Group Blog
 
<<
กรกฏาคม 2550
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
293031 
 
29 กรกฏาคม 2550
 
All Blogs
 

พิสูจน์รัก...จากก้นครัว (ตอนที่ 18)


บทที่ 18
ร้านอาหาร




ปริมพิกามองร่างหนาที่นั่งบนโซฟาอยู่ตรงลอบบี้ของโรงแรม ในมือหนาๆของเขาคลี่เปิดหนังสือพิมพ์ไปเรื่อยๆ แต่พอหันมาเห็นเธอเท่านั้น เขาก็พับหนังสือพิมพ์วางไว้บนโต๊ะ แล้วลุกขึ้นยืนเต็มตัวหันมาส่งยิ้มพร้อมเดินมายังเธอ

“มานานหรือยังคะ”

“ซักครู่ได้”

เบนทิศเพ่งพิศหญิงสาวตรงหน้า วันนี้เธอแต่งกายเรียบง่ายด้วยเสื้อยืดสีขาวเข้ารูปกับกางเกงขาสามส่วน เข้ากับรองเท้าหนีบสีขาวที่เธอสวมมาด้วย หน้าใสๆที่ปราศจากเครื่องสำอางค์ทำให้หน้าบางๆของเธอดูอ่อนเยาว์ขึ้น ยิ่งเธอรวบผมขึ้นสูงเป็นหางม้าอย่างนี้ด้วย ยิ่งทำให้เธอดูเหมือนสาวแรกรุ่นทีเดียว

ร่างสองร่างที่แต่งตัวสบายๆ เดินออกจากตรงล็อบบี้ของโรงแรมไม่สามารถหลุดพ้นจากสายตาเรียวคมของดาด้าได้ วันนี้เธอนัดกับหวานใจคนใหม่เพื่อมาพักผ่อน ไม่นึกเลยว่าโลกจะกลมถึงเพียงนี้

เธออุตสาห์พยายามตัดใจจากเจ้าของร่างสูงที่เดินควบคู่ไปกับร่างบางสมส่วนได้รูปนั้นแล้วนะ แล้วทำไมโชคชะตาต้องเล่นตลกกับเธออย่างนี้ด้วย

ดาด้ารู้ว่าเขาคนนั้นไม่เคยคิดที่จะเหลียวหันมามองเธอเลยซักครั้ง ทั้งที่ผ่านมานั้นเธอทั้งตามตื้อ เอาใจสารพัด แต่เขาก็ไม่เคยคิดที่จะมองถึงสิ่งที่เธอได้มอบให้

หลังจากที่ได้อ่านข่าวเขากับปริมพิกาแล้วเธอจึงตัดสินใจแน่วแน่แล้วว่า เธอจะไม่วิ่งตามเขาอีกแล้ว หลายปีที่เธอทำเช่นนั้นมันไม่เคยเห็นผลอะไรเลย นอกจากความห่างเหินที่เขามอบให้

ดาด้ามองตามสองร่างไปด้วยความเจ็บปวดในหัวใจ แต่เธอต้องตัดใจให้ได้ แต่สีหน้าของเธอคงจะแสดงออกมากไป ทำให้ชายหนุ่มที่กำลังเดินมาถึง ถึงกับต้องถามด้วยความเป็นห่วง

“คุณด้า เป็นอะไรหรือเปล่า ดูสีหน้าไม่ค่อยดีเลยนะครับ”
ดาด้าหันไปฝืนยิ้มให้กับอีกฝ่ายพร้อมส่ายหน้าช้าๆ

“ไม่เป็นไรค่ะ เราไปกันเถอะ” แขนหนาๆของชายหนุ่มร่างสูงเอื้อมมากอดเอวเธอกระชับเพื่อดันให้เธอเดินคู่ไปกับเขา แต่ดาด้ายังคงหันไปมองตามสองร่างที่กำลังจะลับออกไปจากตัวโรงแรมแห่งนี้

เธอต้องตัดใจจากเบนทิศให้ได้เธอสัญญา… ดาด้าให้คำมั่นกับตัวเองแล้วหันไปส่งยิ้มให้กับคนรักคนใหม่ด้วยรอยยิ้มที่สดใสกว่าเดิม เธอเชื่อว่าเขาคนนี้รักเธอ ฉะนั้นเธอจะต้องทำใจให้รักเขาตอบให้ได้ หลังจากที่เธอเคยปฏิเสธเขามาหลายครั้งแล้ว…


เบนทิศกับปริมพิกาเดินทอดน่องกันไปตามชายหาดยาวสุดลูกหูลูกตา แสงตะวันค่อยๆลับลงจากขอบฟ้า แต่เหมือนว่าทั้งคู่จะไม่สนใจ เขาและเธอยังคงค่อยๆเดินเลียบชายหาดกันไปเรื่อยๆ

“คุณมาเที่ยวแบบนี้บ่อยไหมคะ?” หญิงสาวเอ่ยเพื่อทำลายความเงียบ

“แบบไหนครับ”

“ก็คนเดียวแบบนี้น่ะคะ” ชายหนุ่มส่ายหน้าเป็นคำตอบ

“น้อยครั้งมาก แต่ว่ามาคราวนี้รู้สึกว่าผมจะโชคดีเป็นพิเศษ” เขายังคงเดินไปเรื่อยๆ พูดคุยกันไปแต่ไม่ยอมหันมาสบตากับเธอเลยสักครั้ง

หญิงสาวได้แต่มองเสี้ยวข้างของใบหน้าของเขา

“ทำไมคุณถึงคิดเช่นนั้นคะ” เอาน่ายัยปริมถึงแม้จะรู้รางๆแล้วว่าสิ่งที่เขาคิดว่าโชคดีนั้นก็คือเธอ แต่ก็ยังอยากรู้จากปากของเขาอยู่ดีนั่นแหละ ปริมพิกาพยายามตั้งใจฟังคำตอบจากเขาแต่ว่า….

“วันนี้คุณอยากทานอะไรเป็นพิเศษหรือเปล่า อยากทานอาหารทะเลไหม” เขาเปลี่ยนเรื่องทันที เฮ้อ… อดรู้เลยแฮะแต่ไม่เป็นไรอย่างน้อยหน้าที่เคยแก๊กขรึมของเขาก็มีรอยยิ้มมาให้เธอตลอดแบบนี้เธอไม่ขออะไรอีกแล้ว หญิงสาวทำท่าครุ่นคิดนิดหนึ่งก่อนตอบเขาไป

“อืม… ปริมว่ามาทะเลก็ต้องทานอาหารทะเลซิเนอะ”

“เอ… แถวนี้มีร้านไหนอร่อยบ้างละครับ คุณพอจะรู้ไหม”
ปริมพิกาคิดถึงร้านอาหารที่เธอชอบไปนั่งทานทุกครั้งที่มาพักผ่อนที่นี่ และร้านนั้นยังเป็นร้านของเพื่อนสนิทของเธอด้วย หญิงสาวจึงไม่ลังเลที่จะเสนอชื่อร้านของเพื่อนเธอให้เขารู้จัก

“มีอยู่ร้านหนึ่งนะคะ ที่ปริมการันตีได้เลยว่าทั้งรสชาด ทั้งบรรยากาศสุดยอดมาก”

ชายหนุ่มพยักหน้ารับ “แล้วร้านนั้นอยู่แถวไหนละครับ”

“ไม่ไกลค่ะเดินไปอีกหน่อยก็ถึงแล้ว”


แสงตะวันลับขอบฟ้าไปแล้ว คงมีแต่แสงจากแสงไฟเข้ามาแทนที่ ไม่นานนักทั้งคู่ก็มาถึงร้านที่เป็นจุดหมาย ปริมพิกาเดินนำเขาเข้าไปยังข้างในร้านซึ่งคราครั่งไปด้วยนักชิม ทุกโต๊ะแทบจะไม่มีที่ว่างสำหรับคนทั้งคู่ หญิงสาวหันมามองหน้าเขานิดหนึ่งเพื่อขอความเห็นว่าจะเอายังไงดี จะเปลี่ยนร้านดีไหม และเบนทิศคงจะรู้ถึงความหมายของสายตานั้นเป็นอย่างดี เขาจึงเอ่ยออกมา

“ผมว่าถ้าไม่ว่างก็ไปหาร้านอื่นก็ได้” ปริมพิกาทำตาละห้อยเหมือนไม่อยากจากร้านนี้ไป หญิงสาวพยายามมองหาร่างของเพื่อนที่เป็นเจ้าของร้าน แต่เธอคิดว่า… เพื่อนเธอคงจะไม่มีเวลาออกมาหน้าร้านหรอกมั้ง ก็ลูกค้าเต็มร้านขนาดนี้เจ้าของร้านคงจะวุ่นๆช่วยเป็นลูกมือในครัวแน่ๆ ทั้งที่จริงแล้วเธออยากเจอเพื่อนด้วยเหมือนกัน แต่ไว้คราวหลังก็ได้

หญิงสาวหันมาพยักหน้าให้กับคนที่ยืนข้างๆ “ก็ได้ค่ะ”

“คุณหิวหรือยัง” เขาหันมาถามอย่างเป็นห่วงในขณะที่เดินออกมาจากร้านนั้น

หญิงสาวส่ายหน้าปฏิเสธ “ไม่ค่ะ” พร้อมยิ้มหวานๆให้เขาไปด้วย

“ร้านเพื่อนคุณนี่ขายดีจัง บรรยากาศก็ดี มิน่าลูกค้าเต็มร้านเลย วันนี้ไม่มีที่ว่างสำหรับเราแต่คราวหลังเรามาอุดหนุนชิมความอร่อยกันนะครับ”

“อืม” หญิงสาวพยักหน้ารับ

“แล้วค่ำนี้เราจะทานร้านไหนกันดีละคะ” เธอหันมาขอความเห็นกับเขาอีกรอบ

ชายหนุ่มทำท่าครุ่นคิด “ผมว่าเราหาร้านที่ใกล้ๆแถวนี้นี่แหละจะได้ไม่ไกลจากที่พักด้วย”

“เอาอย่างนี้ไหมคะ มีอีกร้านหนึ่งที่ปริมชอบเหมือนกัน ไม่ไกลจากนี้ด้วย เดินไปไม่ถึงห้านาทีก็ถึง”

อีกฝ่ายพยักหน้ารับ แล้วเดินตามร่างบางๆของเธอไปติดๆ คนที่เดินนำหน้าไปคงจะไม่ทันสังเกตก้อนหินที่ขวางทางอยู่จึงทำให้ขาเรียวยาวของเธอสะดุดไปกับก้อนหินก้อนนั้นจนตัวแทบคะมำ ดีที่มีมือยาวๆของเขามารวบเอวเธอไว้ทัน จึงทำให้เธอไม่ล้มลงไปก้นกระแทกพื้น ไม่งั้นมีหวังก้นจ้ำแน่นอนเลย

“อุ้ย ! “ หญิงสาวร้องอุทานเบาๆเมื่อเขารวบเอวตัวเองไว้

“เป็นอะไรหรือเปล่า” เขาเอ่ยถามเสียงนุ่ม เธอรีบส่ายหน้าปฏิเสธทันที หน้าร้อนผ่าวขึ้นมาอย่างห้ามไม่อยู่เมื่อหน้าคมเข้มของเขาห่างจากหน้าของเธอไม่ถึงคืบ

ลมหายใจที่รดเป่าจากปลายจมูกคมๆนั้น ทำให้หัวใจเธอเต้นไม่เป็นจังหวะ ตาประสานตาเหมือนต่างคนต่างค้นคว้ากันและกัน ปริมพิกาตะลึงไปชั่วครู่ก่อนที่จะเรียกสติกลับคืนมาได้ แล้วรีบผละตัวออกจากอ้อมแขนของเขาทันที
“เอ่อ… ขอบคุณค่ะ” เธอกล่าวเสียงตะกุกตะกัก

“เจ็บตรงไหนหรือเปล่า” เขาถามอีกรอบเพื่อให้แน่ใจว่าเธอไม่ได้เป็นอะไรจริงๆ

ถึงแม้ว่าตัวเองจะรู้สึกเจ็บที่ฝ่าเท้าเพราะดันไปเหยียบกับเจ้าก้อนหินเต็มฝ่าเท้าเลย แต่ก็ยังขืนใจตอบเขาไปว่าตัวเองไม่เป็นไร

“ไปกันเถอะค่ะ ปริมไม่เป็นไรจริงๆ”

และก่อนที่เธอจะทันตั้งตัวมือใหญ่ๆของเขาก็คว้าเอาข้อมือของเธอไปกุมไว้ และดึงให้เธอเดินตามไปด้วย คนตัวใหญ่ข้างหน้าเดินนำเธอไปโดยไม่พูดอะไร หญิงสาวจึงได้แต่ปล่อยให้เขาลากไปอย่างนั้นโดยไม่พูดอะไรเช่นกัน

เธอรู้ดีว่าที่เขาจูงมือเธอนั้นคงจะกลัวว่าเธอพลาดไปสะดุดเข้ากับอะไรอีกแน่ๆ เมื่อคิดเช่นนั้นก็ได้แต่อมยิ้มอยู่คนเดียว

ผู้ชายคนนี้น่ารักกว่าที่เธอคิดไว้เยอะเลยทีเดียว…


“ร้านที่คุณว่าอยู่ตรงไหนนะ” เขาหันมาถามคนที่ก้มหน้าเดินงุดๆอยู่ข้างๆ

“นั่นไงค่ะ” หญิงสาวชี้ให้เขาดูร้านอาหารที่เธอกล่าวถึง ทั้งแสงไฟทั้งเสียงเพลงที่ทางร้านเปิดคลอเบาๆทำให้บรรยากาศภายในร้านดูโรแมนติคจริงๆ

เบนทิศก้าวเข้าไปในร้านทั้งที่ยังไม่ยอมปล่อยมือบางให้เป็นอิสระ เขาพาเธอเดินไปยังโต๊ะที่ตั้งอยู่นอกตัวร้านซึ่งรอบๆนั้นประดับไปด้วยแสงไฟสีสลัวๆ หญิงสาวมองเลิ่กลั่กไปรอบตัวร้าน ด้านในมีเวทีเล็กๆมีเครื่องดนตรีอยู่สองสามชนิด ลูกค้ายังคงเต็มร้านเหมือนเช่นร้านอื่นๆ แต่ดีหน่อยที่ร้านนี้ยังมีที่ว่างสำหรับเธอกับเขา

เมื่อถึงโต๊ะแล้ว เบนทิศปล่อยมือบางให้เป็นอิสระเพื่อเลื่อนเก้าอี้ให้กับเธอ

“ขอบคุณค่ะ” ปริมพิกาเอ่ยขอบคุณเบาๆก่อนหย่อนตัวลงนั่งยังเก้าอี้ที่เขาลากออกมาให้ ส่วนอีกฝ่ายเดินอ้อมไปนั่งอีกด้านของโต๊ะ

“คุณว่าร้านนี้เป็นไงบ้างคะ” เธอเอ่ยถามเขาหลังจากที่อีกฝ่ายได้นั่งลงเรียบร้อยแล้ว

สายตาคมๆมองพิจารณารอบๆตัวร้าน

“ผมว่าบรรยากาศดีนะ การจัดร้านก็ใช้ได้” เขาหันมายิ้มให้กับคนถามก่อนจะถามกลับ

“แล้วคุณอยากทานอะไร?” เขาหันไปขอเมนูจากพนักงานที่ยืนรอให้บริการอยู่ก่อนแล้ว พนักงานเดินมาค้อมตัวให้พร้อมส่งเมนูให้กับชายหนุ่ม แล้วถอยไปยืนรอเพื่อให้เขาและเธอได้เลือกเมนูได้อย่างเป็นส่วนตัว

ปริมพิกาหยิบเมนูมาพิจารณาก่อนที่จะเลือกเมนูอาหารสองสามอย่างตามที่ตัวเองต้องการแล้วส่งเมนูต่อไปยังเขาเพื่อให้อีกฝ่ายได้เลือกบ้าง

“ผมว่าให้คุณสั่งดีกว่าเพราะผมไม่ถนัดด้านนี้” เขายิ้มกว้างมาให้ ปริมพิกาส่งค้อนน้อยๆไปให้คนที่ยิ้มกว้างนั่นก่อนจะหันไปกวักมือเรียกพนักงาน

“คุณแน่ใจนะว่าให้ปริมเลือกทุกอย่าง” เขาพยักหน้ารับ

“แน่ใจนะว่าจะทานที่ปริมสั่งมาได้” เขาพยักหน้ารับอีกรอบ

“แล้วแน่ใจนะว่า… “ ก่อนที่เธอจะพูดอะไรเขาก็แทรกขึ้นมาซะก่อน

“ผมแน่ใจครับคุณผู้หญิง” เขาค้อมหัวอย่างล้อๆ ปริมพิกาเผลอทำแก้มป่องๆอย่างเคยชิน เธอตวัดค้อนให้เขาอย่างอดไม่ได้ ก่อนหันไปส่งยิ้มและสั่งอาหารกับพนักงานที่มายืนรออยู่แล้ว


ในระหว่างที่รออาหารอยู่นั้น เสียงเพลงที่เธอโปรดก็ดังขึ้นหญิงสาวอดไม่ได้ที่คลอตามเสียงเพลงนั้นแล้วโยกหัวตามจังหวะเพลงไปเรื่อยๆ จนคนที่นั่งตรงข้ามเท้าคางแล้วเคาะมือตามจังหวะเพลงตามเธอไปด้วย

“คุณเชื่อไหมว่าเพลงนี้นะปริมโปรดมากเลยละ”

“ก็คงจะเป็นอย่างนั้น ผมเห็นคุณร้องตามตั้งแต่เพลงเริ่มแล้ว”

“ความหมายดีนะคุณว่าไหม” เขาพยักหน้าเห็นด้วย

“ผมก็ชอบ” และก็ชอบเสียงคุณเวลาที่ร้องเพลงด้วย ประโยคหลังเขาได้แต่ต่อในใจ

ใช่… เวลาที่เธอร้องเพลงทั้งสีหน้าแววตาบวกกับความเป็นธรรมชาติของเธอทำให้เขาอดที่จะมองอย่างหลงไหลไม่ได้ ศีรษะเล็กได้รูปโยกไปมาตามจังหวะเพลง ปากที่ร้องและยิ้มไปพร้อมๆกัน ทำให้เธอดูมีเสน่ห์มากขึ้น
ไม่นานเสียงเพลงที่ทางร้านเปิดก็ดับไป หญิงสาวทำหน้าผิดหวังอย่างเห็นได้ชัด

“ว้า… ทำไมเค้าต้องปิดเพลงด้วยนะ ปริมว่าเปิดคลอไปอย่างนี้เรื่อยๆดีออกเนอะ” เธอหันมาขอความเห็นจากเขาเช่นเคย อีกฝ่ายได้แต่ส่งยิ้มอ่อนๆให้แทนคำตอบ

หญิงสาวมองเข้าไปยังเวทีที่มีเครื่องดนตรีอยู่สองสามตัวนั่น ตอนนี้มีนักดนตรีเข้าประจำเครื่องเรียบร้อยแล้ว อ๋อ.. ที่เขาปิดเพลงก็คงจะมีการร้องสดแทนละมั้ง หญิงสาวคิด…

“ต่อไปเป็นช่วงของนักร้องที่จะขึ้นมาขับกล่อมเพลงให้กับทุกท่านได้ฟังกันนะคะ และถ้าท่านไหนอยากขึ้นมามีส่วนร่วมในการร้องก็เชิญบนเวทีได้นะคะ” เมื่อได้ยินเช่นนั้นปริมพิการีบหันมาส่งยิ้มให้กับอีกฝ่ายทันที

เธอเป็นเจ้าแม่คาราโอเกะอยู่แล้ว วันนี้ขอขึ้นร้องซักเพลงดีกว่า

“อย่าบอกนะว่าคุณจะขึ้นไปร้อง” เบนทิศพูดดักอย่างรู้ทัน หญิงสาวยิ้มรับทันที

“ทนๆฟังหน่อยนะคะ” เธอยิ้มจนตาหยีอีกรอบ


ร่างบางได้รูปเดินขึ้นบนเวทีอย่างมั่นใจ เธอนั่งลงบนเก้าอี้บนนั้นก่อนจัดตัวเองซักครู่ แล้วหันไปพูดอะไรบางอย่างกับนักดนตรี ไม่นานเสียงดนตรีก็ดังขึ้น พร้อมเสียงใสๆของคนตัวเล็กตามมาด้วย เสียงปรบมือจากลูกค้าภายในร้านดังขึ้นเมื่อเสียงใสๆร้องขึ้น ปริมพิกาค้อมศีรษะเพื่อเป็นการขอบคุณ

เบนทิศอดไม่ได้ที่จะโยกหัวไปตามจังหวะเพลง เมื่อเธอหันมามองเขาก็ยกนิ้วโป้งให้เพื่อบอกว่าเสียงที่เธอร้องนั้นยอดเยี่ยม คนบนเวทียกนิ้วโป้งตอบกลับมา

ชายหนุ่มเท้าคางมองคนบนเวทีอย่างเพลิดเพลิน นี่คงเป็นอีกมุมหนึ่งของเธอที่เขาเพิ่งรู้จัก ประกายในดวงตาของเธอเพิ่มความสดใสให้กับเจ้าตัวมาก ท่าทางที่เป็นธรรมชาติไม่มีการขัดเขินเวลาเธอโดดเด่นอยู่บนเวทีทำเธอดูสง่าน่ารัก
เอ… ดูท่าวันนี้เขาจะแอบชื่นชมเธอมากไปหรือเปล่านะ แต่เขาคิดอย่างนั้นจริงๆนะ

“อ้าว… ทำไมไม่ทานก่อนละคะ” เมื่อเธอลงจากเวทีหลังจากร้องเพลงจบแล้ว เมื่อมาถึงโต๊ะอาหารบนโต๊ะยังไม่พร่องเลย จึงเอ่ยถามเขา

“ผมรอคุณ”

“หิวแย่เลยซิเนี่ย ปริมก็แย่จังมัวแต่สนใจแต่ร้องเพลง” หญิงสาวทำหน้าสำนึกผิด

“คุณร้องเพราะออกนะ ผมชอบจัง” เขาเอ่ยชมมาตรงๆจนคนถูกชมอดหน้าแดงไม่ได้

“แหะๆ คุณบีก็ ชมปริมเกินไปแล้ว ทานข้าวกันดีกว่านะ” เธอรีบเปลี่ยนเรื่องทันที จนคนที่นั่งตรงข้ามส่ายหัวให้อย่างยิ้มๆ

“ทานข้าวเสร็จเราไปเดินเล่นกันนะ” เขาชวนในระหว่างที่ทานข้าวกันไป

“ค่ะ”

“พรุ่งนี้ไปดำน้ำดูปะการังกันไหม”

“ค่ะ”

ปริมพิกาอมยิ้มให้กับคำชวนต่างๆของอีกฝ่าย จะให้เธอปฏิเสธคำชวนเหล่านี้ได้ยังไงกันเล่า ก็ใจจริงแล้วเธอก็อยากจะเป็นคนเอ่ยชวนเขาเหมือนกัน แต่การที่เป็นผู้หญิงคงไม่เป็นการสมควร แต่ในเมื่อเขาเป็นฝ่ายชวนก่อนเธอจึงไม่ลังเลที่จะตอบรับ

ความอบอุ่น ความอ่อนหวานกำลังก่อตัวอยู่ในหัวใจของคนทั้งคู่อย่างเงียบๆ







 

Create Date : 29 กรกฎาคม 2550
3 comments
Last Update : 29 กรกฎาคม 2550 8:55:17 น.
Counter : 405 Pageviews.

 

ต้องขอโทษนะคะ ช่วงนี้ไม่ได้เข้ามาอัพนิยายเลย
แหะๆ ขอแก้ตัวเหมือนใครๆเค้าใช้กันเลยนะคะว่า
ช่วงนี้งานยุ่งมากๆเลย แต่สัญญาค่ะว่า หลังวันที่ 22 ก.ค.นี้จะรีบมาอัพให้นะคะ ...

คุณ พลอยสีชมพู... ขอบคุณสำหรับคอมเม้นท์ พี่ไม่โกรธจ้า ดีซ๊าอีกพี่จะได้เอาไปปรับปรุง อืม ตอนนี้พี่อ่านก็ยังงงๆตัวเองเหมือนกัน แต่ขอแก้ไขตอนที่อีดิทเลยแล้วกันน๊า... ขยันตั้งใจเรียนนะจ๊ะ แล้วเจอกันจ้า

พี่สาว... ขอบคุณที่สนใจในงานเขียนนะคะ ส่วนรหัสก็ส่งเมล์ไปให้แล้วเนอะไม่รู้ว่าอ่านแล้วเป็นไงบ้าง ขอให้สนุกนะคะ

หลังวันที่ 22 นี้เจอกันแน่นอนจ้า...



โดย: ปาณิกดา... IP: 61.19.65.198 วันที่: 15 กรกฎาคม 2550 เวลา:8:42:56 น.

 

โดย: หนึ่งเดียวในใจ 29 กรกฎาคม 2550 8:53:21 น.  

 

ในที่สุดก็มาอัพสักทีน่ะค่ะหลังจากที่ทำให้หนูรอมานาน(แอบบ่น หุหุ)หนูอ่านแล้วรู้สึกว่าบางประโยคมันแปลกๆหนูก็เลยลองปรับให้พี่ปาณิกดาไม่โกรธน่ะค่ะ"“ทำไมคุณถึงคิดเช่นนั้นคะ”>>น่าจะเป็น"ทำไมคุณถึงคิดอย่างนั้นหล่ะค่ะ"
“คุณเชื่อไหมว่าเพลงนี้นะปริมโปรดมากเลยละ” >>>น่าจะเป็น"คุณเชื่อไหมค่ะว่าเพลงนี้ปริมชอบมากเลยหล่ะ"ลองดูน่ะค่ะ ส่วนตรงอื่นอ่านแล้วก็ลื่นดี แต่หนูรู้สึกว่ามันน่าจะรวบรัดกว่านี้หน่อยน่ะค่ะเพราะปาเข้ามาถึง18ตอนแล้วยังไม่มีใครสงสัยเลยนี่...รู้สึกเหมือนชีวิตมันขาดรสชาติ(คือแบบว่าอยากเห็นพระเอกกะนางเอก ชิงไหวชิงพริบกันน่ะค่ะ)พอดีว่าช่วงนี้สอบเสร็จแล้วก็เลยมีเวลามากขึ้น(หรือเปล่า)ยังไงก็พยายามต่อไปน่ะค่ะ จะเป็นกำลังใจให้น่ะจ๊ะพี่สาว byeจ้า......

 

โดย: พลอยสีชมพู IP: 125.27.112.144 29 กรกฎาคม 2550 10:02:05 น.  

 

รอนานมากเลย แต่ไม่เป็นไร ยังไงก็มาอัพแล้ว เพราะถึงยังไงก็จะติดตามต่อไปค่ะ

 

โดย: ammy IP: 124.180.144.20 29 กรกฎาคม 2550 16:36:53 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


หนึ่งเดียวในใจ
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [?]






* ฝนริน/ปาณิกดา *

ผู้หญิงที่มีอารมณ์อ่อนไหว
เหงา เศร้า หัวเราะ
ร้องไห้ได้ในเวลาเดียวกัน
(ท่าจะบ้าเนอะผู้หญิงคนนี้ เอิ๊กส์)

งานเขียนในบล็อกนี้
ขอสงวนลิขสิทธิ์
ตามพรบ.ลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537
นะคะ




**ขอขอบคุณภาพแต่งบล็อก และ โค๊ดแต่งบล็อกจากเพื่อนชาวบล็อกทุกท่านมา ณ ตรงนี้ด้วยนะคะ**
















Friends' blogs
[Add หนึ่งเดียวในใจ's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.