Group Blog
 
<<
มิถุนายน 2550
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
 
20 มิถุนายน 2550
 
All Blogs
 

พิสูจน์รัก...จากก้นครัว (ตอนที่ 16)

บทที่ 16
หาข้อแก้ตัว






“ป้าพลอยจ๋า” หญิงสาวเรียกแม่บ้านอีกฝ่ายหันมามองทั้งที่ในมือยังคงตำพริกในครกอยู่

“อะไร”

“สมมุตินะจ๊ะป้า” ปริมพิกาวางมือจากการหั่นผักแล้วเดินมาใกล้ป้าพลอย

“สมมุติว่าหมายไม่อยู่แล้ว ป้าจะคิดถึงหมายไหมคะ” ป้าพลอยหันมาพิจารณาหน้าคล้ำๆของสมหมาย

“เอ็งพูดอะไรของเอ็งวะ ข้าไม่เข้าใจ”

“โธ่… ไม่เห็นจะเข้าใจยากเลยอ่ะป้า สมหมายแค่ถามว่าถ้าสมหมายเนี่ยไม่อยู่ที่นี่ หรือไม่ทำงานที่นี่แล้วป้าจะคิดถึงสมหมายไหม” ปลายประโยคสมหมายทำเสียงอ่อนๆ

“แล้วเอ็งจะไปไหน งานเดี๋ยวนี้หายากนะ แถมเอ็งจะหาเจ้านายที่ใจดีอย่างคุณๆบ้านนี้นี่หายากนะ” ป้าพลอยหันมามองหน้าเธอเต็มๆ

“หมายก็แค่สมมุติ ถ้าเผื่อว่าซักวันหมายต้องไป”

“เอ็งก็ไม่ต้องไปซิ แค่นี้ก็สิ้นเรื่อง” ป้าพลอยว่า

“อนาคตไม่มีใครรู้หรอกค่ะป้า” หญิงสาวเอ่ยเสียงเศร้าๆ เพราะเธอคิดอย่างนั้นจริงๆ ถึงแม้ว่าเธอจะเข้ามาทำงานในบ้านหลังนี้ได้ไม่กี่เดือน แต่เธอเริ่มมีความผูกพันธ์บวกกับความใจใส่จากเจ้านายทุกคนของเธอด้วยแล้ว เธอคิดว่าเจ้านายดีๆอย่างนี้คงหายากในปัจจุบัน

“แต่หมายคงคิดถึงป้าแน่ๆเลย” เธอเข้าสวมกอดร่างเหี่ยวๆของป้าพลอย

ป้าพลอยวางมือจากการตำพริก แล้วหันมามองหน้าเธอตรงๆ

“เอ็งมีอะไรหรือเปล่าหมาย วันนี้พูดแปลกๆ”

ปริมพิกาส่ายหัวดิกทันที “เปล่าจ๊ะป้า หมายไม่ได้เป็นอะไร”

“เผื่อสักวันหมายอยากมีครอบครัวไง หมายก็คงต้องออกไป”

“คนอย่างเอ็ง ป้ำๆเป๋อๆแบบนี้ใครมันจะเอาไปทำพันธุ์วะข้าละอยากรู้จริงๆ” ป้าพลอยขยี้หัวเธอเบาๆ

“โธ่… ป้าไม่รู้อะไรซะแล้ว อย่างสมหมายนะตอนที่อยู่บ้านนอกนะหนุ่มงี้… ตรึมเลย” เธอพูดติดตลก

“เออ… ข้าจะพยายามเชื่อ” ป้าพลอยหันไปตำพริกต่อ ปล่อยให้คนหนุ่มตรึมได้แต่ยืนมองอยู่อย่างนั้น


“หมาย หมาย” เสียงเรียกของคุณเพชรลดาเรียกหาสาวใช้

“หมายอยู่ไหนจ๊ะ”

“ค่ะคุณหญิง” ปริมพิกาขานรับแล้วรีบวิ่งมาหานายจ้าง

“ตอนนี้ทำอะไรอยู่” เสียงพูดเนิบๆนุ่มๆเอ่ยถามสาวใช้

“หมายเพิ่งรดน้ำต้นไม้เสร็จค่ะ คุณหญิงมีอะไรจะใช้หมายหรือเปล่าคะ”

“ไม่มีหรอก แต่ฉันแค่อยากคุยกับเธอเฉยๆ” คุณหญิงเดินไปนั่งบนโซฟาหรู ปริมพิกาเดินตามหลังเธอไปแล้วหย่อนตัวนั่งบนพื้นใกล้ๆ

“คุณหญิงมีอะไรกับหมายคะ” เมื่อนั่งลงพับเพียบเรียบร้อยแล้วเธอจึงเอ่ยถามออกไป

คุณหญิงยิ้มหวานๆส่งมาให้เธอก่อนเอ่ยปากพูด

“ฉันคิดว่าถ้าฉันจ้างหมายครบหนึ่งปีแล้ว ฉันจะเลิกสัญญากับบริษัทจัดหางานแล้วจะจ้างเธอโดยตรงเธอคิดว่ายังไง”

“เอ่อ” ปริมพิการู้สึกหนักใจเมื่อคุณหญิงพูดแบบนั้น ก็อีกไม่กี่วันเธอตั้งใจจะลาออกอยู่แล้วนี่นา จะให้เธอตอบกับคุณหญิงยังไงดีละ

“ว่าไง หมายคิดว่าดีไหม” หญิงสาวก้มหน้าไม่กล้ามองสบตากับนายจ้าง พยายามหาคำพูดที่คิดว่าดีที่สุด แต่คิดยังไงมันก็คิดไม่ออกนี่สิ

“เอ่อ..“

“เธอมีปัญหาอะไรหรือเปล่า” เมื่อนายจ้างเห็นว่าเธออุกๆอักๆ จึงถามขึ้น

“เปล่าค่ะ” หญิงสาวส่ายหน้าตอบทันที

“เพียงแต่…” จะให้เธอพูดออกไปได้ยังไงเล่าว่าอีกไม่กี่วันเธอตั้งใจจะโทรไปลาออกกับบริษัทจัดหางานแล้ว เพราะเธออยากรู้เหมือนกันว่าระบบการบริหารงานของบริษัทเมื่อเธอลาออกแล้วทางบริษัทจะทำยังไง และนี่ก็เป็นภารกิจสุดท้ายที่เธอจะต้องทำ

“ว่าไง?” คุณหญิงรอคำตอบจากสาวใช้

“คือ… หมายต้องขอบคุณในความกรุณาของคุณหญิงมากๆนะคะ แต่ว่า…” เธอพยายามหาคำพูดอีกครั้ง

“แต่ว่า?” คุณหญิงเลิกคิ้วถาม

“แต่ว่า… คุณหญิงก็ทราบนี่ค่ะว่า ที่บ้านสมหมายทำนาพอถึงหน้าทำนาหมายก็ต้องกลับไปช่วยพ่อกับแม่ทำนาที่บ้านนอกค่ะ”

“แล้วส่งเงินไปแทนไม่ได้เหรอ เราน่ะทำงานดีฉันก็เลยอยากให้หมายอยู่ต่อไปเรื่อยๆ แต่ก็ไม่อยากให้ถูกหักค่าหัวจากทางบริษัทน่ะ”

“หมายต้องกราบขอบพระคุณคุณหญิงมากเลยนะคะที่กรุณา” ปริมพิกายกมือไหว้นายจ้างอย่างซึ้งใจจริงๆ

“งั้น… ฉันจะให้หมายกลับไปคิดนะ ตัดสินใจยังไงก็บอกด้วย”

“ค่ะ” เมื่อคุณหญิงเดินจากไปแล้ว หญิงสาวก็ถอนหายใจออกมาแรงๆ

“เฮ้อ… ไม่เคยเจออะไรที่หนักใจอย่างนี้มาก่อนเลยแฮะ”


ปริมพิกามานั่งเหม่ออยู่ในห้องหลังจากที่ทำงานบ้านเสร็จเรียบร้อยแล้ว เธอจะทำยัง จะหาคำพูดแบบไหนที่จะดูดีและเหมาะสมที่สุดในการที่จะขอลาออกจากที่นี่ ส่วนที่บริษัทจัดหางานนั่นเธอไม่สนใจหรอก เพราะที่เธอสนใจนั้นคือความรู้สึกของเจ้านายที่แสนดีทุกคนในบ้านหลังนี้ต่างหาก

คิดไปคิดมาพาลจะทำให้ตัวเองเครียด หญิงสาวจึงเลือกที่จะระบายให้เพื่อนรักฟัง เธอจึงตัดสินใจโทรปรึกษาสิรินกร

“มันจะยากอะไรว่ะปริม เธอก็แค่บอกว่าดิฉันขอลาออกค่ะ แค่นี้จบ… เธอก็เก็บเสื้อผ้าออกมาจากบ้านเค้าแค่นี้ก็สิ้นเรื่อง” ให้มันได้อย่างนี้สิเพื่อนฉัน ถ้าความรู้สึกเธอมันทำง่ายอย่างที่สิรินกรบอกก็ดีซิ

“บ้าเหรอย่ะนางซิน แกน่ะพูดง่ายเนอะ แต่ไม่คิดเลยว่าฉันจะทำได้หรือไม่”

“ก็ต้องทำให้ได้ซิ หรือว่าแกจะอยู่ในบ้านหลังนั้นไปตลอดห๊า…”

“มันก็ไม่ใช่ แต่ที่ฉันโทรมานี่ก็แค่อยากปรึกษาแกนะ ว่าควรใช้คำพูดไหนดี” ปริมพิกานิ่งเพื่อนั่งฟังเผื่อว่าสิรินกรให้คำตอบได้

“แกก็บอกว่าแม่ที่บ้านนอกป่วย จะต้องกลับไปดูแล”

“เฮ้ย!!! ไอ้บ้าซิน จะให้ฉันแช่งบุพการีเนี่ยนะแก เดี๋ยวนรกก็กินกบาลฉันหรอก”

“แช่งที่ไหนย่ะ แม่แกอยู่กรุงเทพฯ ที่บ้านนอกมีซะที่ไหนล่ะ” สิรินกรแย้ง

“นั่นแหละๆ ฉันก็ไม่อยากเอาพ่อเอาแม่มาเกี่ยว แค่คิดก็บรื๋ออออ..” หญิงสาวทำเสียงผวาจนคนปลายสายหัวเราะออกมาดังๆ

“ถ้างั้นปริมก็บอกว่ากลับไปช่วยแม่ทำนาซินี่ก็ใกล้นาทำนาแล้วไม่ใช่เหรอ”

“ฉันทำนาไม่เป็นนี่” ปริมพิกาเถียง

“ไอ้บ้า… ฉันหมายถึงแค่สมมุติ ก็แกบอกว่าแกเป็นลูกชาวนาไม่ใช่เหรอ แกก็ต้องเอานามาใช้ประโยชน์ให้ได้ซิ”

“อืม… “ ปริมพิกาพยักหน้ากับโทรศัพท์ของตัวเอง

“ว่าไง ความคิดฉันเป็นเลิศไหม” สิรินกรถาม

“ฉันก็บอกเปรยๆกับคุณหญิงไปแบบนี้ครั้งหนึ่งแล้วนะ แต่คุณหญิงก็ถามฉันกลับมาว่าส่งแค่เงินไปไม่ได้เหรอ แกจะให้ฉันตอบคุณหญิงว่ายังไงดี”

“ก็บอกว่าแกน่ะเป็นแรงงานสำคัญในการไถนา เอ้ย… ทำนาซิ”

“จะให้ฉันไปไถนาแทนควายเลยใช่ไหมนางซินห่ะ” ปลายสายหัวเราะอย่างถูกใจเมื่อได้ยินเพื่อนพูดแบบนั้น

“ไม่ต้องมาหัวเราะเลยนะ เจอหน้าเมื่อไหร่จะแขกกะโหลกให้หนึ่งที อย่าลืมเตือนฉันละ”

“โห… เรื่องอะไรฉันจะเตือนแกย่ะคุณหนูปริม ถ้าฉันเตือนแกฉันก็โดนแขกนะซิ ไอ้บ้า!!!!” คราวนี้เป็นปริมพิกาเป็นฝ่ายหัวเราะเพื่อนบ้าง

“อืม… เสาร์-อาทิตย์นี้ฉันว่าจะไปทะเล แกจะไปกับฉันไหม”

“เสาร์-อาทิตย์นี้เหรอ? ฉันไม่แน่ใจว่าจะว่างไหมนะเดี๋ยวให้คำตอบได้ไหม” สิรินกรบอก

“ถ้าไม่ว่างก็ไม่เป็นไรนะ ฉันกะจะโชว์เดี่ยวอยู่แล้ว จะไปแค่เพชรบุรีแค่นี้เอง” ปริมพิกากลัวว่าเพื่อนจะเกรงใจเธอจนต้องผิดนัดที่อื่นเธอจึงเลือกที่จะเบรคไว้ก่อนดีกว่า

“ถ้าฉันไม่ว่างนี่ แกอย่าลืมของฝากจากคุณแม่ๆทั้งหลายตามรายทางเพชรบุรีมาฝากกันมั่งนะ”

ปริมพิกานึกถึงร้านขายของฝากที่ขึ้นต้นด้วยคำว่าแม่… ของเมืองเพชรตามที่สิรินกรพูดแล้วอดขำคำพูดเพื่อนไม่ได้

“อืม… แล้วฉันจะแวะซื้อฝาก”

“แล้วแกจะไปยังไง” สิรินกรถาม

“ฉันกะจะขับรถไปเองนะ ใกล้ๆแค่นี้เองไม่กี่ชั่วโมงก็ถึง กะจะไปนอนซักคืนสองคืนเพื่อระบายอารมณ์” ปริมพิกาบอกเพื่อน

“ระบายอารมณ์อะไรของแกว่ะ พูดซะฉันคิดลึกเลยนะเว้ย”

“แกคิดไปถึงไหนห่ะไอ้ซินบ้า” เสียงปลายสายหัวเราะออกมาอย่างถูกใจเช่นเคย

“เออๆ หัวเราะเข้าไปเดี๋ยวได้จุกอกตายพอดี” เมื่อเพื่อนรักดูท่าว่าจะไม่ยอมหยุดหัวเราะง่ายๆ ปริมพิกาจึงแขวะเอา

นั่นแหละปลายสายจึงได้ยอมหยุดหัวเราะและหันมาพูดคุยปกติเหมือนเคย

“ดูแลตัวเองด้วยนะปริม” เสียงเพื่อนรักเปลี่ยนโหมดทันทีจนเธอตามแทบจะไม่ทัน ก็เมื่อกี้คุณเธอยังหัวเราะโปกฮาอยู่เลย แล้วจู่ๆดันมาทำเสียงอบอุ่นห่วงใยกันซะ เธอแทบจะเคลิ้ม…

“อืม ไม่ต้องบอกฉันก็ดูแลตัวเองอยู่แล้ว แกไม่ต้องห่วงน่า”

“แล้วถ้าฉันว่างฉันจะขับรถตามไปนะ”

“จ๊ะ” ปริมพิกาตอบรับ

“งั้นเดี๋ยวแค่นี้นะซิน ฉันจะต้องไปดูแลอาหารเย็นให้เจ้านายแล้วละ แล้วเจอกันนะ”

ปริมพิกากดวางสาย รู้สึกดีขึ้นมาหน่อยเมื่อได้พูดได้คุยกับเพื่อนแบบนี้ เธอยิ้มให้กับโทรศัพท์แล้ววางมันลงบนที่นอน ส่วนตัวเธอคงจะต้องไปทำหน้าที่สมหมายต่อแล้วละ…






 

Create Date : 20 มิถุนายน 2550
1 comments
Last Update : 20 มิถุนายน 2550 9:25:34 น.
Counter : 378 Pageviews.

 

ตอบเม้นท์ค้าบบบบ...

คุณ KnightWin ... ขอบคุณที่แวะมาทักทายจ้า

คุณ VEE ... ดีใจค่ะที่คุณยังคงติดตามอ่านนิยายของปาณิกดาเช่นเคย

คุณ พลอยสีชมพู ...กะว่าอีกตอนสองตอนก็จะแตกแล้วจ้า อย่าลืมติดตามน๊า แล้วอย่าลืมขยันตั้งใจเรียนด้วยละ อิอิ
ส่วนชื่อ ปาณิกดา -- ปา นิก ดา -- แปลว่า เป็นที่รักของผู้อื่นจ้า เรียกพี่ได้จ้า ยินดี๊ ยินดี และขอบคุณสำหรับกำลังใจที่มีมาให้กันเสมอๆนะจ๊ะ เทคแคร์เช่นกันจ้า...

ขอบคุณค่ะ...

 

โดย: หนึ่งเดียวในใจ 20 มิถุนายน 2550 9:30:37 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


หนึ่งเดียวในใจ
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [?]






* ฝนริน/ปาณิกดา *

ผู้หญิงที่มีอารมณ์อ่อนไหว
เหงา เศร้า หัวเราะ
ร้องไห้ได้ในเวลาเดียวกัน
(ท่าจะบ้าเนอะผู้หญิงคนนี้ เอิ๊กส์)

งานเขียนในบล็อกนี้
ขอสงวนลิขสิทธิ์
ตามพรบ.ลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537
นะคะ




**ขอขอบคุณภาพแต่งบล็อก และ โค๊ดแต่งบล็อกจากเพื่อนชาวบล็อกทุกท่านมา ณ ตรงนี้ด้วยนะคะ**
















Friends' blogs
[Add หนึ่งเดียวในใจ's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.