจะทอดขนานคู่กันแต่มันก็ไม่อาจบรรจบกันได้
ชายหนุ่มพ่นลมหายใจออกมาอีกหลายครั้งเมื่อนึกถึง...เจ้าของผู้หญิงที่เขามองอย่างไรก็ไกลเกินเอื้อม...กรัณย์...เจ้าเสือยิ้มยากที่เขาไม่อยากเชื่อว่าจะกลายเป็นเสือไวไฟ...เพราะเท่าที่เห็นดูท่าเจ้าทหารอากาศผู้ไม่เคยยินดียินร้ายกับความรักจะสละโสดก่อนใครเพื่อน
แต่มันจะแปลกอะไรเพราะหากเธอคือท้องฟ้า เจ้าบ้านั่นมันก็มีปัญญาเหยียบก้อนเมฆขึ้นไปไขว่คว้าหาเธอ...เฮ้อ...รู้แบบนี้เลือกเป็นนักบินก็ดีอย่างน้อยก็ยังมีโอกาสได้ล่องลอยอยู่บนท้องฟ้า...ผู้กองจอมเก๊กบอกตัวเองอย่างปลงไม่ตกให้กับรักแรกพบที่มาพร้อมกับความแตกต่างที่ยากลงตัว...
เวลายังคงเดินไปเรื่อยๆ จวบจนล่วงเข้าตี 4 ครึ่งเมื่อเห็นว่าลูกทีมพักพอแล้วผู้กองหน้าเข้มจึงส่งสัญญาณแล้วเริ่มออกเดินทางในเวลาราวตี 5
ทั้งหมดเดินทางกันแบบม้วนเดียวจะพักบ้างก็แค่เวลาอาหาร ถึงอากาศจะร้อนอบอ้าวแต่ทุกคนก็ไม่ได้แสดงท่าทีว่าอยากหยุดพักแต่อย่างใด...โชคดีที่แต่ละคนค่อนข้างอึดส่วนคนนำทางก็ชำนาญทางเป็นอย่างดี จึงทำให้พวกเขามาถึงจุดหมายเอาเกือบค่ำของอีกวัน
เมื่อเดินเข้าใกล้เขตหมู่บ้าน ขณะขบวนของผู้กองหนุ่มกำลังจะผ่านทางแยกมุ่งไปยังทิศเหนืออยู่ๆ ก็มีเสียงผิวปากคล้ายเสียงนกดังขึ้นสามครั้ง พอคนของจาโปผิวปากกลับไปเพียงอึดใจเดียวร่างสูงใหญ่ในชุดพรางทหารก็โผล่ออกจากที่กำบัง
จาโปแจ้งไว้ว่าเมื่อพวกคุณมาถึงให้พวกเรามารับแล้วค่อยเดินทางต่อ ชายคนเดิมเอ่ยขึ้นเมื่อกวาดตามองไปรอบๆ แล้วเห็นอีกฝ่ายจ้องพวกตนด้วยสีหน้าไม่วางใจ
รับไปไหน...ฉันนึกว่าพวกเราต้องรีบเข้าไปรายงานตัวที่หน่วยเสียอีก ภูริชถามกลับไปทั้งยังไม่มีท่าทีจะยอมขยับไปไหน
พวกคุณควรพักสักหน่อย ดูไอ้พวกนั้นสิมันเหนื่อยจนแทบไม่มีแรงเดินแล้ว
ชายคนเดิมพยักพเยิดไปทางลูกทีมของชายหนุ่มพร้อมแนะนำเมื่อประเมินจากทีท่าของแต่ละคนแล้วเห็นชัดว่ากำลังอ่อนเพลีย
ว่าไง...จะพักหรือเดินหน้าต่อ ผู้กองหน้าเข้มกวาดตามองดูลูกทีม พอเห็นท่าทางอิดโรยของแต่ละคนเขาจึงเอ่ยถามถึงความสมัครใจ
พักหน่อยก็ดีผู้กอง... กีซายกมือสนับสนุนเป็นคนแรก ตามด้วยคนอื่นๆ ที่พยักหน้าเห็นด้วยอย่างพร้อมเพรียงกัน เมื่อตกลงว่าจะหยุดพักเอาแรงก่อนเข้าค่าย ทั้งหมดจึงเดินตามกลุ่มชายหน้าเหี้ยมไปยังกระท่อมหลังหนึ่งปลูกอยู่ติดกับแม่น้ำห่างจากทางแยกไปทางทิศตะวันออกราวหนึ่งกิโลเมตร
ตอนแรกจาโปบอกให้เตรียมคนให้คุณสักสิบคน...แต่ตอนนี้คนของเราบาดเจ็บถึงสองคนจึงทำให้คนที่เตรียมไว้มีไม่ครบตามจำนวน
คนเป็นหัวหน้าทีมทราบชื่อภายหลังว่าเล่าซางบอกเมื่อเดินนำภูริชขึ้นไปบนกระท่อม ในขณะคนอื่นๆ บางคนเดินไปที่แม่น้ำ บางคนแยกไปพักผ่อนตามจุดต่างๆ ของบ้าน
คนของนายไปโดนอะไรมา
คนหนึ่งเพิ่งเป็นไข้ป่า ส่วนอีกคนถูกยิงคนของเราผ่าเอากระสุนออกให้แล้ว แต่อาการก็ยังไม่น่าไว้วางใจ
อาการหนักมากแค่ไหน
คนที่เป็นไข้ป่าอาการยังทรงอยู่เราให้ยาเท่าที่มีไม่รู้จะพยุงได้นานแค่ไหน ส่วนอีกคนตอนนี้กำลังซมด้วยพิษไข้ยาเรามีไม่มากจึงรักษาตามมีตามเกิด เล่าซางบอกพลางถอนเพราะนึกเวทนาคนเจ็บ
ทำไมนายไม่พาเข้าไปรักษาในค่ายล่ะที่นั่นมีหมอไม่ใช่หรือ
ไอ้พวกนี้มันไม่ได้เป็นทหารของชยิน จะให้เข้าไปในฐานะชาวบ้านก็เสี่ยงเกินไป เพราะพวกมันแฝงตัวอยู่รอบนอก ขืนโผล่เข้าไปจะเป็นที่ผิดสังเกตเปล่าๆ
แต่ถ้าทิ้งไว้แบบนี้บางทีพวกเขาก็อาจไม่รอด
ดวงตาคมกล้ากวาดมองร่างคนเจ็บที่นอนอยู่คนละมุมห้องประกายตาครุ่นคิด ก่อนพยักหน้ากับตัวเองเมื่อความคิดบางอย่างผุดออกมา พอมองเห็นโอกาสรอยยิ้มยินดีค่อยๆ ผุดออกจากมุมปากสีเข้มเพราะเห็นมีวิธีที่จะใช้แทรกซึมเข้าสู่เป้าหมาย
เอาอย่างนี้ก็แล้วกันนายให้คนเตรียมเปลสนาม แล้วแบ่งเป็นสองชุดจัดการเคลื่อนย้ายคนเจ็บ ฉันจะพาพวกเขาเข้าไปรักษาในค่ายเอง ชายหนุ่มบอกเมื่อเห็นว่าหากใช้วิธีนี้คงพอมีลุ้นที่จะได้พบตัวคนที่ถูกควบคุมอยู่ในค่าย เพราะหากเดินเข้าไปมือเปล่าคงยากที่จะได้พบตัวแพทย์หญิงทั้งสอง แต่ลองมีคนเจ็บช่วยนำทางแบบนี้อะไรๆ มันคงง่ายขึ้น
Create Date : 28 ธันวาคม 2554
Last Update : 28 ธันวาคม 2554 13:49:55 น.
0 comments
Counter : 468 Pageviews.
Share
Tweet
ชื่อ :
Comment :
*ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
Pantip.com
|
PantipMarket.com
|
Pantown.com
| © 2004
BlogGang.com
allrights reserved.