Group Blog
 
<<
มิถุนายน 2550
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
 
21 มิถุนายน 2550
 
All Blogs
 
พิสูจน์รัก... จากก้นครัว (ตอนที่ 17)

บทที่ 17
หัวใจ ณ ชายชาด



ปริมพิกาจอดรถหน้าโรงแรมสุดหรูที่ตั้งตระหง่านอยู่ท่ามกลางชายหาดแสนสวย เธอขับรถคู่ใจในการเดินทางมาพักผ่อนในครั้งนี้ เมื่อเช้าเธอเลือกเดินทางออกจากบ้านตั้งแต่เช้ามืดจนแม่เธอต้องรีบปรามอย่างเป็นห่วง

“ปริม… แม่ว่าให้สมชายขับให้ดีไหมลูก” เธอเหลือบมองสายตาเป็นห่วงของมารดาแล้วรีบถลาเข้าไปกอดอย่างประจบ

“ไม่เป็นไรค่ะแม่ สามสี่ชั่วโมงก็ถึงแล้วแม่ไม่ต้องห่วงนะคะ”

“เป็นสาวเป็นนางทำไมถึงชอบเดินทางคนเดียวนักนะลูก” มารดาเธอยังคงบ่นไปเรื่อย

“ยังไงปริมก็จะเข้าพักโรงแรมของเราค่ะแม่” เธอพยายามทำให้มารดาคลายความกังวล

“ถ้าปริมออกจากบ้านหกโมงเช้าก็คงจะไปถึงโน่นประมาณเก้าโมงกว่าๆเองปริมเดินทางตอนกลางวันไม่น่ากลัวอย่างที่แม่คิดหรอกค่ะ”

ผู้เป็นมารดาพยักหน้าอย่างยอมจำนนต่อคำพูดของลูกสาว ตั้งแต่ลูกสาวคนเดียวเกิดมาเธอก็ให้ความเป็นอิสระในการตัดสินใจของลูกมาตลอด จนปริมพิกาโตขึ้นมากลายเป็นหญิงสาวที่กล้าแกร่ง ไม่เกรงกลัวอะไรง่ายๆ อันนี้ยังน้อยไปถ้านับไปถึงการหนีเที่ยวต่างจังหวัดโดยการแบกเป้โบกรถข้างทางเพื่อไปเที่ยวสมัยที่เธอยังเป็นนักศึกษาอยู่ คราวนั้นที่เธอได้รู้ถึงวีรกรรมของลูกสาวทำให้ลมแทบจับ

ไม่นึกเลยว่าหน้าหวานๆอย่างนี้แต่กล้าที่จะทำอะไรแผลงๆเฉกเช่นเด็กผู้ชายเขาทำกัน อย่างคราวนี้ก็เช่นกัน เมื่อวานตอนเย็นเธอกลับเข้าบ้านไม่ทันไรก็เอ่ยปากบอกว่าจะไปพักผ่อนที่ต่างจังหวัดอีกสองวัน ช่างเป็นคนที่ชีพจรลงเท้าเสียจริงๆ

“ไปถึงแล้วโทรบอกแม่ด้วยนะลูก”

ปริมพิกานึกถึงใบหน้าเศร้าๆของมารดาแล้วอดอมยิ้มกับตัวเองไม่ได้ เธอช่างเป็นลูกที่ไม่เอาไหนเสียจริงๆ แทนที่จะหาเวลาว่างอยู่เป็นเพื่อนท่านบ้าง แต่เปล่าเลย… ว่างเมื่อไหร่เป็นต้องหาสถานที่ท่องเที่ยวเมื่อนั้น


พนักงานโรงแรมวิ่งเข้ามารับรถจากเธอเพื่อนำไปจอดให้ยังสถานที่จอดรถของโรงแรม เมื่อยื่นกุญแจรถให้แก่เด็กรถเรียบร้อยแล้ว เธอก็หันไปหยิบกระเป๋าเสื้อผ้าใบโตของตัวเองเพื่อเดินเข้าไปยังล็อบบี้ข้างใน ยังไม่ทันที่เธอจะก้าวผ่านประตูก็มีพนักงานวิ่งมาบริการช่วยถือกระเป๋าให้เธอเสียเอง

“ขอบคุณค่ะ” เธอหันไปขอบคุณแล้วยื่นกระเป๋าใบนั้นแก่พนักงานไป

อืม… ถือว่าการบริการของโรงแรมนี้เป็นที่น่าพอใจมากทีเดียว เพราะพนักงานต่างก็ยินดีให้บริการแก่แขกตั้งแต่เริ่มเข้ามาเลยทีเดียว อย่างนี้ถ้าเกิดว่าเธอเรียนจบเมื่อไหร่จะขอบิดามาลองบริหารจัดการอยู่ที่นี่สักพักดีกว่า

“อ้าว… คุณปริมมาได้ยังค่ะเนี่ย” พนักงานอาวุโสของโรงแรมกล่าวทักเมื่อเห็นว่าลูกสาวเจ้าของโรงแรมปรากฏตัวอย่างไม่คาดคิดมาก่อน

หญิงสาวหันไปส่งยิ้มให้เธอผู้นั้น “ปริมก็ขับรถมาซิค่ะคุณสา ถามแปลก”

แล้วเสียงหัวเราะสองเสียงก็ดังขึ้นประสานกัน “แหม… คุณปริมก็”

เมื่อพนักงานต้อนรับที่เดินมาช่วยเธอถือกระเป๋าได้ยินว่าเธอเป็นใคร เขาแทบจะวางกระเป๋าแล้วยกมือไหว้เธอ จนหญิงสาวต้องรีบหันไปปรามไว้เสียก่อนแต่ก็ไม่ทันอยู่ดีเพราะเขาได้ทำไปเรียบร้อยแล้ว

“ไม่ต้องขนาดนั้นก็ได้ ปริมมาเที่ยวเฉยๆค่ะคุณสา” ประโยคหลังหันมาคุยกับพนักงานอาวุโสที่มีตำแหน่งเป็นถึงผู้จัดการโรมแรมทีเดียว

“ห้องสูทที่คุณปริมกับคุณท่านมาพักบ่อยๆตอนนี้ก็ยังว่างนะคะ” ผู้จัดการโรงแรมกล่าวถึงห้องพักที่เธอกับครอบครัวใช้เป็นประจำเมื่อมาเยือนที่นี่

“ไม่จำเป็นหรอกค่ะคุณสา วันนี้ปริมมาคนเดียวพ่อกับแม่ไม่ได้มาด้วย ปริมขอเป็นห้องพักที่เป็นเตียงเดี่ยวธรรมดาๆนะคะ ส่วนห้องหรูๆไว้ให้ลูกค้าเค้า” พูดจบเธอก็หัวเราะเสียงใส

“คุณสาช่วยจัดการให้ทีนะคะ”

“ค่ะ” ผู้จัดการโรงแรมรับคำเสร็จก็เดินไปเช็คอินห้องให้แก่ลูกสาวเจ้าของโรงแรม

คุณปริมพิกาของเธอน่ารักเสมอ มาเมื่อไหร่ไม่เคยทำให้พนักงานต้องเดือดร้อนเลย แถมบางครั้งยังช่วยพวกเธอทำงานอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อยเหมือนกัน พนักงานอาวุโสของโรงแรมคิดถึงเมื่อคราวก่อนโน้นที่เธอได้ติดตามบิดามารดาเพื่อมาดูแลโรงแรมที่นี่

หญิงสาวรูปร่างบอบบางได้ววิ่งช่วยพนักงานในการต้อนรับแขกที่เข้าพักอย่างเป็นกันเอง เสียงหัวเราะใสๆของเธอยังคงดังอยู่ในโสตประสาทของเธอก้องมาจนถึงปัจจุบัน

“เสร็จแล้วค่ะคุณปริม พิชิตไปส่งคุณปริมที่ห้อง 603 นะ” ผู้จัดการโรงแรมยื่นกุญแจให้กับพนักงานชายคนนั้น เพื่อให้เขาพาหญิงสาวเข้าห้องพักของตัวเอง


ปริมพิกาชะงักขาลงเมื่อสายตาเหลือบไปเห็นร่างสูงๆของใครบางคน เขากำลังเข้าไปเช็คอินห้องพักอยู่พอดี เขามาได้ยังไงนะเนี่ย ปริมพิกาหันไปบอกให้พนักงานชายยกกระเป๋าไปเก็บให้เธอก่อน เดี๋ยวเธอจะตามไปทีหลัง

หญิงสาวยืนสังเกตเขาอยู่เงียบๆ วันนี้เขาแต่งตัวดูสบายๆตาดีจัง เสื้อฮาวายกับกางเกงขาสั้นสีขาว รองเท้าผ้าใบที่เขาใส่อยู่ตอนนี้ทำให้เขาดูสบายๆ

“คุณสาคะ” เธอหันไปเรียกผู้จัดการโรงแรม

“คะคุณปริม”

“ปริมขอความช่วยเหลือหน่อยสิค่ะ” หญิงสาวยิ้มอายๆให้กับผู้จัดการโรงแรม ก่อนจะเอ่ยสิ่งที่ตนเองต้องการขอความช่วยเหลือ

“ช่วยอะไรคะ?”

หญิงสาวถอนใจลึกๆก่อนจะเอ่ยคำที่ทำให้ผู้จัดการโรงแรมต้องยิ้มออกมาอย่างล้อๆ

“ปริมอยากรู้ว่าผู้ชายคนนั้นพักอยู่ห้องไหน แล้วห้องตรงข้ามนี่มีห้องว่างหรือเปล่า ถ้ามีปริมขอย้ายห้องนะคะ”

“ได้ค่ะคุณปริม” ผู้จัดการโรมแรมหันมามองเธออย่างล้อๆ

“โธ่… อย่ามองปริมอย่างนั้นสิค่ะคุณสา ปริมอายเป็นเหมือนกันนะ”

“เดี๋ยวสาจัดการให้นะคะ”

“ขอบคุณค่ะ” เธอยิ้มประจบอย่างเอาใจ

ผู้จัดการโรมแรมรุดเดินตรงไปยังล็อบบี้ แล้วกระซิบกระซาบอะไรบางอย่างกับพนักงานต้อนรับ แล้วหันมาขยิบตาให้กับเธออย่างรู้กัน ส่วนคนที่ยืนหันหลังให้เธออยู่ตอนนี้ดูท่าจะไม่สนใจสิ่งรอบข้างนอกจากข้อมูลห้องพักตรงหน้าของตัวเอง


ในที่สุดเธอก็ได้ห้องพักตรงข้ามกับเขาแล้ว เย้ๆๆ (ดีใจจนออกนอกหน้าเลยทีเดียว) ปริมพิกาแอบส่องดูห้องของเขาว่าเจ้าตัวมาถึงหรือยัง เธอส่องอยู่อย่างนั้นเป็นสิบๆรอบ แต่ดูท่าว่าเขาจะไม่ขึ้นมาง่ายๆเลย เพราะเธอเห็นแต่พนักงานที่ยกกระเป๋าเขามาเก็บแล้วก็ออกไป เขาไปไหนของเขานะถึงไม่ยอมขึ้นห้องพักสักที

ทางด้านเขา… ที่โดนอีกฝ่ายกล่าวถึงอยู่ในขณะนี้นั้น ตอนนี้มัวแต่นั่งละเลียดกาแฟในถ้วยตรงหน้ากับขนมปังสองชิ้นในจาน สายตามองออกไปยังทะเลกว้างที่ตอนนี้นั้นอบอวลไปด้วยแสงที่แรงจัดของตะวันเบื้องบน แสงระยิบระยับของทะเลทำให้เขานั่งมองอย่างเพลินตาเลยทีเดียว

พนักงานเดินเข้ามาส่งกุญแจห้องให้แก่เขา ทำให้เขาละสายตาจากทะเลกว้างหันมาสนใจกับพนักงานหนุ่มตรงหน้า ชายหนุ่มหยิบธนบัตรยื่นให้แก่พนักงานเพื่อเป็นทิปที่พนักงานหนุ่มได้ยกกระเป๋าสัมภาระของเขาไปเก็บไว้ให้ เมื่อพนักงานเดินจากไป เขาก็หันไปสนใจกับบรรยากาศตรงหน้านั้นต่อ

วันหยุดกับการพักผ่อนนี่เป็นของคู่กันเลยทีเดียว นานแค่ไหนแล้วนะที่เขาไม่ได้มาเที่ยวแบบนี้ ตั้งแต่เริ่มทำงานก็มัวแต่ยุ่งกับการทำงานจนลืมวันลืมคืนไปเลย พอมีโอกาสมาเที่ยวแบบนี้ทำให้รู้สึกดีอย่างประหลาด

เบนทิศคิดว่าแดดแรงๆแบบนี้เหมาะสำหรับการพักผ่อนในห้องแล้วหลับตาลงสักงีบเพื่อเตรียมตัวในการดำน้ำดูประการังเย็นนี้ เมื่อคิดเช่นนั้นชายหนุ่มจึงเรียกให้พนักงานมาเก็บเงิน แล้วขึ้นห้องพักของตัวเองทันที


ปริมพิกาเดินทอดน่องบนชายหาดทรายขาว พลางสูดลมหายใจเข้าปอดแรงๆ

“เฮ้อ !!! สดชื่นดีจัง” เธอเอ่ยเสียงเบาๆ

“ทะเลยามเย็นนี่สวยจังเลยแฮะ มองทีไรไม่เคยเบื่อเลยทะเลจ๋า” ประโยคหลังเธอตะโกนเสียงออกมาดังๆ แล้วสูดลมหายใจแรงๆอีกครั้ง

หญิงสาวนั่งลงวักมือกับน้ำทะเลที่หมุนเป็นเกลียวคลื่นซัดเข้าสู่ฝั่งแล้วหมุนกลับเข้าทะเลจนเพลิน ลมทะเลพัดไอเย็นๆมากระทบกับร่างบางทำให้รู้สึกเย็นขึ้นมานิดๆ อย่างนี้สิถึงเรียกว่าการพักผ่อนอย่างแท้จริง ปริมพิกาคิด

ปริมพิกานั่งลงกับหาดทราย เหยียดขาตรงปล่อยให้น้ำที่ซัดขึ้นฝั่งกระทบเบาๆกับเรียวขายาวของตัวเอง

สักพักก็มีขายาวๆของใครบางคนมายืนอยู่ตรงหน้า หญิงสาวสะดุ้งตกใจเล็กน้อยก่อนเงยหน้าขึ้นมองเจ้าของขายาวๆนั้น

“คุณบี” เธออุทานขึ้นมา ส่วนคนที่ยืนอยู่นั้นส่งยิ้มบางๆมาให้

“มานั่งใจลอยทำอะไรแถวนี้ครับ”

ปริมพิกาส่งยิ้มจนตาหยีให้กับเขาอย่างดีใจ เธอลุกพรวดขึ้นอย่างรวดเร็วจนทำให้เกิดการเซจนแทบล้มกลับไปนั่งในท่าเดิมดีที่มีมือหนาๆของเขาเอื้อมมากอดเอวไว้อย่างหลวมๆทำให้เธอสามารถยืนขึ้นได้

“อุ้ย !!!” เธออุทานได้แค่นั้นเมื่อเขาเอื้อมมือมากอดเอวเธอไว้เพื่อไม่ให้ลืมลงกลับคืน

“ขอบคุณค่ะ” เอ่ยขอบคุณเขาอย่างอายๆ ที่ตัวเองทำอะไรเปิ่นๆอีกแล้ว

เมื่อเธอยืนได้แล้ว เบนทิศจึงปล่อยเธอให้เป็นอิสระ “ไม่นึกว่าจะมาเจอคุณที่นี่”

“ไม่นึกว่าจะมาเจอคุณที่นี่เหมือนกันค่ะ” เธอยิ้มตอบกลับไป

“ดีใจจัง”

“อะไรนะคะ” ปริมพิกาฟังไม่ถนัดว่าเขาพูดว่าอะไรจึงหันไปถามอีกครั้งเพื่อให้แน่ใจ แต่กลับพบแต่รอยยิ้มจากใบหน้าที่เธอเคยคิดว่าเย็นชานัก

“ยิ้มอะไรคะ?”

เขาส่ายหน้าเบาๆ แล้วเอื้อมมือมาคว้าข้อมือเธอให้วิ่งตามเขาไปตามชายหาดที่ยาวสุดลูกหูลูกตา ปริมพิกาได้แต่หัวเราะเมื่อดูท่าว่าเขาจะไม่ยอมหยุดวิ่งซักที นี่เขาเป็นอะไรของเขานะ

“สดชื่นดีจัง”

นี่ก็อีกครั้งที่ทำให้เธอสงสัยในตัวเขา อะไรกันนะอยู่ดีๆก็มาคว้าข้อมือเธอให้วิ่งตาม พอหยุดเดินก็พูดคำนี้ออกมาโดยไม่มองหน้าเธอสักนิด

เบนทิศหันหน้าเข้าสู่ทะเลมองตะวันที่กำลังจะลับขอบฟ้า ตอนนี้หัวใจเขารู้สึกเต้นแรงจนผิดจังหวะ จะพูดไปก็เริ่มตั้งแต่ที่เขาเห็นร่างบางๆของเธอเดินทอดน่องอยู่กลางชายหาดนี่แล้ว จากที่ตอนแรกตั้งใจว่าจะไปดำน้ำดูประการังแต่เมื่อได้เห็นว่าเธอเดินเล่นอยู่ตรงนี้ ความคิดเขาก็เปลี่ยนขึ้นมากระทันหัน

เอาน่า… ประการังดูตอนไหนก็ได้ แต่ร่างบางๆของเธอคนนี้ซิหายากกว่าประการังซะอีก

มันเป็นเช่นนั้นจริงๆ เพราะกว่าที่เขาจะได้มีโอกาสได้เจอเธอมันช่างยากเย็นเสียเหลือเกิน บ่อยครั้งที่เขาย่างกรายไปที่โรงแรม พี เอส เพราะหวังเพียงว่าจะได้พบกับลูกสาวเจ้าของโรงแรมแห่งนั้น แต่ก็ไม่เคยเห็นแม้แต่เงาของเธอเลย แต่วันนี้เขาไม่คาดคิดคาดฝันมาก่อนว่าจะได้มาพบเธอที่นี่

เบนทิศหันไปมองสบตาที่กำลังจ้องมายังที่เขาอยู่ก่อนแล้ว

“เมื่อไหร่จะปล่อยให้ปริมเป็นอิสระสักทีคะ” เธอก้มหน้ามองมือหนาๆของเขาที่กุมข้อมือบางๆของเธออยู่อย่างนั้นโดยไม่ยอมปล่อยสักที

สายตาวิบวับของเขาที่ทอดมานั้นทำให้หัวใจดวงน้อยของเธอเริ่มหวั่นไหว แต่ก่อนที่เธอเคยบอกว่าสายตาคู่นี้ช่างเย็นชานัก มาวันนี้คงจะต้องรีบถอนคำพูด เพราะมันเป็นสายตาที่เจ้าเล่ห์นัก เธอคิดอย่างนั้น…

“ทะเลสวยจัง คุณว่าไหม”

เขาไม่ตอบคำถามแต่กลับถามเธอกลับซะงั้น

“อื้อ… “ ปริมพิกาตอบเขาในลำคอ

“คุณว่าอะไรนะ”

“อื้อ… “ เธอพยักหน้าตอบอีกรอบ

“น้องเบนไม่มาด้วยเหรอคะ” เธอเปลี่ยนเรื่องทันที

“ว๊าาาาา เห็นหน้าผมทีไรถามหาแต่น้องเบนทุกทีเลยคุณน่ะ น่าน้อยใจจัง” ปริมพิกามองหน้าของคนขี้น้อยใจแล้วอดที่จะขำไม่ได้ ดูเขาทำหน้าซิหน้าตายชะมัด คำพูดกับการแสดงของใบหน้าช่างต่างกันลิบลับเลยเชียว

“ก็ปริมคิดถึงน้องเบนนี่ค่ะ ไม่ได้เจอกันนานเลยนะเนี่ย แล้วแกเป็นไงบ้างคะยังไปว่ายน้ำเหมือนเดิมอยู่หรือเปล่า”

“ครับ ไปทีไรก็ร้องแต่จะใส่ชุดว่ายน้ำที่น้าปริมเลือกให้” เขาหันมาส่งยิ้มให้เธอ

“รู้อะไรไหมครับ แกบ่นถึงคุณทุกวันเลยนะ”

ทำไมเธอจะไม่รู้ล่ะ ก็เธออยู่ในบ้านหลังนั้นตลอดเวลาเลยนี่นา แถมรู้ด้วยว่าคุณน่ะเพ้อถึงฉันด้วย… ปริมพิกาแอบยิ้มเมื่อคิดถึงตอนที่ได้ยินเขาเพ้อถึงเธอ

เบนทิศหันมามองใบหน้ายิ้มๆของเธอแล้วเลิกคิ้วสงสัย “คุณยิ้มอะไรเอ่ย”


ปริมพิกาส่ายหน้าเร็วๆทันที “ไม่มีอะไรค่ะ”
“ทะเลยามเย็นนี่สวยมากๆเลยนะคะ ให้รู้สึกเย็นสงบดี” ปริมพิกาสูดลมหายใจเข้าลึกๆอีกรอบ

“เฮ้อ !!! สดชื่นดีจัง”

หญิงสาวเงยหน้าขึ้นหลับตาสูดเอาอากาศบริสุทธิ์จากท้องทะเล เบนทิศมองภาพนั้นอย่างเผลอไผล แสงแดดอ่อนๆที่ส่องมากระทบกับใบหน้านวลๆนี้ทำให้น่ามองยิ่งขึ้น…

ถ้าเป็นไปได้เขาอยากลองเอื้อมมือสัมผัสใบหน้านวลๆนี้ซักครั้ง แต่เขาก็ได้แต่เก็บความคิดนั้นไว้ในใจเพียงคนเดียว สักวันเขาจะต้องได้หัวใจดวงน้อยๆของเธอมาครอบครองให้ได้ เบนทิศให้สัญญากับตัวเองไปแบบนั้น

“วันนี้ผมขอควงคู่สาวสวยไปดินเนอร์ได้หรือไม่” เขาหันมายิ้มให้กับเธอ

“สาวสวยที่ไหนละคะ” เธอเลิกคิ้วถามไปแบบนั้นทั้งที่ในใจเริ่มเต้นแรงขึ้นๆ

“สาวสวยตรงหน้าของผม” เขาเอี้ยวตัวเองหันมายังเธอเต็มตัว

“ยินดีค่ะ” ปริมพิกายิ้มพยักหน้ารับ แล้วแกล้งผลักร่างหนาๆของเขาให้ล้มลงจนเปียกน้ำ ส่วนตัวเธอเองได้แต่ยิ้มร่าวิ่งห่างออกไป

“แล้วเจอกันเย็นนี้นะคะ” หญิงสาวตะโกนกลับมา

เบนทิศยันร่างตัวเองให้ลุกขึ้น เขามองตามร่างบางๆที่วิ่งห่างออกไปเรื่อยๆ เธอพักที่ไหนนะ… คนที่วิ่งห่างไปเรื่อยๆหันมายกมือทำท่าโทรศัพท์เหมือนจะบอกว่า “แล้วจะโทรหานะคะ” หลังจากนั้นเธอก็หันหลังวิ่งไปยังโรงแรมที่เขาพักอยู่

ชายหนุ่มยืนยิ้มให้กับตัวเองเงียบๆ…








Create Date : 21 มิถุนายน 2550
Last Update : 21 มิถุนายน 2550 13:44:38 น. 4 comments
Counter : 449 Pageviews.

 
ตามมาอ่าน 2 ตอนรวด พี่ปาณิกดา ค่ะ หนูรอเวลาที่ความจริงเปิดเผยอย่างใจจดใจจ่อค่ะอยากรู้ว่าจะเป็นอย่างไงต่อไป อืม...ตอนนี้หนูอ่านแล้วรู้สึกว่าภาษาที่ใช้มันจะเป็นทางการมากเกินไปมันเหมือนจะเป็นเรียงความแล้วอ่ะค่ะ หวังว่าพี่คงจะไม่โกรธที่หนูพูดตรงๆน่ะค่ะ (มันรู้สึกอย่างนั้นจริงน่ะๆ)
จะรออ่านตอนต่อไปน่ะค่ะ พยายามเข้าน่ะ สู้ๆ ค่ะ
ป.ล. ตอนหน้าหวังว่าหนูจะได้เจอน้องเบนมั่งน่ะค่ะ หนูคิดถึง และก็พี่พอจะบอกชื่อเล่นได้ไหมค่ะชื่อเต็มเรียกยากจัง take care ค่ะ


โดย: พลอยสีชมพู IP: 125.27.112.173 วันที่: 23 มิถุนายน 2550 เวลา:11:53:06 น.  

 
พี่ปาณิกดา ค่ะ อยากเข้าไปอ่านเรื่องที่ล็อคเอาไว้..นะค่า...แบบว่า...อยากขอ Password เข้า Blog group นะค่า...รบกวนด้วยนะคะ smarkkae@ktb.co.th

ขอบคุณค่ะ


โดย: sao IP: 202.12.118.36 วันที่: 27 มิถุนายน 2550 เวลา:9:13:49 น.  

 
ต้องขอโทษนะคะ ช่วงนี้ไม่ได้เข้ามาอัพนิยายเลย
แหะๆ ขอแก้ตัวเหมือนใครๆเค้าใช้กันเลยนะคะว่า
ช่วงนี้งานยุ่งมากๆเลย แต่สัญญาค่ะว่า หลังวันที่ 22 ก.ค.นี้จะรีบมาอัพให้นะคะ ...

คุณ พลอยสีชมพู... ขอบคุณสำหรับคอมเม้นท์ พี่ไม่โกรธจ้า ดีซ๊าอีกพี่จะได้เอาไปปรับปรุง อืม ตอนนี้พี่อ่านก็ยังงงๆตัวเองเหมือนกัน แต่ขอแก้ไขตอนที่อีดิทเลยแล้วกันน๊า... ขยันตั้งใจเรียนนะจ๊ะ แล้วเจอกันจ้า

พี่สาว... ขอบคุณที่สนใจในงานเขียนนะคะ ส่วนรหัสก็ส่งเมล์ไปให้แล้วเนอะไม่รู้ว่าอ่านแล้วเป็นไงบ้าง ขอให้สนุกนะคะ

หลังวันที่ 22 นี้เจอกันแน่นอนจ้า...


โดย: ปาณิกดา... IP: 61.19.65.198 วันที่: 15 กรกฎาคม 2550 เวลา:8:42:56 น.  

 
ชอบค่ะ สนุกมากๆๆ ติดตามอยู่นะคะ


โดย: ตัวเล็ก IP: 125.27.148.207 วันที่: 17 สิงหาคม 2550 เวลา:21:12:12 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

หนึ่งเดียวในใจ
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [?]






* ฝนริน/ปาณิกดา *

ผู้หญิงที่มีอารมณ์อ่อนไหว
เหงา เศร้า หัวเราะ
ร้องไห้ได้ในเวลาเดียวกัน
(ท่าจะบ้าเนอะผู้หญิงคนนี้ เอิ๊กส์)

งานเขียนในบล็อกนี้
ขอสงวนลิขสิทธิ์
ตามพรบ.ลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537
นะคะ




**ขอขอบคุณภาพแต่งบล็อก และ โค๊ดแต่งบล็อกจากเพื่อนชาวบล็อกทุกท่านมา ณ ตรงนี้ด้วยนะคะ**
















Friends' blogs
[Add หนึ่งเดียวในใจ's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.