sansook
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 40 คน [?]




คลิกๆๆ รูปสวยๆน่ารักๆไว้ส่งต่อเพียบ...

คลิกๆๆ รูปสวยๆน่ารักๆไว้ส่งต่อเพียบ...


คลิกๆๆ รูปสวยๆน่ารักๆไว้ส่งต่อเพียบ...
โค้ดนี้เป็นภาพพื้นหลังนำไปวางที่ช่อง Script Area ค่ะ https://youtu.be/K2vg5yDgVX4
Group Blog
 
<<
มกราคม 2555
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
293031 
 
13 มกราคม 2555
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add sansook's blog to your web]
Links
 

 

ตอนที่ ๒๑ หนอนบ่อนไส้



ภูริชเดินเอื่อยๆ ตามเตโชออกมาจนถึงจุดที่ชยินรออยู่ ชายหนุ่มเหลือบมองทหารห้านายยืนถืออาวุธในท่าเตรียมพร้อมแล้วทำเฉย

“เห็นหรือยังว่าฉันไม่ได้ไปทำเรื่องอะไรอย่างที่คนของนายใส่ความ” ชายหนุ่มหันไปทางชยินแล้วบอกน้ำเสียงจริงจัง

“ถ้าแกคิดว่าแค่การเดินเข้าไปแล้วกลับออกมาจะทำให้โทษที่ควรได้รับหมดไปล่ะก็ขอบอกไว้เลยว่าเสียใจ” ชยินบอกเสียงกร้าว

“เอาน่าพี่เรื่องเล็กน้อยเองอย่าทำให้เป็นเรื่องใหญ่นักเลย อีกอย่างเรายังไม่รู้แน่ชัดว่ามองเทร์ไปทำเรื่องเสียหายมาหรือเปล่าเกิดลงโทษ แล้วเขาไม่มีความผิดพวกเราอาจถูกหน่วยเหนือตำหนิ แค่ว่ากล่าวตักเตือนก็น่าจะพอ” เพราะรู้ดีว่าหากสั่งลงโทษมองเทร์อาจมีปัญหาตามมาภายหลัง และเพื่อป้องกันความขัดแย้งในอนาคตเตโชจึงออกปากช่วย

“นายอย่ายุ่งเรื่องนี้ดีกว่า”

แต่ชยินที่มีความคิดเห็นแตกต่างกลับไม่ให้ความสนใจกับผลที่จะได้รับในอนาคตหากมีความผิดพลาดเกิดขึ้น

“เวลานี้มันจะสามทุ่มกว่าแล้วพรุ่งนี้พี่ต้องออกเดินทางแต่เช้าไม่ใช่หรือ”

“จะกี่ทุ่มก็ช่างแค่ลงหวายบนหลังเจ้านั่นมันจะเสียเวลาสักเท่าไรกัน” คนเป็นพี่ยังดึงดันจะลงทัณฑ์คู่ปรับให้ได้

“ช่างเถอะเตโช ดูท่าคืนนี้พี่ชายสุดซาดิสต์ของนายคงอยากจะละเลงหวายอย่างหนักจนลืมฐานะของฉันว่าเป็นใคร” ภูริชตบมือลงบนหัวไหล่ของเตโชก่อนเบนสายตายียวนไปทางชยิน

“เวลานี้แกทำผิด...และฉันไม่สนเลยสักนิดว่าคนอย่างแกจะมีเส้นสายของใครคุ้มกะลาหัว มองเทร์ฉันเคยเตือนแล้วไม่ใช่หรือว่าอยู่ที่นี่ควรปฏิบัติตัวยังไง”

“แล้วฉันไปทำความผิดอะไรมา...นายอย่าใช้อำนาจที่มีข่มเหงกันดีกว่า” พอภูริชพูดจบชยินก็ขยับตัวหมายจะตั้นใบหน้าคมเข้มให้หายผยองแต่คนเป็นน้องกลับก้าวเข้ามาขวางแล้วช่วยแก้ต่างให้กับจำเลย

“แต่ฉันว่ามองเทร์คงไม่ได้ไปทำความผิดมาหรอก เขาคงไปถามเรื่องยาอย่างที่บอกเพราะตอนไปตามก็ไม่เห็นคุณหมอโวยวายหรือมีท่าทางตื่นตกใจ”

พอเห็นท่าทางไม่ยอมอ่อนข้อให้ง่ายๆ ของชยินภูริชจึงนึกหมั่นไส้จนลังเลว่าเขาควรบอกสิ่งที่รู้ให้กับคนพวกนี้ไหม ขณะกำลังชั่งใจใบหน้าของเตโชก็ผุดเข้ามาในมโนสำนึกและมันกำลังทำให้คำว่าไม่เอนเอียงมาอยู่ตรงคำว่าควร

“นายจะไปรู้อะไรเตโช...” ชยินแค่นเสียงบอก

“ฉันอาจจะไม่รอบรู้ในหลายๆ เรื่องเท่าพี่แต่ครั้งนี้ฉันเชื่อว่ามองเทร์ไม่ได้ไปทำเรื่องเสื่อมเสีย เราพวกเดียวกันอย่าทำให้เรื่องที่ยังหาความกระจ่างไม่ได้มาทำลายความเป็นพวกพ้องเลย อีกอย่างมองเทร์เพิ่งมาเขาคงไม่รู้จริงๆ ว่าที่นี่มีกฎอะไรบ้าง หากมันเป็นความผิดครั้งแรกเราควรให้โอกาสเขาแค่ว่ากล่าวตักเตือนก็น่าจะเพียงพอ”

ภูริชเหลือบมองเตโชประกายตาขอบคุณ แม้สิ่งที่เตโชกำลังทำคือช่วยเขา แต่ถ้ามองให้ลึกลงไปการทำเช่นนี้ไม่ได้ทำให้เขาแค่รอดพ้นจากโทษทัณฑ์เท่านั้น หากมันหมายถึงการลดความขัดแย้งที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต

“ถ้าอย่างนั้นนายก็ช่วยอบรมสั่งสอนมันด้วยแล้วกันว่าอยู่ที่นี่ควรทำตัวยังไง” เมื่อถูกน้องชายสกัดโอกาสสั่งสอนคู่ปรับชยินจึงระเบิดคำสั่งพร้อมกับหมุนตัวเดินกลับกระท่อมด้วยท่าทางที่ยังกรุ่นไปด้วยความขุ่นเคือง

“นายสองคนไม่น่าเป็นพี่เป็นน้องกันเลยให้ตาย” พออีกฝ่ายยอมล่าถอยคนที่ดวงเกือบซวยจึงอดเปรยไม่ได้

“ทำไมคิดอย่างนั้นล่ะ”

“ชยินไม่มีเหตุผลเอาเสียเลยต่างจากนายที่ยังรับฟังคนอื่นเขาบ้าง”

“ปกติพี่ชายฉันเป็นคนมีเหตุมีผลแต่ที่เป็นอย่างนี้คงเพราะนายไปท้าทายเขาน่ะสิ” ชายหนุ่มบอกแล้วเริ่มออกเดิน

“ฉันไม่ได้ท้าทาย...ชยินอคติไปเอง...เออเตโชฉันมีเรื่องจะคุยกับนาย”

ดวงตาคมกล้ากวาดมองไปรอบๆ พอเห็นว่าทั้งบริเวณมีเพียงเขาและเตโชชายหนุ่มจึงเริ่มเข้าเรื่องทันที

“มีอะไรงั้นหรือ” เตโชหยุดฝีเท้าหันไปถาม

“คนของฉันแจ้งว่าถ้าชยินออกเดินทางพวกลอซูอาจจะเข้าถล่มค่าย นายมีความคิดเห็นว่ายังไงกับข่าวนี้”

“ไม่น่าเป็นไปได้คนของนายไปเอาข่าวนั่นมาจากไหน” แม้ข่าวที่ได้รับจะไม่สู้ดีแต่มันกลับไม่ทำให้คนรับรู้ตื่นตระหนกกับมันนัก

“ข่าวนั่นจะมาจากไหนไม่สำคัญ เวลานี้สิ่งที่สำคัญมากกว่าคือนายต้องบอกชยินอพยพชาวบ้านออกจากพื้นที่ให้เร็วที่สุด”

“ชยินคงไม่เห็นด้วย...”

“จะเห็นด้วยหรือไม่ก็ต้องย้ายคนออกไปนายคงไม่อยากเห็นพวกเขาตายหรอกใช่ไหม”

“ไม่มีใครอยากให้พวกเขาตายหรอก แต่เราจะมั่นใจได้แค่ไหนว่าข่าวนั่นมันเป็นเรื่องจริง อีกอย่างการเคลื่อนย้ายชาวบ้านที่ตั้งรกรากมานานให้ออกจากพื้นที่มันไม่ใช่จะทำได้ง่ายๆ เขาไม่ฟังเราหรอก” เตโชอธิบายเพราะยังไม่ปักใจเชื่อเสียทีเดียว

“แต่ถ้าเป็นคำสั่งของชยินพวกเขาจะต้องเชื่อและทำตาม เราไม่มีเวลาถ้าพวกเขาไม่ไปก็เท่ากับเอาชีวิตมาทิ้งไว้ที่นี่...นายช่วยไปพูดกับชยินให้เขาสั่งอพยพชาวบ้านออกไปก่อนจะได้ไหม”

“นายมีข้อพิสูจน์ไหมว่าลอซูคิดจะถล่มฐานทัพของเรา เพราะถ้าพูดแค่ปากเปล่าฉันเกรงว่าชยินจะไม่เชื่อ”

“ข้อพิสูจน์มีเพียงคำรายงานจากคนของฉันเท่านั้น...เอาล่ะถ้านายไม่เชื่อจะลองเอาชีวิตของพวกเขาเสี่ยงดูก็ได้” เมื่อเห็นสีหน้าของเตโชยังดูเรียบเฉยไม่มีท่าทีเชื่อกับข่าวของตนภูริชจึงพ่นลมหายใจแล้วตัดบท

“เอาล่ะยังไงก็ขอบใจสำหรับข่าวนั่นแล้วจะลองพูดกับชยินให้ฉันไปล่ะ” เตโชวางมือลงบนหัวไหล่ผึ่งผายแล้วตบเบาๆ ก่อนผละไปอีกทาง

สายตาคมกล้ามองร่างสูงปราดเปรียวที่เดินห่างออกไปแล้วส่ายหน้า ถ้าเตโชมองว่าเรื่องที่เขาบอกไม่มีความน่าเชื่อถือแล้วทำเพิกเฉยไม่รายงานให้ชยินทราบพรุ่งนี้คงมีผู้บริสุทธิ์ล้มตายอีกมากมาย


ชยินมองคนที่กำลังเดินขึ้นกระท่อมมาด้วยประกายตาไม่ใคร่พอใจสักเท่าไรนัก และอาการไม่พอใจก็ยิ่งทวีคูณเมื่อเห็นเตโชยิ้มกริ่มก่อนทรุดลงนั่งข้างๆ แล้วเอนร่างในท่าสบายๆ

“ไงพ่อฮีโร่” เมื่ออดไม่ได้เขาจึงแค่นเสียงถาม

“ก็ไม่ไงดูพี่จะไม่ชอบหน้าของมองเทร์เอาเสียเลย”

“ฉันไม่ชอบท่าทางอวดดีของมันต่างหาก นายก็เห็นไม่ใช่หรือว่าหมอนั่นมันโอหังขนาดไหน”

“แต่ฉันกลับมองว่านั่นไม่ใช่ความโอหังมันเป็นอุปนิสัยส่วนตัวมากกว่า พี่คงมีอคติกับเขามากไปความจริงมองเทร์เป็นคนใช้ได้คนหนึ่งเลยล่ะ”

“แค่ไม่กี่วันก็มองออกแล้วเรอะว่านิสัยเจ้านั่นเป็นยังไง การมองคนนะเตโชเราต้องมองให้ลึกซึ้งนายไม่เคลือบแคลงสงสัยกับพฤติกรรมของมันบ้างเลยหรือ”

ชยินจ้องหน้าน้องชายด้วยประกายตาสุขุม และสายตาที่จับจ้องมานั่นก็ทำให้เตโชอดคิดตามไม่ได้

“จากพฤติกรรมของเขาฉันก็ไม่เห็นว่ามีอะไรผิดปกติ”

“หากเห็นอยู่แค่นั้นฉันก็จนใจ แต่ให้รู้ไว้ว่าวันนี้นายได้ทำลายแผนการของฉันเสียยับเยิน” เตโชมองดวงตาคมกริบที่จ้องตำหนิมาที่เขาอย่างไม่เข้าใจ

“ฉันพยายามหาทางจำกัดอิสระของหมอนั่นในระหว่างที่ไม่อยู่แต่นายกลับแส่ไม่เข้าเรื่อง เตโชตอนนี้นายไม่ได้นั่งอยู่ในห้องทำงานที่มีเอกสารกองเป็นตั้งๆ เหมือนเช่นเคย เวลานี้อย่าลืมสิว่านายกำลังยืนอยู่ท่ามกลางสนามรบรอบตัวมีทั้งมิตรและศัตรูก่อนมาฉันเคยบอกแล้วใช่ไหมว่าอย่าประมาท” พอเห็นท่าทางไม่ประสีประสาของน้องชายคนเป็นพี่ที่มีความเชี่ยวชาญมากกว่าก็อดตักเตือนไม่ได้

“แต่...”

“นายยังอ่อนหัดนักกับโลกที่อยู่นอกตำรา ถ้าจะแก้ต่างให้กับหมอนั่นโดยอ้างพฤติกรรมในด้านที่นายเห็นขอบอกไว้เลยว่าคนอย่างนายยังไร้ประสบการณ์ และฉันหวังว่านายคงไม่เชื่อเรื่องโกหกที่มันสร้างขึ้น”

“พี่หมายความว่ายังไง...แล้วมองเทร์เขาโกหกฉันเรื่องอะไร” เตโชนิ่วหน้าอย่างงุนงงเพราะไม่เข้าใจว่าพี่ชายกำลังพูดถึงอะไร

“ก็เรื่องที่มันเอามาอ้างยังไงล่ะ...เราอยู่ที่นี่มาเป็นปีไอ้กระท่อมข้างธารน้ำนั่นมีจริงเสียที่ไหน”

“อ้าว...ในเมื่อไม่มีแล้วทำไมพี่ทำเหมือนเชื่อล่ะ” พอได้ยินคำพูดของพี่ชายคนที่ยังไม่หายงงก็อดแย้งขึ้นไม่ได้

“ฉันก็อยากรู้น่ะสิว่าไอ้กะล่อนนั่นมันจะสร้างเรื่องอะไรขึ้นมาอีก และน่าปรบมือที่เรื่องโป้ปดของมันสามารถหลอกคนซื่อบื้ออย่างนายได้”

“ตกลงเรื่องที่มองเทร์บอกมันไม่ใช่ความจริงเหรอ...” พอเห็นใบหน้าของพี่ชายพยักหงึกหงักคนที่ถูกต้อนเข้าไปในฝูงแกะโดยไม่รู้ตัวก็ถึงกับทำหน้าไม่ถูกก่อนแก้ต่างให้ตัวเอง

“พี่จะมาว่าฉันก็ไม่ถูก ถึงเราจะอยู่ที่นี่เป็นปีๆ แต่ไอ้ลำธารฟากโน้นฉันเคยไปเสียที่ไหน ตั้งแต่มองเทร์มาเจ้านั่นก็ไม่เคยแสดงท่าทางเป็นพิษเป็นภัยเลยสักครั้ง นอกจากนั้นเขายังมีความคิดที่ดีอีกหลายอย่าง จริงอยู่ที่เขามักเข้าไปวุ่นวายกับคุณหมอแต่ก็เป็นไปในลักษณะช่วยเหลือเสียมากกว่า”

“ภาพของมองเทร์สำหรับนายอาจดูว่าเป็นมิตร แต่สำหรับฉันมันไม่ใช่หากนายคิดว่ามันเป็นอคติเพราะเขามาจากหน่วยเหนืออีกทั้งมีเส้นสายสำคัญคุ้มกะลาหัวล่ะก็นายคิดผิด”

“แต่ฉันก็ไม่เห็นท่าทางของมองเทร์จะเป็นศัตรูกับใคร ถ้าพี่ห่วงเรื่องที่เขาเข้าไปวุ่นวายกับคุณหมอฉันยืนยันได้ว่าเขาไม่ได้คิดร้ายต่อพวกเธอ” เตโชแสดงความคิดเห็นพร้อมหยิบยกตัวอย่างขึ้นประกอบ

“ในสายตานั่นอาจจะไม่มุ่งร้ายแต่นายไม่รู้สึกสงสัยบ้างเลยเหรอที่เจ้านั่นให้ความสำคัญกับพวกหมอจนผิดวิสัย หลังจับตาดูความเคลื่อนไหวของมันทั้งจากรายงานของซาเยร์รวมถึงสิ่งที่ปรากฏแก่สายตาฉันมองว่าเจ้านั่นไม่น่าไว้ใจ”

“มันหมายความว่ายังไง” คนเป็นน้องถามพลางขยับตัว

“ถ้าสิ่งที่ฉันกังวลเป็นเรื่องจริงก็หมายความว่าเจ้าหมอนั่นอาจไม่ใช่มองเทร์”

“อะไรนะ!...มันจะเป็นไปได้ยังไงพี่คิดมากไปหรือเปล่า...” เตโชยังคงตั้งคำถามเพราะไม่ปักใจเชื่อ

“ตอนนี้พวกเรายังไม่มีหลักฐานชี้ชัดว่าหมอนั่นคือมองเทร์หรือไม่ แต่จากรายงานของซาเยร์มันมีความเป็นไปได้ว่าเจ้านั่นอาจเป็นคนอื่น”

“รายงานของซาเยร์มีความน่าเชื่อถือขนาดนั้นเลยหรือ และคนของพี่ไปได้ข้อมูลอะไรมา” เตโชยังคงส่งคำถามออกไปไม่หยุดเพราะไม่อยากเชื่อว่าจะมีคนแฝงตัวเข้ามา หนำซ้ำคนที่พี่ชายเขาสงสัยยังเป็นถึงคนสนิทของนายพลท่านหนึ่ง ซึ่งทุกคนรู้ดีว่าคนที่จะเข้าไปอยู่กับผู้นำระดับนั้นได้ต้องมีฝีมือที่เรียกว่าเหนือชั้นเลยทีเดียว มันจึงไม่มีความเป็นไปได้หากคนอย่างมองเทร์จะถูกเปลี่ยนตัวโดยที่ไม่มีใครระแคะระคาย

“นายลืมแล้วหรือว่ามองเทร์พักอยู่กับใคร” ชยินบอกเสียงเรียบ

“แล้วรายงานของซาเยร์มีอะไรที่บ่งบอกว่าเขาอาจเป็นคนอื่น” เมื่อเห็นว่าสิ่งที่พี่ชายกำลังเอ่ยเริ่มมีความเป็นไปได้เตโชก็ชักเอนเอียง

“จากรายงานทั่วไปรวมถึงพฤติกรรมที่ส่อไปในทางเป็นภัยต่อพวกเราตอนนี้ยังไม่มีความชัดเจนเพราะมองเทร์เพิ่งมาถึง แต่นั่นไม่ใช่ปัญหาเพราะฉันให้คนจับตาดูหมอนั่นในทุกย่างก้าว แต่ช่วงสายของเมื่อวานซาเยร์พูดถึงปืนของมันว่าดูไม่เหมือนกับที่พวกเราใช้คราแรกฉันก็ไม่ติดใจอะไรแต่ พอเห็นอาวุธนั่นกับตาถึงรู้ว่ามันคือสไนเปอร์ไรเฟิล และคนที่ใช้อาวุธชนิดนี้จะต้องเป็นผู้ที่มีความสามารถสูงเรื่องของการยิงปืนในระยะไกล”

“แค่ปืนมันบ่งบอกได้ชัดเจนขนาดนั้นเลยหรือว่ามองเทร์เป็นคนอื่น” แม้จะมีความคิดเอนเอียงไปทางพี่ชายเข้าทุกทีแต่ เพราะไม่มีความรู้เกี่ยวกับสิ่งที่อีกฝ่ายกำลังอธิบายจึงทำให้คนเป็นน้องก็ยังมีข้อสงสัยผุดขึ้นมาเรื่อยๆ

“แค่ปืนมันอาจบ่งบอกอะไรไม่ได้ แต่พฤติกรรมและอุปนิสัยต่างหากที่ทำให้มันมีความเป็นไปได้ ซาเยร์เล่าว่ามองเทร์ไม่แตะเหล้ารวมถึงบุหรี่ซึ่งมันผิดวิสัย เพราะอยู่ที่หน่วยเหนือเจ้านั่นนับว่าเป็นหนึ่งในเรื่องพวกนี้ ที่สำคัญกว่านั้นคือความมั่นคงทางอารมณ์แม้เจ้านั่นจะพยายามปกปิดแต่จากบททดสอบหลายครั้งทำให้รับรู้ได้จากประสบการณ์ว่ามองเทร์ที่เราเห็นสามารถควบคุมอารมณ์ของตนเองได้ดีในภาวะต่างๆ และองค์ประกอบเหล่านั้นมันคือลักษณะพิเศษที่สไนเปอร์ต้องมี” ชยินอธิบาย

“ฉันอาจจะไม่รู้ลึกและละเอียดเท่าพี่แต่มันไม่มีเหตุผลเลยที่มองเทร์จะคิดร้ายกับพวกเรา”

“ถ้าเจ้านั่นคือหนอนบ่อนไส้จริงสิ่งที่มันกำลังพยายามทำก็คือค่อยๆ ซอนไซกัดแทะแล้วแทรกซึมรอจนพวกเราตายใจจึงลงมือ เหมือนพวกหนอนที่เข้าไปกัดกินผลไม้อย่างไรล่ะ ถ้ารู้ทันทุกอย่างจะคงอยู่ได้แต่หากรู้เมื่อสายนายก็คิดเอาแล้วกันว่าผลของมันจะเป็นยังไง”

“แต่มันก็ไม่น่าเป็นไปได้แม้ว่ามองเทร์จะมีความคิดเห็นแตกต่างบ้าง แต่ฉันมั่นใจว่าเขาไม่ได้มุ่งร้ายต่อพวกเรา”

“หากเจ้านั่นเป็นสายลับจริง และถ้านายมองเห็นได้แค่นั้นก็เท่ากับว่ามองเทร์ทำงานสำเร็จไปแล้วครึ่งหนึ่ง” ชยินบอกเสียงเยาะ

“ถ้าพี่ยืนยันว่ามองเทร์แฝงตัวเข้ามาพอบอกได้ไหมว่าเขาเป็นคนของใคร”

“มันเป็นคนของใครก็ได้ทั้งนั้นไม่เว้นแม้แต่ลอซู”

พอชยินเอ่ยชื่อของใครคนหนึ่ง ก็ทำให้เตโชฉุกคิดขึ้นมาได้

“ลอซูหรือ...อ้อนึกออกแล้ว...ก่อนแยกกันมองเทร์บอกว่าพรุ่งนี้หลังพี่ออกเดินทางคนของลอซูจะเข้าถล่มฐานเรา ตอนแรกฉันก็คิดว่าคงเป็นเรื่องล้อเล่นแต่พอได้ยินเรื่องที่พี่สงสัยก็ชักไม่แน่ใจแล้วสิ”

“มันบอกนายอย่างนั้นหรือ”

“ใช่...เขาบอกว่าให้พี่สั่งอพยพชาวบ้านออกไปก่อนที่พวกนั้นจะเข้าถล่มฐาน ถ้าเป็นเรื่องจริงแบบนี้มันก็ไม่ได้การแล้วสิ” เตโชเริ่มตื่นตระหนกเมื่อพบว่าสิ่งที่รับรู้อาจมีมูลความจริง

“นายจะตื่นตูมไปทำไมข่าวนั่นเชื่อได้มากแค่ไหนก็ไม่รู้...แล้วมันบอกหรือเปล่าว่าได้ข่าวมายังไง” แม้ข่าวที่เพิ่งได้รับจะสร้างความกังวลใจไม่น้อย แต่เพราะไม่เชื่อใจคนนำสารชยินจึงไม่ได้แสดงท่าทีคล้อยตามแต่อย่างใด

“มองเทร์บอกว่าคนของเขาแจ้งมา”

“เมื่อไหร่” คำถามที่มาพร้อมกับประกายตาแข็งกร้าวของพี่ชายทำเอาคนที่ต้องตอบถึงกับพูดไม่ออกเพราะไม่มีข้อมูล

“ฉันไม่ได้ถาม...เพราะไม่เชื่อว่ามันเป็นเรื่องจริง” เตโชบอกเสียงอ่อย

“เชื่อหรือไม่เชื่อนายก็ควรสอบถามถึงที่มาของข่าว และถ้าเจ้านั่นบอกว่ามีคนมารายงานให้ก็แสดงว่าที่หายไปเมื่อหัวค่ำก็คงออกไปพบคนของมันมาล่ะสิ เห็นแบบนี้แล้วนายเชื่อฉันหรือยังว่าหมอนั่นมันไม่น่าไว้ใจ”

“ถึงมองเทร์จะไปพบคนของเขาแต่ข่าวนั่นมันเป็นผลดีต่อเรานะ...”

“มันเป็นผลดีหรือกลลวงกันแน่ เจ้านั่นอาจกำลังวางแผนป่วนให้พวกเราเกิดความโกลาหลก่อนส่งสัญญาณไปให้พรรคพวกเข้าโจมตีก็เป็นได้ นายก็น่าจะรู้ว่าการอพยพคนหลายร้อยมันไม่ใช่จะทำได้ง่ายๆ”

“แล้วพี่จะวางเฉยไม่คิดทำอะไรเลยหรือ ถ้าเป็นแบบนั้นฉันไม่เห็นด้วยแน่เพราะถ้าข่าวของมองเทร์เป็นเรื่องจริงชาวบ้านคงได้รับผลกระทบอย่างหนักเอาอย่างนี้ดีไหมพรุ่งนี้ก่อนออกเดินทางพี่สั่งให้ทหารที่ประจำการอยู่ในฐานออกไปช่วยกันอพยพชาวบ้านไปอยู่ในที่ปลอดภัย ถ้าหากไม่มีอะไรค่อยกลับมา” เตโชที่นึกถึงความสูญเสียเสนอความคิดเห็น

“ไม่ล่ะฉันไปแค่สองวันมันคงไม่มีอะไรเลวร้ายถึงขนาดนั้นกระมัง อีกอย่างลอซูมันจะเอาอาวุธที่ไหนมาถล่มเรา เท่าที่รู้มาถึงพวกนั้นจะมีอาวุธที่ทันสมัยแต่ไอ้ที่มันต้องใช้กำลังจะตกเป็นของพวกเรา และฉันเชื่อว่าข่าวนั่นมันลวงโลกเพราะถ้าลอซูรู้ว่าฉันจะออกเดินทางมันก็ต้องรู้ว่าอาวุธกำลังจะถูกแย่งชิง นายเลิกกังวลกับข่าวโคมลอยได้แล้ว”

เพราะมั่นใจว่าอีกฝ่ายไม่มีทางล่วงรู้ถึงแผนการสกัดอาวุธของฝ่ายตนจึงทำให้ชยินมองว่าสารที่ได้รับคงเป็นเพียงกลลวงของคู่ต่อสู้

ทั้งสองคนยังคงถกเถียงถึงความเป็นไปได้และความเป็นไปไม่ได้ของข่าวที่เพิ่งได้รับ แม้เตโชจะไม่เห็นด้วยกับข้อสันนิษฐานของพี่ชายและพยายามนำเหตุผลอื่นเข้ามาแย้ง แต่ดูเหมือนชยินจะมั่นใจกับความคิดของตัวเองจนไม่รับฟัง

เมื่อเห็นว่ายิ่งโต้แย้งกันไปมาก็ยิ่งทำให้เสียเวลานายทหารตาดุจึงยุติทุกข้อสงสัยที่ยังไม่ได้บทสรุปอยู่ที่อำนาจของตัวเอง ก่อนลุกขึ้นเดินกลับเข้าห้องโดยเลิกใส่ใจที่จะชักจูงให้น้องชายเบนความคิดเห็นมาในทิศทางเดียวกับเขา




 

Create Date : 13 มกราคม 2555
3 comments
Last Update : 13 มกราคม 2555 20:21:10 น.
Counter : 856 Pageviews.

 

ขอโทษด้วยนะคะที่มาอัพช้า เนื่องจากปั่นไม่ทันแล้วค่ะ ยังไงจะพยายามเร่งปั่นมาให้อ่านกัน อากาศเย็นอีกแล้วรักษาสุขภาพด้วยนะคะ

 

โดย: sansook 13 มกราคม 2555 20:23:32 น.  

 

ตอนต่อไปมาหรือยัง รออยู่นะจ๊ะ

 

โดย: ผู้รอคอย IP: 113.53.116.58 24 มกราคม 2555 7:20:09 น.  

 

ติดตามๆ ^^

 

โดย: Kwanita IP: 110.49.225.4 24 มกราคม 2555 21:19:39 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.