Bloggang.com : weblog for you and your gang
Group Blog
แนะนำ
จ๊ะ..จ๋า
ชั้นหนังสือโปรด
งานอดิเรก
บทสวดมนต์
ของเล่นของแม่มด
ท่องไปตามใจอยาก
สัพเพเหระ
ความงามกับแม่มด
All blogs
ไต้หวัน ทริปในฝัน
กัมพูชา แดนอัปสรา(2)
กัมพูชา แดนอัปสรา
วิหารเซียน
ไต้หวัน ทริปในฝัน
แม่มดไปฉลองวันเกิดตัวเองไกลถึงไต้หวันค่ะ ไม่คิดว่าจะได้ไป เพราะเป็นช่วงที่ไข้หวัดระบาด แต่ก็ได้ไปจนได้ ในการไปครั้งนี้แม่มดจะไม่เล่าถึงสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆเพราะคงมีคนพูดถึงอย่างละเอียดแล้ว แต่จะเล่าเกร็ดเล็กเกร็ดน้อยในมุมมองแม่มดแทนค่ะ
สุวรรณภูมิ
จะเดินทางไปต่างประเทศก็ต้องเริ่มต้นที่นี่แหละค่ะ ดื้อๆแบบนี้แหละ
เมื่อเดินทางไปถึง สนามบินเถาหยวน ก็ติดต่อซื้อบัตรโดยสารรถบัสเพื่อเข้าเมืองกันค่ะ แต่ใช้เวลาไม่ถึงชั่วโมง ก็มาถึงใจกลางเมืองเพื่อขึ้นรถไฟใต้ดินต่อไปโรงแรมที่พัก
ที่พัก/อาหาร
โรงแรมที่เพื่อนๆหานั้นชื่อ Everspring Hotel อยู่ในแหล่งชุมชน ใกล้สถานีรถไฟใต้ดิน สะดวกดีคะ ครั้งแรกที่เห็นห้อง เพื่อนร่วมห้องกรี๊ดมาก เพราะเป็นสีแดง และห้องน้ำมีอ่างจากุชชี่ คืนละ 2000 NT ค่ะ
แต่เพื่อนบางคนก็ให้ข้อสังเกตุว่ามันเป็นโรงแรมที่มีการขายบริการหรือเปล่า อันนี้ไม่รู้นะค่ะ บอกได้อย่างนึงว่า โรงแรมเล็กๆนี้ไม่มีคนพูดอังกฤษได้เลย ดีว่ามีเพื่อนพูดจีนได้ การบริการของโรงแรมก็มีน้ำดื่น วันละสองขวด ชา กาแฟ ชมพู และของใช้ในห้องน้ำตามปกติของโรงแรม ที่สำคัญรองเท้าใส่ในห้องเปลี่ยนให้ทุกวันด้วยค่ะ ยังเก็บคู่นึงมาใช้ที่ทำงานเลย
ระบบขนส่งไต้หวัน
จะกล่าวถึงสถานที่ท่องเที่ยว ต้องขอพูดถึงระบบขนส่งมวลชนของไต้หวันเท่าที่ประสบพบเจอก่อนค่ะ
ไต้หวันเท่าที่เห็น รถไม่ติด ไม่มีปั้มน้ำมันอยู่ติดๆกัน ตลอดเวลา 5 วันที่อยู่ไต้หวัน เห็นปั้มน้ำมันเพียงแค่ 2 แห่งเท่านั้น
ระบบรถไฟของเค้าพัฒนามากกว่าบ้านเรามาก เพราะสามารถเดินทางจากจุดศูนย์กลางไปได้หลายเส้นทาง ทำให้สามารถท่องเที่ยวได้สะดวก ไม่ต้องพึ่งไกด์หรือทัวร์เลยค่ะ อ้อ คราวนี้ไปกับเพื่อนๆที่เตรียมตัวหาข้อมูลเที่ยวมาเป็นอย่างดีและสามารถพูดจีนได้บ้าง
ค่าใช้จ่ายในการเดินทางไม่แพงมาก เพราะ 5 วันใช้ไปประมาณ 700 NT ขึ้นลง รถไฟใต้ดินเป็นว่าเล่นเลยละค่ะ การจ่ายค่าโดยสารโดยใช้บัตรคล้ายๆสมาร์ทการ์ด สะดวกมาก
รถไฟชั้น 3 สะอาดเท่ารถไฟชั้นหนึ่งเมืองไทย ติดแอร์ด้วย มาตรงเวลาอีกต่างหาก
คนของเค้ามีมารยาทในการรอยวดยานพาหนะมากค่ะ รถไฟใต้ดินของเค้าตีเส้นให้คนยืนรอ คนก็จะยืนรอกันในเส้นอย่างเรียบร้อย ส่วนการขึ้นลงบันไดเลื่อน เค้าจะยืนชิดขวาค่ะ ปล่อยด้านซ้ายไว้ให้คนรีบ เดินขึ้นหรือลงค่ะ ไม่มีการยืนเกะกะ เห็นแล้วนึกถึงบ้านเรา ยืนกันระเกะระกะมาก
สถานที่ท่องเที่ยว
วัดหลงซาน
คนที่มาไต้หวันคงไม่พลาดที่นี่กันนะคะ ถึงเราจะมาเดินกันดึกมากแล้ว ไม่ได้เห็นสถาปัตยกรรมที่สวยงาม แต่บอกได้อย่างนึงว่าวัดในไต้หวันสวยๆทั้งนั้นค่ะ
จิ่วเฟิ่น
ตลาดที่เก่าแก่ในไต้หวัน อยู่บนไหล่เขา กว่าเราจะนั่งรถไปถึง นึกถึงเส้นทาง แม่ฮ่องสอน บ้านเราเลยละ เพราะรู้สึกเมารถ
ที่นี่มีวิวทิวทัศน์คล้ายทางเหนือของเราค่ะ การเดินทางไป เริ่มต้นด้วยรถไฟฟ้า ต่อด้วยรถบัส ซึ่งวิ่งบนทางคดเคี้ยวประมาณ 1 ชม. ที่แน่ๆ ไต้หวัน มี 7/11 และ family mart อยู่ทั่วไป
อนุสรณ์สถาน ดร.ซุน ยัตเซน
วิวจากที่นี่จะมองเห็นตึกสูงของไต้หวันที่ชื่อว่า 101 หรือภาษาจีนเรียกว่า อี้หลิงอี้
อนุสรณ์สถานเจียงไคเช็ค
เย่หลิ่ว
เป็นการท่องเที่ยววันสุดท้ายก่อนเหิรฟ้ากลับเมืองไทย พยายามเที่ยวให้ได้ครบทุกที่ตามตั้งใจ เดินทางกันแบบว่า ขึ้นเหนือลงใต้ทีเดียว
Yeliou Geo-park เป็นชายหาดที่ยาวกว่า 1,700 เมตร ทางตอนเหนือของไต้หวัน มีลักษณะพิเศษของพื้นที่ที่เต็มไปด้วยหินรูปทรงประหลาดๆ น่าอัศจรรย์
ที่เย่หลิ่วนี่มีหินก่อนนึงที่มีชื่อเสียงมากเลย เรียกว่า เศียรราชินี แม่มดไปถ่ายรูปมาด้วยละ ดูใกล้ๆนึกไม่ออกว่าทำไมเค้าจึงเรียกอย่างนั้น แต่พอมาดูในรูปถ่ายหรือโบรชัวร์จึงถึงบางอ้อ
อ่านแล้วอย่าลืมทักทายกันด้วยนะค่ะ
Create Date : 20 กรกฎาคม 2552
Last Update : 21 กรกฎาคม 2552 15:25:35 น.
Counter : 1342 Pageviews.
7 comment
Share
Tweet
กัมพูชา แดนอัปสรา(2)
        
วันนี้
ถือเป็นไฮไลท์ของทริปนี้ หลังจากจบอาหารมื้อค่ำที่ตัวเองกินไข่เจียวเป็นหลัก (--)" ในระหว่างวัน มะลิ จะพูดย้ำบ่อยๆว่า ไปชมปราสาทต้องใส่เสื้อสีสดๆน้า สีดำอย่าใส่ เพราะปราสาทหินก็ดำอยู่แล้ว เดี๋ยวถ่ายรูปไม่สวย
ในทริปนี้เรามีผู้หญิง 8 คน ผู้ชาย 3 คน เอาละสิ เช้าตื่นมาเข้าห้องน้ำตั้งแต่ 5.00 น แต่งตัวลงมาทานข้าว 6.00 น เจอเพื่อนๆแต่ละคนยังกะนกแก้ว นกหงส์หยก คงรู้กันนะว่าเพราะอะไร เสื้อค่ะเสื้อ สีชมพู บานเย็น เขียว แดงฯลฯ งานนี้มีแต่สีสันละลานตา ^---^
7.00 น. เราก็พร้อมกันที่ลอบบี้เพื่อจะไปเที่ยวชมปราสาทต่างๆตามโปรแกรม เริ่มตั้งแต่บันทายศรี ทุกคนตื่นเต้นและถ่ายรูปกันใหญ่ กล้อง 10 ตัวเชียวนะ แต่มีแบบสวยสุดประมาณ 3 ตัวที่ถ่ายรูปแล้ววิวสวย นอกนั้นคนเท่านั้นค่า...
มาดูรูปละกัน อย่างที่บอกว่าปราสาทที่เข้าชมในวันนี้มีแต่ทีที่มีชื่อเสียง หรือเคยเป็นฉากในภาพยนตร์บางเรื่องมาแล้ว ^--^ ถ้าจะให้พูดถึงสาระว่า ปราสาทไหนมีศิลปแบบไหน กษัตริย์องค์ไหนเป็นผู้สร้าง สารภาพว่าจำไม่ได้ค่ะ เหะเหะ ถ้าไม่ไปอ่านหนังสือมาใหม่ ตลอด 5 วันจะได้ยินชื่อ พระเจ้าสุริยวรรมันที่ 2 พระเจ้าชัยวรมันที่ 7 ตลอดเวลา
บันทายศรี หรือ บันเตีย เซรย ป้อมแห่งสตรี
        
บันทายศรี
ยังมีลวดลายแกะสลักที่อ่อนช้อยสวยงาม ไม่น่าเชื่อว่าผ่านกาลเวลามาเป็นพันปี เห็นแล้วทึ่งมากๆค่ะ ลองดูจากรูปข้างบนนะค่ะ ทำไฟล์สไลด์ประกอบมาให้ชมไม่รู้จะโหลดนานหรือเปล่านะค่ะ
         ช่วงเช้านอกจากบันทายศรี แล้วก็มีปราสาทพระขรรค์ ปราสาทบายน และปราสาทตาพรหม ที่ได้ไปเยี่ยมชม แต่ละแห่งก็น่าตื่นตาตื่นใจแตกต่างกันไป
        
ปราสาทตาพรหม
ที่นี่เราได้เจอรูปแกะสลักไดโนเสาร์ด้วยค่า ดูสิในรูปข้างบนรูปไหนเป็นไดโนเสาร์ อิอิ
จากภาพจะเห็นภาพด้านหลังที่มีรูเยอะ อาจจะงงว่าเอามาให้ดูทำไมกัน!!! รู้มั้ยค่ะ "รู" นั่นสมัยก่อน
มะลิ
เล่าว่าประดับด้วยอัญมณีนะค่ะ เนื่องจากเป็นห้องศูนย์กลางของปราสาทใช้ในการทำพิธี นึกสภาพผนังหุ้มทองคำ และประดับเพชรพลอย เวลากระทบแสงไฟจะเกิดประกายที่ประชาชนข้างนอกปราสาทต้องมองด้วยความทึ่งในบุญบารมีของกษัตริย์สมัยก่อนแน่ๆ
        
มะลิ
น่ารักมากนะค่ะ เค้าจะพาไปเดินในจุดที่ไม่ควรพลาดชม และแนะนำมุมในการถ่ายรูป เป็นประโยชน์กับพวกเราที่ถือกล้องคอมแพค มากๆเลย ส่วนเพื่อนๆที่ถือกล้องตัวใหญ่ แน่นอน เค้าถ่ายรูปสวยค่ะ รูปที่เอามาลงในบลอกนี้ก็มาจากกล้องเพื่อนๆนะค่ะ
สำหรับปราสาทนครธม ไม่ได้เดินเลยค่ะ นั่งอยู่บนรถชมวิวจากกระจกรถ น่าเสียดายเพราะอยากขึ้นไปบนพิมานอากาศ นึกสภาพตัวเองเป็นตัวละครในเรื่องจันทราอุษาคเนย์ ของวรรณวรรธน์ แต่คนสมัยก่อนแข็งแรงมากนะค่ะ ดูได้จากบันไดหินที่ทั้งสูงและชัน เดินกันเก่งจริงๆ
ขอยกยอด นครวัดและพนมบาเค็งไปบลอกหน้านะค่ะ ทำไม่ทันจริงๆ
ดูอัลบั้มภาพไปพลางๆก่อนนะ
จิ้มที่ภาพโลด
Create Date : 13 พฤศจิกายน 2550
Last Update : 14 พฤศจิกายน 2550 12:43:44 น.
Counter : 831 Pageviews.
7 comment
Share
Tweet
กัมพูชา แดนอัปสรา
หายไปจากการอัพบลอกนานเลยค่า
ต้นเดือน พ.ย นี้มีโอกาสไปเที่ยวเขมรค่ะ ต้องบอกว่าสนุกมากๆเลย ถึงจะเป็นการเดินทางที่ดูเหมือนวิบากเพราะสภาพถนนที่ไม่ได้ลาดยาง แต่โดยรวมแล้วเป็นทริปที่วิเศษมีแต่เสียงหัวเราะ
แผนการเดินทางโดยสรุป
วันที่ 2 พฤศจิกายน 4.00 น.
เดินทางด้วยรถตู้ ข้ามด่านปอยเปตไปเปลี่ยนรถเป็นบัส ปรับอากาศ โทรมเล็กน้อย เดินทางไปถึงเสียมเรียบบ่าย 2 ได้ หลังจากเช็คอินเข้าพักที่
Ankor Hotel
รร. ระดับ 4 ดาว ก็เดินทางไปชมโตนเลสาป หรือทะเลสาปเขมร
วันที่ 3 พฤศจิกายน 7.00 น.
พร้อมกันเพื่อขึ้นรถบัสปรับอากาศไปเที่ยวชม ปราสาทบันทายศรี ปราสาทตาพรม ปราสาทบายน ปราสาทนครวัด ปราสาทพนมบาเค็ง
วันที่ 4 พฤศจิกายน 7.00 น.
ไปเที่ยวชมกลุ่มปราสาทต่างๆ ปราสาทเกาะแกร์ ปราสาทศิวลึงค์ ปราสาทเล็กๆน้อยรอบบริเวณ ปราสาทบึงมาลา ตลอดจนดูวิถีการดำเนินชีวิตของชาวกัมพูชาที่พบได้ตามถนน หนทางที่ผ่านไป
วันที่ 5 พฤศจิกายน 7.30 น.
ไปชมศิวลึงค์และรูปสลักที่แกะสลักไว้ใต้น้ำ บ่อน้ำศักดิสิทธิ์ 7 สี พร้อมกับเล่นน้ำตกพนมกุเลน
วันที่ 6 พฤศจิกายน 7.00 น.
ไปชอปปิ้งตอนเช้าและเดินทางกลับกรุงเทพ ถึงกรุงเทพ 20.30 น. อย่างปลอดภัย
ไกด์ของเราชื่อมะลิ ค่ะ เป็นชาวกัมพูชาที่พูดไทยชัดเจน ดี แถมมีความรู้ในสถานที่และประวัติศาสตร์ในแต่ละที่ที่พาชมเป็นอย่างดี แต่ละวันก็จะมีอะไรที่สนุก จะทะยอยนำมาลงค่ะ
วันที่ 1 ของการเดินทาง
        พร้อมกันตี 4 ที่สวนลุมค่ะ ส่วนมากจะได้นอนกันประมาณ 2ชม. บางคนไม่ได้นอนเลย รถวิ่งเร็วมากนะค่ะ ไปถึงด่านบ้านคลองลึก ตลาดโรงเกลือนะค่ะ กว่าจะผ่านด่านกัมพูชานะคะ ยืนมอง จนท.เค้าทำงานกันแบบสบายๆมากเลย นักท่องเที่ยวเยอะ ก็รอไป เห็นคาสิโนของเค้าแล้วเฉยๆค่ะ ยังนึกเลยว่าทำไมชอบไปเล่นกันนัก แต่วันกลับเราก้ได้เข้าไปเดินดูข้างในแปบนึง
รถที่มารับเราเป็นรถบัสพร้อมไกด์ท้องถิ่น ชื่อมะลิ จำได้ว่า ตอนแรกๆที่ฟีน่าแจ้งว่าไม่มีไกด็ไทย ก็รู้สึกกังวลเล็กน้อยว่าจะฟังเค้า หรือสื่อสารกันได้คล่องตัวหรือเปล่า แต่โชคดีที่
มะลิ
เป็นไกด์ภาษาไทยที่ดีที่สุด อันดับ1 ใน 5 ของกัมพูชาเลยค่ะ น่ารักมาก และเอนเตอเทนลูกทัวร์ได้ดี ใจเย็น วันสุดท้าย หลายคนจะพูดไทยเพียนแบบมะลิ แบบว่าต้องมาได้ยินฟีน่า ออกเสียงแล้วจะฮากลิ้ง:lol:
เรายังไม่พ้นด่านไปเลยนะค่ะ
ระยะทาง 150 กม จากด่านไปถึงเสียมเรียบ มีพักทานข้าวที่
จังหวัดศรีโสภณ
เป็นครั้งแรกที่เจอถนนวิบากประเภทพ้นเมืองไป 10 กม. ถนนไม่ราดยาง มีร่องรอยการทำทางเป็นระยะๆ ใครนั่งท้ายรถน่าสงสารมากเลยค่ะเพระเวลารถกระดอนก้นลอยสูงจากเบาะมากทีเดียว เย็นนั้นหลายคนต้องกินยาคลายกล้ามเนื้อทั้งที่ยังไม่ได้ปีนป่ายอะไรเลย ขนาดตัวเองยังเอวเคล็ดเลยค่ะ
พอไปถึงที่พักแบบหัวสั่นหัวคลอน ก็เช็คอินเข้าโรงแรม (โรงแรมและโรงพยาบาลทุกแห่งจะมีเศียรของพระเจ้าชัยวรมันต์ที่ 7 ปรากฏอยู่ค่ะ เพราะว่าท่านเป็นผู้บุกเบิกในการสร้าง ) หลังจากนั้นได้พักอาบน้ำก้เดินทางไปชม
โตนเลสาป
หรือทะเลสาบเขมรกันค่ะ เป็นเส้นเลือดหล่อเลี้ยงชีวิตของชาวกัมพูชาทั้งประเทศ ปลาทั้งหมดมาจากที่นี่ละค่ะ แต่หลังจากจีนสร้างเขื่อนหลายแห่งทำให้ทะเลสาปที่เคยมีความลึก 15 เมตร เหลือไม่ถึง 8 เมตรนะค่ะ มีชาวเวียดนามและชาวกัมพูชาที่ยากจนมาสร้างแพอาศัยอยู่ในทะเลสาปนี้เยอะมากเลยค่ะ
โตนเลสาป
หรือทะเลสาปเขมรที่เคยเรียนในวัยเด็ก มีขนาดกว้างใหญ่ไพศาล มี 5 จังหวัดล้อมรอบทะเลสาปเลยละ ในนั้นมีพันธ์ปลาเป็นร้อยๆชนิด ปัจจุบันเค้านิยมเพราะเลี้ยงจรเข้ ส่งให้จีนค่ะ ตัวนึงขายได้หลายร้อยดอลล่าร์นะค่ะ วันที่ไปชมทะเลสาป มะลิ(ต่อไปจะเรียกไกด์ว่ามะลิทุกครั้งนะค่ะ)บอกว่าถ้าพวกเราอยากกินเนื้อจรเข้ก้ได้นะค่ะ ซื้อตัวนึงแล้วให้เค้าทำให้ทาน แต่ไม่มีใครลอง
เด็กๆชาวเวียดนาม สวยมากนะค่ะทั้งผิวพรรณและหน้าตา
ภาพการใช้ชีวิตอยู่ในโตนเลสาป
        ผู้คนที่อาศัยอยู่ในโตนเลสาปคือคนยากจนของกัมพูชาค่ะ ส่วนใหญ่เป็นชาวเวียดนาม พวกเค้ามีชีวิตอยู่กับผืนน้ำ ตั้งแต่เกิดจนตายก็ว่าได้ ที่นี่ มีโรงเรียนลอยน้ำ มีศาลาประชาคมเพื่อทำพิธีแต่งงานและสวดศพ(เมื่อก่อนมะลิเล่าว่าเค้านิยมนำศพคนตายไปไว้บนยอดไม้ที่อยู่ปากปากแม่น้ำพอเหลือแต่กระดูกแล้วค่อยไปเก็บเอา นึกภาพสมัยก่อนคงมีนกแร้งบินว่อนทีเดียว แต่ปัจจุบันไม่มีแล้วนะค่ะ ) สำหรับโรงเรียนเด็กที่จะมาเรียนหนังสือมีกฏว่าจะต้อง
ว่ายน้ำเป็น
เพราะครูดูแลนักเรียนไม่ไหว
ที่กัมพูชาครูเงินเดือน 400 บาทเองนะค่ะ แต่เค้าสอนวันละ 3 ชม. เท่านั้นเอง
วันแรกของเราจบด้วยการไปทานอาหารที่ร้านๆนึง อาหารที่นี่ส่วนใหญ่ก็เป็นปลานะค่ะ คนที่ทานหมู ทานไก่ถือเป็นผู้มีอันจะกิน แต่เนื่องจากเราเสียเงินไปทัวร์แล้ว ฉะนั้นเราก้เลยได้ทานอาหารรสชาดไทย ไทย มีหมู มีไก่ ทุกมื้อเลยค่ะ สิ่งที่ขาดไม่ได้คือไข่เจียว แม่มดกับฟีน่า เป็น 2คนที่จองจานไข่ เนื่องจากเราไม่ทานปลา แต่ก็เจออยู่ร้านนึงชื่อร้านเชียงใหม่ ปลาที่นี่อร่อยมากเลยค่ะ ไม่เชื่อให้ฟีน่ามาเล่าเพราะเธอทานไปหลายตัว ขนาดต้องขอดกระเทียมในจานอาหาร อิอิ
        ก่อนที่จะเล่าถึงวันที่ 2 แม่มดจะเล่าเกร็ดเล็กเกร็ดน้อยที่ได้ฟังมาจากมะลิ ให้ทุกคนฟัง เสียดายแม่มดไม่ได้จดอะไรเลย เล่าเท่าที่จำได้นะค่ะ
คนกัมพูชาไม่ชอบถูกเรียกว่าเขมร หรือขแมร์ มันเหมือนดูถูกเค้าว่าเป็นพวกบ้านนอกนะค่ะ ตลอดเวลาที่เราเที่ยวอยู่ที่โน่นเราเลยต้องท่องไว้ในใจตลอดเวลาว่า ไม่พูดคำว่าเขมร
        มะลิบอกว่ารัฐบาลพยายามจะพัฒนาเสียมเรียบให้ดีที่สุด เพื่อให้นักท่องเที่ยวรู้สึกพึงพอใจมากที่สุด เค้าปลูกฝังประชาชนของเค้าให้มองว่านักท่องเที่ยวเหมือนพ่อแม่ ถ้าไม่มีนักท่องเที่ยว คนกัมพูชาก็ไม่มีงานไม่มีเงิน คิดดูว่าในกัมพูชามีถนนลาดยางไม่กี่สายเอง ประชาชนของเค้าเวลาจะเจ็บป่วยไม่สบายจะไปโรงพยาบาล ต้องนั่งรถเข้าไปในเมืองใหญ่เช่นเสียมเรียบ พนมเปญ ระยะทาง 150 กม.จากด่านที่เราไปเสียมเรียบใช้เวลาประมาณ 5 ชมได้ น้ำมันที่นั่นราคา 40 กว่าบาทต่อลิตร ค่ารถเวลาเดินทางมาด่านไทยจากเสียมเรียบ ตกคนละ 2-300 บาท แถมรถที่นั่งถ้าใครมาเห็นจะ amazing มาก ที่นั่นนำเข้ารถมือสองจากญี่ปุ่น เราเลยเห็น camry วิ่งกันเกลื่อน สนนราคาคันนึงไม่ถึง 100000 บาท สภาพรถยังดีมากนะค่ะ เค้านำมาใช้เป็นประมาณแท็กซี่ บ้านเรา แต่วิธีการนั่งของเค้า ด้านหน้านั่ง 4 คน ด้านหลังอีก 4 คนนะค่ะ คันนึงต้องนั่งได้ 8 คน ถ้าเป็นรถกระบะยิ่งamazing กว่า เพราะนั่งกันตั้งแต่กระโปรงหน้ารถยันกระบะท้ายค่ะ แม่มดเห็นมาแล้วด้วย นั่งบนกระโปรงหน้านะ แถมรถเค้าไม่ได้ขับช้านะค่ะ ถามมะลิว่ามีตกมาบ้างมั้ย เค้าก็บอกมี แขนขาหักไป คิดดูสิว่าคนของเค้าเสี่ยงภัยแค่ไหน
มะลิ เค้าเล่าเกี่ยวกับสงคราม 30ปีกับเขมรแดงให้ฟังด้วยมุมมองที่เราไม่เคยคิดมาก่อน เป็นมุมมองของคนกัมพูชาที่น่าสนใจมากเลยค่ะ เรื่องการพิพากษาพลพต สำหรับคนกัมพูชา เค้ามองว่าสงครามนั้นเป็นอดีตไปแล้วสำหรับคนกัมพูชา ไม่ควรรื้อฟื้นขึ้นมาหาถูกผิด เพราะคนที่เป็นจำเลยได้ตายไปแล้ว
เค้าเล่าถึงสมเด้จฮุนเซ็น ว่าเป็นประธานาธิบดี(หรือเปล่าไม่แน่ใจ) ที่มีความตั้งใจในการที่จะทำให้คนจนมีเงินใช้ หรือมีงานทำ ถึงขนาดที่ว่าในอนาคตท่านจะถูกยกย่องเป็นมหาบุรุษทีเดียว นะค่ะ ทั้งที่ก่อนหน้านี้ท่านอยู่ฝ่ายเขมรแดงนะค่ะ แต่มะลิบอกว่าคนเขมรมองว่าสงครามนั้นเป็นอดีตไปแล้วสำหรับคนกัมพูชา ต่อให้เค้าลืมไม่ลงแต่คนกัมพูชาเป็นคนที่ให้อภัย ถึงก่อนหน้านี้ทำไม่ดีไว้มากมาย แต่ถ้าในปัจจุบันเค้าทำดีเพื่อประชาชน คนกัมพูชาก็พร้อมจะอภัย
รับบาลของเค้ายอมเสียผลประโยชน์ 50%เพื่อให้ต่างชาติเข้ามาลงทุนในสิ่งที่เค้าไม่สามารถทำได้ในอนาคตอันใกล้ เช่นการบูรณะดูแลโบราณสถาน การทำถนน หนทาง บัตรเข้าชมนครวัดมีราคาถึง 20 US$/คน แต่กำไรจากตรงนั้นคนที่ได้สัมปทาน เค้าจะนำไปปรับปรุงถนน สำหรับนักท่องเที่ยวเดินทางไปเที่ยวชม (ยอมรับว่าเค้าทำได้ดีและสะอาด)ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดคือพนมกุเลน ซึ่งถ้าไม่มีเงินเหล่านี้มาช่วยๆปีๆนึงจะไม่สามารถเข้าไปชมได้หลายเดือนเนื่องจากน้ำท่วม ทางไม่ดี
ห้องน้ำตามโบราณสถานที่มีการขายบัตรเข้าชม จะสะอาดมากเหมือนในโรงแรมเลยค่ะ มีน้ำ มีกระดาษทิชชูพร้อม เป็นที่ประทับใจของพวกเรามาก ขนาดร้านอาหารจีนที่พวกเราไปทานห้องน้ำยังสู้ไม่ได้
ในกัมพูชาไฟฟ้ายังมีใช้ไม่ทั่วถึง ขนาดในเสียมเรียบ โรงแรมที่เราพัก เมื่อถึงเวลา 4 ทุ่มไปแล้ว เค้าต้องสลับมาใช้ไฟจากเครื่องปั่นไฟของตัวเอง เพราะการใช้ไฟของรัฐบาลมีโควต้า ถ้าใช้เกินจะเสียค่าไฟแพงขึ้นไปอีก
โรงแรมที่เราพักค่ะ
Create Date : 12 พฤศจิกายน 2550
Last Update : 14 พฤศจิกายน 2550 8:57:46 น.
Counter : 931 Pageviews.
13 comment
Share
Tweet
วิหารเซียน
วันนี้แม่มดจะพาเที่ยวค่ะ เมื่อวันที่ 27 พฤษภาคม พ.ศ. 2550 แม่มดและคุณแม่ได้มีโอกาสไปเที่ยวชมสถานที่ต่างๆหลายแห่ง แต่ที่นี่เป็นที่ที่ถ่ายรูปมาได้มากที่สุดเลยเอามาแบ่งกันชมค่ะ
ข้อมูลสำคัญ
"อเนกกุศลศาลา"
เป็นชื่อพระราชทานของศิลปสถานที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานที่ดินให้ดำเนินการก่อสร้างขึ้นในพื้นที่พัฒนาโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ จังหวัดชลบุรี วัตถุประสงค์หลักให้เป็นแหล่งรวมและเผยแพร่ปรัชญาทางศาสนา ศิลปะวัฒนธรรม ไทย-จีน และกระตุ้นเตือนให้คนในชาติรู้รักสามัคคีสืบไป
"อเนกกุศลศาลา"
หรือวิหารเซียน เป็นงานก่อสร้างที่มีรูปแบบในทางสถาปัตยกรรมและศิลปกรรมชั้นสูงของจีน อันเกี่ยวเนื่องและสืบสานสู่ศรัทธาในทางพุทธศาสนา โดยผนวกกับความเชื่อในลัทธิเต๋าและขงจื๊อแบบดั้งเดิม การจัดวางตำแหน่งสิ่งปลูกสร้างมีทิศทางถูกต้องตามหลักวิชาการภูมิลักษณ์(ฮวงจุ้ย) ซึ่งเป็นศาสตร์ชั้นสูงแต่โบราณที่สืบทอดกันมา ทั้งการประดับตกแต่งตัวอาคารก้ได้ซ่อนความหมายในเชิงคตินิยมความเชื่อทางเทววิทยาของชาวจีน..
"อเนกกุศลศาลา"
หรือวิหารเซียน แห่งนี้ได้รวบรวมงานศิลปกรรมชั้นสูงเพื่อจัดแสดงทั้งโบราณวัตถุและงานศิลปกรรมร่วมสมัยของจีนจำนวนมากโดยมีโบราณวัตถุที่ทรงคุณค่าเป็นจำนวนถึง 328 รายการ ที่รัฐบาลสาธารณรัฐประชาชนจีนโดยกระทรวงวัฒนธรรมมอบให้แก่อาจารย์สง่า กุลกอบเกียรติ อาทิ หุ่นทหารดินเผาและรถม้าสำริดจากสุสานจิ๋นซีฮ่องเต้ เครื่องปั้นดินเผาโบราณในยุคต่างๆ ภาชนะและเครื่องใช้สอยสำริดโบราณ ภาพเขียนโบราณ พระแท่นที่ประทับบัลลังค์ทองจำลอง เป็นต้น หรือวิหารเซียน แห่งนี้ได้รวบรวมงานศิลปกรรมชั้นสูงเพื่อจัดแสดงทั้งโบราณวัตถุและงานศิลปกรรมร่วมสมัยของจีนจำนวนมากโดยมีโบราณวัตถุที่ทรงคุณค่าเป็นจำนวนถึง 328 รายการ ที่รัฐบาลสาธารณรัฐประชาชนจีนโดยกระทรวงวัฒนธรรมมอบให้แก่อาจารย์สง่า กุลกอบเกียรติ อาทิ หุ่นทหารดินเผาและรถม้าสำริดจากสุสานจิ๋นซีฮ่องเต้ เครื่องปั้นดินเผาโบราณในยุคต่างๆ ภาชนะและเครื่องใช้สอยสำริดโบราณ ภาพเขียนโบราณ พระแท่นที่ประทับบัลลังค์ทองจำลอง เป็นต้น
อ้างอิง: หนังสืออเนกกุศลศาลา(วิหารเซียน)
รูปหล่อแปดเซียนข้ามทะเลด้านหน้าอาคาร
วันที่ไปชมมีเวลาเพียงไม่ถึง 1 ชม. หลังจากรอคุณแม่ซื้อดอกไม้และน้ำมันใส่ตะเกียง บูชา ดอกไม้ และเติมน้ำมันที่ ศาลาบูชาอริยเจ้า แล้วก็พยายามจะเดินดูทั่วๆ แต่คุณแม่เดินได้ช้า จึงไม่สามารถถ่ายรูปสถานที่สำคัญ ดังที่กล่าวถึงในส่วนข้อมูลสำคัญมาได้ วิหารเซียนในเวลาเที่ยง ร้อนจัด จริงๆค่ะ แต่พอเห็นความวิจิตรบรรจงภายในก็ทำให้เพลิดเพลินไปได้ ตัวอาคาร 3 ชั้น มีสิ่งของประดับสวยงามทุกชั้น
ชั้นที่ 1
เมื่อเดินผ่านประตูเข้าไปและหันหลังกลับมาดูจะพบงานปูนปั้นปิดทองรูปเก้ามังกรบังคมจอมจักรพรรดิราช ฯลฯ
ชั้นที่ 2
บริเวณลานด้านนอกอาคารชั้น2 เต็มไปด้วย รูปหล่อเทวรูป และพระวัดเส้าหลินท่าทางขึงขัง ฯลฯ
ชั้นที่ 3
ประดิษฐานพระพุทธชินราชจำลองและพระสาวก พร้อมรูปหล่อโบราณ
รูปปั้นที่พบเห็นได้ภายในวิหารเซียน
บริเวณชั้น1 มีรูปหล่อสำริดจำนวนมาก เห็นทีจะถ่ายภาพมาไม่หมดเนื่องจากกกล้องซูมได้ไม่มากจึงถ่ายมาเป็นคลิบซะเลย ^^
คลิปภาพรูปหล่อที่ชั้น1
อ่านแล้วอย่าลืมทักทายกันด้วยนะค่ะ
Create Date : 01 มิถุนายน 2550
Last Update : 1 มิถุนายน 2550 21:02:07 น.
Counter : 955 Pageviews.
8 comment
Share
Tweet
แม่มดจิ๋ว
Location :
กรุงเทพ Thailand
[Profile ทั้งหมด]
ให้ทิปเจ้าของ Blog
[
?
]
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [
?
]
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [
?
]
Friends' blogs
lesliecheung
Webmaster - BlogGang
[Add แม่มดจิ๋ว's blog to your web]
Links
อัลบั้มผลงานที่นี่เลย
MY Hi5
BlogGang.com
Pantip.com
|
PantipMarket.com
|
Pantown.com
| © 2004
BlogGang.com
allrights reserved.