|
1 พฤศจิกายน 2567
|
|
|
|
สุวินทวงศ์ 47 : นกตีทอง
เรื่องนั้นมีอยู่ว่า ได้ดูรายการ นายปักษาพาดูนก ที่เราสามารถเปิด google map เพื่อตามหาสถานที่นั้นได้ เป้าหมายคือ นกหัวขวานด่างแคระ แต่ว่าแห้ว แล้วก็ไม่แน่ใจว่ามาถูกต้นไหม เห็นมีแต่นกตีทองก็เลยถ่ายมา เป็นนกสามัญที่ปรกติจะไม่ถ่ายกันมา ยกเว้นว่าไม่เจอนกอะไรก็จะถ่ายมาบ้าง แต่มักจะได้มาแบบตัวเล็กๆ เพราะมันชอบเกาะอยู่ปลายยอดไม้ แต่ต่อให้ไม่สนใจ เราก็จะรู้ว่ามีนกนี้อยู่ใกล้ๆ จากเสียงร้อง ป๊อง ป๊อง นกตีทอง (coppersmith barbet) จัดเป็นนกโพระดกขนาดเล็กที่สุด ตั้งชื่อวิทยาศาสตร์ครั้งแรกว่า Bucco haemacephalus โดย Philipp Ludwig Statius Müller ในปี 1776 หลังจากนั้นในปี 1790 John Latham ก็ได้ตั้งชื่อนกที่คล้ายกัน จากประเทศอินเดียว่า Bucco indicus
หลังจากนั้นก็มีพบนกอีกหลายชนิดในเกาะต่างๆ ต่อมาพบว่าทั้งหมดเป็นนสายพันธุ์เดียวกัน จึงตั้งชื่อทางวิทยาศาสตร์ใหม่ว่า Psilopogon haemacephalus โดยมีทั้งหมด 9 ชนิดย่อยได้แก่
P.h. haemacephalus เป็นนกที่พบครั้งแรกของชนิดนี้ที่เกาะลูซอน P.h. indica คือชนิดย่อยที่พบในไทยและอินเดียหลังจากนั้นยังมีการพบอีก 7 ชนิดย่อย ตามเกาะต่างๆ
P. h. roseus พบที่ชวาและบาหลี P. h. intermedia พบที่ Panay, Guimaras และ Negros P. h. delicus พบที่สุมาตราP. h. mindanensis พบที่มินดาเนา P. h. celestinoi พบที่ Samar, Catanduanes, Biliran และ LeyteP. h. cebuensis พบที่เซบู P. h. homochroa พบที่ Tablas Island
จากบล็อกก่อนหน้า จะเห็นว่านกหลายชนิดมีชนิดย่อย พบตามหมู่เกาะต่างๆ เช่น บอร์เนียว สุมาตรา ชวา เป็นต้น เราทุกคนคงตอบว่า นั่นเป็นเรื่องการวิวัฒนาการ
แต่การอธิบายว่า เหตุใดเกาะเหล่านี้ถึงมีนกแบบเดียวกับเรา ในขณะที่เกาะที่อยู่ใกล้ๆ กัน อย่างสุลาเวสีหรือลอมบอค กลับไม่พบนั้น เรื่องนี้จะอธิบายได้อย่างไรชาร์ล ดาวิน เกิดในปี 1809 ตรงกับปีที่รัชกาลที่ 1 เสด็จสวรรคต เมื่ออายุได้ 19 ปี เข้าศึกษาในมหาวิทยาลัยโดยใช้เวลา 3 ปี หลังจบการศึกษาปีใน 1831ได้ออกเดินทาง ไปกับเรือ HMS Beagle เป็นเวลา 5 ปี จากการสังเกตสิ่งมีชีวิต เค้าพบว่าต่างมีความหลากหลาย ทำให้เกิดความสงสัยว่าสิ่งมีชีวิตต่างๆ นั้นถือกำเนิดมาได้อย่างไร จากการค้นคว้าศึกษาตัวอย่างของพืช สัตว์ ฟอสซิล ที่เก็บมา ปี 1858 หรือ 22 ปี นับจากที่ขึ้นจากเรือ Beagle เค้าก็ได้ร่างทฤษฎีที่ชื่อว่า Natural selection อัลเฟรด วอลลเลซ นักธรรมชาติวิทยาชาวอังกฤษ ในปี 1854 ออกเดินทางไปเพื่อศึกษาธรรมชาติทั่วโลก ปี 1855 ได้สังเกตเห็นความแตกต่างของสายพันธุ์ของสิ่งมีชีวิต แต่ก็ยังไม่มีแนวคิดหรือทฤษฎีที่จะใช้อธิบายสิ่งที่พบเห็นนี้ได้ปี 1858 ในขณะที่ยังคงป่วยอย่างหนักอยู่ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เค้าเชื่อว่าสิ่งมีชีวิตนั้นต้องผ่านการปรับเปลี่ยนมาตลอดเวลาที่ยาวนาน แต่ก็ยังไม่รู้ว่า พวกมันปรับเปลี่ยนไปจนเป็นกลายสายพันธุ์ใหม่ได้อย่างไร จนกระทั่งเมื่อหลังป่วยจึงคิดได้ว่า การเปลี่ยนนั้นต้องมาจากสภาพแวดล้อม ในขณะนั้นเค้าก็ทราบว่าชาร์ล ดาร์วิน กำลังศึกษาเรื่องนี้อยู่เช่นกัน เค้าจึงส่งจดหมายไปหา และเล่าแนวคิดเรื่องเหตุของการวิวัฒนาการ ในที่สุดทั้งสองก็ได้ส่งบทความเรื่อง Natural selection ไปยัง Linnean Society of London ทางสมาคมพิจารณาและนำลงเป็นบทความผู้เขียนร่วม เรื่อง On the Tendency of Species to form Varieties; and on the Perpetuation of Varieties and Species by Natural Means of Selectionในวารสารของสมาคม ฉบับเดือน ก.ค.1858 ทฤษฎีของทั้งสองคน ในเบื้องต้นมีความแตกต่างกันโดย ชาร์ล ดาร์วิน เสนอว่าความต้องการสืบเผ่าพันธุ์คือแรงผลักดัน ดังเช่น การวิวัฒนาการของสีและลวดลายของปีกผีเสื้อตัวผู้ ในขณะที่วอลเลซเสนอว่า การคัดเลือกเผ่าพันธุ์ให้เกิดขึ้นใหม่ หรือดำรงอยู่ได้นั้นเกิดโดยปัจจัยทางธรรมชาติอันหลากหลายแต่สิ่งที่ทำให้เราจดจำชาร์ล ดาร์วิน ไม่ใช่อัลเฟรด วอลเลซ เพราะว่าในปีต่อมา ชาร์ล ดาร์วิน ได้ปรับปรุงบทความ และเขียนหนังสือชื่อ On the Origin of Species และได้ไปบรรยายทางวิชาการต่อสาธารณะในเรื่องนี้วอลเลซ ยังคงอยู่ที่เอเชียตะวันออกเฉียงใต้เพื่อเก็บตัวอย่าง กว่า 125,000 รายการเพื่อส่งไปยังพิพิธภัณฑ์ที่อังกฤษ เค้ายังศึกษาเรื่องการแพร่กระจายพันธุ์ของสัตว์ต่างๆ และได้สร้างเส้นๆ หนึ่ง ที่ยังคงอยู่มาจนถึงปัจจุบัน ในปี 1863 วิลเลซได้เขียนบทความ the Physical Geography of the Malay Archipelago ลงใน Royal Geographical Society’s Journal เรื่องเส้นสมมุติทางภูมิศาสตร์ที่แบ่งพืชและสัตว์ ภาคทวีปหมู่เกาะมาเลย์-อินโด ออกจากภาคทวีปออสเตรเลีย
เส้นนี้เริ่มต้นจากตอนใต้ของเกาะมินดาเนา ผ่านระหว่างเกาะสุลาเวสี และเกาะบอร์เนียว ลงมาทางใต้จนถึงระหว่างเกาะบาหลีและลอมบอค โดยเชื่อว่าครั้งหนึ่งภาคทวีปหมู่เกาะมาเลย์-อินโดนั้น เคยเป็นผืนแผ่นดินเดียวกันกับทวีปเอเชีย
นั่นจึงอธิบายว่าทำไมสิ่งมีชีวิตที่พบบนเกาะบาหลี จึงไม่สามารถพบได้ที่เกาะลอมบอก ทั้งที่สองเกาะนั้นอยู่ห่างกันเพียงไม่กี่ไมล์ ในปัจจุบันเรารู้ว่า เหตุการณ์นี้เกิดในยุคน้ำแข็งครั้งสุดท้าย ก่อนที่น้ำทะเลจะสูงขึ้นจนกลายเป็นเกาะต่างๆ อย่างที่เห็นในปัจจุบัน นักวิทยาศาสตร์เรียกเส้นนี้ว่า Wallace’s line ถึงตรงนี้สามารถกลับไปดูชนิดย่อยต่างๆ ของนกตีทอง แล้วใช้ Wallace's line อธิบายว่า ทำไมพวกมันถึงได้กลายเป็น 8 ชนิดย่อย ในพื้นที่ของหมู่เกาะต่างๆ ตามที่กล่าวไว้นั้น พวกมันได้เริ่มแยกทางกันเมื่อ 13,000 ปี มานี่เอง
Create Date : 01 พฤศจิกายน 2567 |
Last Update : 8 พฤศจิกายน 2567 9:25:01 น. |
|
4 comments
|
Counter : 274 Pageviews. |
|
|
|
|
ผู้โหวตบล็อกนี้... |
คุณ**mp5**, คุณกะริโตะคุง, คุณnonnoiGiwGiw, คุณhaiku, คุณนายแว่นขยันเที่ยว, คุณดอยสะเก็ด, คุณหอมกร, คุณสายหมอกและก้อนเมฆ, คุณSweet_pills, คุณnewyorknurse, คุณtuk-tuk@korat |
โดย: **mp5** วันที่: 1 พฤศจิกายน 2567 เวลา:12:11:28 น. |
|
|
|
โดย: หอมกร วันที่: 2 พฤศจิกายน 2567 เวลา:8:30:38 น. |
|
|
|
โดย: Sweet_pills วันที่: 3 พฤศจิกายน 2567 เวลา:0:29:23 น. |
|
|
|
| |
|
BlogGang Popular Award#20
|
|
ผู้ชายในสายลมหนาว |
|
|
|
|