อัสตา มายาน่า : โสภาค สุวรรณ
อัสตา มายาน่าพิมพ์ครั้งที่ 2 มกราคม2537สนพ.ศิลปาบรรณาคาร (2เล่มจบ) ทรายแก้ว หรือ แซม สาวน้อยวัยสิบสี่ปีกำพร้าแม่ บิดาเธอทำธุรกิจอยู่ในอเมริกา และ เพิ่งได้บุตรชายจากภรรยาคนใหม่ เธอรู้สึกว่าไม่มีใครสนใจเธอ เธอชอบไปซ้อมขี่ม้าที่ไร่ใกล้ๆ ของมิสซิสเฟลอร์ โรซ่าซึ่งเธอเรียกว่า มัม และสามี-ดอกเตอร์ออสก้า มัมตั้งใจให้แซมฝึกเพื่อร่วมแข่งขันบังคับม้า แต่แล้วครูฝึกของแซมก็เสียชีวิตอย่างกระทันหันดอกเตอร์ออสก้า ได้พา เอมิลิอาโน หรือ เอมิล หนุ่มเม็กซิกัน ซึ่งมาศึกษาต่อปริญญาโท-เอกด้านโบราณคดี และ เก่งทางด้านฝึกขี่ม้ามาก ให้มาเป็นครูสอนแซมเอมิลเป็นคนดุ ไม่อ่อนโยน แซม จึงทะเลาะกับเขาบ่อยๆระหว่างการฝึก แซมคิดจะเลิก แต่เอมิลก็พยายามปรับตัวใหม่ และเมื่อถึงวันแข่งขัน แซมก็ทำได้สำเร็จ ทั้งๆที่เธอมีอาการบาดเจ็บที่ข้อเท้าอยู่ คืนนั้นมีฉลองเล็กน้อย และ เอมิลเล่นเพลงวงมารีอาชีให้ฟัง ทุกคนได้รู้ว่าเขาเคยเป็นนักดนตรีวงมารีอาชีมาก่อนทางบ้านส่งแซมไปโรงเรียนประจำ แต่เวลาปิดเทอมเธอก็จะกลับมาฝึกกับเอมิลต่อ เพื่อลงแข่งเก็บคะแนนเมื่อแซมอายุสิบเจ็ดปี ระหว่างปิดเทอม พ่อของเธอได้เสียชีวิตลง บ้านถูกขาย เธอจึงย้ายมาอยู่กับมัม ตอนนี้เอมิลมีผู้หญิงมาอยู่ด้วยชื่อ มาเรีย และวันหนึ่งขณะที่มัม และสามีไปธุระรัฐอื่น เกิดฝนตกฟ้าผ่า ไฟไหม้โรงเลี้ยงม้า แซมพยายามจะเข้าไปช่วยม้าของเธอ เอมิลมาช่วยไว้ได้ทันแต่ทุกอย่างก็ไหม้ไปในกองเพลิง แซม มัม และ เอมิล เต็มไปด้วยความเจ็บปวดเอมิล เรียนจบปริญญาเอกกลับไปเม็กซิโก แซมไปส่งที่สนามบิน เขาเอ่ยลาเธอด้วยคำ...'อัสตา มายาน่า' ต่อมาดร.ออสก้าย้ายไปเป็นอาจารย์สอนที่มหาวิทยาลัยเมกซิโก มัมตามไปด้วย แซมตัดสินใจไปเรียนต่อด้านโบราณคดีที่นั่นด้วยเธอได้กลับมาเป็นลูกศิษย์เอมิล อีกครั้ง เพราะเขาเป็นอาจารย์พิเศษวิชาที่แซมเรียนพอดีแซมได้รู้จักกับกิโก้ เป็นบุตรของเพื่อนของดร.ออสก้า และรู้จักกับเอมิลดีมาแต่เด็ก ทำให้แซมได้รู้ประวัติของเอมิลมากขึ้น เธอรู้สึกสงสารและชื่นชมเขามากด้วยทุกคนไปฉลองวันเกิดของมัมที่ไร่ของกิโก้ เอมิลพามาเรียมาด้วย เอมิลพาวงมารีอาชีมาเล่นในงานฉลองแบบเม็กซิโก และตีสามคืนนั้นก็มีเสียงเพลงวงมารีอาชี่ดังขึ้น แซมได้รู้จักประเพณีการเซเรเนดเพลงของที่นี่ และเพลงคืนนี้เพื่อมัมนั่นเองเอมิลชวนให้แซมร่วมขี่ม้าโชว์ในงานเทศกาลของที่นี่ เธอลังเล เพราะยังเจ็บปวดกับเหตุการณ์ไฟไหม้ แต่เอมิลก็พูดให้แซมรับปากจนได้ แซมขี่ม้าของปาสกวัลพี่ชายเอมิลแสดงและทำได้อย่างสวยงาม ในงานนี้เอมิลยังแสดงโชว์การบังคับม้าผาดโผนให้ดู แซมรู้สึกกลัวเขาจะพลาดมากปาสกวัลทิ้งม้าไว้ให้แซมขี่ต่อ แต่เธอเลินเล่อ ม้าหลุดออกไปจากคอก และ ได้รับบาดเจ็บ เอมิลโกรธมาก แซมและเอมิลช่วยกันเฝ้าปฐมพยาบาลทั้งคืนจนม้าปลอดภัยแซมได้ฟังข่าวที่เอมิลทำงานเสี่ยงอันตรายทั้ง กีฬาสู้วัว กระโดดหน้าผา อย่างไม่สบายใจ ปาสกวัลพี่ชายเอมิล เล่าให้ฟังว่าพวกเขากำลังเก็บเงินเพื่อตั้งใจจะไปทำฟาร์มม้ากัน ส่วนมาเรียตัดสินใจกลับอเมริกา เธอบอกแซมว่า เอมิลเป็นคนที่มีปัญหามากมาย เอมิลรับงานสำรวจเพื่อทำหนังสือ แต่เกิดปัญหาทุนถูกตัด เอมิลกำลังท้อแท้ หันไปพึ่งเหล้า แซมซึ่งมาช่วยอย่างเต็มใจ เห็นดังนั้นจึงว่าแรงๆ แต่ เอมิลโกรธ และด้วยความเมา รวมทั้งความในใจ จีงลวนลามแซม เธอโมโหเขามาก ดอกเตอร์ออสการ์ และมัม ช่วยติดต่อหาทุนให้ใหม่ แต่แซมไม่สนใจช่วยต่อ และเมื่องานเอมิลสำเร็จ แซมได้รับหนังสือ ด้านในแผ่นรองปก เขียนว่า สำหรับแซม เอมิล ชวนมัมไปเที่ยวไร่ม้าของเขากับปาสกวัล ซึ่งเริ่มเป็นรูปเป็นร่างในช่วงปีใหม่ แต่แซมไม่ยอมไปด้วยในวันเกิดของเธอ มีวงมารีอาชี มาเซเรเนดให้ พร้อมกับเสียงโทรศัพท์ดังขึ้น เมื่อแซมไปรับทำให้รู้ว่าใครเป็นคนจ้างวงมาและช่วงปีใหม่ ก็มีวงมารีอาชีมาบรรเลงเพลงรักหวานๆ บอกรักให้เธอ.. จากเอมิลนั่นเอง เอมิลบอกว่าจะให้วงมาเซเรเนดให้เธอทุกวัน.. จนกว่าเธอจะใจอ่อน...แซมคิดว่าเขาช่างบ้าที่สุดและ..ในคืนก่อนคริสต์มาส เสียงเพลงก็ดังขึ้นดังเคย แต่ที่แปลกไปคือ เอมิลมาเล่นเองในวงด้วย ในใจแซมยังกรุ่นโกรธอยู่กับการกระทำอันหยาบคายของเอมิลต่อเธอ... แต่ในเมื่อเขามาด้วยตัวเอง... แล้วเธอจะทำอย่างไร..จากในหนังสือค่ะเขายิ้มนิดหนึ่ง ขณะกล่าวต่อไปว่า เราคงได้พบกันอีก ถ้าโอกาสมี ...อัสตา มายาน่า...อัสตา มายาน่า... ทรายแก้วทวนคำพูดประโยคนั้นกับตัวเอง เมือไหร่ๆเขาก็ยังเป็นคนลึกลับสำหรับหล่อนอยู่นั่นเอง ..เขาใช้คำนั้นทำไมกัน...อัสตา มายาน่า..จนกว่าจะถึงวันพรุ่งนี้...ทำไมเขาถึงไม่ใช้คำว่า อาดีโอส หรือใช้คำว่า อาชตา-ลู เอโก้ ก็ยังมีความหมายว่าร่ำลาคือกันไม่ต้องเก็บไว้ ซินญอริต้า ปาสกวัลหันมาเห็นดอกไม้ในมือหล่อนพอดี ปาลงไปให้หมดเลย ช่วยให้เขาดีใจหน่อยค่ะ หล่อนรับคำ ก่อนจะโยนกุหลาบดอกสุดท้ายลงไปให้เขาเอมิลรับไว้ได้พอดิบพอดี หล่อนเห็นเขาเหน็บมันเข้ากับรังดุมเสื้อตัวนอก แล้วเปิดหมวกขึ้นมาโบกไหวๆ นัยน์ตาคมกริบคู่นั้นแวววาว เหมือนมีดาวหลายดวงแข่งกันส่องแสงอยู่ที่นั่นเอมิล เสียงพึมพำผ่านริมฝีปากทรายแก้วออกไปอย่างลืมตัวหูหล่อนไน่ได้ฟั่นเฟือนสักนิด... เอมิลิอาโนจริงๆนั่นแหละ เขาแต่งชุดชาโร เหมือนเพื่อนพ้องในวงมารีอาชี่ ที่กำลังช่วยกัน เป่า สี ดีด เครื่องดนตรีเป็นเพลงหรู แสนหวาน ชวนให้ระทึกใจอยู่ที่ถนนใต้หน้าต่างห้องนอนหล่อนนั่นเอง..กรานาดาจบลงไปแล้ว หล่อนจึงได้ยินเสียงเอมิลตะโกนขึ้นว่าไปไร่ด้วยกันนะแซม ฉันมารับฉันไม่ไป เซนญอร์ก็รู้ มาทำไม หล่อนตอบเขาลงไปเอมิลหัวเราะ ตะโกนกลับขึ้นมาว่าไม่ไปก็ไม่เป็นไร ฟังเพลงกันทั้งคืนก็แล้วกัน..ทั้งคืนนี้ พรุ่งนี้ คืนพรุ่งนี้..
ไม่มีบรรยายยาวๆ หรือ แทรกข้อมูล มากมายค่ะ มีเรื่องราวความรู้เกี่ยวการเลี้ยงม้า แล้วก็เม็กซิโกบ้าง
ชอบพระเอกของเรื่องมากค่ะ เอมิล - จากบรรยายจะหล่อ เท่มากๆ เป็นหนุ่มเม็กซิกัน สายเลือดสเปน
มีผมสีบลอนด์ ออกน้ำตาลแก่ๆ ผิวนวลค่ะ ( จริงๆพระเอกคุณโสภาคก็หล่อมาก(เกือบ)ทุกเรื่องค่ะ)
แล้วก็จะเป็นสารพัดเลยค่ะ เป็นทั้ง นักโบราณคดี นักขี่ม้าแสดงโชว์ นักสู้วัว นักกระโดดหน้าผา
และ ที่โรแมนติกมากๆ ก็เป็นนักดนตรีวงมารีอาชี่ ที่เก่งมากๆ เล่นเพลงได้ทั้งไพเราะแสนหวาน ด้วยอีกต่างหากค่ะ
เอมิลชอบทำอะไรที่ท้าทาย เสี่ยงๆ เพราะ มีปมในใจที่ต้องการพิสูจน์ตัวเองว่าเป็น
มาโชแมน ลูกผู้ชายที่แท้จริงค่ะ อายุจะแก่กว่าแซมเกือบๆสิบปีค่ะ ด้วยความที่สอนขี่ม้ากันมาแต่แซมยังเด็ก
เอมิลจึงไม่ค่อยนึกถึงความรู้สึกของตัวเองที่มีต่อแซม แม้มาเรียจะชอบพูดให้ฟังบ่อยๆ
แต่เมื่อรู้ตัวก็เริ่มต้นได้ผิดที่ผิดทางเลย จนแซมโกรธ และต้องตามขอโทษ
ตอนท้ายๆที่อ่านแล้วยิ้มมากๆก็ที่ส่งวงมารีอาชี่ มาเซเรเนดแซม จนถึงมาเล่นเองก็เอาค่ะ
ส่วนแซมก็จากที่แรกๆทะเลาะกับเอมิลอย่างหนัก ..เมื่อโตขึ้นค่อยๆเปลี่ยนเป็นความสนใจ
สงสาร ห่วงใย รักในที่สุดค่ะ
อ่านแล้วอยากให้มีใครมาเซเรเนดเพลงให้ฟังบ้างจังค่ะ แล้วก็เลยไปไล่ๆหาเพลงวงมารี่อาชี่ลองฟังดูด้วยค่ะ