Group Blog
 
<<
สิงหาคม 2550
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
262728293031 
 
23 สิงหาคม 2550
 
All Blogs
 

พิสูจน์รัก... จากก้นครัว (ตอนที่ 21)




บทที่ 21
แล้วตกลงใครงอนใครกันแน่เนี่ย




ปริมพิกาหันควับไปมองคนขับอย่างตื่นๆเมื่อเห็นว่าเขาเลี้ยวรถเข้าห้างสรรพสินค้าชื่อดัง แทนการไปส่งเธอที่บ้านของสิรินกรตามที่ได้ตกลงกันไว้

“คุณบี คุณเลี้ยวเข้ามาในนื้ทำไม”

“ผมหิว” เขาตอบหน้าตาย

“ทานข้าวกันก่อนนะ เมื่อเช้าผมเห็นว่าคุณยังไม่ได้ทานอะไรเลยนี่นา” หญิงสาวส่ายหัวปฏิเสธทันที

“ฉันยังไม่หิว นะคะไปส่งฉันที่บ้านยัยซินเถอะฉันจะได้เปลี่ยนเสื้อผ้าและอาบน้ำเช็ดเครื่องสำอางค์นี้ซักที” เบนทิศไม่ฟังคำขอของเธอ เขายังคงหักพวงมาลัยไปเรื่อยๆทั้งที่สายตาก็สอดส่องเพื่อหาที่จอด

“คุณไม่หิว แต่ผมหิวนี่ น่าคุณ…ผมไม่ให้คุณจ่ายหรอกน่า” ปริมพิกาทำแก้มป่องๆอย่างแสนงอนที่เขาไม่ยอมทำตามที่เธอบอก

“เฮ้อ!!…หาที่จอดได้ซักที ทำไมวันนี้คนเยอะนักนะคุณว่าไหม” เมื่อจอดรถสนิทแล้ว เขาจึงหันมาถามเธอ แต่ภาพที่เขาเจอนั้นคือ….

หญิงสาวกอดอกทำหน้าหงิกงอ เหล่สายตาดูเขานิดหนึ่งอย่างขัดใจ

“น่าคุณ แป๊บเดียวเอง รับรอง… ผมเป็นคนกินเร็วอยู่แล้ว” เบนทิศวิ่งไปฝั่งตรงข้ามของรถเพื่อเปิดประตูให้กับเธอ

“ไม่เอา ฉันไม่ลง ถ้าคุณหิวก็ไปกินคนเดียวฉันจะนั่งรอในรถ”

“ได้ไงเล่า เร็วๆลงมา” เขาดึงคนที่ยังขืนตัวเพื่อไม่ให้เขาลากได้ง่ายๆนัก

เมื่อเห็นว่าเขาไม่ยอมรามือง่ายๆ เธอจึงยอมเอ่ยในสิ่งที่เป็นสาเหตุให้เธอไม่อยากไปนั่งกินข้าวกับเขาสองต่อสอง โธ่… คุณขา ก็ตอนนี้น่ะเธอยังอยู่ในคราบสมหมาย ก่อเกิดอยู่นี่นา ถ้าเกิดไปนั่งกินข้าวกับพ่อหนุ่มรูปหล่อราวเทพบุตรอย่างเขาในห้างหรูๆใจกลางเมืองแบบนี้ มันก็ต้องอายกันบ้างเป็นธรรมดานะซิ…

“ฉันอาย..” เธอพูดไม่เต็มเสียงนัก

“คุณว่าอะไรนะ” เบนทิศแกล้งทำเป็นไม่ได้ยิน

“ฉันบอกว่า…ฉันอาย ได้ยินไหม?” เธอตะโกนเน้นทีละคำกรอกหูเขา

เบนทิศทำท่าแคะขี้หู “อยู่ใกล้กันแค่นี้ทำไมต้องตะโกนด้วยเล่า”

“ก็คุณบอกเองนี่นาว่าไม่ได้ยิน ฉันเลยสงเคราะห์เสียงให้นะซิ” ชายหนุ่มหัวเราะอย่างอารมณ์ดี

“คุณอาย แต่ผมไม่อายนี่” ปริมพิกาก้าวขาลงจากรถทีละน้อยอย่างช้าๆ เหมือนกับจะถ่วงเวลาไว้ ทั้งที่รู้อยู่เต็มอกว่ายังไงเธอคงจะปฏิเสธเขาไม่ได้อยู่ดี หญิงสาวก้มมองสภาพตัวเองอย่างอนาถใจยิ่งนัก เฮ้อ… ออกเดทกันครั้งแรก (หุ หุ เอางั้นเลยเหรอยัยปริม !! ) ก็มาในสภาพที่เหลืออดเหลือทนจริงๆ

“ทีเมื่อก่อนไม่เห็นอายเลย ทีอย่างนี้มาทำเป็นอาย” เขาต่อว่าเธอทันที

“ก็ตอนนั้นฉันมาในฐานะคนใช้นี่นา มาทีไรก็ได้แค่ช่วยคุณผู้หญิงถือของ” เธอเถียงกลับ

“ไม่เคยมานั่งกินของหรูๆแพงๆในสภาพนี้มาก่อนนี่นา” เธอบ่นอุบอยู่คนเดียว


เบนทิศลากแขนบางให้เดินตามเข้าไปข้างใน แต่ทำได้ไม่ง่ายนักในเมื่อเจ้าของแขนไม่ยอมให้ความร่วมมือเท่าไหร่นัก ร่างบางยังคงขืนตัวเองไว้อย่างสุดความสามารถ

“เอ่อ.. คุณบีค่ะ ปริมว่า” เบนทิศหันมาเลิกคิ้วเป็นเชิงถามว่าเธอจะพูดว่าอะไร

“ว่า”

“ปริมว่า… ให้ปริมโทรหายัยซินกับยัยมุกให้เอาเสื้อผ้ากับครีมล้างเครื่องสำอางค์มาให้ก่อนดีกว่ามั้ยค่ะ แล้วเราค่อยไปหาอะไรอร่อยๆทานกัน นะคะ” เธอพยายามทำเสียงอ้อนออดเพื่อขอร้องให้เขาเห็นใจ

เบนทิศกลั้นหัวเราะแทบแย่เพื่อไม่ให้ตัวเองหลุดหัวเราะออกมา เมื่อเห็นสายตาอ้อนๆของเธอที่เจ้าตัวคงจะปั้นมันเพื่อเรียกร้องความสงสารจากเขาเต็มที่ แต่… ไม่ได้ผลหรอกคุณปริมที่รัก

“ผมว่าไม่ดีหรอก”

เธอคิดผิดหรือเปล่านะที่ยอมรับอีตาบ้านี่เป็นแฟน ดูซิ… ไม่เคยจะตามใจเธอเลยซักครั้ง แถมมีแต่จะคอยดัก คอยขัดใจเธออยู่เรื่อยเชียว

ช่วงเอาคืนวิธีที่สองของเขา… คือการที่จะให้เธอปรากฏกายในสภาพสมหมายต่อสายตาผู้คน ดูซิว่าเจ้าตัวจะมีอาการเช่นไร สมน้ำหน้า… อยากใช้คราบนี้หลอกเขามานาน เขาก็จะให้เธอได้ใช้มันอย่างคุ้มค่าก่อนที่เธอจะสลัดคราบนี้ออกไปชั่วชีวิต

“เร็วๆซิคุณ ผมหิวแล้วนะ” เขาลากแขนเธอแรงๆโดยไม่สนใจอาการกระเง้ากระงอดนั้น เมื่อเห็นว่าทุกอย่างที่พยายามไปจะไร้ผล ปริมพิกาเหมือนนึกอะไรแผลงๆออก จึงยิ้มออกมาอย่างที่ถ้าคนตัวใหญ่ข้างหน้าหันมาเห็นละก็… ผวาแน่ๆ


สายตาทุกคู่ที่อยู่ในร้านอาหารสุดหรูที่ตั้งอยู่ใจกลางห้างสรรพสินค้าชั้นนำต่างมองมายังคู่หนุ่มสาวที่เดินเข้ามาใหม่ เสียงซุบซิบนินทาเหล่านั้นทำให้หญิงสาวที่ตั้งเดินซบหัวเล็กๆที่ปกคลุมด้วยเส้นผมยาวสลวยรวบไว้เป็นหางม้าข้างหลังอย่างลวกๆอมยิ้มอย่างถูกใจที่ตนสามารถเอาคืนคนข้างๆได้

เบนทิศแอบกลืนน้ำลายลงคออย่างฝืดๆ เมื่อได้ยินคำซุบซิบ

“ดูซิเธอ ผู้ชายอะไรรสนิยมไม่ได้เรื่องเอาซะเลย ให้ตายซิ “

“นั่นซิ… ถ้าเป็นฉันนะคงไม่กล้าควงในที่สาธารณะแบบนี้แน่ๆ”

เมื่อได้ยินคำเหล่านั้น ปริมพิกาก็ยิ่งได้ใจ เธอหันไปส่งยิ้มหวานๆให้กับสองสาวที่หุบปากทันทีเมื่อเจ้าของเรื่องที่ตนกำลังนินทาหันมายักคิ้วพร้อมกับส่งยิ้มหวานมากให้

“ที่รักค่ะ ไหนว่าหิวละคะทำไมไม่สั่งอะไรละ” ปริมพิกาตั้งใจพูดเสียงดังๆ

“ถ้าคุณไม่สั่ง เดี๋ยวสมหมายสั่งให้เลยแล้วกันน๊า” พูดพร้อมหันไปขอเมนูจากบริกรที่ยืนบริการอยู่ใกล้ๆ

“ต๊ายยยยย ชื่อกับหน้าตาเข้ากั๊น เข้ากันนะเธอ” เสียงหัวเราะคิกคักของสองสาวโต๊ะข้างๆทำให้คนที่ตั้งใจจะแกล้งแต่เป็นฝ่ายถูกเอาคืนนั่งนิ่ง เงียบ ไม่พูดไม่จา
เมื่อเห็นเขานิ่งเธอก็ยิ่งแกล้ง ให้รู้ฤทธิ์ซะบ้าง กะจะแกล้งเธอใช่ไหม?… เป็นไงล่ะโดนย้อนรอยคืนกลับทำนิ่งเชียวนะ

ปริมพิกายังคงพะเน้าพะนอคลอเคลียอยู่ข้างๆเขา เธอกางเมนูแล้วกระเถิบชิดจนศีรษะได้รูปแทบจะเกยอยู่บนไหล่กว้างๆนั้น

“ทำไมเงียบละคะที่รัก อายเหรอ?” เธอกระซิบให้ได้ยินกันแค่สองคน

“คุณนี่นะแสบจริงๆ” เขาหัวเราะหึๆเมื่อได้ยินคำถามของเธอ รู้ทันทีว่าตัวเองโดนเอาคืนซะแล้ว

ปริมพิกาส่งยิ้มเจ้าเล่ห์ให้เขา “ไหนว่าไม่อายละคะ”

ใช่… ตอนแรกเขาคิดว่าจะทำให้คนตรงหน้าเขาอาย แต่ที่ไหนได้กลับเป็นเขาเองที่อายเมื่อโดนเธอเอาคืนชนิดที่ตั้งตัวไม่ติดเลยทีเดียวเชียวล่ะ

“ผมว่า… คุณโทรให้เพื่อนคุณเอาชุดกับครีมล้างเครื่องสำอางค์มาให้เถอะนะ”
ปริมพิกาหัวเราะถูกใจเมื่อได้ยินคำนี้จากปากหนาๆ

“ไม่ดีกว่า ตอนนี้ปริมกำลังสนุกอยู่เลย”

“แต่ผมชักไม่สนุกแล้วนะคุณ” เขามองไปรอบๆ สายตาทุกคู่ยังคงจับจ้องมายังเขาและก็คนที่นั่งยิ้มหน้าระรื่นอยู่ขณะนี้

“อะฮ้า… “ ปริมพิกาทำตาโต

“ผมไม่ได้อายนะ แต่ผมไม่ชอบสายตาเหล่านั้นเลยให้ตายซิ” เขาบ่น

“เอาน่า… คุณบอกเองไม่ใช่เหรอว่าหิว ปริมว่าสั่งอาหารมาเลยดีกว่านะ” เธอส่งเมนูให้กับเขา ชายหนุ่มหยิบมาเปิดเลือกส่งๆไป ตอนนี้อะไรก็กินได้ทั้งนั้นขอแต่ให้ได้ออกไปจากสายตานับร้อยคู่นี้ซักทีเถอะ

ปริมพิกาอมยิ้มเมื่อเห็นอาการเหล่านั้น….


“คุณตั้งใจแกล้งผมนี่นา” เขาเอ่ยงอนๆเมื่อเดินออกมาจากร้านอาหารเรียบร้อยแล้ว

“แล้วใครให้คุณแกล้งปริมก่อนละ”

“ผมไม่ได้แกล้งซักหน่อย” เขาบ่นอุบ

“เช๊อะ… นี่นะที่เขาเรียกว่าไม่ได้แกล้ง โธ่… คุณบีเจ้าขาขนาดเด็กอมมือยังรู้เลย”
เขายังคงทำหน้าบึ้งตึงเช่นเคย

“ถือว่าเจ๊ากัน โอเค๊?” เธอพยายามง้อ แต่ไม่รู้จะง้อยังไงนี่ซิ เกิดมายังไม่เคยง้อใครเลยซักคน ยิ่งเมื่อคนตัวใหญ่อย่างเขางอนนี่มันน่าดูเสียเมื่อไหร่กันเล่า

“เอาน่าดีกันนะ” เธอส่งนิ้วก้อยไปให้

“ไม่” เขาสะบัดหน้างอนๆ แต่แอบอมยิ้ม

ธ่อ… เอาใจยากจังแฮะ “นี่คุณบีเจ้าขา… รู้ไหมว่าเวลาที่คุณสะบัดหน้าอย่างนั้นน่ะ ดูไม่ดีเลย”

“เรื่องของผม” แน่ะ… คนเขาบอกเขาเตือนดีๆยังไม่ยอมฟังกันอีก

“ตกลงจะคืนดีกันไหม” เธอทำเสียงขึ้นสูงทันที เมื่อเห็นว่าเขาไม่มีทีท่าว่าจะหายงอน ไม่น่าเชื่อว่าคนมาดขรึมอย่างเขาเวลางอนขึ้นมาก็ใช่เล่นเหมือนกันนะเนี่ย ทำเอาง้อจนเหนื่อยเหมือนกันแฮะ

เขายังคงแกล้งตีหน้าบูด เอาน่า… ของอนให้เธอง้ออีกซักนิดเถอะ

“ทีเวลาแกล้งเค้าน่ะไม่คิดนะ ทีเอาคืนบ้างทำเป็นงอน” ปริมพิกาสะบัดหน้างอนๆให้คืนบ้าง

“ดี… ไม่พูดก็ไม่ต้องพูด” ปริมพิกาเดินดุ่มๆหนีคนที่กำลังทำหน้าเหวอ

อ้าว… กลายเป็นเธองอนกลับซะงั้น

เบนทิศรีบเดินตามร่างบางนั้นทันที

“นี่คุณไม่คิดจะง้อกันเลยเหรอ?”
“ – “

“อีกนิดผมก็จะหายงอนแล้วนะ ไม่ง้อต่ออีกซักนิดเหรอ?”
“ – “

เขาเดินดักหน้าดักหลังเพื่อตามง้อเธอ “น่าคุณ ง้อผมอีกนิดเถอะ”

คราวนี้คนที่ทำท่างอนอดไม่ไหว หลังจากที่กลั้นยิ้มไว้ตั้งแต่ได้ยินคำแรกที่เขาเอ่ยมาแล้วล่ะ คนอะไร… มีการขอให้ง้อต่ออีกหน่อยด้วย อย่างนี้ก็มีแฮะคนเรา
ปริมพิกาหลุดหัวเราะออกมาอย่างกลั้นไม่อยู่จริงๆ

“ดีใจจัง คุณหัวเราะได้แล้ว เราดีกันเถอะนะ ผมว่างอนกันไม่เห็นสนุกเลยนะ” เขาตีหน้าเศร้ายื่นนิ้วก้อยออกมา ปริมพิกาทำท่าจะกัดนิ้วเรียวยาวของเขา แต่เขาชักกลับได้ก่อน

“ใจร้าย ไม่ง้อกันแล้วยังจะมากัดกันอีก” เขาแกล้งต่อว่า

เมื่อเห็นว่าเธอกำลังอมยิ้มเขาจึงคว้าเอามือเธอแล้วง้างเอานิ้วก้อยมาเกี่ยวกับนิ้วก้อยของตัวเอง

“เย้ๆๆ ดีกันแล้วเนอะ”

ปริมพิกาได้แต่ส่ายหน้าไม่หน้าเชื่อว่านี่คือนักบินหนุ่มมาดขรึมที่เธอเคยตั้งฉายาให้ตั้งแต่ต้น แต่… เขาทำตัวแบบนี้ก็น่ารักไปอีกแบบนะ

“ไปส่งปริมที่บ้านยัยซินได้แล้ว” เธอค้อนน้อยๆ ก่อนก้าวขึ้นรถโดยมีหนุ่มนักบินมาดขรึมเป็นคนเปิดประตูให้…


เสียงบีบแตรของรถยนต์คันหรู แสดงให้เจ้าของบ้านรู้ว่าแขกคงมาถึงกันแล้ว
“เฮ้ย… มุก คุณบีมาส่งยัยปริมจริงๆด้วยว่ะ” เจ้าของบ้านหันมาทำหน้าไม่อยากเชื่อกับเพื่อนสนิทที่นั่งทำหน้าแบบเดียวกันเด๊ะ

“นั่นซิ ฉันก็นึกว่ายัยปริมจะพูดเล่นซะอีก”

สองสาวแอบมองรถยนต์คันหรูที่เคลื่อนตัวมาจอดหน้าบ้านหลังจากที่คนใช้ของบ้านได้วิ่งไปเปิดประตูให้ แล้วหันมามองหน้ากันอย่างไม่อยากเชื่อสายตาตัวเองนัก

เมื่อรถยนต์คันที่เพื่อนสาวกับอดีตเจ้านายหนุ่มนั่งมาได้จอดสนิทแล้ว สองสาวที่แอบมองเมื่อสักครู่ต่างก็กระวีกระวาดวิ่งตรงดิ่งมายังแขกผู้มาเยือนทันที

“สวัสดีค่ะคุณบี” สองสาวรีบยกมือไหว้เขาทันทีที่ขายาวๆก้าวลงจากรถแล้วมายืนเต็มความสูง

“ครับ สวัสดีครับ” เขาทักทายตอบพร้อมส่งยิ้มให้ทั้งคู่

สิรินกรแอบกระซิบกับเพื่อนสาวทันทีที่เบนทิศเผลอ

“ถ้าไม่เห็นกับตานะ ฉันไม่อยากจะเชื่อเลยว่าเรื่องที่แกเล่ามาทางโทรศัพท์นั้นจะเป็นเรื่องจริง”

“เรื่องอะไร” ปริมพิกาทำหน้างงกับสิ่งที่เพื่อนพูด เพราะเรื่องที่เธอเล่าทางโทรศัพท์นั้นมันมากมายจนจำแทบจะไม่ได้นี่นา

สิรินกรกระทุ้งศอกแหย่เพื่อนสาว “ก็เรื่องแกกับคุณบีไง”

“อ๋อ… ชู่ว์อย่าพูดเสียงดังซิแก” ปริมพิกาปรามเพื่อนเพราะอดไม่ได้ที่จะเหลือบมองคนที่เพื่อนกำลังพูดถึง ซึ่งเขาก็กำลังมองมาที่เธออยู่ก่อนแล้ว
ตายละหว่า… เขาจะได้ยินที่ยัยซินพูดหรือเปล่าเนี่ย

“มีอะไรกันหรือเปล่าครับ” เบนทิศเลิกคิ้วถามอย่างสงสัยเมื่อเห็นว่าสองสาวซุบซิบอะไรกันแล้วหันมายังเขา

สองสาวรีบส่ายหัวปฏิเสธทันที มุกดาเห็นท่าไม่ดีจึงรีบตัดบทโดยชักชวนให้ทุกคนเข้าข้างใน

“เอ่อ… มุกว่าเชิญคุณบีเข้าข้างในก่อนดีกว่าค่ะ”

“ใช่ๆค่ะ” สิรินกรเสริมอีกแรง แล้วรีบเดินนำหน้าแขกเข้าบ้านทันที

“เกือบไปแล้วมั้ยแก” ปริมพิกากระซิบต่อว่าเพื่อน แล้วหันไปพยักหน้าให้เจ้าของรถคันหรู

“เชิญข้างในดีกว่าค่ะ ปริมอยากเปลี่ยนโฉมเต็มแก่แล้ว” หญิงสาวเดินยิ้มเข้าไปคว้ามือหนาให้เดินตาม เขาเดินตามแรงฉุดของเธอไปเงียบๆ

อืม… มือเธอนุ่มดีจังแฮะ ไม่น่าเชื่อว่าในที่สุดเขาก็ได้สัมผัสตัวตนที่แท้จริงของหญิงสาวที่เขาแอบคิดถึงตั้งแต่งานเลี้ยงคราวนั้นแล้ว ต่อจากนี้ไปเขาขอสัญญาว่าจะตักตวงเวลาแห่งความสุขไว้ให้มากที่สุด วันข้างหน้าไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น แต่เขาเชื่อมั่นว่าเจ้าของมือนุ่มๆนี้คงยืนอยู่เคียงข้างกับเขาตลอดไป…

“คุณบีนั่งคุยกับยัยซินและยัยมุกไปพลางก่อนนะคะ ปริมขอตัวไปสลัดคราบก่อนซักครู่”

“ครับ” เขาพยักหน้ารับ แล้วยื่นมือไปรับแก้วน้ำเย็นจากมือของสิรินกร

“ขอบคุณครับ” เขาเอ่ยขอบคุณเบาๆ

“กาแฟเพิ่มมั้ยค่ะ”

“ไม่ดีกว่าครับ ขอบคุณ”


เสียงหัวเราะที่ดังประสานกันสามเสียงทำให้ผู้ที่แปลงโฉมเสร็จใหม่ๆขมวดคิ้วด้วยความสงสัยว่าทั้งสามคุยอะไรกันอยู่นะ ถึงได้หัวเราะกันสนุกสนานแบบนั้น

แต่แหม… รู้สึกว่าอดีตเจ้านายหน้าตายของเธอจะหัวเราะบ่อยเหลือเกินนะเดี๋ยวนี้ ดูซิเสียงหัวเราะของเขากลบเสียงของสิรินกรและมุกดาซะมิดเชียว ถูกใจอะไรนักหนานะ

“ยัยปริมก็ขี้งอนไปอย่างนั้นเองแหละคะคุณบี ง้อนิดเดียวก็หายแล้วล่ะ เพื่อนซินคนนี้โกรธง่ายหายเร็ว”

หืม… ยัยซินเพื่อนรักขายเพื่อนเชียวนะแก อ๋อ… แล้วที่เขาหัวเราะนี่คงจะเป็นเพราะเรื่องของเธอที่บรรดาคุณเพื่อนเอามาเผานี่เองมั้ง

“เม้าท์อะไรฉันอยู่จ๊ะเพื่อนรัก” ปริมพิกาเข้ามากอดคอถามเพื่อนรัก

“ไม่ได้เม้าท์ย่ะแก เค้าเรียกว่าเล่าสู่กันฟังใช่ไหมคะคุณบี” สิรินกรค้านเพื่อนแล้วหันไปขอความเห็นจากชายหนุ่มที่ได้แต่นั่งยิ้มฟังเธอเล่าเรื่องราวต่างๆของเพื่อนสาวด้วยความสนใจ

“นั่นแหละเค้าเรียกว่าเม้าท์จ๊ะ” เธอตบบ่าเพื่อนสาวเบาๆก่อนหันไปพูดกับเขา

“อย่าไปฟังยัยซินมากนะคะ ยัยคนนี้น่ะขี้โม้”

“เช๊อะ… ฉันโม้แต่เรื่องจริงย่ะ ขอบอก!!”

มุกดาได้แต่นั่งอมยิ้มกับเพื่อนสาวทั้งสองที่อยู่ด้วยกันทีไร เป็นต้องเถียงกันทุกที

“ฉันขอตัวกลับเลยแล้วกันนะแก บอกแม่ไว้ว่าจะกลับเข้าบ้านวันนี้ ป่านนี้คงตั้งตารอแล้วมั้ง”

“จะกลับเลยเหรอ ทานอะไรกันก่อนดีมั้ย” มุกดาเอ่ยถามเพื่อนและเบนทิศอย่างเป็นห่วง

“เรียบร้อยก่อนมานี่แล้วจ้า ขอบคุณที่เป็นห่วงนะ”

“ผมขอตัวนะครับ” เขาลุกขึ้นเมื่อเห็นว่าปริมพิกาหยิบกระเป๋าขึ้นสะพาย

“เราสองคนฝากเพื่อนด้วยนะคะ”

“ครับ” เบนทิศรับคำแล้วไปคว้ากระเป๋าใบโตจากมือของหญิงสาวมาถือไว้ซะเอง

“ฉันไปก่อนนะ แล้วจะโทรหา” ปริมพิกาหันมาโบกมือให้เพื่อนรักก่อนขึ้นรถ

“บ๊าย… “


“คุณลอกคราบแล้ว ดูเป็นคนละคนกับขามาเลยนะ” เบนทิศหันมาคุยกับเธอเมื่อขับรถพ้นประตูรั้วบ้านมาแล้ว

ปริมพิกาหัวเราะก้มดูสภาพตอนนี้ของตัวเอง “นึกว่าคุณจะชอบฉันตอนที่อยู่ในคราบสมหมายซะอีก เห็นแกล้งเอาๆ ไม่ยอมให้เปลี่ยนเสื้อผ้าซักที”

“ผมชอบตอนที่คุณเป็นตัวของคุณเองแบบนี้มากกว่า”

“แบบไหนคะ”

“แบบตอนนี้แหละน่ารักที่สุดแล้ว” ปริมพิกาอดหน้าแดงไม่ได้เมื่อได้ยินคำชมจากเขา

“เอ้า… เลยอายเลย” เขาล้อเมื่อเห็นหน้าเธอแดงขึ้นเรื่อยๆ

“ก็คุณนั่นแหละชอบแกล้งกันอยู่เรื่อยเชียว” เธอทำแก้มป่องๆหน้าตูมๆ จนคนที่กำลังบังคับพวงมาลัยหัวเราะอย่างถูกใจ

“หัวเราะอะไรเล่า” ยิ่งเห็นเขาหัวเราะเธอก็ยิ่งทำหน้าตูม

“โอเคๆ ผมไม่หัวเราะแล้วก็ได้ คุณก็เลิกทำหน้าหงิกหน้างอได้แล้ว เดี๋ยวกามาฝากรอยเท้าเอาไว้ละแย่นา” เมื่อได้ยินเขาว่าเช่นนั้น ปริมพิการีบยกมือลูบหน้าตัวเองทันที ไม่เอาๆเดี๋ยวหน้าแก่ ต่อไปเธอต้องงอนให้น้อยๆแล้วล่ะ ไม่เช่นนั้นแย่แน่
แต่ก่อนที่จะปรับสีหน้า ขอค้อนคนช่างแหย่ซักตลบเพื่อเป็นการส่งท้ายก่อนนะ… ว่าแล้วเธอก็ส่งค้อนน้อยๆไปให้เขาทันที

“คุณน่ะ ชอบแหย่ฉันอยู่เรื่อยเชียว ถ้าตีนกาขึ้นหน้าเมื่อไหร่นะคุณละน่าดู”

“อ้าว… เป็นงั้นไป” เบนทิศหัวเราะกับคำพูดของเธอ รู้สึกว่า…เขาจะกลายเป็นคนที่หัวเราะง่ายขึ้นเยอะเลยนะเนี่ย

“ไม่ต้องมาหัวเราะเลย ถ้าตีนกาขึ้นแล้วปริมขายไม่ออกนะคุณต้องรับผิดชอบด้วย”

“แล้วขายแพงไหมละครับ ถ้าไม่แพงผมจะเหมาหมดเลย”

“ถ้าบอกว่าขายไม่แพง แต่ถ้าซื้อไปแล้วต้องเลี้ยงดูตลอดชีวิตละคะ”

“แล้วกินจุไหม” เขาหันมาถามยิ้มๆ

“รู้สึกว่าไม่จุนะ ทานวันละสามมื้อเท่านั้นเอง แต่ตอนเช้าต้องเลี้ยงด้วยอาหารญี่ปุ่น ตอนเที่ยงเลี้ยงด้วยอาหารจีน และตอนเย็นอาหารอิตาเลี่ยนแค่นั้นเอง”

“โห… อนาคตท่าจะลำบากแน่ๆเลยถ้าผมรับเลี้ยงไว้” เขาแกล้งทำตาโต

“เช๊อะ ถึงยังไงคุณก็ต้องรับผิดชอบ”

“เอ… บังคับขายเลยแฮะ”

“ไม่ใช่เป็นการบังคับซักหน่อย แค่ยัดเยียดเท่านั้นเอง” พูดจบก็หัวเราะเสียงใส

“แต่ผมก็เต็มใจรับนะ แต่ไม่ต้องยัดเยียดหรอก เพราะผมยินดีรับเลี้ยงตลอดชีวิตอยู่แล้ว” มือข้างหนึ่งของเขาเลื่อนมากุมมือเธอไปวางไว้บนตักของตัวเอง

“ผมพูดจริงๆนะ” เขาย้ำอีกรอบอย่างกับจะกลัวว่าเธอจะคิดว่าเขาพูดเล่น

“ค่ะฉันเชื่อ”

…และถึงแม้ว่าคุณจะพูดเล่นแต่ฉันก็จะเอาจริง ฮ่าๆๆ (โห…ลุคส์นางเอกหายไปกับเสียงหัวเราะเลยแฮะ)








 

Create Date : 23 สิงหาคม 2550
5 comments
Last Update : 23 สิงหาคม 2550 7:49:07 น.
Counter : 435 Pageviews.

 

ตอบเม้นท์เช่นเคยจ้า...

หุ หุ มาอัพแล้วนะจ้า...

คุณ une playful pizzicato แหะๆ ขอบคุณนะคะที่แวะมาอ่านและเมนท์ให้กำลังใจ หวังว่าจะชอบเรื่องนี้นะคะ(หวังเป็นอย่างยิ่งเลยละจ้า ฮา)

คุณ VEE ... โอ้ หายไปนานเลยนะคะเนี่ย แต่ก็ยังดีใจที่ไม่ทิ้งกัน
ส่วนที่ว่าไม่มีพ่อแง่แม่งอนนั้น แฮ่... แบบว่าคิดอารมณ์แบบนั้นไม่ค่อยอ่า เลยมาแนวนี้แทน แหะ แหะ

ขอบคุณทุกกำลังใจจ้า...

 

โดย: หนึ่งเดียวในใจ 23 สิงหาคม 2550 1:32:31 น.  

 

เดี๋ยวได้มีข่าวคุณบีควงสาวใช้ทานข้าวที่ห้างแน่ ๆ เลย อิอิ
รอติดตามต่อจ้า

 

โดย: sunnyP IP: 24.110.108.4 23 สิงหาคม 2550 3:09:09 น.  

 

แหม..ชอบซีคะ ไม่งั้นไม่มาทิ้งคอมเมนต์ไว้หรอกน่า ไม่ได้ทิ้งกันง่ายๆนะคอมเมนต์น่ะ
เขียนสนุกดี ชอบค่ะ
ฝากไว้นิดนึงว่า :
คุณปา ณิก ดา ตั้งใจสะกดคำว่า หยัดเหยียด หรือเปล่าค่ะ
หรือจะเขียนว่า ยัดเยียด กันแน่เอ่ย
สงสัยๆ

 

โดย: une playful pizzicato IP: 82.247.214.230 23 สิงหาคม 2550 4:41:17 น.  

 

ที่จริงไม่ใด้หนีหา่ยไปไหนหรอกค่ะ อยู่แุถวๆนี้แหละ เข้ามาอ่านแล้วก็เข้านอนเลยเพราะเหนื่อยมากๆ งานสุมจนแทบอ๊วกแตก ไม่ค่อยมีเวลามาchat ต้องหลับดึกตื่นแต่เช้า ชีวิตคนทำงานก็งี้เเหละเน๊าะ

เรื่องนี้ใกล้จบหรือยังคะ

 

โดย: VEE IP: 4.252.26.74 23 สิงหาคม 2550 12:01:30 น.  

 

really like it ja
and would like to read your other sotries as well, but how can I do that ka (coz most of them are locked la)?

 

โดย: lemonlimebitter IP: 131.181.39.68 24 สิงหาคม 2550 8:47:38 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


หนึ่งเดียวในใจ
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [?]






* ฝนริน/ปาณิกดา *

ผู้หญิงที่มีอารมณ์อ่อนไหว
เหงา เศร้า หัวเราะ
ร้องไห้ได้ในเวลาเดียวกัน
(ท่าจะบ้าเนอะผู้หญิงคนนี้ เอิ๊กส์)

งานเขียนในบล็อกนี้
ขอสงวนลิขสิทธิ์
ตามพรบ.ลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537
นะคะ




**ขอขอบคุณภาพแต่งบล็อก และ โค๊ดแต่งบล็อกจากเพื่อนชาวบล็อกทุกท่านมา ณ ตรงนี้ด้วยนะคะ**
















Friends' blogs
[Add หนึ่งเดียวในใจ's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.