Group Blog
 
<<
พฤษภาคม 2550
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
2728293031 
 
26 พฤษภาคม 2550
 
All Blogs
 
พิสูจน์รัก...จากก้นครัว (ตอนที่ 13)



บทที่ 13
ซักฟอก




ทางด้านเบนทิศเขาก็โดนใครต่อใครโทรมาถามจนไม่รู้จะตอบยังไงเหมือนกัน ชายหนุ่มได้แต่ถอนหายใจแรงๆให้กับภาพและเนื้อความบนข่าวนั้น ถึงแม้ไม่ใช่เรื่องจริงตามเนื้อข่าวแต่ภาพเหล่านั้นมันก็ฟ้องให้ใครต่อใครเชื่อแบบนั้น เบนทิศหวนคิดถึงใบหน้าหวานๆของใครคนหนึ่งที่กำลังตกเป็นข่าวกับเขา ป่านนี้จะเป็นยังไงบ้างนะ จะโดนซักเหมือนกับเขาหรือเปล่า เขาได้แต่นั่งมองมือถือในมือที่ตอนนี้มีเบอร์ของเธอแสดงอยู่บนหน้าจอ เขาชั่งใจว่าจะโทรหาเธอดีไหม หรือว่าจะปล่อยไปแบบนี้ ซักพักข่าวก็คงจะซาไปเอง เขาคิดไม่ตกว่าจะเอาแบบไหนดี

“เป็นอะไรหรือเปล่าบี ไม่สบายใจเรื่องข่าวเหรอ” อินทร์ทิศมองหน้าน้องชายด้วยความเป็นห่วง

“พี่เห็นข่าวนั้นแล้วถ้าพี่ไม่รู้เรื่องมาก่อนก็คงจะเชื่อตามเนื้อข่าวเหมือนกัน ก็ภาพมันฟ้องขนาดนั้นนี่นา” อินทร์ทิศตบไหล่น้องชายเบาๆ น้องเบนเห็นหน้ายุ่งๆของผู้เป็นอาแล้วก็รีบลงจากตักแม่ของตนมาโอบคอเขาอย่างเอาใจ

“อาบีเป็นอะไรไปคับบอกน้องเบนสิคับ หรือว่าอาบีคิดถึงน้าปริมน้องเบนก็คิดถึงน้าปริมเหมือนกันคับ” ความใสซื่อของน้องเบนเรียกเสียงหัวเราะให้กับคนรอบข้างได้เป็นอย่างดี เบนทิศกอดหลานชายตอบแล้วโยกร่างเล็กๆไปมา

“มันไม่ใช่แบบนั้นคับน้องเบน” เบนทิศหันไปสบตากับพี่ชายและพี่สะใภ้ซึ่งสองคนนั้นก็มองเขาอยู่ก่อนแล้วอย่างรอคำตอบ

“บีเห็นข่าวแล้วรู้สึกยังไง” นินนัยเอ่ยถามน้องสามี

“พี่หมายถึงความรู้สึกของบีที่มีต่อคนในข่าวนะ”

“ผมก็บอกไม่ถูกเหมือนกันครับพี่นิน” เบนทิศถอนหายใจแรงๆ มองหน้าพี่ชายสลับกับพี่สะใภ้ไปมาอยู่อย่างนั้น

“จากที่พี่ได้ฟังจากปากน้องเบนแล้ว พี่คิดว่าเธอก็เป็นผู้หญิงที่ใช้ได้ทีเดียวนะ หรือบีว่าไง” นินนัยยังคงพยายามค้นใจน้องชายสามีต่อ

เบนทิศคิดถึงใบหน้านวลๆของปริมพิกาเวลายิ้มและหัวเราะอย่างไร้การเสแสร้งนั้นอย่างหาคำตอบให้กับตัวเองไม่ได้ แต่ที่แน่ๆทุกครั้งที่ได้เจอเธอนั้นเขามักจะเงียบผิดปกติและรู้สึกประหม่า เขาเลยเลือกที่จะเงียบเพื่อที่จะให้เธอกับน้องเบนคุยกันอย่างเต็มที่ แต่ทุกครั้งที่เขาได้เห็นเธอคุยและหัวเราะกับน้องเบนนั้นเขารู้สึกอยากเก็บรอยยิ้มของเธอนั้นไว้ในใจอย่างนั้น

“บี” นินนัยเรียกเบนทิศอีกครั้งเมื่อเห็นว่าเขาเงียบไป

“ครับ” เบนทิศสะดุ้งเล็กน้อยก่อนขานรับพี่สะใภ้

นินนัยส่ายหน้าน้อยๆกับอาการของน้องชายสามี น้องเบนได้อาสะใภ้ก็คราวนี้ละมั้ง เธอสบตากับสามีอย่างรู้กันสองคน ส่วนเจ้าของเรื่องยังคงนั่งเหม่อมองเนื้อข่าวในหนังสือพิมพ์ไปมาอย่างนั้น


เขาไม่เคยรู้สึกหวั่นไหวกับเรื่องอย่างนี้มาก่อนเลย ไม่ใช่ว่าข่าวคราวแบบนี้ไม่เคยเกิดขึ้นกับเขา แต่ทุกครั้งที่มันเกิดเขาก็รู้สึกเฉยๆกับมัน แต่คราวนี้กลับแตกต่างจากทุกครั้ง เขารู้สึกแคร์กับความรู้สึกคนที่ตกเป็นข่าวร่วมกับเขา ป่านนี้เธอจะเป็นอย่างไรบ้างนะ จะรู้สึกหวั่นไหวเหมือนดังที่เขากำลังเป็นหรือว่าจะไม่พอใจกับข่าวที่เกิดขึ้นนี้

“แล้วพ่อกับแม่รู้เรื่องข่าวนี้หรือยัง” อินทร์ทิศหันมาถามน้องชายอีกฝ่ายส่ายหน้า

“ผมไม่รู้เหมือนกันครับพี่เอ แต่คิดว่ายังนะครับไม่เช่นนั้นคงจะโทรมาเช็คแล้วละ”

นินนัยกำลังคิดว่าผู้หญิงที่ชื่อปริมพิกานั้นคงจะทำให้หัวใจที่เย็นชาของน้องสามีคนนี้ของเธอหวั่นไหวขึ้นมา แปลว่าเธอคนนี้จะต้องเป็นผู้หญิงที่ใช้ได้ในระดับมากทีเดียวเพราะตั้งแต่ที่เธอแต่งงานกับอินทร์ทิศร่วมห้าปีแล้ว เธอยังไม่เคยเห็นเขามีอาการแบบนี้มาก่อนเลย ทั้งที่ผู้หญิงที่เข้ามาในชีวิตของเขานั้นก็มากทีเดียว แต่ส่วนใหญ่แล้วเธอเหล่านั้นก็จะเป็นฝ่ายรุกเข้ามาอย่างออกนอกหน้า แต่เธอก็เห็นว่าเบนทิศคบเธอเหล่านั้นแบบเพื่อนมากกว่า

สายตาคมๆของเบนทิศเหมือนกำลังครุ่นคิดอะไรบางอย่างอยู่จนทำให้นินนัยต้องแอบสบตากับสามีอยู่เป็นระยะๆ โดยที่ปล่อยให้เขานั่งจมอยู่กับตัวเองสักพัก ส่วนน้องเบนนั้นตอนนี้กำลังตั้งหน้าตั้งตาทานไอศรีมตรงหน้าของตนอย่างไม่สนใจเรื่องของผู้ใหญ่อีกเลย

สักพักเสียงโทรศัพท์ของเบนทิศก็ดังขึ้นเรียกให้ความเงียบเมื่อสักครู่จางหายไป เขาเงยหน้าขึ้นมองพี่ชายกับพี่สะใภ้อย่างขอความช่วยเหลือเมื่อเห็นว่าเป็นเบอร์ใครที่กำลังโชว์อยู่บนหน้าจอตอนนี้

“คุณแม่” เขาพูดเสียงเบาอย่างกับกระซิบบอกอินทร์ทิศและนินนัย ซึ่งสองคนก็พยักหน้ารับรู้และเตือนให้เค้ารีบกดรับสาย

เบนทิศชั่งใจอยู่เพียงครู่ก็ตัดสินใจกดรับ เพราะไม่อยากให้คนปลายสายเคือง เพราะตอนนี้ก็มีเรื่องให้เขาจะต้องแก้ตัวอยู่แล้ว ถ้าเพิ่มอีกข้อคงจะไม่ไหวแน่ๆ

“ครับแม่”

“บีเหรอลูก” เสียงหวานๆของผู้เป็นแม่ดังมาตามสายทำให้เขารู้สึกใจชื้นขึ้นมาหน่อย

“ครับแม่ แม่เห็นข่าวแล้วใช่ไหมครับ” เขาตัดสินใจถามไป เพราะรู้ว่าเรื่องที่แม่เขาโทรมานั้นคงไม่ใช่เรื่องอื่นแน่ๆ

“จ๊ะ” คุณเพชรลดาตอบสั้นๆ และรอฟังคำตอบจากลูกชาย แต่ทว่าอีกฝ่ายเงียบไปเสียดื้อๆ จึงทำให้เธอต้องถามเอง

“เรื่องราวเป็นไงลูก แอบไปคบกันตอนไหนไม่เห็นบอกกล่าวกันบ้างเลย” เบนทิศไม่รู้จะตอบกลับยังไงดีเขาจึงเลือกที่จะนั่งเงียบ จนอินทร์ทิศกับนินนัยต้องสะกิดให้เขาพูด

“ผมไม่รู้จะตอบยังไงดีครับแม่”

“อ้าว… ทำไมเป็นอย่างนั้นละลูก หรือว่าข่าวนั้นไม่ใช่เรื่องจริง”

“มันก็ไม่ทั้งหมดครับ เดี๋ยวถึงบ้านเราค่อยคุยกันนะครับแม่” เบนทิศคิดว่าถ้าจะพูดกันทางโทรศัพท์คงจะไม่เหมาะ เขาจึงเลือกที่จะวางสายเพื่อที่จะอธิบายเรื่องราวทั้งหมดให้ทุกคนฟังด้วยปากของเขาเองดีกว่า


มุทธายืนเหม่อออกไปนอกห้องทำงาน พลางคิดถึงเนื้อความในข่าวที่เขาอ่านเมื่อเช้าซึ่งนับว่าข่าวนี้เป็นทอคอ๊อฟเดอะทาวน์เลยทีเดียว เขาผิดหรือเปล่าที่ไม่เคยเปิดเผยความในใจให้เธอได้รับรู้จนจะต้องเสียเธอไปให้กับคนอื่นแบบนี้ เขาหวลคิดถึงรอยยิ้มหวานๆที่เธอส่งให้กับอีกฝ่ายในข่าว มันเป็นรอยยิ้มที่เขาเคยอยากได้มาเก็บไว้เพียงคนเดียว แต่บัดนี้รอยยิ้มหวานๆนั้นเธอได้มอบให้กับคนอื่นไปเสียแล้ว

ชายหนุ่มรู้สึกเจ็บแปลบขึ้นมาตรงหน้าอกข้างซ้ายคล้ายว่ามีใครเอาเข็มเป็นพันเล่มมาจิ้มตรงนั้น ถ้าเป็นเช่นนั้นจริงหัวใจของเขาคงจะมีแผลเหวอะเต็มไปหมดแล้ว ชายหนุ่มปล่อยให้หัวใจของตัวเองล่องลอยไปอย่างไร้จุดหมาย หน้าของเขาคงจะแสดงถึงความเจ็บปวดออกมา จึงทำให้ผู้ที่กำลังเปิดประตูก้าวเข้ามาต้องเดินไปแตะบ่าเขาเบาๆอย่างเป็นห่วง

“พี่มุทเป็นอะไรหรือเปล่าคะ” มุกดาเอ่ยถามเขาเบาๆ ชายหนุ่มสะดุ้งเล็กน้อยเพราะเหม่อจนไม่ได้ยินเสียงเปิดประตูของน้องสาว เมื่อเห็นสีหน้ากังวลของน้องสาวแล้วเขาจึงยิ้มตอบไปแบบแห้งๆ

“พี่ไม่ได้เป็นอะไร” เขาส่ายหัวตอบ

ทำไมมุกดาจะไม่รู้ว่าเรื่องที่ทำให้พี่ชายของเธอเป็นแบบนี้คืออะไร แต่เธอไม่อยากเอ่ยออกมาเพื่อเป็นการซ้ำเติมอีกฝ่าย เธอรู้ว่าพี่ชายรักปริมพิกามากแค่ไหน แต่การที่เพื่อนสาวของเธอปิดกั้นหัวใจไม่ยอมเปิดให้พี่ชายที่แสนดีของเธอได้เข้าไปอยู่ในหัวใจทำให้เขาไม่กล้าเอ่ยปากบอกคำว่ารักออกไปให้เธอรับรู้ เขาได้แต่เก็บไว้ในใจเพียงคนเดียวซึ่งข้อนี้เธอก็รู้มานานแล้ว และคิดว่าปริมพิกาก็คงรู้เช่นกัน

มุกดาหันไปหยิบหนังสือพิมพ์ที่กางอยู่หน้าข่าวของเพื่อนสาว แล้วเหลือบมองพี่ชายที่ยังคงยืนเหม่อออกไปทางหน้าต่างอย่างเงียบๆ เธอคงปล่อยให้เขาเป็นแบบนี้ไปสักพัก เพราะเธอเชื่อว่าเวลาจะสามารถเยียวยาหัวใจที่แข็งแกร่งของพี่ชายเธอได้ มุกดาตั้งใจว่าจะเอาหนังสือพิมพ์ฉบับนี้ไปทิ้งให้พ้นๆจากห้องของเขา แต่เหมือนว่าเจ้าของห้องคงจะรู้ถึงเจตนานั้นจึงรีบหันมาบอกน้องสาวทันที

“เก็บมันไว้ที่เดิมเถอะมุก” มุกดามองหน้าพี่ชายอย่างค้นคว้า เขาจะเก็บมันไว้เสียดแทงหัวใจตัวเองทำไม ในเมื่อภาพเหล่านี้เป็นภาพที่ทำให้ตัวเองไม่สบายใจก็ควรรีบเอาไปให้ไกลซะดีกว่าเก็บไว้ทำร้ายตัวเอง

“พี่อาจจะตัดใจได้ง่ายขึ้น” ชายหนุ่มหันไปบอกกับน้องสาว มุกดาพยักหน้ารับแล้ววางหนังสือพิมพ์ไว้ตรงที่เดิม

“ตามใจพี่มุทนะคะ แต่ว่าเที่ยงแล้วเราไปหาอะไรทานกันดีกว่าไหม” มุกดาเอ่ยชวนพี่ชายเพราะคิดว่าถ้าวันนี้เธอไม่มาชวนเขาออกไปทานข้าว เธอเชื่อว่าพี่ชายของเธอคงจะไม่ย่างก้าวออกจากห้องนี้เป็นแน่

เธอไม่อยากเห็นพี่ชายของตัวเองเป็นแบบนี้ เพราะเขาเป็นคนเงียบอยู่แล้วยิ่งมาทำตัวเงียบไม่พูดไม่จาแบบนี้มันทำให้พนักงานหวาดๆกันพิกล ถึงแม้ว่าพี่ชายเธอเป็นคนไม่ดุพนักงาน แต่ถ้าใช้แค่สายตาก็สามารถทำให้ใครต่อใครหัวหดได้เช่นกัน

“อืม” เขาหันมาพยักหน้ารับ

มุกดารีบคล้องแขนพี่ชายเพื่อดึงให้เขาเดินตาม มุทธาอดหัวเราะไม่ได้เขาเอื้อมมือไปขยี้ผมน้องสาวเบาๆ

“ทำอะไรเหมือนเด็กเลย” เขาเอ็ดไม่จริงจัง

มุกดาซบศีรษะลงกับไหล่กว้างของพี่ชายในระหว่างที่เดิน “ดีจัง พี่มุทดีขึ้นแล้ว” เธอเงยหน้าขึ้นส่งยิ้มหวานๆให้กับพี่ชายอย่างออดอ้อน

“พี่ไม่ได้เป็นอะไรซักหน่อย” มุทธาแก้ตัวเขินๆเมื่อเห็นว่าน้องสาวรู้ทันเขา

“ไม่เป็นอะไรน่ะดีแล้วค่ะ มุกจะได้กล้าที่จะถล่มซักหน่อย”

“อะไรเงินเดือนก็ได้เท่าๆกัน” มุทธาแกล้งร้องโอดโอย ทำให้มุกดาหัวเราะร่วนทีเดียว

“เงินน้องน่ะเอาไว้ใช้ยามแกเฒ่าเผื่อไม่มีใครมารับเลี้ยงจะได้เลี้ยงตัวเองไหว ส่วนตอนนี้มีพี่ชายก็ขอเกาะพี่ชายไม่ได้เหรอ” มุกดาใช้สายตาออดอ้อนจนคนที่ถูกเกาะต้องแขกหัวเบาๆอย่างหมั่นไส้

“แน๊ มาแขกหัวมุกทำไมพี่มุทนี่นิสัยไม่ดีเลย” มุกดาแกล้งลูบตรงที่โดนพี่ชายแขก เขามองอาการนั้นของน้องสาวแล้วก็หัวเราะกับหน้าบูดๆเบี้ยวๆของน้องสาวจอมยุ่ง มุทธาเอื้อมมือไปกอดคอน้องสาวแกล้งลากให้เธอต้องวิ่งตาม

“เบาๆซิพี่มุท เดี๋ยวคอมุกก็หลุดกันพอดี” เสียงหัวเราะและภาพความน่ารักระหว่างสองพี่น้องสร้างรอยยิ้มให้พนักงานในเอ็มเอ็มสปอร์ตคลับได้เป็นอย่างดี


ปริมพิกาตั้งใจแน่วแน่แล้วว่าอีกไม่เกินสองอาทิตย์เธอจะต้องลาออกจากที่นี่ให้ได้ เพราะตอนนี้เธอก็ได้รู้ถึงการบริหารงานภายในบริษัทจัดหางานแล้ว เป้าหมายของวิทยานิพนธ์ใกล้จะบรรลุแล้วเธอจะต้องรีบชิ่งก่อนที่จะโดนจับได้ เพราะเธอไม่อยากให้ทุกคนในบ้านหลังนี้มีความรู้สึกไม่ดีกับเธอ ทั้งในนามสมหมาย ก่อเกิด หรือในคราบปริมพิกา สิทธาวรุณ์ ฉะนั้นเธอต้องรีบลาออกก่อนที่จะมีใครจับได้

เบนทิศกลับเข้ากองบินแล้ว และคาดว่าเสาร์-อาทิตย์นี้เขาคงจะกลับมาอีกแน่นอน เพราะเธอได้ยินเขาให้คำสัญญากับน้องเบนแล้วว่าเขาจะพาน้องเบนไปว่ายน้ำที่เอ็มเอ็มสปอร์ตคลับเช่นเคย อย่างน้อยในระหว่างที่เบนทิศไม่อยู่นี้มันก็ทำให้เธอหายใจได้อย่างสะดวก เพราะคนที่ได้เห็นเธอในคราบปริมพิกาอย่างชัดๆก็มีแต่เขาคนเดียวเท่านั้น เธอกลัวว่าถ้าเขาอยู่นานกว่านี้จะต้องจับได้แน่ๆ หรือไม่อย่างน้อยเขาก็คงจะต้องสงสัยบ้างละ

ปริมพิกาเข้าไปทำความสะอาดห้องของเบนทิศเช่นเคย ถึงแม้ว่าเจ้าของห้องไม่อยู่เธอก็จะต้องเข้าไปทำความสะอาดสองวันครั้ง เพื่อว่าถ้าเจ้าของห้องกลับมาก็สามารถใช้ได้เลย หญิงสาวปัดกวาดเช็ดถูอย่างเช่นเคยทำ เธอย้ายตัวเองจากซอกโน้นมาซอกนี้อย่างเคยชิน แล้วก็ต้องสะดุดกับหนังสือพิมพ์ที่เจ้าของห้องพับเก็บไว้บนหัวเตียง หนังสือพิมพ์สองฉบับ ฉบับแรกเป็นหนังสือพิมพ์หน้าข่าวของเธอตอนที่ไปงานเปิดตัวผลิตภัณฑ์คราวนั้น ส่วนฉบับที่สองเป็นฉบับที่เขากับเธอตกเป็นข่าวร่วมกัน

หญิงสาวขมวดคิ้วงงๆ คิดไม่ตกว่าเขาเก็บหนังสือพิมพ์เหล่านี้ไว้ทำไมกัน เป็นเพราะเขาเกิดสงสัยอะไรเกี่ยวกับตัวเธอหรือว่า… เมื่อคิดถึงประโยคหลังของตัวเองแล้วหญิงสาวก็อดที่จะอมยิ้มกับความคิดของตัวเองไม่ได้ หรือว่าเขาจะเก็บหนังสือพิมพ์ที่มีข่าวเกี่ยวกับเธอไว้เพื่อดูให้หายคิดถึง เมี่อคิดมาถึงตรงนี้หญิงสาวก็ต้องรีบสะบัดหน้าตัวเองเบาๆเพื่อให้เลิกฟุ้งซ่านได้แล้ว

คนหน้าตายอย่างเขานี่นะจะมาหลงไหลกับเธอ หลงตัวเองไปหรือเปล่ายัยปริมเอ้ย… หญิงสาวหัวเราะเบาๆก่อนตัดสินใจวางหนังสือพิมพ์ลงไว้ที่เก่าอย่างเดิม แล้วรีบทำความสะอาดห้องอย่างเร็วที่สุดเพราะยังเหลือห้องอื่นๆอีกที่จะต้องเข้าไปปัดกวาดเช็ดถู

แต่ก่อนที่จะออกจากห้องของเขา ปริมพิกาเหลือบไปเห็นอัลบั้มรูปของเขาหญิงสาวจึงหยิบมันขึ้นมาดู รอยหยักตรงมุมปากของเธอยามที่ไล่สายตาไปตามรูปของเขา เป็นปฏิกิริยาที่เจ้าตัวแสดงออกมาโดยที่ไม่รู้ตัว ปริมพิกาสะดุดกับรูปที่เขาแต่งชุดนักบิน มือข้างหนึ่งถือหมวก แบ็คกราวด์ด้านหลังเป็นเครื่องบินไอพ่นขนาดกลาง รูปนี้เป็นรูปที่เขายิ้มอย่างมีความสุข เป็นยิ้มที่ดูอ่อนโยนยิ่งนัก ซึ่งเป็นยิ้มที่หาดูได้ยากมากสำหรับเขา ปริมพิกาจึงเลือกดึงภาพนี้ออกจากอัลบั้มาภาพของเขา เธอตั้งใจจะเก็บไว้ดูเวลาที่ได้ลาออกจากงานนี้ไปแล้ว เผื่อว่าอนาคตเธอไม่มีโอกาสได้เจอกับเขาอีก จะได้เอารูปนี้ไว้ดูกันลืมใบหน้าเข้มๆนี้

“ไปอยู่กับปริมนะคะพี่บี” หญิงสาวเอ่ยกับรูปของเขาเบาๆ







Create Date : 26 พฤษภาคม 2550
Last Update : 26 พฤษภาคม 2550 2:16:16 น. 5 comments
Counter : 470 Pageviews.

 
ตอบเม้นท์จ้า....

คุณ VEE ... ขอบคุณค่า ที่ติดตามตลอดเลย ส่วนเรื่องสั้นมีแน่นอนค่ะ อย่าลืมติดตามนะค่ะ

คุณ พลอยสีชมพู... ฝากเนื่อฝากตัวด้วยคนค่ะ อิอิ แล้วจะบอกน้องเบนให้นะค่ะว่ามีคนชอบ


ขอบคุณค่ะ.....


โดย: หนึ่งเดียวในใจ วันที่: 26 พฤษภาคม 2550 เวลา:2:06:07 น.  

 
ยังไม่มีใครสงสัยเลยเหรอคะ


โดย: sunny IP: 24.110.108.62 วันที่: 26 พฤษภาคม 2550 เวลา:9:03:20 น.  

 
ตามมาอ่านอีกแล้ว อิอิ ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ถึงจะมีคนระแคะระคายสักที ตอนนี้น้องเบนก็ยังน่ารักน่าฟัดเหมือนเดิมเหอะ มาอัพต่อเร็วนะเค่ะอยากรู้ตอนต่อไปมากๆ miss&take care ค่ะ


โดย: พลอยสีชมพู IP: 125.27.112.158 วันที่: 26 พฤษภาคม 2550 เวลา:14:48:38 น.  

 
แค่วูบหนึ่งในคืนเหงา


โดย: อ๊อด IP: 125.25.35.161 วันที่: 26 พฤษภาคม 2550 เวลา:19:12:55 น.  

 
แค่วูบหนึ่งในคืนเหงา


โดย: อ๊อด IP: 125.25.35.161 วันที่: 26 พฤษภาคม 2550 เวลา:19:13:07 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

หนึ่งเดียวในใจ
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [?]






* ฝนริน/ปาณิกดา *

ผู้หญิงที่มีอารมณ์อ่อนไหว
เหงา เศร้า หัวเราะ
ร้องไห้ได้ในเวลาเดียวกัน
(ท่าจะบ้าเนอะผู้หญิงคนนี้ เอิ๊กส์)

งานเขียนในบล็อกนี้
ขอสงวนลิขสิทธิ์
ตามพรบ.ลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537
นะคะ




**ขอขอบคุณภาพแต่งบล็อก และ โค๊ดแต่งบล็อกจากเพื่อนชาวบล็อกทุกท่านมา ณ ตรงนี้ด้วยนะคะ**
















Friends' blogs
[Add หนึ่งเดียวในใจ's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.