หอมกลิ่นปาริชาติ : โสภาค สุวรรณ
หอมกลิ่นปาริชาติสำนักพิมพ์ ศิลปาบรรณาคาร (๒เล่มจบ)พิมพ์ครั้งที่สอง ๒๕๓๘วิทวลายะเทพ เป็นเทพที่อยู่ในสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ และถึงเวลาหมดบุญ ต้องไปจุติยังมนุษย์โลก ก่อนลงไปจุติ วิทวลายะเทพ และ เทวธิดาสรลินธรา ผู้เป็นคู่บุญกัน ได้ไปไหว้พระจุฬามณีเจดีย์ อธิษฐานขอให้ได้สั่งสมบุญร่วมกันต่อไป และวิทวลายะเทพได้อธิษฐานขอให้ถึงโลกุตตรธรรม ๙ ในเวลาเดียวกันนั้นหลวงตากร่าง ซึ่งเป็นพระเจริญฌาณขั้นสูงสุด ได้ถอดกายทิพย์มาแสดงธรรมเทศนา ท่านได้สนทนากับสรลินธราฯ และ มานันเทพ ถึงสิ่งที่น่าเป็นห่วงยิ่งที่จะเกิดขึ้นกับวิทวฯในโลกมนุษย์ เด็กชายวิทวัน เป็นบุตรกำพร้ามารดา มีคุณยายเป็นผู้เลี้ยงดู บิดาเขามีภรรยาหลายคน ด้วยคำอธิษฐานของวิทวันที่ขอให้หลุดพ้นนั้นเป็นการเร่งให้เจ้ากรรมนายเวรทั้งหลายรีบมาทวงเอาคืน รวมทั้งพญาสวัตตีมาราธิราชได้ส่งบริวาร คือสรุจเทพ และเหมกานต์เทพ มาขัดขวาง ทำให้ทางด้านมานันเทพ และ หิมรัศมิ์เทพ ซึ่งเป็นเพื่อนของวิทวฯ จึงได้ขออนุญาติตามลงมาช่วยเหลือวิทวันจึงถูกบุคคลทั้งหลายที่ทางมารเลือกเป็นสื่อพยายามชักจูงไปในทางอกุศลแต่เด็ก แต่ก็จะมีเทพทั้งสอง รวมทั้งหลวงตากร่างซึ่งเป็นพระที่คุณยายเขาเคารพ และตัวท่านเองก็มีกรรมพันผูกกับวิทวันด้วย ต่างคอยช่วยเหลือ และขัดขวางงานของเหล่ามารเมื่อโตขึ้นวิทวันเป็นตำรวจ และได้รับมอบหมายให้จัดการกับกิจการผิดกฎหมายซึ่งเป็นของพี่ชายร่วมบิดา และพี่เขยของเขา และด้วยทั้งสองคนนั้นตามจองเวรกับวิทวันมาแต่อดีต และจะจบสิ้นกันในภพนี้ วิทวันจึงถูกตามล้างแค้นถึงกับนอนโคม่าในโรงพยาบาลอยู่สองเดือน ส่วนทั้งสองคนก็ได้รับกรรมสนองตามวาระช่วงที่วิทวันนอนโคม่านั้นกายทิพย์เขาได้ไปสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ และด้วยกลิ่นหอมของดอกปาริฉัตตกะที่บานอยู่ เขาจึงระลึกอดีตได้ ได้พบกับเหล่าเพื่อนๆเทพ และ สรลินธราฯสรลินธราเทวธิดานั้นได้ตามลงมาจุติในกายหยาบของ พัทธลิน ผู้ซึ่งหมดอายุขัยเพื่อให้อายุทันกับวิทวัน พัทธลินนั้นเป็นน้องสาวของเพื่อนรักของวิทวัน รู้จักกับวิทแต่เพียงผิวเผิน ทว่า...เมื่อได้มาพบกันอีกครานี้ ทั้งสองต่างรู้สึกคุ้นเคยเหมือนรู้จักกันมานานมากแล้วเหลือเกิน..--จากในเรื่องค่ะ--"วิท..คนที่ไม่เชื่อในกฎแห่งกรรม เขาจะหลงระเริงเมื่อมีสุข แล้วโวยวายด่าทอ ตีโพยตีพายเมื่อเป็นทุกข์ เพราะเขาเชื่อว่าทุกข์สุขเกิดขึ้นโดยไม่มีมูลฐาน ไม่ได้เกิดจาการกระทำของตนเอง เขาจะเป็นคนท้อถอย ไม่เพียรพยายาม เที่ยวอ้อนวอน หลงเชื่อในสิ่งที่ไม่ช่วยให้เกิดปัญญาใดๆ นอกจากเพิ่มพูนความโง่เขลา หลงผิดให้มากขึ้น""หลวงตาท่านสอนให้รู้จักสันโดษ ให้รู้จักพอใจยินดีในปัจจัยสี่ เฉพาะที่ได้มาอย่างชอบธรรม บริสทุธ์ ก็เลยช่วยได้มากน่ะครับ ทำให้ไม่รู้สึกเดือดร้อน ตอนนี้ผมก็มาเป็นตำรวจอยู่บ้านนอกแบบนี้ มันก็ยิ่งได้ประโยชน์""ผมอยากให้น้องเตียบพิจารณา""ยังไงคะ""ก็..อย่างที่มาเห็นนี่ซีครับ พิจารณาว่า ถ้าผมจะชวนน้องเตียบมาช่วยเป็นกำลังใจ ช่วยกันสร้างบุญกุศล ด้วยการช่วยคนอื่นที่เขาลำบากกว่าเรานี้ น้องเตียบจะว่าอะไรไหม ..อย่างนี้น่ะครับ"เรื่องนี้เคยอ่านนานมากแล้วค่ะ จนจำเรื่องไม่ค่อยได้แล้วนอกจากว่าสนุกค่ะ เลยหยิบมาอ่านดูอีกครั้งค่ะ เรื่องอ่านแล้วให้ความรู้สึกเรื่อยๆไปนิดค่ะ ในช่วงแรกจะบรรยายถึง สวรรค์ชั้นดาวดึงส์ เทพบุตร เทพธิดาเมื่อสร้างสมบุญบารมีมากขึ้นก็ได้เลื่อนชั้นสวรรค์ได้ และ ก็มีเกิด ดับ ตามบุญบารมีของแต่ละองค์ และการเป็นมนุษย์นั้นเป็นภพที่มีโอกาสได้ทำการสั่งสมบุญบารมีมากว่าภพใดๆ พอลงมาในโลกมนุษย์ การดำเนินเรื่องออกจะดูช้าไปบ้าง บทสนทนา โดยเฉพาะยามที่เทพทั้งสองพบกับหลวงตากร่าง มักจะซ้ำๆ วนเวียนเรื่องเดิมๆ บทบาทของทางฝ่ายมารที่ตามมาขัดขวางพระเอก รวมทั้งตัวร้ายถึงแม้ดูไม่ค่อยร้ายนักแต่..ก็ยังพอให้คอยเอาใจช่วยพระเอกได้ค่ะ โดยรวมเรื่องก็อ่านได้สบายๆค่ะ แล้วก็ได้เรื่องราวแทรกแง่คิดทางพุทธศาสนา สวรรค์ นรก การทำดี ทำเลว มาเป็นข้อคิดค่ะ อ้อ..และก็มีน้องเตียบมาเป็นนางเอกเติมความหวานให้ตอนท้ายของเรื่องด้วยค่ะ